ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ตอนที่เฟย์อายุ 30 ปี เธอได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนรักในฐานะสามีภรรยามาได้ 2 ปีแล้ว และในตอนนี้กำลังมีข่าวดีเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าจะมีแก้วตาดวงใจเกิดในวันนี้
ในตระกูลเฟย์ ภายในห้องรับประทานอาหาร ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของบ้านได้ดูแลและเอาใจใส่ นายหญิงของบ้านเป็นอย่างดี ตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ และรวมไปถึงเรื่องอาหารการกินที่กำลังรับประทานอยู่ตอนนี้ ทุกจานที่ตั้งอยู่ตรงหน้าได้ถูกสร้างสรรค์จากเชฟมืออาชีพ จนได้อาหารบำรุงที่ดีต่อสุขภาพ
มื้อกลางวันก็ได้ดำเนินไปได้ด้วยดี แต่ความสุขก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงช้อนทานข้าวตกกระทบลงพื้น และตามด้วยเสียงความเจ็บปวดเข้ามาแทนที่
“โอ๊ย เจ็บ”
“ที่รัก คุณเจ็บตรงไหน?”
“ฮะ เจ็บท้อง”
“เจ็บท้องจะคลอดแล้วนะ?”
เท่านั้นแหละ เขาก็รวบรวมสติแล้วรีบเข้าไปอุ้มภรรยาไว้ในอ้อมแขน และพาไปยังห้องนอน
“ไอ แบค ไปตามหมอมาที นายหญิงของพวกมึงจะคลอดแล้ว!”
เสียงผู้มีอำนาจสูงสุดตะโกนบอกลูกน้องคนสนิทที่อยู่ด้านนอก เพียงเท่านั้นความวุ่นวายทั้งหลายก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ตอนนี้นายท่านเฟย์ก็ได้พาภรรยาผู้เป็นที่รักมาอยู่ในห้องนอนเรียบร้อยแล้ว จากเดิมที่ห้องนี้ถูกตกแต่งในธีมสีเข้มอย่างสีดำ แต่เมื่อทราบข่าวดีว่าจะมีเจ้าตัวเล็กกำลังจะมาอยู่ด้วย จึงสั่งให้ลูกน้องมารีโนเวทห้องให้เป็นโทนสีขาวไปจนถึงผ้าปูที่นอนเพื่อให้ดูสบายตา และยังคำนึงถึงความปลอดภัยของภรรยาอีกด้วย แต่…ตอนนี้คนตัวเล็กนอนอยู่บนเตียงที่นุ่มสบาย แต่ใบหน้ามีแต่ความเครียดและเม็ดเหงื่อเริ่มไหลออกมาที่บริเวณกรอบหน้างามๆ แค่ดูเขาก็รู้แล้วว่าภรรยาของเขาต้องเจ็บปวดขนาดไหน แต่ก็ทำได้แค่เพียงปลอบประโลมให้กำลังใจอยู่ หวังเพียงให้ภรรยาผ่านความเจ็บปวดนี้ไปได้
“ไอ ชาน! ไอ แบค!”
“หมอมายัง? ช้าชิบหาย เมียกูเจ็บจะตายห่าอยู่แล้ว!” ผู้ทรงอำนาจในตระกูลถึงกับหงุดหงิดเมื่อทุกอย่างมันช้าจนไม่ทันใจ
“มาแล้วครับ คุณหมอมาแล้ว!” ลูกน้องที่อยู่ด้านนอกตะโกนบอกเจ้านายให้รับรู้
คุณหมอก็รีบเดินไปในห้องพร้อมกับเริ่มลงมือทำคลอดทันที จนเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง เด็กทารกทั้งสี่คนก็คลอดออกมาลืมตาดูโลกได้อย่างปลอดภัย
เด็กทารกทั้งสี่คนถูกคุณหมอนำไปล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด ก่อนจะทำการส่งคืนให้กับพ่อแม่
“ยินดีด้วยครับ นายท่าน ได้ลูกชายโอเมก้าควีซทั้ง 4 คนเลยครับ”
พร้อมกับทำการส่งทารกน้อยทั้ง 4 คนเข้าสู่อ้อมกอดของผู้ทรงอำนาจ
“ยินดีที่ได้เจอกันนะลูกรัก” นายท่านเฟย์ ที่เป็นคุณพ่อมือใหม่พูดกับลูกน้อย
“คุณตาหนูตัวอวบอ้วน น่ารักช่างเชียว”
“ใช่ น่าน่ารักแล้วพวกเขาก็สวยเหมือนคุณเลย”
"ไอ้ชาย ไปตามผู้เฒ่าให้มาดูดวงชะตาให้ลูกกูหน่อย"
บอดี้การ์ดคนสนิทที่ยืนอยู่หน้าห้องได้ยินเสียงคำสั่งมาแต่ไกล จึงได้รีบไปทำหน้าที่ของตนในทันที ใช้เวลาไม่นาน ผู้เฒ่าผมขาวที่มีอายุ 80 ปีก็ได้เดินเข้ามายังห้องของหลานชาย นั่นก็คือคุณปู่ของนายท่านเฟย์ทรงนั่นเอง
“ช่วยทำให้ดวงชะตาอนาคตของลูกผมให้ที”
พอได้ยินคำพูดของหลานชาย ผู้เฒ่าก็ได้จับมือของทารกน้อยคนหนึ่งและลงมือทำสมาธิ
“เป็นยังไงบ้างครับ อนาคตของลูกผมดีไหม?”
เมื่อเด็กแฝดโอเมก้าชายถือกำเนิดขึ้นในตระกูล เสียงลมหายใจแห่งความหวังดังขึ้นในครอบครัว ทุกคนในตระกูลต่างมองดูพวกเขาด้วยสายตาแห่งความภาคภูมิใจและสงสัย เพราะเด็กแฝดเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีใบหน้าที่งดงามดุจเทพธิดา แต่ยังมีร่างกายที่แข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ มีกำลังมากกว่าอัลฟาและอีนิกม่าถึงห้าเท่า ไม่ว่าจะด้านสติปัญญาหรือความสามารถในการต่อสู้ พวกเขาเป็นดั่งแสงสว่างใหม่ในตระกูล แม้จะยังเป็นโอเมก้า แต่พละกำลังและปัญญาของพวกเขานั้นไร้เทียมทาน
แม้ว่าทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยอุปสรรคที่ท้าทาย มีความยากลำบากและขวากหนามที่รอพวกเขาอยู่ เด็กแฝดเหล่านี้จะฝ่าฟันและเอาชนะทุกสิ่ง เพื่อบรรลุความเท่าเทียมและความยุติธรรมที่คนทั่วไปรอคอย คำทำนายที่ถูกกล่าวขานตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาถือกำเนิดนั้นส่งผ่านออกมาจากปากของผู้เฒ่าที่ดูแลประเพณีและจารีตประจำตระกูล
"นายน้อยทั้งสี่จะเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่เหนือผู้อื่น พวกเขาจะเป็นดั่งเหยี่ยวบนท้องฟ้าที่ไม่เคยกลัวการถูกล่า แต่จะกลายเป็นผู้ล่าที่กวาดล้างอำนาจเก่าที่ฉ้อฉล"
ผู้เฒ่าลูบหัวเด็กน้อยแต่ละคนด้วยความอ่อนโยน รอยยิ้มอบอุ่นฉายบนใบหน้าเหี่ยวย่นราวกับยินดีในโชคชะตา
“นายท่าน โปรดเลี้ยงดูพวกเขาด้วยความใส่ใจและดูแลอย่างดีเถิด พวกเขาจะนำพาความโชคดีและความรุ่งเรืองมาให้แก่วงศ์ตระกูลของท่าน”
จากนั้นผู้เฒ่าพยักหน้าและเอ่ยคำอวยพรเบา ๆ
“ขอให้ลักษณะพิเศษนี้สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น หากมีโอเมก้าชายคนใดเกิดขึ้นในวงศ์ตระกูลอีก เขาจะมีคุณลักษณะเหมือนเจ้าทุกประการ…”
หลังสิ้นเสียงคำทำนาย ชายชราได้เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงแสงสว่างที่สาดลงบนใบหน้าไร้เดียงสาของเด็กน้อยแฝดทั้งสี่
“ขอบคุณครับ ที่พวกหนูเกิดมาเป็นลูกของป๊ากับม๊า” พ่อและแม่ยิ้มด้วยความรักและเอ็นดู มือใหญ่ลูบหัวเด็กน้อยอย่างทะนุถนอม
“แด๊ด ตั้งชื่อลูกว่าอะไรดีครับ?”
เสียงหวานของคนรักถามขึ้น
“เฟย์ทรงผู้เป็นสามี” ได้เอ่ยชื่อที่เตรียมไว้ให้ตาหนูก่อนหน้า
“คนโตชื่อ เฟย์ฟางลิน”
“คนรองชื่อ เฟย์จะอิน”
“คนกลางชื่อ เฟย์ฟาเรน”
“และคนเล็กชื่อ เฟย์เฟย่า”
ทั้งคู่ต่างก็มองหน้ากันด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยถามลูกน้อย
“พวกหนูชอบชื่อนี้ไหมลูก?”
ทันใดนั้น เด็กน้อยทั้งสี่ก็เปล่งเสียงร้อง "แอ๊ แอ๊" ราวกับตอบรับด้วยความพอใจ เสียงนั้นเหมือนคำตอบจากทารกที่บ่งบอกว่า "หนูชอบชื่อนี้ครับ"
ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุข ขณะนี้ดวงอาทิตย์ยามเช้าทอแสงผ่านหน้าต่างเข้ามา อาบไล้เด็กน้อยแฝดทั้งสี่ให้กลายเป็นภาพแห่งความหวังใหม่ของตระกูล
ตัดภาพมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน
ที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง นายน้อยเฟย์ฟางลิน พี่คนโตของบ้านนั่งอยู่ในมุมเงียบสงบเพื่อผ่อนคลายจากเรื่องวุ่นวายในแต่ละวัน นายน้อยคนโตของบ้านได้ออกเดินทางมายังด้านนอกเพื่อหาสถานที่สงบในการพักผ่อนจากสิ่งที่ต้องพบเจอในแต่ละวัน
ร้านคาเฟ่แห่งนี้เป็นร้านดังที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง จัดเป็นขวัญใจของนักศึกษาทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศที่ดูอบอุ่น อีกทั้งอาหารและเครื่องดื่มนั้นมีรสชาติที่ถูกปากผู้คนภายในร้านได้ถูกตกแต่งให้เป็นแนวโมเดิร์น

โมเดิร์นที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย มีเคาน์เตอร์บาร์ที่จัดเครื่องดื่มอย่างเป็นระเบียบ และตู้ขนมที่จัดเรียงอย่างพิถีพิถัน ทำให้บรรยากาศดูเป็นกันเองและน่าเพลิดเพลิน บรรดาลูกค้าทั้งหลาย ต่าดื่มดั่มกับรลชาติ ขิงขนมและ เครื่องดื่ม ของทางร้านที่ได้สั่งมาอย่างเพลิดเพลิน
ไม่นาน พนักงานสาวเบต้าก็นำขนมและเครื่องดื่มมาเสิร์ฟที่โต๊ะ แต่สิ่งที่เธอวางลงตรงหน้าผมกลับเป็น
จนเวลาผ่านไป ก็มีขนมเเละเครื่องดื่ม ที่สั่งไปมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ เคร่ง เสียงวาง ภาชนะต่างดังสหนั่น จากการบริการ ของพนักงานสาวของทางร้าน
มันมีเพียงขนมปังชิ้นเล็ก ๆ และถ้วยน้ำร้อนหนึ่งแก้ว แทนที่จะเป็น Millefeuille lemon และชากุหลาบที่ผมสั่งไว้ตั้งแต่แรก แต่นั้นมันยัง ไม่น่าโมโห เท่าไหน กับสิ่งที่ได้ เห็นตรงหน้า ของวันนี้ เพราะมันไม่ตรงกับความต้องการของตัวเอง แทนที่จะเป็นMillefeuille lemon กับชาร้อนกุหลาบ
"ขอโทษนะครับ ผมสั่ง Millefeuille lemon กับชากุหลาบไว้ ไม่ใช่ขนมปังกับน้ำร้อน" ผมเอ่ยถามพนักงานเบต้าด้วยน้ำเสียงสุภาพ. แต่นี่คือสิ่งมาอยู่ตรงหน้า ผม มีเพียงแค่ขนมปังก้อน เล็กแข็ง และน้ำร้อนแก้วเล็กๆ นี่คุณผมไม่ได้สั่งสิ่งนี้ น้ำเสียงที่ผมนั้นใช้เอยถาม พนักงานสาวเบต้า นั้นก็สุภาพพอสมควรอยู่นะ
“เดี๋ยวนะคุณ ผมเข้ามาก็ต้องมีเงินสิ แล้วอีกอย่างผมไม่มาขอคุณทานฟรี “
“น้ำหน้าอย่างนายนะหรอจะมีปัญญาจ่าย หัดดูสาระรูปตัวเองสะบ้าง แค่เห็นก็รู้สึกน่ารังเกียจะ แย่แล้ว เก็บเงินสกปกที่ได้จากการขายตัว เอาไว้ใช้เองเถอะ “เหยอย่า มาทำเป็นโกหก ไปหน่อยเลย น้้ำหน้า อย่างแค่ นะ หรอจะมีเงินมีเงินชื้อขอดีๆ ทาน พูดออกมาได้ไม่ดูสาระรูปตัวเอง เอาซะเลย แค่เห็นก็รู้สึกน่ารัง เกียจจะตายอยู่แล้ว ออ และท่าเป็นเงินสกปรกที่ได้มา จากการขายตัว เก็บไว้ใช้เอง เถอะที่นี่เข้าไม่รับ
“เงินสกปกแบบนั้นที่ร้านนี้นั้นไม่ต้องการ ส่วนผมที่นั่งเงียบเรียบร้อย “
เงินสกปรก ไม่ต้องการรับ คำๆ นี้
ที่พนักงานงาน สาวเบต้า ได้พูดออกมาแต่ละอย่าง ผมก็ได้แต่นั่งเงียบรีบร้อย โดยที่ไม่ได้ ตอบโต้หรือทำอะไร แล้วนะ
ผมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเชยๆ ก็ทนฝังคำพูดแย่ ของเบต้าที่ไร้การศึกษาคนนี้อยู่ตั้งนาน
แต่ดู เหมือนว่า ตัวผมนะจะเริ่มที่จะ ทนฟังคำพูดที่ไร้การศึกษาของพนักงาน คนนี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
ยิ่งมาพูดว่าผม ทำพนักงานสาวเบต้ามองผมด้วยแววตาดูถูกก่อนจะหัวเราะเล็กน้อยและตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม “ ส่วนคนที่ถูกถาม ก็ได้มองมาทางด้วยท่าที ที่ดูถูก และหัวเราะ ออกมาเล็กน้อย
Millefeuille lemon กับชากุหลาบงั้นเหรอ? คนอย่างคุณมีสิทธิ์ทานของพวกนั้นด้วยเหรอ? โอเมก้าชั้นต่ำอย่างคุณ ควรดีใจที่ได้รับของแบบนี้แล้ว” Millefeuille lemon 🍋 กับชากุหลาบ งั้นหรอคะ
เป็นแค่คนชั้น ต่ำ มีสิทธิ์ทานของพวกนั้นด้วย หรอคะคุณลูกค้า
ไม่ ต้องมาทำเป็นผู้ดี ลิอยากจะรับประ ทานขนมฝรั่งเศส
คนชนล่างอย่าง คุณได้ทาน แค่ ขนมปัง กับน้าร้อน มันก็ดีแค่ไหนแล้ว ตัวคุณควรจะดีใจสิไม่ใช่มาโวยวายเอาแบบนี้
อาชีพขายตัว นั้นหรอ มันยิ่งทำให้รู้สึกโมโห จนเผลอบีบมือตัว เองเอาไว้แน่น จนเห็นเส้นเลือกได้อย่างชัดเจน ที่ ทำแบบนี้ก็เพื่อให้ตัวเองนั้นใจเย็นลงบ้าง
ยิ่งมาพูดว่า ผมขายตัว และมาดูถูก อาชีพคน อื่น นั้นยิ่งทำให้รู้สึกโมโห จนเผลอบีบมือตัวเอง เอาไว้แน่น จนเห็นเส้นเลือดจากแขน ขาวๆ ได้อย่างชัดเจน และก็บีบแรงขึ้นเพื่อเตือนสติตัวเอง ให้ใจเย็นลงบ้าง
คำพูดที่น่ารังเกียจ นั้นถูกพูดออกมาจากปาก ไม่หยุด แต่คำพูดของคน ตรงหน้านั้น ไม่ได้ดูถูกแค่ผมเพียงอย่าง เดี๋ยว แต่คนตรงหน้า นั้นกำลังดูถูกน้ำพักน้ำพัก น้ำแรงของคนอื่น นักอ่านทุกคนที่ติดตามผมมาตั้งแต่แรก ก็น่าจะรู้นะ ว่าสภาพสังคมที่เป็นอยู่ มันไม่ค่อยดีนัก ยิ่งมีการแบ่งชนชั้นทางสังคม การใช้แรงงานระดับล่าง ที่อีกสองชนชั้นเขาไม่ทำกัน พวกเขานั้นต่างถูกจำกัด กรอบการใช้ ชีวิตอย่างไม่มีทางเลือก ที่นี้มีงานไม่กี่อย่างหรอกนะที่ โอเมก้านั้นสามารถจะทำได้ ถ้าไม่ได้ขายของ หรือ งานทำความสะอาด ถ้าไม่ทำงานที่ถูก กำหนดเอาไว้ ก็คงหนี้ไม่ พ้นต่อการถูกจับไปขาย ร่างกายและอวัยวะ พวกเขามีทางเลือกให้พวกเขามากนัก ในหลายเรื่อง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการศึกเลยมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะแค่ที่ใช้ซื้อข้าวยังแถบจะไม่มีเลย นับภาษา อะไรกับเรื่องการศึกษา ที่มีค่าใช้จ่ายที่สูงริ่ว
พวกเข้าจะหาเงิน ที่ไหนมาส่งลูกเรียน มันเป็นเพียงแค่ ความฝันที่ แสนจะเลื่อนลาน
หากไม่เป็นโอเมก้า ที่เกิดมา ในตระกูลที่ ใหญ่โต ก็คงไม่ได้รับการศึกษา ที่ดี ร่วมไปถึงหน้า ที่การงาน
ที่สบายและ ได้เงินเดือนที่่เงินเยอะขึ้นมา หน่อย จัดได้ว่ามีความ มั่นคงนะแหละ แต่ก็เป็นเพียงขี้ข้าของชนชั้น อื่นอยู่ดี มีชะตาชีวิต ที่ไม่ต่างกันนักหรอก
สิ่งที่ผมได้ออกมาทั้ง หมด มันไม่ใช่สิ่งที่เกิน จริงอะไรเลย มันไม่ใช่ ผู้คนในสังคมพวกนั้น หรอกเหรอ วะ
และ เบต้า หรอวะ ที่ได้ทำการบีบบัง และ กด กลุ่มคนที่เกิดมาเป็น เพศ โอเมก้าเอาไว้เบื้องล่าง จนมี สภาพความเป็นอยู่ และชะตาชีวิตอย่างนี้ ที่เป็นฝ่ายบีบ บังขับและ กดขี่ในทุกๆ เรื่อง แบชนิดที่ว่า
เหยีบให้ จบดิน กะว่าไม่ให้ผุดไม่ได้เกิดกันเลย จึงได้มีชะตาชีวิต ที่น่าอดสู แบบนี้ไง
แต่ถึงสภาพสังคม ในตอนนี้จะเป็นแบบที่ หญิงสาวพูด แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ ที่จะไปดูถูก น้ำพักน้ำแรงของคนอื่น ที่พยามหาเงินมาแทบตาย กว่าจะได้มาสักหยวน และนำมาใช้จ่ายภายในครอบครัว
คนที่ทำงาน ตากแอร์สบาย และชีวิตอย่างสุขสบาย มีเงินใช้ไม่ขาดมือ แถมไม่ต้องทนใช้ ชีวิตอย่างหวาดระแวง ในที่ทำงาน ว่าจะถูกทำร้ายและถูก ทารุนตอนไหน
เพราะชะนั้นอีหญิง ตรงหน้านี้ มันไม่ควรพูดจา หมาๆ ออกมาแบบนี้ ไม่ทางรู้เลยว่าพวกเค้า ต้องแบครับภาระอะไรเอาไว้ กับตัวเองบ้าง
แล้วที่สำคัญ เลยนะ นี่มันเงินของผมจะ มันไม่ใช้เรื่องอีนี้ ผมอยากจะกินอะไรมันก็เรื่องของผม ไม่ต้องหวังดีนำมาเปลี่ยนให้
"ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในร้านครั้งนี้ หากคนที่อยู่บริเวณโดยรอบสังเกตผมดี ๆ ก็คงจะรับรู้ได้ว่าผมเริ่มไม่พอใจกับพนักงานสาวเบต้าเสียแล้ว ไม่อย่างนั้น ตัวผมคงไม่กำมือจนเห็นเส้นเลือดนูนขึ้นมาชัดเจนแบบนี้แน่
อากาศรอบตัวผมเหมือนจะหนักอึ้งจนแทบระเบิด ความเงียบที่เกิดขึ้นกลับยิ่งขับเน้นเสียงหัวใจที่เต้นแรงจนเหมือนจะดังก้องไปทั่วบริเวณ
เธอมองผมด้วยสาย ตาที่เย้ยหยัน แต่พอได้เห็นท่า ทีที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ของอีกฝ่ายก็ เลยรู้สึกหงุดหยิน
ยิ่งเห็นมือขาว นั้นกำมือจนแน่น ก็เริ่มที่จะไม่พอใจ ที่พวงกขยะชั้นล่างพวกนี้ไม่ พวกนี้ไม่ยอมก้มหัว ให้แก่เธอ เหมือนกับคนอื่น
“กำมือทำไม ไอ้คนชั้นต่ำ”
“คิดว่า มีแรงสู้คน อย่างกูงั้นสิ “
กะอีแค่ แรงของโอเมก้าอย่าง มึงจะไปทำอะไร ใครเขาได้ แค่แรงที่จะสู่กับคนอื่น ชนชั้นของมึงมันยังไม่มีเลย
ในที่สุด ขีดจำกัดความอดทน ของผมก็ ได้ขาดลงจนได้ ยิ่งได้ยินคำพูดต่ำต้อยที่ไม่ผ่านการไตร่ตรอง และในเมื่อมัน เป็นแบบนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ จะต้องอยู่ต่อ
“นี่นาย! กล้าเดินหนีฉันงั้นเหรอ?”
เสียงของเธอดังไล่หลังมา พร้อมกับแรงคว้าไหล่ที่เต็มไปด้วยความโกรธ ผมหันกลับไปมองเธอช้าๆ แต่เป็นจังหวะเดียวกันที่เธอพยายามยกมือขึ้นตบหน้าผม ทว่าผมคว้ามือของเธอไว้ได้ทันก่อนที่มันจะสัมผัสใบหน้าของผม
“เล่นทีเผลอไม่ดีเลยนะครับ คนสวย”
แต่ในขณะ ที่ผมพูดอยู่กับเธอด้วย น้ำเสียงที่เป็นมิตร แต่แรงที่ผมใช้ บีบมือ คู่บางของอีกฝ่าย นั้นไม่เป็นมิตร ด้วยหรอกนะ เพราะอะไร ทุกคนก็น่าจะรู้
“โอ๊ย! นายทำอะไร ฉันเจ็บนะ!” เธอร้องออกมา น้ำเสียงเปลี่ยนไปจากความมั่นใจเป็นความเจ็บปวด
“คำก็คนชั้นต่ำ สองคำก็คนชั้นต่ำ” ผมยิ้มบางๆ “เมื่อกี้ยังพูดว่าคนอย่างโอเมก้าไม่มีแรงทำอะไรใครได้อยู่เลยนี่ครับ แล้วทำไมตอนนี้ถึงร้องว่าเจ็บล่ะ?”
"เมื่อ กี้ คนสวย ยังปากดี กับผมอยู่เลยไม่ใช้หรือ ไง“
"แถมยัง พูดอีกว่า แรงของโอเมก้าอย่าง ผมจะไปทำอะไร ใครเขาได้นิ "
"คุณเป็นคนพูดเองนะ ลืมแล้วหรอ แล้วตอนนี้จะมา ร้องคล้ำควญอะไรกัน คนสวยต้งไม่เจ็บสิคะ เพราะผมแรงน้อยไง"
"นี่มึง ปากเน่ากำลังที่จะ พ่นพิษออกมาอีกแล้ว"
"หยุดนะ อย่าคิดจะส่งเสียงร้องออกมา เชียว"
"เอาแต่พูดจา ต่ำๆ ว่าร้ายคนอื่นเขาไปทั่ว แต่ไม่ย้อนกับมามองตัวเองเลย"
"ว่าสิ่ง ที่ทำอยู่มันไร้มารยาทและไร้ การศึกษา ขนาดไหน"
“น่าเสียดายเงินที่พ่อแม่ของคนสวยนั้นส่งให้เรียนสูง นะครับ”
“เพราะว่าคนอย่างพคนสวย เรียนไปก็คงไม่เข้าสมองหรอก”
เธออ้าปากเหมือนจะกรีดร้อง แต่ผมพูดแทรกขึ้นทันที “หยุดนะครับ อย่าคิดจะส่งเสียงที่น่ารำคาญออกมาเชียว”
“ไม่อ้ายลูกค้าคนอื่นที่อยู่ด้านร้านบ้างเลยหรือไงหันไปดูสิ”
หญิงสาวผู้เป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารก็ได้ทำการหันไปดูรอบก็พบว่า มีผู้คนหันมามองเธออย่างไม่ละสายตา นั้นจึงทำให้เธอนั้นรู้สึกอับอาย เป็นอย่างมาก และส่วนตัวผมเองนั้น ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร จึงเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว เงินก็จ่ายแต่กลับไม่ได้ของที่อยากกิน มันน่าหงุดหงิดชะมัด
"ในเมื่อคาเฟ่แห่งนี้ ไม่ได้ยินดีที่จะบริการลูกค้า อย่างผม ก็จะไปทานที่อื่น”
“เพราะแถวนี้จะมีคาเฟ่อีกมากมายไม่ได้มีแค่ร้านเดี๋ยวสะหน่อย”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 5
Comments