"ตาเฒ่าหวาง"
นี่ข้ามาช้าไปใช่หรือไม่ ดูสายตาที่นางมองข้าสิตาเฒ่านี่คงบอกนางแล้วแน่เลย ข้าอุตส่าห์ไม่บอกนางไม่อยากให้นางไม่สบายใจจะห้ามก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
"อาจารย์ ข้าท้องหรือเจ้าคะ แล้ว.."ความรู้สึกดีใจ เสียใจตื้นตันใจมันจุกแน่นอยู่ในอก ลูกนี่ข้ากำลังจะมีลูกให้มันได้อย่างนี้
สวรรค์เอาที่ท่านสบายใจจะให้ข้าเป็นอันใดต่อเชิญบัญชามาได้เลย ข้ามภพมาโดนฝังเกือบตาย ถูกพิษนอนแช่ในบ่อเหม็นๆกินยาขมๆเป็นอาทิตย์ นี่คือรางวัลที่ท่านมอบให้ข้าหรือ ได้ในเมื่อท่านให้มาข้าก็ขอน้อมรับด้วยใจ
"เซียงเอ๋อ เจ้า.."
"ข้ามิเป็นอันใดเจ้าคะ ลูกข้าปลอดภัยดีใช่ไหมเจ้าคะ"ว่าพลางยกมือบอบบางลูบหน้าท้องแบนราบตัวเองไปมา ความรู้สึกรักและหวงแหนเริ่มก่อตัวขึ้นช้าๆโดยที่นางไม่รู้ตัว
"ใช่ ตอนนี้นับว่าปลอกภัยดี แต่เจ้าต้องนอนนิ่งสักระยะก่อนรอให้ข้าแน่ใจกว่านี้ก่อน ว่าครรภ์เจ้าแข็งแรงดี เจ้าค่อยเรียนปลูกสมุนไพรกับพิษทีหลังยังได้"ว่าแล้วเสิ่นกวนกว๋อก็เดินไปที่โต๊ะรินน้ำชาดื่มแก้กระหายเขาตกใจแทบแย่หากนางไม่ต้องการเด็กเขาจะทำเช่นไร
คิดแล้วพลางเหลือบสายตาไปมองเงาลางๆที่ยืนอยู่ด้านข้างปลายเตียงนาง เจ้าเฒ่านั่นสัมผัสไม่ได้เลยรึไงกันหรือว่า
"ข้าลาแล้วเจ้าคะ ท่านแม่ยอมรับข้าแล้ว แล้วพบกันตอนข้าเกิดนะเจ้าค่ะ ท่านตาอาจารย์ หึ หึ" ก่อนร่างจะจางหายไปนางหยิบขวดหยกที่พกอยู่ข้างเอวขึ้นมาดื่ม พร้อมร้อยยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งไปให้
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ท่านตาอาจารย์" นี่ข้าทำบุญด้วยอันใดมาข้าถึงได้เป็นท่านตาอาจารย์สตรีนางนั้นกัน
"เจ้าขำอันใดของเจ้า แล้วท่านตาอาจารย์นี่มันคืออันใด" ยมบาลเหยียนหลัวหวางเอ่ยถาม
"ฮะ! ก็ข้าเป็นอาจารย์เซียงเอ๋อ ลูกนางก็ต้องเรียกข้าว่า ท่านตาอาจารย์สิ ส่วนเจ้าเป็นอัน.."
"ข้า..เป็นมารนางดานางหลานข้าก็ต้องเรียกข้าว่าท่านตามาดาสิ"
เพล้ง ! ถ้วยชาในมือเสิ่นกวนกว๋อร่วงลงพื้นยืนตะลึงมองเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะเต็มที่ส่วนเยี่ยเซียงนางนอนเอามือกุมท้องกัดริมฝีปากกลั้นหัวเราะจนท้องแข็ง สุดท้ายคนที่จะคลี่คลายความเข้าใจผิดของท่านยมบาลคงมีแต่สือซว่านที่ยังพอมีสติอธิบายให้ท่านยมได้เข้าใจใหม่
"ท่านเหยียนหลัวหวาง ข้าน้อยสือซว่าน เป็นภูติดอกสือซว่านเจ้าคะ "
"ข้ารู้แล้ว "เจ้าจะมาบอกข้าทำไม เจ้านี่อยู่กับเจ้าหมอปีศาจมากเกินไปแล้ว นิสัยใกล้จะเหมือนกันไปทุกทีแล้ว
"คือ...ข้าน้อยจะบอก..ว่า.."
"ว่าอันใดอีก เจ้ามีอันใดก็รีบๆพูดมา"เจ้านี่อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละมีอันใดก็ไม่พูดแล้วเจ้าหมอปีศาจกับเซียงเอ๋อกลั้นขำเรื่องอันใดกัน
"คือว่า..."
"บ๊ะ! เจ้านี่อยากกลับไปอยู่ในนรกเหมือนเดิมรึไง"
ตึง!นางคุกเข่าลงพื้นเสียงดังอย่างไม่กลัวเจ็บลำตัวสั่นเทาหมอบติดพื้น
"มะ..ไม่เจ้าคะ ข้าน้อยอยู่ที่นี่สบายดีเจ้าคะ"
"หยุดเลยเจ้าเฒ่าสมองกลวง เห็นไหมนางกลัวจนตัวสั่นหมดแล้ว นางเพียงแค่จะบอกเจ้าว่า เจ้าเป็นมารดาของเซียงเอ๋อไม่ได้หรอก"กวนกว๋อกลั้นหัวเราะเอ่ยบอกก่อนที่เรื่องมันจะไปกันใหญ่
"ทำไม ก็วิญญาณในนรกมันบอกข้ามา รักที่ยิ่งใหญ่ ห่วงใยมากกว่าชีวิตตนเอง ทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตนรักได้ ทำให้คนที่ตนรักมีความสุขแม้ตนเองจะทุกเพียงใด หวังดีในทุกๆเรื่องโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนใดคือรักแท้จากมารดาไม่ใช่เหรอ ข้าหวังดีกับนางห่วงใยนาง โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนข้าก็เป็นมารดานางได้ใช่ไหม"
เฮ้อ!ข้าละเหนื่อยใจกับเจ้าก้อนหินบรรพกาลนี่จริงๆก่อนหน้าเจ้าไม่ซึมซับชีวิตของผู้อื่นบ้างเลยหรือไร เป็นยมบาลแท้ๆข้าละไม่เข้าใจเจ้าเลยจริงๆ มีที่ใดกันเขานับถือบุรุษเป็นมารดากันแม่แต่สตรีเท่านั้นละที่เป็นมารดาได้
"ท่านยมคนที่จะเป็นมารดาต้องเป็นสตรีเจ้าคะบุรุษเขาเรียกว่าบิดาเจ้าคะ"เยี่ยเซียงเอ่ยบอกก่อนที่สองผู้เฒ่าจะเปิดสงครามน้ำลายใส่กันด้วยคนหนึ่งไม่เข้าใจแต่อีกคนกลับโยกโย้ไม่ยอมบอก
"เช่นนั้นข้าเป็นบิดาเจ้าได้หรือไม่"ชายชราร่างกายสูงใหญ่หน้าตาดุดันมีริ้วแดงๆผาดผ่านใบหน้าเลยไปถึงใบหูด้วยผมสีขาวโพลนทำให้มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งส่วนมือไม่รู้จะวางไว้ที่ใดเลยยกเกาท้ายทอยป้อยๆ
"หะ! ท่านยมว่าอันใดนะเจ้าคะ" หากฟังไม่ผิดท่านยมขอเป็นบิดานาง
"ข้าบอกว่าข้าพอจะมีวาสนาเป็นบิดาเจ้าได้หรือไม่"เอ่ยย้ำถามนางอีกครั้งครามนี้ความภูมิใจเหมือนคราแรกลงเกินครึ่งกลัวนางปฎิเสธตนเอง
"เป็นข้าน้อยต่างที่พอจะมีวาสนานั้นหรือไม่"นางกล่าวพร้อมน้ำตาพยายามจะลุกขึ้นแต่ถูกมือหนาของเหยียนหลัวหวางห้ามนางไว้ก่อน
"เจ้ายังไม่แข็งแรงดีนอนนิ่งๆก่อน ไว้เจ้าหายดีเมื่อใด ค่อยยกน้ำชาให้ข้าก็ยังไม่สาย"ว่าพลางส่งยิ้มอย่างอารมณ์ดีเขาจะมีลูกสาวพร้อมมีหลานน้อยอีกด้วย
"ใช่ร่างกายเจ้ายังไม่แข็งแรงอย่าลืมสิเจ้ามีอีกหนึ่งชีวิตอยู่กับเจ้า"
"เจ้าคะท่านอาจารย์" นางว่าพลางตะแคงร่างหันหลังให้สองผู้เฒ่าหลับตาลงมืออีกข้างยังคงลูบท้องแบนราบไม่ยอมปล่อย หนึ่งกายสองหัวใจสินะ กายเป็นของแม่ใจหนึ่งของแม่อีกใจคือเจ้าลูกรักแม่สัญญาแม่จะดูแลเจ้าให้ดีที่สุดแม้แม่ไม่มีความทรงจำของร่างนี้ ไม่รู้ว่าใครคือบิดาของเจ้าแต่เรามีทั้งท่านตาอาจารย์และท่านตายมหลันหวางแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
หลังจากรู้ว่านางตั้งครรภ์สองผู้เฒ่าก็ผลัดเปลี่ยนแวะเวียนกันมาดูนางสิ่งใดที่หนักเกินจำเป็นภูติสือซว่านก็จะทำแทนนางแทบทั้งสิ้นภูติสาวหวังเพียงเผื่อท่านยมเห็นความดีของนางบ้างไม่ไล่นางกลับไปอยู่ที่ทุ่งสือซว่านในนรกอีกที่นั่นทั้งร้อนอากาศก็ไม่ดี ไม่มีท้องฟ้าสีสดใสมองไปที่ใดมีแต่ความมืดมิดแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่มีคือแสงไฟในนรกที่แผดเผาวิญญาณชั่วร้ายเท่านั้น นางอยากอยู่ที่นี่มากกว่า ดูแลคุณหนูและคุณหนูตัวน้อยที่กำลังจะเกิดมา
"คุณหนูเจ้าคะ พักก่อนนะเจ้าคะ สายแล้วแดดเริ่มแรงที่เหลือเดี๋ยวข้าน้อยทำต่อเองเจ้าคะ"ภูติสาวเอ่ยบอก ขนาดท้องนางเริ่มใหญ่ขึ้นเวลานางนั่งคงอึดอัดแต่นางก็ยังทำงานไม่หยุดมือ
"ใกล้จะเสร็จแล้วพี่สือซว่าน เดี๋ยวอีกนิดเดียว งั้นพี่ช่วยเอาต้นกล้าโต้วเหมี่ยว(ต้นถั่วลันเตา)ไปปลูกแปลงตรงโน้นที"สือซว่านมองตามนิ้วเรียวงามไปทางแปลงเปล่าๆที่เจ้าหมั่นโถวตะกุยดินให้ฟูขึ้นรอ รอบกระท่อมเอ่อ! จะว่าเป็นกระท่อมก็ไม่ได้แล้วตั้งแต่คุณหนูนางตั้งครรภ์ กระท่อมน้อยได้กลายเป็นเรือนขนาดใหญ่ รอบๆเรือนจะเป็นแปลงผักและแปลงสมุนไพร ถัดออกมารอบนอกจะเป็นทุ่งสือซว่านสุดลูกหูลูกตาแถมถัดจากทุ่งสือซว่านยังปลูกมีพิษอีกหลายอย่างแถมยังให้เจ้าพวกอู๋กง(ตะขาบ)กับเชี่ยจือ(แมงป่อง)สัตว์ทั้งสองชนิดนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของหมอปีศาจเสิ่นกวนกว๋อที่นำมาจากแดนนรกสัตว์พวกนี้จำกลิ่นเฉพาะเจ้านายของตน หากมนุษย์ธรรมดาโดนมันกัดเข้าจะตายอย่าทรมานภายในครึ่งชั่วยาม เจ้าพวกนี้จะอาศัยอยู่เพียงรอบนอกเท่านั้น ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าทั้งสองมีเหตุผลใดถึงได้ทำเพียงนี้ แต่เพื่อความปลอดภัยของคุณหนูกับคุณหนูตัวน้อยๆที่กำลังจะเกิดมานับว่าคุ้มค่าที่จะทำนางคิดไปพลางปลูกต้นโต้วเหมี่ยวไปจนเสร็จตะวันคล้อย
ตรงกลางหัวนางเงยหน้าหันไปมองดูคุณหนู ตอนนี้นางนั่งพักอยู่ใต้ต้นท้อช่วงนี้บานสะพรั่งเต็มต้นมีเจ้าหมั่นโถวนอนคลอเคลียอยู่ปลายเท้า
"พี่สือซว่านหลบแดดก่อนเถอะ ใกล้ยามซื่อ(9.00-10.59)แล้วข้าว่าเราเข้าครัวกันเถอะ"นางพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนที่สือซว่านจะเดินมาถึงตัว
"คุณหนูไปนอนพักเอาแรงสักเดี๋ยว เดี๋ยวอาหารข้าน้อยจะทำให้ท่านเอง"
"ไม่เป็นไรหรอกให้ข้าทำเถิด คนท้องถ้าอยู่เฉยๆจะทำให้คลอดยาก"
"แต่ข้าน้อยว่า..."
"วันนี้ครบกำหนดท่านพ่อกับอาจารย์จะมาหาพี่สือซว่านจะทำอาหารเองรึ"
"ไม่เจ้าคะ ขืนให้ข้าน้อยทำมีหวังนายท่านได้เผาทุ่งสือซว่านของข้าน้อยทิ้งแน่ๆเจ้าคะ" ก็นายท่านจะไม่ยอมทานอาหารฝีมือใครนอกจากคุณหนูนี่นา ที่จริงไม่ทานก็อยู่ได้แต่เพื่อคุณหนูนายท่านทำได้
"งั้นก็ไปกันเถอะ ดูสิในครัวมีอะไรเหลือให้พอทำอาหารได้บ้าง"
อาหารส่วนใหญ่นอกจากผักแล้วอาจารย์นางจะเป็นคนหามามีครั้งหนึ่งบิดานางอยากทำหน้าที่บิดาโดยการนำอาหารมาเอง แต่อาหารที่นำมามีแต่ของไหว้ที่บรรดาญาตินำไปไหว้ให้กับคนตาย ผลสุดท้ายอาจารย์โยนออกจากเรือนแทบในทันที ของเขาเอามาเส้นไหว้วิญญาณเอามาให้คนท้องทานได้อย่างไร แต่สำหรับนางขอเพียงสิ่งนั้นไม่เป็นอันตรายต่อนางและลูกนางทานได้หมดสรุปก็คืออาจารย์จะเป็นคนนำอาหารมาให้เอง ตอนนี้ในครัวเหลือเพียงเนื้อตากแห้งอยู่ไม่มากเช่นนั้นผัดผักสักสองอย่างแล้วก็เนื้อย่างละกัน เสร็จแล้วนางให้สือซว่านยกไปตั้งสำหรับที่ด้านนอกใต้ต้นท้อ รับลมเย็นดีกว่าอุดอู้อยู่ในเรือน
ด้านหน้าเรือน
"เซียงเอ๋อบิดาเจ้ามาแล้ว"ท่านยมผู้เห่อบุตรสาวเอ่ยนำก่อนจะตามมาด้วย
"เซียงเอ๋อ อาจารย์เจ้ามาแล้ว ข้ามีอาหารแปลกๆมีให้เจ้าด้วย"ว่าพลางเอามือล้วงของออกจากอกเสื้อมากองไหวด้านหน้าราวเกือบเกวียนได้
"คารวะท่านพ่อ คารวะอาจารย์เจ้าคะ มาเหนื่อยนั่งพักก่อนเจ้าคะ ชาเจ้าคะ" นางว่าพลางรินชาใส่แก้วให้ทั้งสองผู้เฒ่าดื่มดับกระหาย
"ขอบใจ ไม่เห็นต้องลำบากเลยพวกข้ารินเองได้"
"ใช่เจ้ากำลังท้องกำลังใส้"เสิ่นกวนกว๋อสนับสนุนอีกแรง
"ไม่เป็นไรเจ้าคะ ปรนนิบัติท่านพ่อกับอาจารย์มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว"
"เซียงเอ๋อ อาจารย์กับบิดาเจ้าปรึกษากันแล้วที่มาวันนี้เพราะมีเรื่องจะบอกเจ้า"
"เรื่องอันไดหรือเจ้าคะ"
"พวกข้าตกลงกันแล้ว จะให้เจ้าลงจากเขา"
"ทำไมเจ้าคะ"นางเอ่ยถามเสียงสั่นใจคอไม่ดีเลย
"ตอนนี้ท้องเจ้ายังเล็กอยู่ยังพอเดินทางได้ หากปล่อยไว้นานท้องโตขึ้นเจ้าจะลงไปลำบาก อีกอย่างข้าทำคลอดไม่เป็น เจ้าต้องลงจากเขาไปหาหมอตำแย ข้ากับบิดาเจ้ามีงานสำคัญต้องไปทำมิอาจอยู่กับเจ้าได้ในเวลานั้น"
"แต่ข้างล่างนั่นข้ามิรู้จักใครเลย"
"ข้าได้ซื้อที่ติดชายเขาไว้ให้เจ้าแล้ว เมื่อเจ้าไปถึงหมูบ้านจู ยื่นป้ายนี้ให้ผู้นำหมู่บ้านแล้วเขาจะพาเจ้าไปเอง"ว่าแล้วเสิ่นกวนกว๋อก็ยื่นป้ายไม้ส่งให้นาง
"หมู่บ้านจู หมูบ้านหมูหรือเจ้าคะ"
"อีกสองวันเจ้าก็ออกเดินทางได้แล้วนะ"
"ทำไมเร็วนักเจ้าคะ"
"พวกข้าจะออกเดินทางเหมือนกันเราจะออกไปจากที่นี่พร้อมกัน"
"แล้วที่นี่"
"มีสือซว่านคอยดูแลอยู่"
"นางไม่ได้ไปกับข้าหรือเจ้าคะ"
"นางเป็นภูติดอกสือซว่านมีกายหยาบเป็นมนุษย์ถือว่าดีแล้วหากนางออกห่างจากทุ่งสือซว่านทั้งตัวนางเองและดอกสือซว่านก็จะตายลงเดิมทีนางอยู่ในนรกด้วยซ้ำเพียงเพื่อรักษาพิษให้เจ้าข้าจำต้องพานางมาอยู่ที่นี่หากมีแต่ดอกไม่มีภูติพิษที่เจ้าได้รับไม่มีทางถอนออกหมด"เหยียนหลัวหลางเอ่ยบอก
"แล้วดอกสือซว่านในนรกละเจ้าคะ"นางยังคงสงสัยหากภูติสือซว่านอยู่ที่นี่แล้วดอกไม้ในนรกเล่าจะอยู่ได้อย่างไร
"คาระวะนายท่าน ท่านหมอเจ้าคะ คุณหนูข้ามีพี่ชายที่ถือกำเนิดมาพร้อมกันอยู่ที่นั่นเจ้าคะ" นางไขข้อข้องใจให้คุณหนู
"มีแฝดหรือ"พร้อมทั้งลูบท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยนี่ใกล้จะเข้าห้าเดือนแล้วท้องนางยังไม่ค่อยโตเท่าไหร่ หากนางมีลูกแฝดนางจะทำอย่างไร
"สำรับเสร็จแล้วใช่ไหม"เสิ่นกวนกว๋อเปลี่ยนเรื่องก่อนที่นางจะกังวลไปมากกว่านี้
"เจ้าคะ เชิญที่ต้นท้อเลยเจ้าคุณหนูให้ตั้งสำหรับที่นั่น"นางกล่าวพร้อมยืนหลบด้านข้างให้ทั้งสามเดิน
หลังจากทานอาหารกันเสร็จแล้วทั้งสานคุยกันสัดพักนางก็เริ่มง่วงจึงขอตัวกลับเข้าห้องไปก่อนเหลือเพียงท่านยมบาลหมอปีศาจและภูสือซว่าน คล้อยหลังนางสักพัก
"นายท่าน จะให้คุณหนูลงไปด้านล่างจริงๆหรือเจ้าคะ"ภูติสือซว่านที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าเอ่ยถามนายของตน
"ก็คงต้องอย่างนั้น เรายุ่งกับชะตาชีวิตนางมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว"ท่านยมบาลเอ่ยบอก
"นางมีชะตาชีวิตที่ต้องเดิน เจ้าอย่างห่วงนางนักเลย"เสิ่นกวนกว๋อเอ่ยสมทบอีกที
"แล้วหากคนผู้นั้นมาตามคุณหนูน้อย"
"ใคร! ใครมันบังอาจมาตามหลานข้า"ร่างสูงใหญ่ของชายชราแผ่กลิ่นอายกดดันออกมาหลายส่วน เสิ่นกวนกว๋อว่ามีวิชาแข็งแกร่งแล้วยังกระอักเลือดออกมา สือซว่านภูติน้อยได้กลายร่างกลับเป็นภูติตามเดิมโชคดีที่เจ้าหมั่นโถวนอนหมอบอยู่ตรงนั้นมันไม่ได้รับผลกระทบในพลังนี้จึงคาบภูติสือซว่านหลบเท้าท่านยมที่กระทืบพื้นซ้ำลงมาอีก
"ถุย! เจ้าบ้านี่เล่นซะข้ากระอักเลือดเลย มานี่" ว่าแล้วก็หันไปกระซิบข้างหู
"ฮ่า ฮ่า ดี ดียิ่ง"
"เรื่องนี้เจ้ากับข้าห้ามยุ่งเด็ดขาด"เสิ่กวนกว๋อเอ่ยห้ามสหายกลัวว่าสหายผู้ไม่รู้จักคิดจะยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้
"ไม่ ไม่ข้าไม่ยุ่งรับรองเพียงบิดานางเจ้านั่นก็กระอักเลือดแล้วฮ่า ฮ่า" เหยียนหลัวหลางเอ่ยอย่างอารมณ์ดี นี่คงเป็นลิขิตสวรรค์สินะ ดียิ่งเจ้าเด็กเย่อหยิ่งนั่นจะได้รู้จักมีสัมมาคาระวะกับผู้อาวุโสกว่ามั่ง
"เจ้ารู้ว่าบิดานางคือใคร บอกข้ามาข้าจะไปสังหารมันโทษฐานที่มันทำร้ายเซียงเอ๋อ"เสิ่นกวนกว๋อเอ่ยถามมีอารมณ์โกรธในน้ำเสียงหลายส่วน บุรุษผู้ไม่มีความรับผิดชอบอย่างนี้ต้องสังหารทิ้ง
"รู้หรือไม่รู้ พวกเราก็ทำอันไดไม่ได้ เคราะห์กรรมของใครก็ของคนนั้น"ว่าแล้วก็เดินเข้าเรือนไปอีกคนปล่อนให้เสิ่นกวนกว๋อยืนโมโหอยู่ใต้ต้นท้อเพียงลำพัง
เคราะห์กรรมใครก็ของคนนั้นแล้วมันเคราะห์กรรมข้าเรอะที่มาเจอแบบนี้ รู้แต่ทำอันไดไม่ได้สู้ไม่รู้เสียดีกว่า
#
ภูติสือซว่าน: พวกท่านลืมข้า ตอนนี้ข้าปวดขามาก
ท่านยมบาล: อ้าวเจ้ายังอยู่อีกรึ
ภูติสือซว่าน:$$*$#
หมั่นโถว: ข้าคือหมาที่ไร้ตัวตน อยู่อย่างไร้ตัวตน ต้องคอยหลบ....ของเธอ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 20
Comments