“ขออภัยขอรับท่านอำมาตเยี่ยพอดีมีผู้พบศพชายเสียชีวิตอยุ่ใกล้ๆกับเรือนของท่าน ข้าน้อยเพียงแต่เข้ามาสอบถามเพียงนิดเท่านั้นขอรับ”
“แล้วชาวบ้านในระแวกนี้ได้ให้การว่าเยี่ยงไรบ้างเล่า?”
“ทุกคนลงความเห็นว่าเป็นฝีมือของปีศาจแต่ข้าน้อยก็มิได้ปักใจเชื่อสักเท่าใดนัก แต่ว่าไม่มีผู้ใดเห็นอะไรที่ผิดปกติเลยแม้สักคนเดียว ข้าน้อยต้องขอตัวลากลับกรมไต่สวนแล้วขอรับ”
ฉู่หหลันสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินว่าเป็นฝีมือของปีศาจ นางมั่นใจว่าไม่ใช่ฝีมือท่านปู่ของนางเป็นแน่เพราะท่านปู่ไม่กินมนุษย์ ปีศาจอรพิษทั้งสี่ รวมลี่จูด้วยก็เป็นห้า ที่ขณะนี้กำลังรวบรวม พลังชีวิตของมนุษย์ให้ได้ เพื่อความเป็นอัมตะ
“ช่วงนี้มีแต่เรื่องแปลกๆในระแวกใกล้ๆกับเรือนของเรานะเจ้าค่ะท่านพี่...เจ้าว่าอย่างนั้นหรือไม่ฉู่หรัน?”
ฮูหยินเยี่ยจิกสายตาเค้นคำตอบจากฉู่หรันเพื่อบอกเป็นนัยย์ให้ อำมาตเยี่ยเนี่ยนเจินรีบส่งตัวนางขึ้นเขาไปโดยเร็ว
“วันรุ่งยามเช้าข้าจะให้บ่าวรับใช้ไปกับเจ้าสองคน”
“พรุ่งนี้เลยหรือเจ้าคะท่านพ่อ?”
“ใช่..ชักช้าจะไม่ได้การ ข้าทำเพราะเป็นห่วงเจ้า ไปเถอะนะถือซะว่าทำเพื่อความสบายใจของข้า”
“ก็ได้เจ้าค่ะท่านพ่อ”
ซูซ่านปีศาจจิ้งจอกที่อยู่ในร่างของฉู่หรันกำลังสนุกสนานกับการได้เป็นมนุษย์สมใจและยังได้เข้าวังหลวงบ่อยๆกับท่านอำมาตเยี่ยบิดาของฉู่หรัน แต่แล้วนางต้องเข้าป่าไปอยู่บนเขา ในวันรุ่งบ่าวหหนุ่มสองคน อาตงและอาซิ่ว ได้รับมอบหมายจากอำมาตเยี่ยให้เขาทั้งสองไปคอยสอดส่องว่าฉู่หรันได้สวดมนต์ตามที่เขาสั่งไว้อย่างเคร่งครัดหรือไม่การเดินทางเยี่ยงมนุษย์นั้นมีนล่าช้าเสียเหลือเกิน ฉู่หรันคิดว่าหากเดินไปเฉกเช่นมนุษย์คงต้องใช้เวลาหลายวันเป็นแน่ นางไล่ให้บ่าวทั้งสองกลับเรือนไป เพราะนางจะแอบใช้วิชาที่ตัวเบาที่ท่านปู่ของนางสอน เพื่อที่จะร่นระยะทางและเวลาจะเดินทางได้เร็วขึ้น
“ไม่ได้ขอรับท่านอำมาตสั่งให้ข้าน้อยส่งคุณหนูให้ถึงวัดนะขอรับ ถ้าไม่ถึงไม่เห็นด้วยตาของข้าน้อยจะรายงานเยี่ยงไรขอรับ”
ฉู่หรันรู้สึกขัดใจไปเสียทุกอย่าง...ในขณะที่ทั้งสองหลับพักผ่อนในเวลากกลางคืน ฉู่หรันได้โอกาศรีบหนีขึ้นเขาไปเพียงลำพัง โดยใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ในวันรุ่งเช้าของอีกวันบ่าวทั้งสองตกใจเมื่อไม่เห็นฉู่หรันอยู่ตรงนั้นแล้ว จะกลับไปรายงานก็กลัวจะถูกทำโทษทั้งสองจึงเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่ง สามวันผ่านไปจึงเห็นวัดที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดภูเขา บ่าวทั้งสองนั่งหอบเหนื่อยอยู่ตรงหน้าวัดแห่งนั้น
“ช้าเสียจริงเจ้าทั้งสอง ข้าบอกให้กลับเรือนไปก็ไม่เชื่อ”
“คุณหนูเยี่ย...!...ท่านมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ขอรับ?”
“ข้ามาถึงที่นี่สองวันแล้วไม่เชื่อก็ถามนักพรตท่านนั้นดูก็ได้ เจ้ากลับเรือนไปได้แล้ว”
“คงจะไม่ได้ขอรับเพราะว่าพวกเราจะอยู่ที่นี่กับคุณหนูด้วย”
“เจ้า...!...นี่ท่านพ่อให้มาคอยจับผิดข้ารึ?”
“มิได้จับผิดขอรับให้มาคอยดูแลขอรับ”
“มากคนมากความดูท่า...วัดแห่งนี้คงวุ่นวายเสียแล้วกระมัง”
“ขออภัยขอรับ...ท่าน”
“เจ้าทั้งสองจงเดินไปหาท่านนักพรตท่านนั้น...ส่วนเจ้ากลับไปยังที่พักของเจ้า”
ฉู่หรันเดินตามนักพรตหญิงผู้เฒ่าไปยังที่พักของนางซึ่งแยกห่างออกไปจากอารามแห่งนี้ไม่ไกลนัก ดวงจิตปีศาจสุนัขจิ้งจอกที่มีความไวต่อการรับรู้กลิ่น ฉู่หรันได้กลิ่นอายของปีศาจที่อยู่ใกล้ๆบริเวณนี้ ด้วยความเป็นห่วงนักพรตหญิงผู้เฒ่านางจึงใช้ตัวบังร่างของนักพรตหญิงไว้
“เจ้าทำกระไร...แม่นางเยี่ย?”
“กำลังมีภัยเจ้าค่ะ ดวงจิตของท่านเป็นที่ต้องการของพวกมัน”
“พวกไหนกันล่ะแม่นาง?”
“ปีศาจเจ้าค่ะ”
ยังไม่ทันจะอธิบายปีศาจแมงป่องก็เดินชูหางชี้ไปที่ร่างของนักพรตเฒ่า พร้อมกับเอ่ยวาจาขับไล่ฉู่หรันให้หลีกทางไปเสีย
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใครเพราะฉะนั้นหลีกทางไปเสียอย่าให้ข้าต้องใช้กำลังกับเจ้าเลย เพราะว่าเราก็.....ขวับ...!...ฟู่...”
ว่องไวดั่งสายฟ้าแลบ เฟยฮุ่ยนักล่าปีศาจออกกมาได้เวลาพอดีเขาใช้ดาบที่เป็นอาวุธติดตัวตลอดเพื่อใช้ในการล่าปีศาจดาบของเขาพิเศษกว่าดาบของผู้ใดเพราะได้สลักอักขระคาถาปราบมารไว้เพื่อกำจัดปีศาจ
“แม่นางน้อยพานักพรตท่านนี้เข้าไปข้างในเสีย ข้านึกแล้วเชียวว่าได้กลิ่นปีศาจมาจากที่ใด?”
“ท่านได้กลิ่นด้วยหรือเจ้าคะ?”
“ได้สิ”
“แล้ว...ยังได้กลิ่นอยู่รือไม่เจ้าคะ?”
ฉู่หหลันถามเขาด้วยความหวาดกลัวว่าเขาจะได้กลิ่นอายปีศาจจากตัวของนาง
“ข้าได้กลิ่นตลอดนั่นและเพราะที่แห่งนี้มีแต่ปีศาจร้ายจ้องจะมาสูบวิญญาณดวงจิตที่บริสุทธิ์กันทั้งนั้น เจ้าก็ต้องระวังตัวไว้ด้วย หากว่าต้องการที่จะกำจัดมันก็ต้องมาดักรอมันที่นี่แหละ ว่าแต่ที่อารามแห่งนี้มีนักพรตท่านหนึ่งที่มีนามว่า อี้หลงหรือไม่ ขอรับท่าน?”
“อ๋อ...ท่านนักพรตอี้หลงท่านลงไปทำธุระประเดี๋ยวคงจะมา”
เฟยฮุ่ยขอตัวไปรอนักพรตอี้หลง ที่ห้องพักของเขา
“ท่านนักล่าปีศาจ เฟยฮุ่ยใช่หรือไม่?”
“ใช่...ท่านเองสินะที่ส่งสารถึงข้าท่านอยากรู้สิ่งใดหรืออยากจะแก้แค้นปีศาจตนใด บอกข้าได้เลยข้าจะจัดการให้”
“ข้าเพียงแต่อยากได้คำตอบที่แน่ชัดว่าคดีที่ข้ากำลังสืบอยู่นี้มันเป็นฝีมือมนุษย์หรือปีศาจกันแน่จะได้จับผู้ร้ายได้ถูกตัว”
“ท่านไม่ใช่นักพรต แต่เป็นคนของทางการสินะ สิ่งที่ท่านเขียนรายงานในสารที่ส่งถึงข้านั้น คำตอบที่ท่านต้องการรู้ก็คือ ท่านได้เจอกับฆาตรกรที่ท่านไม่อาจจะจับมันตัวเป็นได้มีเพียงดาบของข้าที่จะจัดการพวกมันได้ สภาพศพเยี่ยงนั้นการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติเช่นนั้นมีเพียงพวกมันที่ทำได้ ข้าจะช่วยท่านเอง ฉู่หรันที่มั่นใจว่านางเองก็มีฝีมือไม่น้อยนางจึงไม่รู้สึกเกรงกลัวสิ่งใด หลังจากที่ได้เดินสำรวจไปทั่วป่าแล้ว ฉู่หรันได้แอบไปเห็นลำธารแห่งหนึ่งที่ ฉู่หรันแอบหนีไปตอนที่ นักพรตเฒ่าเผลอ ไปเที่ยวเล่นน้ำเพียงผู้เดียว อี้หลงที่กำลังเดินสำรวจทั่วบริเวณนั้นเขาได้พบกับ ฉู่หรันเข้าโดยบังเอิญ ฉู่หรันที่กำลังวิ่งไล่จับกระต่ายน้อย ที่หวาดกลัวนางจนตัวสั่น เมื่อจับกระต่ายได้ นางก็อ้าปากทำท่าจะกัดกินเจ้ากระต่าย อี้หลงมองด้วยหัวใจที่ระทึก ถ้าหญิงสาวกัดกินกระต่าย นางต้องเป็นปีศาจอย่างแน่นอน
“อ้า...ข้าไม่กินเจ้าหรอกน่าไม่ต้องกลัว น่ารักถึงเพียงนี้ใครจะกล้ากินได้ลงคอ ใช่หรือไม่ ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าข้าเป็นมนุษย์ แล้ว ถึงอย่างไร เจ้าก็คงกลัวไปหมด นั่นและเพราะมนุษย์ก็จับเจ้าย่างกินเหมือนกัน แต่ข้าเป็นมนุษย์ ที่ไม่กินกระต่าย เราเป็นเพื่อนกันเถอะนะเจ้ากระต่ายที่น่ารัก”
ริมปากสีชมพูระเรื่อตัดกับชุดสีขาวกรุยกรายที่แผ่บานอยู่ตรงพื้น ฉู่หรันทำปากจู๋ จูบเจ้ากระต่ายสีขาวเมือนกับชุดของนางหัวใจของเขาสั่นระรัว
“กร๊อบ...” เสียงเศษไม้แห้งหักจากการโดนเหยียบ
“ว๊าย...!...เจ้ากกระต่ายอย่าหนีข้า...ผู้ใดกันที่ทำให้กระต่ายข้าทิ้งข้าไป”
“เจ้ากำลังทรมานสัตว์ มันบาปเจ้ารู้หรือไม่?”
“ท่านนักพรต...ข้ามิได้ทรมานมันนะเจ้าคะ ข้าแค่เล่นกับมันเท่านั้น”
“แต่ข้าเห็นว่าเจ้ากำลังอ้าปากจะงับมันเจ้าเป็นปีศาจใช่หรือไม่?”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 21
Comments