ลิขิตรักข้ามกาลเวลา...
ณ งานประมูลสินค้าเพื่อการกุศลเครื่องประดับโบราณที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาถูกเปิดตัวชิ้นแล้วชิ้นเล่าและปิดประมูลไปมากมายด้วยราคาหลายสิบล้านบาทจนถึงหลักพันล้าน แต่หญิงสาวร่างบางผู้มีใบหน้างดงามเสียจนสะกดใจหนุ่มๆ มากมายกลับไม่ให้ความสนใจเครื่องประดับชิ้นไหนเลย
ผิดจากผู้เป็นแม่อย่างคุณหญิงละอองดาวที่ประมูลไปแล้วมากกว่าห้ารายการจนเมื่อเครื่องประดับชิ้นต่อไปถูกนำขึ้นมา มันกลับฉุดความสนใจของเธอราวกับต้องมนตร์สะกด
" เอาละครับท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ถึงเวลาของเครื่องประดับชิ้นต่อไปกันแล้ว " เสียงของ MC หนุ่มดังขึ้นพร้อมกับสายตาของแขกเหรื่อในงานมากมายรวมทั้งหญิงสาวที่เหลือบไปมองบนจอแสดงสินค้าอย่างไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก หากแต่เธอคิดผิดที่เลือกจะมองมัน เพราะแหวนทองประดับอัญมณีน้ำงามสีชมพูหวานนั่นกำลังสะกดเธอ
และตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เธอเริ่มที่จะยกมือขึ้นเพื่อประมูลมันจนเมื่อมันได้มาอยู่ในมือของเธอ เธอที่จ้องมองมันอยู่ก็ราวกับถูกสะกดด้วยแรงดึงดูดบางอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุราวกับต้องมนตร์สะกด
" ไหนบอกแม่ว่าไม่สนใจไงแล้วทำไมถึงประมูลไปซะแพงขนาดที่ว่าไม่มีใครสู้เลยล่ะ ก็แค่แหวนธรรมดาวงหนึ่งเองแม่ไม่เห็นว่ามันจะน่าสนใจตรงไหนเลยนี่นา " คุณหญิงละอองดาวหันไปถามลูกสาวที่ยังคงนิ่งอยู่ใบหน้าของเจ้าตัวดูคล้ายกำลังสับสนก่อนจะหันมาสบตากัน
" นับไม่รู้ค่ะ นับแค่รู้สึกว่าอยากได้มัน มันเหมือนกับ... " หญิงสาวจ้องมองใบหน้าของผู้เป็นแม่ด้วยความสับสนบางอย่าง
" มันกำลังเรียกให้นับประมูล "
" หืม? "
" หรือจะถูกแหวนวงนั้นสะกดเข้าแล้วกันนะ " คุณหญิงละอองดาวว่ายิ้มๆ อย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะหันไปสนใจเครื่องประดับชิ้นต่อไปที่ถูกนำขึ้นมา
" งั้นนับขอตัวไปพักก่อนนะคะแม่พรุ่งนี้มีงานที่กองพลแต่เช้าด้วย "
" จ้ะฝันดีนะ แล้วพรุ่งนี้เช้าแม่จะให้แช่มเตรียมข้าวต้มหมูสับเยอะๆ แบบที่ลูกชอบเอาไว้ให้ "
" ขอบคุณค่ะ ฝันดีนะคะ " หญิงสาวยิ้มหวานให้แม่ของตัวเองก่อนจะเข้าไปจุ๊บที่แก้มของผู้เป็นแม่ทั้งสองข้างแล้วเดินแยกขึ้นห้องนอนที่ชั้นสองของตัวเองไป
" คุณหนูดูท่าทางเหนื่อยๆ นะคะคุณผู้หญิง " เสียงของแม่บ้านคนสนิทดังขึ้นข้างๆ คุณหญิงละอองดาวจึงหันไปพยักหน้า
" ยัยนับน่ะเป็นเด็กดี " คุณหญิงยิ้ม
" เพราะเกิดมาเป็นลูกคนเดียวแถมยังเป็นลูกสาวอีกด้วย ถึงได้เข้ารับราชการเป็นแพทย์ของหน่วยรบพิเศษตามที่พ่อเขาต้องการแทนที่พี่ชายที่เสียไปตั้งแต่อยู่ในท้องของฉัน " คุณหญิงละอองดาวว่าพร้อมกับเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนใหญ่ของตัวเองกับสามีที่ไปร่วมงานเลี้ยงที่กองพล
" ถึงอย่างนั้นในฐานะลูกสาวคนเดียวแล้วเจ้าตัวก็ไม่เคยละเลยคนเป็นแม่อย่างฉัน ทั้งที่ท่าทางออกจะห้าวๆ ตามประสาคนที่ถูกฝึกการต่อสู้และอยู่แต่กับพวกผู้ชายมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังยอมไปงานนั่นนี่กับฉันแต่งตัวและสวมเครื่องประดับสวยๆ แบบที่เจ้าตัวไม่ชอบอยู่เป็นประจำ "
" เพราะว่าคุณหนูเป็นเด็กดียังไงล่ะคะ "
" ใช่ เพราะแบบนั้นฉันกับท่านนายพลก็เลยยอมเรื่องที่เจ้าตัวเขาขอร้องว่าเรื่องคู่ชีวิตเป็นเรื่องเดียวได้ไหมที่เขาอยากจะตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้น.. " คุณหญิงละอองดาวหยุดเดินแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
" ปีนี้ยัยนับก็ปาเข้าไปตั้งสามสิบแล้วน่ะสิ "
" แล้วยังได้เลื่อนยศเป็นถึงพันโทแล้วด้วยนะคะ "
" ใช่ไหมล่ะ ถึงจะต้องแลกมาด้วยงานเสี่ยงอันตรายชนิดที่ว่าลูกสาวฉันจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่แปลกก็เถอะนะ "
" ค่ะดิฉันก็ว่าอย่างนั้น แต่ว่าก็มีอยู่คนหนึ่งไม่ใช่เหรอคะที่คอยทำคะแนนอยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส ถึงคุณหนูจะบอกชัดเจนทุกครั้งว่าเป็นแค่เพื่อนกันก็เถอะ "
" นั่นสินะ ถ้าได้ตาเอกเป็นลูกเขยก็ไม่ได้แย่นักหลอกนะลูกชายของท่านรัฐมนตรีซะด้วยสิ "
" แต่ว่าท่านนายพลเองก็เป็นถึง ผบ.ทบ. นะคะ "
" อืม เอาเถอะสำหรับลูกสาวคนเดียวที่แสนจะน่ารักของฉันแล้วเขาจะรักใครชอบใครฉันก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้นแหละขอแค่เขารักกันจริงๆ ก็พอ ต่อให้เป็นแค่คนขายหมูปิ้งหน้าปากซอยฉันก็จะไม่กรีดกันเขาหรอก "
" นั่นสิคะ แล้ว..ถ้าคนที่คุณหนูชอบเป็นผู้หญิงละคะคุณผู้หญิงจะว่ายังไง " แม่บ้านชราเอ่ยแล้วหันมองหญิงปลายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความสงสัย
" เพราะที่ผ่านมาคุณหนูก็เอาแต่ปฏิเสธหนุ่มๆ ที่เข้ามาจีบตลอดเลย "
" นั่นสินะ " คุณหญิงละอองดาวทำหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา
" แต่เอาเถอะฉันเองก็ไม่ใช่พวกหัวโบราณสักหน่อย เดี๋ยวนี้ผู้หญิงด้วยกันเขาก็มีลูกด้วยกันเยอะแยะไปยุคสมัยมันไปถึงไหนแล้ว ฉันไม่คิดจะเอาเรื่องเพศมาขัดขวางความสุขในชีวิตลูกสาวคนเดียวของตัวเองหรอกนะ "
" แล้วท่านนายพลล่ะคะท่านจะว่ายังไง "
" โอ๊ย! รายนั้นน่ะไม่ต้องห่วงหรอก " คุณหญิงละอองดาวยิ้ม
" เพราะเชื่อว่าลูกสาวคนเก่งของตัวเองน่ะดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากใคร และที่สำคัญยังดูแลคนอื่นๆ ได้ดีอีกด้วย เหมือนกับที่ดูแลคนในหน่วยรบพิเศษของตัวเองในฐานะแพทย์ประจำหน่วยที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวนั่นแหละ "
" นั่นสินะคะ " ทั้งสองพากันหัวเราะออกมาก่อนจะเดินเข้าห้องแล้วปิดประตูไป
ส่วนทางด้านของผู้ที่ถูกเอ่ยถึงในหัวข้อสนทนาของทั้งสองนั้น ก็กำลังมองแหวนโบราณวงหนึ่งที่อยู่ในมือของตัวเองอย่างไม่เข้าใจตัวเองสักนิด
" นี่เรา... ประมูลมันมาทำไมกันนะ ไม่เห็นจะเข้าใจตัวเองสักนิด เฮ้อ.... " หญิงสาวถอนหายใจ เธอวางกล่องแหวนวงนั้นเอาไว้บนลิ้นชักข้างหัวเตียงก่อนจะค่อยๆ ถอดชุดราตรีสีแดงสดที่สวมอยู่ออกแล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำไป
.
.
กลิ่นบุหงาหอมฟุ้ง ณ เรือนไทยภาคกลางหลังใหญ่แห่งหนึ่งนอกเขตพระราชวังของคุณพระแสงเดชเดชากลาโหมคุณพระในสังกัดของเจ้าพระยาอดิศักดิ์แสนศัตรูพ่าย เจ้าพระยาที่นำทัพในพระราชโองการขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวในการกำราบพระยาพิษณุโลกที่คิดการใหญ่ไปเข้าพวกกับเชียงใหม่และจะทำการทุรยศต่อแผ่นดินอโยธยา จนได้อวยยศเป็นเจ้าพระยารวมทั้งคุณพระแสงเดชเดชาที่ได้อวยยศขึ้นมาจากหลวงเดชาเทวาพิทักษ์
" เพียะ!!! " เสียงฝ่ามือสวยกระทบใบหน้าหยาบกร้านของบ่าวคนสนิทดังสนั่นห้องนอนของแม่หญิงนางหนึ่ง ผู้ที่เป็นลูกสาวคนโตของคุณพระใหม่ก่อนจะตามมาด้วยเสียงก่นด่าที่ทำให้ทุกคนในเรือนได้แต่ถอนหายใจรวมทั้งแม่เลี้ยงอย่างแม่นายมะลิและน้องสาวต่างมารดาอีกสองคนอย่างบุหงาและดอกแก้ว
" เอะอะโวยวายกระไรกันอีกล่ะนั่น ถึงได้ดังจากเรือนโน้นมาถึงเรือนใหญ่นี้เชียว " แม่นายมะลิว่ากับลูกสาวทั้งสอง
" คงมิพ้นเรื่องของหมื่นวรเทพแลแม่หญิงพิมมาลาเป็นแน่เจ้าค่ะคุณแม่ " หญิงสาวแรกรุ่นที่นุ่งห่มสไบงามสมฐานะบอกกับแม่ของตนเองก่อนจะเหยียดริมฝีปากอย่างนึกสมเพชพี่สาวต่างมารดาที่หาได้ญาติดีกันเสียเท่าไหร่นัก
ต่างจากน้องสาวอีกคนที่กำลังเป็นห่วงพี่สาวต่างมารดาเสียเหลือเกินเธอไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมแม่และพี่สาวของตนจะต้องจงเกลียดจงชังพี่สาวอีกคนนัก ทั้งที่จริงๆ แล้วพี่สาวอีกคนของเธอนั้นก็ใจดีออกจะตายไปหากเข้าหาได้ถูกวิธี เด็กสาววัยสิบสองปีคิดในใจ
" หึ ดี! สมน้ำมะหน้านักคิดหรือว่าคนไร้ญาติขาดมิตรเช่นนั้นจักมาได้ดีกว่าลูกข้าเป็นเช่นไรเล่า สุดท้ายแล้วพ่อหมื่นวรเทพก็ไม่แลตามองหญิงร้ายกาจเช่นนางอย่างที่ข้าคิดเอาไว้เสียไม่ผิด "
" จริงเจ้าค่ะคุณแม่ " บุหงายิ้มเยาะพี่สาวต่างมารดาของตนตามผู้เป็นแม่ด้วยความสะใจเหลือทน
หล่อนแอบอิจฉาในความลำเอียงของผู้เป็นพ่อมานานนักที่ท่านเอาแต่รักพี่สาวต่างแม่มากกว่าพวกตนเสียเหลือเกิน ตามใจเสียทุกอย่างจนนางเสียคนเช่นนี้ตนจึงได้แต่สะใจที่วันหนึ่งนางก็ถูกผู้ชายที่หมายปองทิ้งไปอย่างไม่เหลียวแล
" คุณแม่แลพี่บุหงาเองก็ร้ายกาจมิได้ต่างไปจากคุณพี่งามจันทร์เสียเท่าใดดอกเจ้าค่ะ " ดอกแก้วคิดในใจแล้วเบือนหน้าหนีทั้งสองไปทางเรือนเล็กของพี่สาวอีกคนที่ดูจะน่าเป็นห่วงนางยิ้มกับนางแย้มบ่าวคนสนิททั้งสองของพี่สาวตนเสียเหลือเกิน
กลิ่นจำปีหอมชื่นแสนระทม ณ เรือนเล็กทางตะวันออกของเรือนคุณพระแสงเดชเดชากลาโหมหญิงสาวร่างบางนางหนึ่งกำลังร้องห่มร้องไห้อย่างหนักด้วยความเสียใจเจ้าตัวกรีดร้องโวยวายปานจะขาดใจตาย เมื่อได้ทราบข่าวจากบ่าวคนสนิทว่าชายหนุ่มที่เคยมาเกี้ยวพาราสีกันนั้นกำลังจะหมั้นหมายกับหญิงอื่นที่เป็นถึงลูกสาวของออกญามีชื่อ
" กรี๊ดดดดดดด~ "
" ไม่จริงเป็นไปมิได้! อียิ้มอีแย้มพวกมึงหลอกกู! กูมิเชื่อพี่หมื่นจักทำเช่นนี้กับกูได้เยี่ยงไรกัน อีพิมมาลามันยั่วพี่หมื่นกูใช่หรือไม่ มันเอายศเอาถาเอาอำนาจพ่อมันมาบังคับฝืนใจพี่หมื่นกูใช่ลืออียิ้มอีแย้ม "
" หามิได้เจ้าค่ะแม่นายเจ้าขา บ่าวเห็นมากับตาว่าท่านหมื่นยิ้มจนหน้าบานหรือกระด้งยามที่เห็นหน้าคร่าตาของแม่หญิงพิมมาลา "
" กรี๊ดดดดด... "
" เพียะ!!! "
" ไม่จริง! อียิ้มมึงหลอกกูกูไม่เชื่อ พี่หมื่นของกูหาใช่ชายชั่วใจโลเลไม่! เขาเกี้ยวกูอยู่จักไปรักใคร่นางพิมมาลาได้เยี่ยงไรกัน ไม่จริง!!! "
" บะ บ่าวขออภัยเจ้าค่ะแม่นายแต่บ่าวหาได้โป้ปดแม่นายของบ่าวไม่ หากแต่สิ่งที่บ่าวเห็นนั้นไม่จริงก็ขอให้บ่าวมีอันเป็นไปเสียแต่บัดนี้ " นางยิ้มเอ่ยด้วยตัวสั่นเทา
" แต่ทุกสิ่งที่บ่าวบอกแม่นายนั้นล้วนแต่สัตย์จริงนะเจ้าคะ "
" กรี๊ดดด อียิ้มมึงหุบปากกูไม่เชื่อ ไม่เชื่อ! กูไม่เชื่อโว้ย เพียะ!!! " สองบ่าวคนสนิทต่างถูกตบตีเพื่อระบายอารมณ์ของผู้เป็นนายเสียไม่ยั้งจนเสียงเคาะประตูดังขึ้นหญิงสาวผู้ร้ายกาจจึงได้หยุดมือลง
" ใครมากันนะ? " นับดาวถามออกมาเบาๆ เธอแอบหลบอยู่หลังฉากกั้นห้องนานแล้วเพื่อเฝ้ามองเหตุการณ์ตรงหน้า และถ้าถามหาสาเหตุว่าเธอนั้นมาอยู่ในห้องของหญิงสาวร้ายกาจผู้นี้ได้ยังไงก็บอกเลยว่าเธอเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจมันเหมือนกัน
เพราะหลังจากที่เธอตื่นนอนขึ้นมาในยามเช้าเธอก็เพียงแค่ลองเอาแหวนโบราณนั่นมาใส่เล่นดู และก็ราวกับถูกดูดข้ามเวลามาอยู่ในห้องนอนของหญิงสาวนางร้ายที่งดงามราวกับภาพวาดโบราณเช่นนี้ราวกับฝันไป
" ก๊อก ๆ ๆ " เสียงเคาะประตูยังคงดังขึ้นไม่หยุดจนหญิงสาวอารมณ์ร้ายหยุดมือที่กำลังทุบตีบ่าวทั้งสองของตัวเองลงแล้วฟังว่าใครที่มาเคาะประตูห้องนอนของหล่อน
" แม่งามจันทร์ลูก นี่พ่อเองเปิดประตูให้พ่อเถิดหนา " เสียงทุ้มๆ ของชายที่น่าจะอายุมากกว่าสี่สิบดังขึ้นก่อนที่หญิงสาวนางร้ายที่กำลังร้องห่มร้องไห้จะรีบไปเปิดประตูและโผเข้ากอดผู้เป็นพ่อขอวตัวเองเสียเต็มแรง
" คุณพ่อเจ้าคะ ฮึก! ฮือ...."
" มิเป็นไรหนาลูกพ่อ ออเจ้าอย่าเสียใจไปเลยหนาเพียงไอ้หมื่นชั่วที่เห็นแก่ยศถามันหาว่าเจ้าเป็นเพียงแค่ลูกของหลวงจึงใฝ่สูงหาแม่หญิงที่เป็นลูกพระยา แต่เพลานี้พ่อเจ้าก็ได้เป็นถึงพระแล้วมิช้าจักต้องมีชายที่ดีกว่ามันมาสนใจเจ้าแน่ลูกรักของพ่ออย่าร่ำไห้ไปเลยหนา อียิ้ม! อีแย้ม!! "
" จะ เจ้าคะคุณพระนาย! " บ่าวหญิงทั้งสองรีบรับคำเจ้าของเรือนแห่งนี้ทันที
" สารรูปพวกมึงหาดูได้ไม่ ไป! ไปให้พ้นหน้าลูกกูเสีย แล้วให้คนอื่นเอาลูกไม้ขนมหวานแลน้ำชามาให้ลูกกู"
" เจ้าค่ะ!!! " บ่าวทั้งสองรีบรับคำแล้วพากันวิ่งออกไปอย่างเร็ว
" ตั้งแต่เช้าออเจ้ายังมิยอมกินข้าวกินปลาเลยใช่รือ หากเจ้ายังเป็นเช่นนี้แล้วแม่ของเจ้าที่จากไปแล้วจักเป็นเช่นไร ออเจ้าจะให้แม่ของเจ้าต้องทุกข์ใจที่เห็นเจ้าเป็นเช่นนี้รึ " คุณพระเอ่ยพร้อมกับใบหน้าแสนเจ็บปวดผ่านทางแววตาแห่งความห่วงใย
" เพียงเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้พ่อก็ทุกข์ใจมากแล้ว หากเพียงคิดว่าแม่เจ้าผู้เป็นเช่นยอดดวงใจแลเจ้าผู้เป็นเสียยิ่งกว่าแก้วตา ต้องทุกข์ใจเสียทั้งสองคนใจพ่อนี้ก็ร้าวรานเกินจะต้านไหว "
" คุณพ่อเจ้าคะ ฮื้อ~ " หญิงสาวกอดพ่อของตัวเองแน่นด้วยความเสียใจที่กำลังเล่นงานและความรักความอบอุ่นที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจากผู้เป็นบิดา
" ยิ่งเห็นออเจ้าเจ็บพ่อก็ยิ่งเจ็บเสียกว่า อย่าฟูมฟายไปเลยหนาไปเถิดอยู่ในห้องมันอบอ้าวจักยิ่งพาให้เจ้ายิ่งฟุ้งซ่าน ตามมาเถิดพ่อจักพาเจ้าไปนั่งพักที่หอนั่งเอง " ชายวัยกลางคนที่ไว้หนวดเคราดูน่าเกรงขามดั่งชายไทยโบราณว่าก่อนจะโอบไหล่ลูกสาวสุดที่รักแล้วพาไปยังหอนั่งใหญ่กลางเรือน
" เฮ้อ.... ในที่สุดก็ไปกันสักทีเสียวจะถูกหาเจอจะแย่ที่ให้แอบก็แคบแค่นี้เอง " หญิงสาวร่างสูงที่สวมชุดนอนสีครีมอยู่บนตัวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกก่อนจะมองไปรอบๆ ตัวในห้องของหญิงสาวผู้เป็นนางร้ายแห่งอโยธยาผู้นั้น
" อยู่ไหนกันล่ะเนี่ยแหวนบ้านั่นหายไปไหนแล้วนะ ถ้าไม่มีแกฉันจะกลับยังไงจะให้มาเป็นนางเอกนิยายรักข้ามภพข้ามชาติกับเขาไม่เอาด้วยหรอกเว้ย ฉันยังมีงานเพื่อชาติเพื่อประชาชนทั้งหลายที่ควรจะทำแลกกับภาษีที่กินที่ใช้เป็นเงินเดือนอยู่ทุกวี่ทุกวันนะ " หญิงสาวบ่นกับตัวเองก่อนจะเจอแหวนต้นเหตุที่วางอยู่ในพานทองอันเล็กที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับชิ้นอื่นๆ มากมายอยู่ด้วย
" เจอสักที! หวังว่าแกคงจะพาฉันกลับได้นะไม่อย่างงั้นละก็.... คงจะต้องแย่แน่ๆ " นับดาวว่าจากนั้นเจ้าตัวก็สวมแหวนไปที่นิ้วมือข้างขวาของตัวเอง
แต่ไม่ว่าจะสวมนิ้วไหนก็ไม่สามารถทำให้หญิงสาวกลับไปยังช่วงเวลาของตนเองได้เลย จนเมื่อลองสวมที่นิ้วเดิมหรือก็คือนิ้วนางข้างซ้ายดู ก็ปรากฏว่าแหวนวงนั้นได้ดูดเธอเข้าไปแล้วพากลับมายังโลกยุคปัจจุบันของตัวเองอีกครั้ง
" เฮ้อ!!! " ร่างสูงถอนหายใจออกมาเสียงดังอย่างโล่งใจก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มอย่างแรง ในที่สุดเธอก็สามารถกลับมาที่โลกของตัวเองได้สักที
" นึกว่าจะกลับมาไม่ได้ซะแล้วสิ ถ้าต้องติดอยู่ในนั้นอย่างในนิยายรักข้ามภพข้ามชาติจะทำยังไงนะ " เจ้าตัวว่าก่อนจะรีบถอดแหวนที่ใส่อยู่ออกแล้วโยนมันไว้ในลิ้นชักข้างหัวเตียง
" เรื่องมหัศจรรย์แบบนี้ถ้าเอาไปเล่าให้ใครฟังเขาจะเชื่อเรารึเปล่านะ ไม่สิเขาก็คงจะต้องหาว่าฉันบ้าไปแล้วแน่ๆ เฮ้อ...."
" ก๊อก ๆ ๆ " เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องของตัวเองก่อนจะตามมาด้วยเสียงของสร้อยหลานสาวของป้าแช่มที่อายุอ่อนกว่าเธอถึงสิบปี เจ้าตัวมาตามให้เธอลงไปกินข้าวตามคำสั่งของแม่ก่อนที่เธอจะตอบไปว่าเดี๋ยวลงไป
" เฮ้อ! มีหวังวันนี้คงได้เข้ากองพลสายแน่ๆ แต่จะว่าไปผู้หญิงคนนั้นก็น่าสงสารเหมือนกันนะถึงจะดูร้ายกาจขนาดนั้นแต่ก็คงจะรักผู้ชายคนนั้นน่าดู ถึงได้ร้องไห้ปานจะขาดใจตายเสียให้ได้ "
" แต่ก็นะ ผู้หญิงสมัยก่อนก็ไม่ได้สตรองเท่าผู้หญิงสมัยนี้ด้วยสิเพราะถูกกดให้ค่าความเป็นคนต่ำกว่าผู้ชาย ยังไงซะฉันก็หวังว่าเธอคงจะมูฟออนได้เร็วๆ นะแม่หญิงนางร้าย " นับดาวยิ้มออกมาก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินฮัมเพลงส่ายหน้ายิ้มๆ ให้กับความคิดของตัวเองก่อนจะเข้าห้องน้ำไป
" แต่ก็เป็น... " ^^
" แม่หญิงนางร้ายที่สวยจริงๆ "
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 25
Comments