หลังจากจบเหตุการณ์วุ่นวายในร้านคาเฟ่เจ้าปัญหา ที่ทางร้านและพนักงานไม่ยินดีต้อนรับโอเมก้าอย่างผม ผมก็แค่เดินออกมา โดยไม่รู้สึกเสียใจเลย และอีกอย่าง ร้านคาเฟ่ขนมหวานก็ไม่ได้มีแค่ร้านเดียวเสียหน่อย
ตอนนี้ผมเดินมาถึงบริเวณตลาดที่เป็นถนนคนเดิน เหล่าพ่อค้าแม่ค้าเริ่มตั้งแผงขายของกันอย่างคึกคัก บรรยากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอาหาร ขนม ของใช้ เสื้อผ้า และเครื่องประดับหลากสีสัน
“สิ่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนคืออะไร รู้ไหมทุกคน? ลองมองดูดี ๆ คุณอาจจะรู้คำตอบแล้วใช่ไหมครับ?”
“คำตอบก็คือเสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่นั่นเอง พ่อค้าแม่ค้าเบต้าแต่ละคนสวมเสื้อผ้าเนื้อดีที่ดูสะอาดหมดจด พร้อมรอยยิ้มสดใส แตกต่างจากพ่อค้าโอเมก้าที่ดูแตกต่างอย่างชัดเจน”
“เสื้อผ้าของพ่อค้าโอเมก้าทั้งเก่าและบาง หากมองดูดี ๆ ก็จะเห็นรอยฟกช้ำดำเขียวตามร่างกาย นั่นเป็นร่องรอยจากการถูกทำร้าย”
แต่ถึงแม้ร่างกายจะเจ็บปวดแค่ไหน พวกเขาก็ต้องฝืนทน แบกร่างกายที่อ่อนล้าออกมาขายของเพื่อแลกกับเงินน้อยนิด เพื่อเลี้ยงชีวิตในโลกที่แสนโหดร้าย ส่วนปลอกคอที่พวกเขาสวมใส่ก็ไม่สามารถป้องกันอัลฟ่าได้ เพราะมันทั้งเก่าและเสียหาย แต่ก็ต้องจำใจสวมมันต่อไป เพราะพวกเขายังอยากหาซื้อปลอกคอใหม่ แต่ด้วยฐานะที่ยากจนจึงทำไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงมีท่าทางหวาดกลัวและไม่มั่นใจอยู่ตลอดเวลา ส่วนคนที่พอมีเงินเก็บบ้าง ก็ใช้เงินไปจ่ายค่าเช่าที่ขายของ แต่ถ้าไม่มีเงิน ก็ต้องใช้ผ้าปูขายของบนพื้น ในพื้นที่ที่เจ้าของร้านใจดีอนุญาตให้ขายได้
ความไม่เท่าเทียมทางสังคมที่เห็นได้อย่างชัดเจนเกิดจากหลากหลายปัจจัย ทั้งสภาพแวดล้อมทางสังคมและค่านิยมเก่า ๆ ที่ฝังรากลึกมายาวนาน
ผมเดินไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่ร้านขายผลไม้บนถนน ร้านนี้ขายผลไม้สดและผลไม้แปรรูป มีหญิงสาวโอเมก้านั่งเรียกลูกค้าที่เดินผ่านให้มาซื้อผลไม้
"คุณน้าครับ ลูกพลับนี้ขายยังไงเหรอครับ?"
หญิงสาวยิ้มและรีบบอกราคาให้กับหนุ่มน้อย "ลูกพลับลูกโตเพิ่งเก็บมาจากสวนเลยครับ ทั้งกรอบทั้งหวาน ลูกละ 5 หยวน"
"งั้นผมเอา 5 ลูกครับ"
ผมตัดสินใจซื้อทันที เพราะผลพลับนั้นค่อนข้างใหญ่และไม่มีร่องรอยของตำหนิเลย ราคาลูกละ 5 หยวนถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้ หญิงสาวรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำสั่งซื้อจากผม เพราะร้านของเธอยังไม่เคยขายได้เลย แต่วันนี้กลับมีลูกค้าซื้อ ทำให้เธอมีเงิน 137 หยวน ไปซื้ออาหารและอยู่รอดไปอีกวัน เมื่อเสร็จแล้ว เธอจัดเรียงลูกพลับใส่ถุงและส่งให้ผม
"ทั้งหมด 25 หยวน (ประมาณ 137 บาท) "
"นี่ครับคุณน้า" ผมยื่นเงิน 30 หยวนให้และพูดว่า "ไม่ต้องทอนนะครับ" แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวยืนนิ่งและมองเงินที่อยู่ในมือ 30 หยวน น้ำตาเริ่มไหลออกมา เธอพูดคำขอบคุณแม้หนุ่มน้อยคนนั้นจะเดินจากไปไกลแล้ว 30 หยวนอาจจะดูไม่มากสำหรับบางคน แต่สำหรับโอเมก้าอย่างพวกเธอ มันคือเงินที่มีค่ามากมาย เพราะในโลกที่แสนโหดร้าย โอเมก้าไม่มีงานให้ทำมากนัก
ระหว่างที่เดินกลับ ผมก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างพุ่งชน พอหันไปมองก็เห็นเด็กชายตัวเล็ก หน้าตาน่ารัก อายุประมาณ 12 ปี สวมปลอกคอเก่าคร่ำคร่า ผอมแห้งและเต็มไปด้วยบาดแผล เสื้อผ้าขาดรุ่ย
"เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ?" ผมถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นด้วยความกลัวและเอ่ยเสียงเบา ๆ "ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ" ดวงตาของเขาฉายแววหวาดกลัวและไม่ไว้ใจ แต่ก็มีประกายความหวังเล็ก ๆ ซ่อนอยู่
"ใจเย็น ๆ เด็กน้อย พี่ไม่ทำอะไรหนูหรอก" ผมพูดพร้อมกับยิ้มให้เขา
เด็กน้อยเหมือนจะรู้สึกปลอดภัยขึ้นเล็กน้อย
"พี่จ๋า ช่วยหนูด้วย ได้โปรด" เขาพูดด้วยเสียงสะอื้น "หนูเจ็บ... และหนูไม่อยากกลับไปอยู่ที่นั่นอีกแล้ว"
ขณะที่ผมมองไปเห็นกลุ่มชายชุดดำประมาณ 3-5 คน ผมจึงเข้าใจได้ทันทีว่าเด็กน้อยต้องการจะสื่ออะไร ผมรีบอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขนและถามว่า
"คนพวกนั้นใช่ไหมครับที่ทำร้ายหนู?"
"หนูไม่ต้องตอบพี่ตรง ๆ ก็ได้ ถ้าพี่ทายถูกให้บีบไหล่พี่ 1 ที ถ้าไม่ใช่ให้บีบ 2 ที"
เด็กน้อยบีบไหล่ผม 1 ครั้ง และพูดเบา ๆ "ได้โปรดอย่าให้หนูกลับไปที่นั่น"
"ครับ พี่จะไม่ส่งหนูกลับไปที่นั่น" ผมตอบและดึงเด็กน้อยเข้ามากอดไว้แน่น
"จับพี่เอาไว้แน่นและอย่าส่งเสียง เข้าใจไหมครับ?" ผมบอกขณะกอดเขาไว้
เด็กน้อยบีบไหล่ผมแน่นเป็นการตอบกลับ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 5
Comments