ตอนที่ 5

    ที่ห้องพักส่วนตัวของหน่วยรบพิเศษสิงโตดำหรือแบล็กไลอ้อนชายหนุ่มทั้งสิบสองคนกำลังนั่งมองหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในหน่วยที่กำลังนั่งเหม่อลอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่สนใจเพื่อนๆ คนอื่นๆ  ราวกับกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองเพียงคนเดียว เรียกความสนใจจากหนุ่มๆ ทั้งสิบสองคนเป็นอย่างมาก

    " แกว่า... โดนตัวไหนมาวะ " พันตรีไชยพูดขึ้นก่อนจะหันไปหาพันตรีดนัยที่กำลังยักคิ้วกลับมาให้เขา

    " ตัวไหนไม่รู้แต่รู้ว่าไม่ใช่ขี้แน่ๆ  “ ชายหนุ่มส่งยิ้มให้กับเพื่อนของตัวเอง

    “  ระดับทำให้พันโทนับดาวเขาเป็นได้ขนาดนี้ฉันว่าเนื้อเน้นๆ เลยว่ะ "

    " เออ! ฉันก็ว่างั้น "

    ชายหนุ่มทั้งสองคนหันมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมาให้คนอื่นๆ ที่ฟังอยู่ต้องอมยิ้มตามต่างจากชายหนุ่มร่างสูงที่สูงที่สุดในห้องอย่างพันโทเอกภพ ที่หันมองตามสายตาคนอื่นๆ ไปยังหญิงสาวเพียงคนเดียวในบทสนทนาก็ทำให้คิ้วของเขาต้องขมวดเข้าหากันจนเป็นปม

    " ผมว่าผู้พันคงจะมีคู่แข่งซะแล้วล่ะครับดูจากอาการท่านรองแล้วไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนด้วยสิ จริงไหมครับหัวหน้า "

    พันตรีพงษ์พูดขึ้นก่อนจะหันไปหาชายหนุ่มผิวเข้มวัยสามสิบเจ็ดปีที่เป็นหัวหน้าหน่วยรบพิเศษสิงโตดำเพื่อขอความเห็นจากเขา

    " หึ! " พันเอกยศพลไม่ตอบหากเพียงยกยิ้มขึ้นมาให้ชายหนุ่มร่างสูงอย่างเอาใจช่วยเขาเท่านั้น

    " สู้ๆ นะครับผู้พันผมเอาใจช่วย "

    ร้อยโทสิงขรหรือต้าชิงน้องเล็กที่สุดในทีมพูดขึ้นก่อนจะพยักหน้าให้ชายหนุ่มอย่างให้กำลังใจพาให้ทุกคนในห้องยกเว้นนับดาวหัวเราะออกมา  ก่อนที่เอกภพจะถอนหายใจออกมาซะเสียงดังแล้วเดินหนีทุกคนเข้าไปหานับดาวที่กำลังนั่งเหม่อยิ้มอยู่คนเดียว

    " ตึง! "

    แก้วกาแฟคาปูชิโน่ปั่นถูกวางลงตรงหน้าของหญิงสาวร่างสูงก่อนที่เธอจะหลุดออกจากความคิดของตัวเองแล้วเงยหน้ามองชายหนุ่มที่วางแก้วกาแฟปั่นลงบนโต๊ะทำงานของเธอ

    " เป็นอะไรวะวันนี้แกดูเหม่อๆ นะ คนอื่นเขานินทากันสนุกปากไม่ได้ยินรึไง "

    " หืม? "

    พอได้ยินเพื่อนสนิทพูดแบบนั้นนับดาวจึงหันกลับไปมองที่ด้านหลังของตัวเอง แล้วก็เห็นว่าคนอื่นๆ กำลังหลบตาเธออยู่ไม่เว้นแม้แต่หัวหน้าที่เธอเคารพที่สุดในทีม

    " หึ! เปล่าหรอกแค่คิดอะไรสนุกๆ น่ะ ขอบใจสำหรับกาแฟนะ เออแล้ววันนี้บ่ายฉันต้องเข้าไปที่โรงพยาบาลหน่อยมีเคสน่ะแล้วแกล่ะบ่ายนี้ออกไปไหนรึเปล่า "

    " ทำม่ะ? หรือแกอยากจะชวนฉันไปเดทล่ะถ้าแบบนั้นละก็ฉันจะว่างให้แกก็ได้ หรือถ้าไม่ว่างก็จะลาออกให้ทันทีเลยไม่ต้องห่วง "

    ชายหนุ่มยิ้มเขากะพริบตาปริบๆ ให้หญิงสาวตรงหน้าอย่างพยายามทำตัวให้น่ารักสุดขีดเผื่อว่าเธอจะเห็นใจในความกล้ำกลืนฝืนทนของเขา

    " แกเนี่ยติดตลกตลอดเลยนะเอกภพ ใครเขาจะไปเดทกับแกกันวะ "

    " ว๊ายยย แห้ววว!!!  " เสียงโห่ของเหล่าหนุ่มๆ ในทีมดังขึ้นเพื่อล้อชายหนุ่มที่หน้าจ๋อยไปแล้วหลังจากถูกเพื่อนสาวปฏิเสธเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่ที่เขาจีบเพื่อนสนิทคนนี้มา

    " พวกแกเงียบไปเลย! "

    ชายหนุ่มหันไปแห่วใส่เพื่อนๆ ของตัวเองก่อนจะหันกลับมาหานับดาวที่กำลังยิ้มน่ารักอยู่ในความคิดของเขา

    " แล้วแกมีอะไรล่ะ จะให้ฉันทำอะไรให้อีกละสิว่ามาฉันว่าง "

    " รักแกที่สุดเลยไอ้เพื่อนรัก  "

    " เออ! ทีอย่างนี้ล่ะรักฉันขึ้นมาทันทีเลยนะ เอ้า! ว่ามาสิจะให้ฉันทำอะไร "

    " คือจริงๆ ฉันก็เกรงใจแกอะนะแต่ว่าวันนี้ฉันคึกไปหน่อยก็เลยเคลียร์งานเกือบเสร็จล่ะ เพราะฉะนั้นวันนี้ฉันคงจะได้กลับก่อนเย็น "

    " แล้ว? "

    " เดี๋ยวสักบ่ายสามแกช่วยไปที่ร้านนี้แล้วซื้อพวกนี้มาให้ฉันทีได้ไหมที่จริงฉันก็ไม่อยากรบกวนแกหรอกนะ ถ้าไม่ติดว่าที่นั่นเขาไม่มีบริการส่งอาหารอะ "

    " นี่แกจะให้ฉันขับรถไปตั้งไกลเพื่อไปซื้อต้มยำกุ้งหมึกผัดไข่เค็มแล้วก็ปลากะพงทอดสมุนไพรให้แกเนี่ยนะ ทำไมแกไม่ไปกินที่ร้านตอนเลิกงานเลยวะ "

    " เออน่าอย่าถามมากได้ไหมล่ะเดี๋ยวฉันจะเอากลับไปกินที่บ้านน่ะพอดีอยากกิน "

    " แล้วกินที่บ้านทำไมไม่ให้ป้าแช่มทำให้วะ "

    " ก็อยากจะกินของที่ร้านนี้อะมันอร่อยแกมีปัญหาไหม ถ้าแกไม่อยากไปก็บอกมาดิจะมาถามนั่นถามนี่ทำไมวะ "

     หญิงสาวว่าก่อนจะเสสายตาหลบเพื่อนสนิทที่มองมาด้วยความสงสัย

    " เออๆๆ ฉันไปให้ก็ได้ ก็แค่สงสัยถามหน่อยไม่ได้หรือไงวะ "

    " งั้นก็ขอบใจล่วงหน้ามากเลยนะแล้วก็นี่ตังค์ ฝากแกด้วย "  นับดาวว่าก่อนที่เจ้าตัวจะยื่นเงินให้กับชายหนุ่มไป

    " งั้นฉันเคลียร์เอกสารนี่ต่อก่อนนะแกก็ไปได้ล่ะเกะกะว่ะคนจะทำงาน "

    " เฮ้ย! นี่พอใช้ฉันเสร็จแกก็ไล่กันเลยเหรอวะ "

    " เออสิหรือแกจะช่วยฉันเคลียร์งานต่อละ ก็ดีนะมีเอกสารของทหารหลายนายที่ฉันดูแลอยู่ยังไม่เรียบร้อยพอดี "

    " เออ! ไม่ต้องเอางานมาขู่เลยไปก็ได้วะ " ชายหนุ่มว่าก่อนจะย่นหน้าใส่เพื่อนสาวไปหนึ่งทีแล้วเดินหนีเจ้าหล่อนออกมา

    " เขาไม่รักก็ต้องทำใจหน่อยนะค๊าบบบ "

    เสียงแซวดังขึ้นทันทีที่เอกภพเดินออกมาจากโต๊ะของนับดาวก่อนที่ชายหนุ่มจะหมดความอดทนแล้ววิ่งไล่เพื่อนๆ ที่อยู่ในห้องกันอย่างวุ่นวาย

    " หึ! เล่นกันเป็นเด็กๆ ไปได้ ว่าแต่ถ้าเราเอากับข้าวไปด้วยแล้วบอกว่าเย็นนี้มากินข้าวด้วยกันเถอะ แล้วจะโดนปากับข้าวใส่หน้ารึเปล่านะ "

    หญิงสาวว่าขณะที่เจ้าตัวกำลังนึกถึงใบหน้าและแววตาดุๆ ของหญิงสาวอีกคนอยู่ รวมไปถึงถ้อยคำร้ายๆ ที่ออกมาจาก...

    " จะว่าไปแล้วก็นุ่มดีเหมือนกันนะ "

    นับดาวบอกกับตัวเองเจ้าตัวจับริมฝีปากของตัวเองยามที่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนจะยิ้มออกมาแล้วส่ายหัวเบาๆ เพื่อสลัดความคิดไร้สาระนี่ให้หลุดออกไป เพื่อที่จะได้เร่งทำงานให้เสร็จสักที

.

.

    ห้าโมงกว่าหลังจากที่นั่งรออาหารจากเพื่อนสนิทอย่างเอกภพมาถึงก่อนที่เจ้าตัวจะกล่าวขอบคุณชายหนุ่มไปแล้วรีบขึ้นรถพร้อมทั้งตรงไปที่คอนโดใกล้ๆ ของตัวเองที่ไม่ได้กลับมานาน แทนที่คฤหาสน์หลังใหญ่ในวันนี้เพราะกลัวว่าจะไปไม่ทันเวลาอาหารเย็นของอีกคน

    และเมื่อกลับมาถึงคอนโดนับดาวก็รีบเอาอาหารทั้งหมดไปเทใส่จานจากนั้นเจ้าตัวก็เอามันเข้าเวฟทันที ก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อยู่ในชุดสบายๆ มากขึ้นและรออาหารอุ่นได้ที่จากนั้นก็จัดลงถาดอาหารแล้วถือติดมือเอาไว้แล้วค่อยๆ สวมแหวนทองประดับอัญมณีสีชมพูหวานลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเอง

    และเมื่อเจ้าตัวหลับตาลงจนลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเจ้าตัวได้มาอยู่ในห้องของงามจันทร์แล้ว

    " อ่าว! ไม่อยู่ในห้องแฮะ  "

    นับดาวมองไปรอบๆ ห้องของร่างบางแต่กลับไม่พบเจ้าของห้องอยู่อย่างที่เคย เขาวางถาดอาหารลงก่อนจะเดินจนทั่วห้องเพื่อหาแหวนวงเดิมและพบมันวางอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่ตรงโต๊ะหัวเตียงของงามจันทร์

    " ออกไปรอข้างนอกดีไหมนะ "

     นับดาวถามตัวเองก่อนจะตัดสินใจเดินไปเปิดประตูห้องของร่างบางออกและถือถาดอาหารออกไป แต่กลับต้องชะงักทันทีเมื่อเห็นเด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งกำลังอ้าปากค้างมองมาที่เธออย่างอึ้งๆ

    " อะๆๆ เอ็งเป็นผู้ใดกัน เหตุใดจึงได้ออกมาจากห้องของพี่สาวข้า "

    เด็กหญิงตัวเล็กผมยาวผิวขาวหน้าตาน่ารักถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยความกลัวเมื่ออยู่ๆ นับดาวก็เดินออกมาจากห้องของพี่สาวของเธอด้วยเสื้อผ้าที่แปลกประหลาดตาเช่นนี้ ไหนจะเรื่องที่เจ้าคุณพ่อและนางยิ้มกับนางแย้มเล่าให้เธอฟังอีกว่าในหอนอนของพี่สาวคนสวยของเธอนั้นมันมีผีอยู่

    " หรือว่าเอ็งเป็นผีรึ!!! "

     เด็กหญิงตัวเล็กถามพร้อมกับทำหน้าทำตาเหลือกด้วยความกลัวก่อนจะรีบวิ่งไปหลบหลังเสาทันทีที่นับดาวเริ่มก้าวขาเดิน

    " ไปกันใหญ่แล้วตัวเล็กพี่เป็นคนค่ะ พี่ชื่อนับดาวนะแล้วเราล่ะชื่ออะไรคะ  "

     ร่างสูงยิ้ม เขาวางถาดอาหารลงบนโต๊ะตัวหนึ่งที่มีจานและถ้วยอาหารวางอยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะหันกลับไปหาเด็กหญิงหน้าตาน่ารักที่ยังคงมองเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ

    " เอ็งเป็นคนจริงรึ แล้วเหตุใดจึงได้เดินออกมาจากหอนอนพี่สาวข้าได้กัน แล้วไยผ้าผ่อนของเอ็งจึงได้แปลกตานัก "

    " หืม แปลกเหรอ? " นับดาวก้มมองตัวเองทันที ก็แค่เสื้อยืดตัวหลวมสีดำกับกางเกงยีนขาสั้นสีขาวเองนะ

    " ไม่เห็นจะแปลกเลย " นับดาวยิ้มให้กับเด็กหญิงตัวเล็ก

    " มานี่สิพี่มีอมยิ้มด้วยนะอยากกินไหม "

    นับดาวยิ้มเมื่อเห็นอีกคนไม่ยอมขยับเข้ามาใกล้ๆ กันสักที จึงได้เอาอมยิ้มที่ตั้งใจซื้อมาฝากร่างบางออกมาล่อเด็กตัวเล็กตรงหน้าแทน

    " อมยิ้มรึมันคือสิ่งใดกัน "

     เด็กหญิงตัวเล็กถามอย่างสงสัยก่อนจะยอมเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่กวักมือเรียกกันอยู่แล้วหยิบเอาของบางอย่างที่อีกฝ่ายยื่นให้มาดู

    " อร่อยนะเอาไว้กินเล่น แต่ว่าพี่ว่าไว้หลังกินข้าวดีกว่าดูนี่สิพี่เอากับข้าวมาฝากด้วยนะ "

    " กับข้าวรึ " เด็กตัวเล็กว่าก่อนจะเหลือบสายตามองถาดอาหารที่อยู่ตรงหน้าของนับดาว

    " คุณพระ!!! นั่นกุ้งกระไรกันเหตุใดจึงได้ตัวใหญ่เท่าเสาเรือนเช่นนี้เล่า "

    " ห๊าาา เสาเรือนเลยเหรอ ฮ่าๆๆ "

    " อืม... ถ้าเรียกเป็นภาษาไทยก็กุ้งมังกรค่ะอร่อยนะพี่ซื้อมาสองตัวเลย ส่วนน้ำแกงก็คือต้มยำกุ้งแล้วจานนี้ก็หมึกผัดไข่เค็มเป็นไงตัวใหญ่ไหม "

    " หมึกรึ? " เด็กน้อยทำหน้าสงสัย

    " ยังไม่เคยกินเหรอคะ " นับดาวถามอีกคนก่อนที่เจ้าตัวจะส่ายหน้ากลับมา

    " ไม่เป็นไรเดี๋ยวได้ชิมแน่นอน แล้วนี่ก็ปลากะพงทอดสมุนไพรกับน้ำจิ้มสามรสค่ะรับรองว่าอร่อยทั้งสามอย่างแน่นอน "

    " แล้ว....  พี่สาวเราไปไหนงั้นเหรอปกติพี่มาทีไรก็เห็นอยู่ในห้องตลอดเลยนี่ "

    " เอ็งหมายถึงคุณพี่งามจันทร์น่ะรึ "

    " ค่ะ ไปไหนงั้นเหรอ "

    " คุณพี่งานจันทร์ไปอาบน้ำที่ท่ากับนังยิ้มแลนังแย้มอีกประเดี๋ยวก็คงจักมา นั่นไงได้ยินเสียงแล้วคงจักกำลังขึ้นมากัน "

    " งั้นเหรอแล้วเราชื่ออะไรล่ะพี่ชื่อนับดาวนะเรียกว่าพี่นับก็ได้ "

    " พี่นับ "

    " อือ " นับดาวยิ้มให้เด็กตัวเล็กก่อนจะพยักหน้าให้

    " ข้าชื่อดอกแก้วเป็นน้องสาวต่างแม่ของคุณพี่งามจันทร์ "

    " อีไพร่!!! "

    " เฮือก!!! " ทั้งสองคนที่กำลังคุยกันอยู่ต่างพากันสะดุ้งโหยงทันทีที่ได้ยินเสียงตวาดของร่างบางที่คุ้นตา

    " มาแล้วเหรอ "

    นับดาวยิ้มออกมาอย่างไม่นึกกลัวอีกคนก่อนจะเดินเข้าไปหาแต่ก็โดนบ่าวคนสนิททั้งสองของอีกฝ่ายเข้ามาขวางไว้

    " ถอยไปเหอะน่าพี่ยิ้ม พี่แย้ม ฉันไม่ทำอะไรเจ้านายพวกพี่หรอกแค่จะพาไปกินข้าวด้วยกันก็เท่านั้นเอง "

    " เอ็งเป็นผู้ใด ขึ้นมาอยู่บนเรือนแม่นายพวกข้าได้เยี่ยงไร "

    " ถามแบบนี้ก็ต้องตอบยาวสิ งั้นฉันก็คือคนที่เอาขนมกับน้ำส้มมาให้ไงจำได้รึเปล่าล่ะ "

    " ว๊าย!!! "

     พอได้ยินนับดาวพูดแบบนั้นนางยิ้มและนางแย้มต่างก็ร้องกรี๊ดออกมาแล้ววิ่งไปกอดขาร่างบางที่ยืนนิ่งจ้องหน้าเขาอยู่ทันที

    " คุณพี่งามจันทร์เจ้าขา " เด็กหญิงตัวเล็กเอ่ยเรียกพี่สาวของตนก่อนจะวิ่งไปหลบอยู่หลังของร่างบาง

    " แม่ดอกแก้วออเจ้ากลับเรือนใหญ่ไปเสียเถิด "

    " แต่น้องกลัว " เด็กตัวเล็กว่าแล้วกอดแขนพี่สาวเอาไว้แน่น

    " ปากว่ากลัวเราแต่ในมือยังถืออมยิ้มเราอยู่เลยแฮะ " นับดาวคิดในใจก่อนจะยิ้มเอ็นดูเด็กตัวเล็กที่หลบอยู่ด้านหลังพี่สาว

    " อียิ้มอีแย้ม "

    " เจ้าขาแม่นาย "

    " พวกมึงพาน้องกูกลับเรือน "

    " เจ้าข้า "

     บ่าวทั้งสองรีบรับคำอย่างรีบร้อนแล้วลุกขึ้นจับแขนของดอกแก้ววิ่งลงเรือนเล็กกลับไปที่เรือนใหญ่ทันที ให้นับดาวที่มองอยู่ต้องหัวเราะออกมาในท่าทางตลกๆ ของพวกเขา

    " อีไพร่! “ ร่างสูงสะดุ้งหันไปตามเสียงเรียกในทันที

    “ มึงมาที่เรือนกูอีกทำกระไร " ร่างบางว่าเธอจ้องร่างสูงตรงหน้าอย่างเอาเรื่องแม้ว่าเจ้าตัวจะกำลังส่งยิ้มมาให้เธอก็ตาม

    " มาอีกทำไม? นั่นสิ "

     นับดาวยิ้มก่อนจะดึงแขนอีกคนเข้ามาแล้วกอดเอาไว้แน่นไม่ให้คนที่กำลังดีดดิ้นอยู่หลุดไปจากอ้อมแขนของเธอได้

    " มึงปล่อยกูประเดี๋ยวนี้มึงกล้าดีเยี่ยงไรมากอดกูเสนียดนัก ปล่อยกู กูบอกให้ปล่อยกู! อีไพร่!! "

    งามจันทร์ตวาดแล้วดิ้นไปมาพยายามจะทำให้ตัวเองหลุดออกจากอ้อมแขนของนับดาว แต่อีกคนช่างแรงเยอะนักเธอจึงได้คิดที่จะกระทืบเท้าอีกฝ่ายแต่ไม่ว่าจะกระทืบไปกี่ทีก็กลับไม่โดนแม้แต่ครั้งเดียว เพราะอีกคนยกเท้าหลบได้หมดอย่างกับอ่านใจเธอได้

    " มุกเดิมไม่ได้กินหรอกค่ะ "

    นับดาวยิ้มก่อนจะจับตัวของร่างบางในอ้อมแขนหมุนให้เอาหลังมาอยู่ในอ้อมแขนของเธอแทนเพื่อที่เธอจะได้กอดเจ้าตัวเขาได้ถนัดมากขึ้น

    " มึงจักทำกระไรกูอีไพร่ กูบอกให้มึงปล่อย ปล่อยกู ปล่อยกูสิวะอีเวร! "

    " ชู่! พูดไม่เพราะอีกแล้วนะคะ พี่เตือนแล้วใช่ไหมว่าถ้าเรียกพี่แบบนี้อีกจะโดนอะไร "

    " มึง! อื้ออ! "

    ถ้อยคำร้ายกาจที่ไม่น่าฟังถูกกลืนหายไปในลำคอทันทีที่ริมฝีปากบางกดลงบนริมฝีปากนุ่ม นับดาวขยับริมฝีปากของเขาขบเม้มเบาๆ ที่ริมฝีปากอิ่มของอีกคนอย่างหยอกล้อ ก่อนจะใช้ฟันงับที่ริมฝีปากนุ่มแล้วดึงออกให้ร่างบางเผยอริมฝีปากขึ้นพร้อมทั้งส่งยิ้มให้คนที่กำลังถลึงตาใส่กันไปด้วย

    " เรียกพี่ว่าอีไพร่อีกสิคะครั้งหน้าพี่จะไม่จูบแล้วแต่จะดูดปากเราแทน อยากลองไหม "

     นับดาวยิ้มเขากวาดสายตามองไปทั่วใบหน้าของร่างบางที่สงบปากสงบคำไม่กล้าด่าเขาอีก

    " ปล่อยกู! " เจ้าตัวว่าพร้อมกับทุบอกเขาเบาๆ ให้ปล่อย

    " ปล่อยก็ได้ค่ะพี่เองก็คงอยู่ได้ไม่นานก่อนที่พี่ยิ้มกับพี่แย้มจะตามพ่อเรามา วันนี้พี่เอากับข้าวมาฝากอร่อยนะลองชิมดูสิ พี่ไม่ได้ใส่อะไรไม่ดีลงไปแน่นอนลองกินดูนะคะ "

    " ผู้ใดจักกินของมึงกัน " ร่างบางว่าแล้วดิ้นไปมาในอ้อมกอดของนับดาวให้ร่างสูงต้องกระชับกอดให้แน่นขึ้น

    " กินหน่อยน้า~ อร่อยนะ “ เขายิ้ม

    “ พี่รู้ว่าในยุคนี้ไม่น่าจะมีพี่ก็เลยเอามาฝากลองทานดูนะคะ แล้วครั้งหน้าพี่จะลองเอาอย่างอื่นมาฝากอีกดีไหม "

    " จะว่าไปตอนนี้นี่มันยุคอะไรนะพี่เคยเห็นการแต่งตัวแบบนี้ในทีวีแต่ว่าเป็น อยุธยา ธนบุรี หรือว่าต้นรัตนโกสินทร์เหรอคะ "

    " เอ่ยอันใดของมึง ที่แห่งนี้คืออาณาเขตของกรุงอโยธยาศรีรามเทพนคร "

    " หมายถึงอยู่ในยุคอยุธยาน่ะเหรอ เข้าใจแล้วค่ะ “ ร่างสูงยกยิ้ม

    “ พี่เข้าใจแล้วว่า.... "

     เขากระชับอ้อมกอดอีกครั้งก่อนจะส่งยิ้มให้ร่างบางในอ้อมแขนของตัวเอง

    " แม่หญิงอโยธยานี้งามเลิศเสียจริงเชียว โดยเฉพาะ… ” นับดาวจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่หวานของร่างบางที่กำลังสบตาเขาอยู่

    “ คนที่อยู่ตรงหน้าพี่ จริงไหมคะ "

    " มึงเอ่ยถึงผู้ใดกัน นี่มึงคิดจะพูดเกี้ยวกูรึอีไพร่! วิปริตนัก "

    " หึ เราเนี่ยมันปากร้ายจริงๆ เลยนะ ตั้งแต่เกิดมาพี่ยังไม่เคยเจอใครปากร้ายเท่าเราเลยบางทีที่พี่สนใจเราก็คงเพราะความร้ายกาจของปากคู่นี้นี่แหละ "

     ร่างสูงว่า เขาก้มลงไปจุ๊บที่ปากของอีกคนที่ถลึงตาใส่กันพร้อมทั้งทุบตีเขาจนแสบอกไปหมด

    " ปล่อยกู! กูบอกให้มึงปล่อยไง อีบ้า! "

    งามจันทร์ต่อว่าอีกคน เธอเงยหน้ามองเขาที่มองเธออยู่ด้วยรอยยิ้มกริ่มแล้วก็ยิ่งโมโหมากขึ้น

    " หากมึงมิปล่อยกูบัดเดี๋ยวนี้ คราหน้ากูจักมิยอมให้มึงมาที่เรือนกูอีก กูจักให้พระท่านแลหมอผีผู้วิเศษมาขับไล่มึงไปเสีย "

    " หืม หมายความว่ายังไงคะ เราพูดแบบนี้หมายความว่าถ้าพี่ปล่อยเราตอนนี้เราจะอนุญาตให้พี่มาหาได้อีกงั้นเหรอ "

    " หากแม้นกูห้ามได้มึงจักฟังงั้นรึ นึกอยากจักมามึงก็มานึกอยากจักไปมึงก็ไปผีสางนางไม้เยี่ยงมึงผู้ใดจักห้ามได้กัน "

    " ผีสางนางไม้เลยเหรอ ปากร้ายจังนะเราน่ะ จูบกันไปตั้งหลายทีแล้วยังไม่รู้อีกเหรอคะว่าพี่ไม่ใช่ผี หรือว่า… “ นับดาวยกยิ้ม

    “ จะต้องจูบอีกสักทีกัน "

    " อือ! " งามจันทร์รีบก้มหน้าของเธอลงแล้วปิดปากของตัวเองเอาไว้แน่นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

    " อ่อยอู “ (ปล่อยกู)

    " ฟังไม่รู้เรื่องค่ะ "  นับดาวแกล้งแหย่อีกคนแล้วกระชับกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะหอมแก้มอีกคนไปฟอดใหญ่

    " อื้อ!!! "

     ร่างบางถลึงตาใส่เขาอีกครั้งเมื่อเขาขโมยหอมแก้มเธอ เธอไม่รู้เลยว่าตั้งแต่ที่เขามานี่เธอต้องถลึงตาใส่เขาไปแล้วกี่ครั้ง

    " ถ้ามึงไม่ปล่อยกูแล้วกูหลุดไปได้ กูจักตบเสียให้เลือดกบปากเลยคอยดู "

    " โห!!! กลัวแล้วค่ะ ถ้าปากแตกแบบนั้นก็กินอะไรไม่อร่อยกันพอดี "

     นับดาวว่า เจ้าตัวยิ้มแฉ่งก่อนจะยอมปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระแล้วคว้าข้อมือบางให้เดินตามมาที่หอนั่งเล็กหน้าหอนอนของเจ้าตัวที่เขาวางอาหารเอาไว้

    " เป็นไงคะอาหารที่พี่เอามาฝากน่ากินไหม ลองชิมดูสิเดียวก็เย็นหมดหลอก "

     ร่างสูงว่าเขาดึงร่างบางให้นั่งลงข้างๆ กันแล้วพยักพเยิดหน้าให้ดูอาหารของตัวเอง

    " กุ้งกระไรของมึงตัวใหญ่เท่าเสาเรือน "

    " พูดเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ " ร่างสูงเอ่ยยิ้มๆ

    "  ลองชิมดูสิคะ มาพี่ตักข้าวให้นะ "

    เขาตักข้าวลงใส่จานให้เธอก่อนจะใช้ช้อนตักเนื้อกุ้งแน่นๆ ใส่จานให้

    " ที่นี่เขาใช้มือกินข้าวกันใช่ไหมแบบนั้นมันไม่ดีเลยนะ ไว้ครั้งหน้าพี่จะเอาช้อนส้อมมาให้ด้วยก็แล้วกันเนอะ "

    ร่างบางไม่ตอบที่เขาพูดเพราะเธอขี้เกียจจะเถียงกับคนที่ไม่ฟังกันแล้ว

    ตั้งแต่เกิดมาก็มีเขาคนแรกเนี่ยแหละที่ไม่กลัวเธอเลยไม่ว่าจะถูกเธอทั้งด่าทั้งถีบไปแล้วก็ตาม เป็นคนที่แปลกจริงๆ ในความคิดของงามจันทร์

    " เป็นไงคะอร่อยไหม " นับดาวถามอีกคนอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาเข้าปากและเคี้ยวมันก่อนจะกลืนลงคอไป

    " ก็ธรรมดา รสชาติเป็นปกติหาได้ดิบดีอันใดไม่ มึงทำเองรึ? "

    " เปล่าค่ะพี่ซื้อมา " นับดาวตอบ เธอยิ้มให้ร่างบางอย่างเขินๆ เมื่อถูกถามแบบนั้น

    " ลองอันนี้ด้วยสิคะ อันนี้หมึกผัดไข่เค็มค่ะพี่อะชอบกินอันนี้มากเลยที่ร้านเขาทำอร่อยดีนะคะหมึกก็ชิ้นใหญ่ดีด้วย "

    ร่างสูงว่าก่อนจะตักหมึกผัดไข่เค็มใส่จานของร่างบาง

    " หากกูจักกิน! กูตักเองได้มิต้องเสือก มึงมิเห็นรึว่ากูมีมือมีตีน... "

    งานจันทร์ว่าเธอพูดกับอีกฝ่ายนิ่งๆ แต่เน้นๆ ให้เจ็บแสบกับคำพูดของเธอ

    " เข้าใจแล้วค่ะ "

    นับดาวส่งยิ้มให้อีกคนอย่างไม่ถือสากับคำพูดของอีกฝ่าย ก็พอเข้าใจอยู่หรอกนะว่าเจ้าตัวเขาโตมายังไงก็คำพูดมันบอกออกมาหมดแบบนี้

    แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่ายุคนี้สมัยนี้บางทีมันคงเป็นคำพูดทั่วไปที่เจ้านายจะใช้กับบ่าวหรือคนที่คิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าจะใช้พูดกับคนที่ตัวเองคิดว่าอยู่ต่ำกว่าตัวเอง แต่ในกรณีของเธอคงจะเป็นคนที่ร่างบางตรงหน้าเกลียดขี้หน้าเสียมากกว่าล่ะมั้ง

    " แล้วอาการเป็นยังไงบ้างคะที่เป็นลมไปเมื่อวานดีขึ้นแล้วใช่ไหม ได้ชิมน้ำส้มกับบราวนี่ที่พี่เอามาให้หรือเปล่าหรือว่าเททิ้งไปแล้ว "

    " แล้วมึงคิดว่าคนเยี่ยงกูจักกินของของคนอย่างมึงงั้นรึ "

    " ค่ะ "  นับดาวยิ้มตาหยีก่อนจะเลื่อนสายตาลงไปให้ร่างบางต้องมองตามเนื้อกุ้งชิ้นโตที่อยู่ในมือของเจ้าตัว

    " กูกินเพราะมึงบังคับดอก หาใช่อร่อยไม่ "

    งามจันทร์ว่าเจ้าตัววางเนื้อกุ้งในมือลงจานก่อนจะหันไปล้างมือแล้วไม่แตะอาหารอีก

    " เข้าใจแล้วค่ะ แต่น่าเสียดายจังน้ำส้มแก้วนั้นน่ะพี่คั้นให้เราเองกับมือเลยนะรู้รึเปล่า เราน่ะเป็นคนแรกที่พี่ทำแบบนี้ให้เลยนะขนาดตัวพี่เองพี่ยังให้แม่บ้านทำให้เลย "

    " งั้นรึ เช่นนั้นก็เป็นโชคดีของกูแล้วที่ไม่กิน เพราะรสชาติก็คงจักสารเลวจนกินไม่ลงเป็นแน่ "

    " ใจร้ายจังนะเราอะไม่กินแล้วยังพูดให้เสียกำลังใจอีก เข้าใจแล้วค่ะงั้นไว้ครั้งหน้าพี่จะซื้ออันที่อร่อยๆ มาฝากแทนก็แล้วกันดีไหม "

    " ที่กูพูดมึงยังมิเข้าใจอีกรึว่ากูไม่อยากกิน "  ร่างบางรีบหันขวับกลับมาหาคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ทันที

    " เข้าใจค่ะ “ นับดาวยิ้ม

    “ แต่ว่าไม่สน ก็พี่อยากเอามาให้ถ้าเราไม่อยากกินก็ทิ้งไปสิคะ พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย "

     ร่างสูงบอกอีกคนอย่างไม่ใส่ใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

    " มึงทำเช่นนี้ด้วยเหตุอันใด เข้าออกเรือนกูเสียว่าเล่นเอาของมาให้อย่างกับสนิทสนมกันมานานนม ทำเยี่ยงนี้มึงคิดจะเกี้ยวกูจริงๆ งั้นรึ "

    " แล้วเกี้ยวได้รึเปล่าล่ะคะ "

    ร่างสูงสวนกลับไปทันทีทำให้ร่างบางนิ่งไป ทั้งสองสบตากันอยู่นาน ก่อนที่งามจันทร์จะลุกขึ้นด้วยท่าทีฟึดฟัดแล้วเดินหนีเข้าไปในห้อง และก่อนที่เจ้าตัวจะปิดประตูนับดาวก็รั้งเอาไว้ได้ทันแล้วรีบตามเข้าไปด้วย

    " มึงจักตามกูเข้ามาด้วยเหตุอันใดอีก " ร่างบางว่าเขาก่อนที่เจ้าตัวจะหันหลังแล้วทิ้งตัวลงนั่งที่เตียง

    " ก็เรายังไม่ตอบพี่เลยนี่คะ "

     นับดาวว่า เจ้าตัวเดินเข้าไปหาอีกคนจากนั้นก็ผลักอีกคนให้ถอยหลังไปเบาๆ แล้วตามขึ้นเตียงไปคร่อมเอาไว้ไม่ต่างจากเมื่อคืน

    " ตอบอันใดของมึง "

     งามจันทร์จ้องหน้าอีกคนกลับไปอย่างไม่หวั่นกลัว จูบรึก็โดนไปเสียสองครั้งสองคราหากจะโดนอีกเธอก็ไม่หวั่นตกใจแล้วล่ะ

    " ก็ที่พี่ถามไงคะ ว่าตกลงแล้วให้พี่เกี้ยวเราได้รึเปล่า "

     ร่างสูงว่าเขาปัดปอยผมที่หน้าของร่างบางออกให้ก่อนจะสบตากันแล้วส่งยิ้มให้อย่างใจดี

    " มึงจักมาเกี้ยวกูด้วยเหตุอันใด " ร่างบางมองหน้าคนน่ารำคาญตรงหน้าด้วยความรำคาญ

    " เวลาที่คนเราจะจีบใครสักคนมันก็ต้องเป็นเพราะว่าชอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ แต่ถ้าถามว่าพี่ชอบเราตรงไหนอันนี้พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่า… อยากจะลองเกี้ยวเราดูเพราะมันรู้สึกดีและเป็นความต้องการของหัวใจก็เท่านั้นเอง ไม่ได้เหรอคะ " ร่างสูงยิ้ม

    " กูจักไปรู้มึงรึ เหตุผลของคนสัปดนฟังเยี่ยงไรก็ไม่รู้ความ "

    ร่างบางว่าแล้วเบนสายตาหลบคนที่กำลังเกลี่ยผมของเธอเล่นอย่างสนุกมือ

    " นั่นสินะ งั้น..... " ร่างสูงยิ้มก่อนจะก้มลงไปกระซิบที่หูของร่างบางที่อยู่ใต้ร่างของเขา

    " ถ้าหากว่าจันทร์เกี้ยวเดือนไม่ได้ งั้นช่วยลองปล่อยให้ดาว... เกี้ยวจันทร์ดูสักครั้งดีไหมคะ น้องงามจันทร์ ^^ "

    " แม้นหากกูจักห้าม มึงจักฟังงั้นรึ?  " ร่างบางเลิกคิ้วถามอีกคน

    " ฟังค่ะแต่ว่าคงไม่ทำตาม " นับดาวยิ้ม

    " มึงนี่มันสัปดนเสียจริง "

    " งั้นก็อย่า... หลงรักคนสัปดนก็แล้วกัน "

    ทั้งสองสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใครก่อนที่นับดาวจะค่อยๆ ขยับใบหน้าของเขาลงไปเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ริมฝีปากนุ่มอมชมพูคู่นั้น

    " เราลองจูบกัน แบบจริงๆ จังๆ สักครั้งดีไหมคะ "

     เขาถามเธอพร้อมกับเลื่อนสายตาไปจดจ้องอยู่ที่ริมฝีปากคู่นั้นที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะสบตากับร่างบางที่กำลังมองเขาอยู่แล้วก้มหน้าลงไปหา

    " แม่งามจันทร์!!!! "

    " ตุ๊บ! "

    " โอ๊ย!!! "  ทันทีที่ร่างบางได้ยินเสียงเรียกของพ่อตัวเองเจ้าตัวก็ยกขาขึ้นถีบร่างสูงเต็มแรงทันทีอย่างลนลาน

    " โอ๊ยยย ยัยตัวแสบนี่เราถีบพี่อีกแล้วนะถีบตอนที่ไม่ทันตั้งตัวแบบนี้กล้ามท้องพี่มันก็ไม่ช่วยอะไรหลอกนะ รู้ไหม! “ นับดาวยืนขึ้นแล้วต่อว่าอีกคนพร้อมทั้งถกชายเสื้อขึ้นชี้ที่กล้ามท้องเป็นลอนสวยของตัวเองให้อีกคนดู แต่งามจันทร์กลับไม่ให้ความสนใจมันสักนิด

    " สมน้ำหน้า ดี! จักไปก็รีบไปเสียคุณพ่อท่านมาแล้วจักรีรอนั่งอยู่อีกไย "

    " ค่าๆๆ ไปแล้วก็ได้ค่า โธ่ปากจะชนกันอยู่แล้วเชียวเสียดายชะมัด "

     ร่างสูงบ่นอุบอย่างงอแงทำให้ร่างบางที่ดูอยู่เผลอยิ้มออกมาและรีบกลับไปทำหน้าตาเรียบเฉยเหมือนเดิม

    " บ่นอันใดของเอ็งไม่ได้ยินรึว่าคุณพ่อข้ากำลังเรียกหาอยู่รีบไปเสียที "

    " ฮึ! "

     นับดาวรีบหันขวับทันทีที่ได้ยินสรรพนามใหม่ที่ร่างบางตรงหน้าของเขาใช้ ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเจ้าตัวเขาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

    " พี่ไปแล้วก็ได้ค่ะแต่ว่าก่อนไป "

    " จุ๊บ! "

    "  เอ๊ะ! "  งามจันทร์หน้าเหวอทันทีที่โดนขโมยจุ๊บอย่างไม่ทันตั้งตัว

    " ขอจุ๊บลาคนสวยก่อนไงคะ " ร่างสูงยิ้ม

    " รีบไปประเดี๋ยวนี้เชียวมิเช่นนั้นข้าจักไม่พูดกับออเจ้าอีก "

    " โห! จุ๊บเดียวสรรพนามเปลี่ยนเลยอะ งั้นถ้าพี่จูบอีกทีจะเปลี่ยนมาเรียกพี่ว่าพี่ได้ไหมคะ "

    " กูบอกว่าให้มึงรีบไปไง จักเอาเช่นนี้ใช่หรือไม่ "

    " อุ๊ย!! ไม่เอาค่ะไปแล้วค่ะแม่ แล้วไว้พรุ่งนี้จะมาหาใหม่นะคะ "

    " จุ๊บ! "

    " เอ๊ะ! ประเดี๋ยวเถอะ "

    " ไปแล้วค่า "

     ร่างสูงว่าก่อนจะรีบวิ่งไปที่ฉากกั้นห้องที่เดิมทันทีแล้วจึงค่อยสวมแหวนเพื่อกลับช่วงเวลาของตัวเองไป

    " สัปดนนัก! บ้าไปแล้วหรือไรกันงามจันทร์ "

     ร่างบางถามตัวเองด้วยรอยยิ้มก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเปิดประตูให้พ่อของตัวเองเข้ามา

    " งามจันทร์!! เป็นอย่างไรลูก นางผู้นั้นมิได้ทำอันใดเจ้าใช่หรือไม่. "

    คุณพระแสงเดชถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วงก่อนจะเดินเข้ามาในห้องนอนแล้วเดินดูจนทั่วว่านับดาวยังอยู่หรือไม่

    " นางมิได้ทำกระไรลูกเจ้าค่ะเพียงแต่เอาสำรับมาฝากเท่านั้น "

    " สำรับรึ " คุณพระหูผึ่งทันทีที่ได้ยิน

    " เจ้าค่ะ เชิญคุณพ่อรับประทานด้วยกันเถิดเจ้าค่ะ  "

    " นังยิ้มนังแย้ม "

    " เจ้าคะแม่นาย "

    " ไปเตรียมสำรับให้คุณพ่อข้า "

    " เจ้าค่ะ "

    " ออเจ้าจักกินงั้นรึ "  คุณพระถามขึ้นเมื่อนางยิ้มกับนางแย้มวิ่งออกไปตามคำสั่งลูกสาวเขาแล้ว

    " เจ้าค่ะ "

     ร่างบางตอบพ่อของตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินนำออกไปให้คุณพระที่มองตามต้องยิ้มออกมา

    " มิรู้ดอกว่านางผู้นั้นเป็นใคร แต่หน้าตาเจ้าดูสดชื่นขึ้นมิอมทุกข์อย่างที่ควรจักเป็นเลยหนาแม่งามจันทร์ "

    คุณพระยิ้มก่อนจะเดินตามลูกสาวไป

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!