มือเล็กจับลำอวบสาวชักขึ้นลง ก่อนที่จะคล่อมร่างใหญ่ หัวบานใหญ่ถูไถร่องกดเกลี่ยติ่งเสียว จนกระสันอีกครั้ง
“ส๊วบ” ลี่จู ทิ้งสะโพกลงจากด้านบนจนรูคับแคบอ้ากลืนลำอวบจนสุดมิดลำเต้าตึงใหญ่ทั้งสองดระเด้งกระดอนตามแรงขย่ม ขยับบั้นท้ายขึ้นลงของนางมือใหญ่กอบกุมมรวงอกอวบบีบเคร้นคลึงอย่างสุขสม เสียงครางของทั้งสองดังสนั่นท่ามกลางป่าเขา พื้นดินเรียบมีเพียงใบไม้แห้งใต้ร่างที่กำลังเล่นรัก แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับคนทั้งสอง บั้นท้ายงามงอนควงคว้าน กดบดขยี้ท่อนเอ็นอย่างเร่าร้อน กระสันซ่าน มือใหญ่ปล่อยทรวงอกอวบแล้วจับรั้งเอวเล็กคอดชูค้างไว้แล้วเสยแทงสวนย่างเร็วและแรงถี่ๆหนักๆ จนร่างบางข้างบนร้องครวญด้วยความเสียว
“อ๊า...เจ้าทำให้ข้าสุขยิ่ง...อืม...อา”
“โอว..แม่นางช่องรักของเจ้าแน่นจนข้า...เสียวแทบขาดใจ...ต่อให้ตายข้าข้าก็ไม่เสียดายแล้ว...อา...โอววว”
ช่องแคบตอดรัดจนปลายหัวบานกระตุกจนน้ำพุ่งแตกกระฉอกออกมาเปียกชุ่มร่องเสียวของหญิงสาว ลี่จู ที่ยังไม่ทันจะสวมอาภรนางจับใบหน้าของบุรุษผู้นั้นขึ้นมาสบตา
“เสียดายเจ้าทำให้ข้าติดใจและอยากจะได้อีกสักครั้ง”
“เจ้าอยากอีกแล้วรึ?”
“ปล่าว...ข้าเพียงแต่กำลังจะกินเจ้าต่างหาก”
พลันดวงตาสีดำขลับของ ลี่จู กลับกลายเป็นสีแดงดั่งสีโลหิต มือเล็กเรียวงามมีขนขึ้นปกคลุมกรงเล็บแหลมคมงอกออกมา ใบหน้าที่สวยสดกลับกลายเป็น......
“ปีศาจ...ปีศาจจิ้งจอก....อ๊าก.......”
สิ้นเสียงควันสีขาวจากกายของบุรุษผู้นั้นก็พวยพุ่งออกมาจากปากของเขาเข้าไปในปากของลี่จู ร่างใหญ่ของเขาหดเหี่ยวแฟบลงเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ลี่จู แอบกินมนุษย์ในที่ลับตาผู้คนแบบนี้เสมอโดยการใช้วิธีล่อลวงด้วยเสน่ห์ ตัญหาและราคะที่บุรุษทั่วไปนั้นต่างมีกันทุกคน แต่ไม่ใช่กับ อี้หลง รองหัวหน้ากรมไต่สวน เพราะว่าเขานั้นไม่เคยมีใจและหลงไหลสตรีนางใดเลยเขาคิดว่าความรักนั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระ ท่านหัวหน้าหน่วยกองบัญชาการรบ ท่านพ่อของเขาเห็นว่าเขานั้นมีฝีมือในการรบและมีความรู้ออันชาญลาด และปฏิภานไหวพริบดี จึงส่งเขาไปสอบเพื่อเข้ารับราชกาล และขณะนี้ อี้หลงก็กำลังตามสืบเรื่องศพที่เสียชีวิตแปลกๆวันละหลายร้อยศพโดยไม่ทราบสาเหตุ เขาจำเป็นต้องปลอมตัวเป็น นักพรต เพื่อล่อปีศาจให้ออกมา
“สภาพศพเยี่ยงนี้ ภูตผีปีศาจแน่นอนขอรับท่าน”
“ไม่ใช่ว่าเสียชีวิตมานานแล้วรึถึงได้เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกเยี่ยงนี้”
“เป็นไปไม่ได้ขอรับข้าน้อยผ่านทางนี้ประจำเพราะต้องไปหาของป่า ถ้าเสียชีวิตนานแล้วกระผมก็ต้องเห็นนานแล้วสิขอรับ”
ศพของบุรุษหนุ่ม ที่ไม่มีผู้ใดจำใบหน้าของเขาได้ เพียงแค่วันเดียวก็หลายสิบศพแล้ว ชาวบ้านต่างหวาดผวา ไม่กล้าออกไปไหน อี้หลง รู้สึกมืดแปดด้านไม่รู้จะตามหาคนร้ายได้อย่างไร ถ้าหากว่าเป็นฝีมือของปีศาจ มีเพียงคนเดียวที่รู้นั่นก็คือ นักล่าปีศาจที่มีนามว่า เฟยฮุ่ย นักล่าปีศาจฝีมือฉมัง เขาไล่ล่าปีศาจที่ออกเข่นฆ่ามนุษย์ เพื่อสูบวิญญาณ อี้หลง ไปหานักล่าปีศาจตามคำบอกเล่าของชาวบ้านว่าเขาอยู่ที่ใด แต่ทว่าพอเขาไปถึงก็ไม่เจอ นักล่าปีศาจคนนั้น อี้หลงคิดว่าอย่างไรเสีย นักล่าปีศาจตนนั้นก็ต้องกลับมามายังเรือนของเขาเป็นแน่ อี้หลง เขียนข้อความทิ้งไว้เผื่อว่าเขาจะมาเจอและยอมไปพบ
เรือนสกุลเยี่ย
“ท่านพี่ข้าว่าท่านต้องส่งตัวฉู่หรันไปวัดที่บนภูเขาสูงนั้นนะเจ้าคะ นักพรตจะช่วยขับไล่วิญญาณร้ายจากกายของนาง”
“ไร้สาระสิ้นดี?”
“ท่านพี่ไม่สังเหตุบ้างเลยหรือเจ้าคะว่าฉู่หรัน นั้นเปลี่ยนไปมาก เหมือนเป็นคนละคนกันเลยเจ้าค่ะ ทั้งกิริยามารยามารยาท ที่เคยเรียบร้อย ไม่ชอบการต่อสู่ สงบนิ่งและสุขุม แต่เดี๋ยวนี้บางครา คำพูดคำจาของนางฟังแล้วรู้สึกไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไร ข้าว่า นางอาจจะมีดวงวิญญาญของปีศาจแฝงตัวอยู่ในร่างของนางเป็นแน่ ส่งตัวนางไปสวดมนต์ไล่สิ่งชั่วร้ายในร่างกายสักสิบวันดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ไร้สาระ...ไม่ให้ไปมันอันตราย ถ้ามีภูตผีจริงข้ากับเจ้าโดนมันจับกินไปแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้บุตรสาวของข้าต้องไปอยู่ในที่ลำบากเช่นนั้น”
ฮูหหยินตระกูลเยี่ยมารดาเลี้ยงของ ฉู่หรันคิดจะขัดขวางการเข้าสอบประจำปีที่วังหลวงของฉู่หรัน เพราะไม่อยากให้นางเป็นลูกสาวที่รักของท่านอำมาตเยี่ยมากไปกว่านี้ นางวางแผนให้ฉู่หรันขึ้นไปอยู่ขนเขา เพราะจะได้หาโอกาศที่จะกำจัดนางให้ได้อีกครั้ง แต่เมื่อเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ ฮูหยินจึงคิดแผนใหม่ โดยการจ้างนักแสดง ละครเร่มาเป็นนักพรตและคอยดักรอท่านอำมาตเยี่ย กับฉู่หรันในขณะที่เดินทางเข้าวังหลวงเพื่อไปซ้อมการทดสอบก่อนที่จะถึงเวลาสอบจริง ขณะที่สองพ่อลูกกำลังเดินทางกลับเรือนด้วยรถม้า เพราะเรือนของสกุลเยี่ยนั้นอยู่ไกลจากวังหลวงมาก อยู่ๆก็มีนักพรตท่านหนึ่งมาขวางทางไว้ พร้อมกกับพูดด้วยถ้อยคำที่นุ่มนวลว่า
“หยุดก่อน....!...อาตมาต้องขออภัยต่อท่านทั้งสองที่ถือวิสาสะมาขวางรถของท่าน แต่ถ้าอาตมาไม่แจ้งให้ท่านทราบ บุตรสาวของท่านอำมาตจะมีเคราะห์ถึงกับชีวิต”
ท่านอำมาตเยี่ยเปิดม่านและเดินออกมาจากรถม้า เขาทำท่าไม่เชื่อสักเท่าใด แต่ก็นึกเอะใจเล็กน้อยว่านักพรตผู้นี้รู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นใคร และยังรู้ด้วยว่าภายในรถม้ามีกันสองคน
“ท่านนักพรตรู้ได้เยี่ยงไรว่าข้าเป็นผู้ใด?...รู้ได้เยี่ยงไรว่าบุตรสาวของข้าจะมีอันตราย และอันตรายเยี่ยงไร?”
“บุตรสาวของท่านมีกลิ่นอายของปีศาจที่แอบแฝงตัวอยู่ในร่างของนาง หากวันใดที่ดวงจิตของบุตรสาวท่านอ่อนแอมันจะกลืนกิน ดวงจิตของนางและยึดเอาร่างของนางเป็นของมัน ช่วงนี้บุตรสาวของท่านมีท่าทีแปลกไปใช่หหรือไม่?
อำมาตเยี่ยนึกคิดและตรองดูก็เป็นจริงดังที่นักพรตบอก ฉู่หรันคนเดิม ชอบการเย็บปักถักร้อย เรียบร้อยไม่ดูซุกซนเหมือนในตอนนี้
“ถ้าเยี่ยงนั้นจะมีวิธีแก้ไขได้เยี่ยงไรกรุณาแนนำข้าด้วยเถิด”
“มีเพียงวิธีเดียวคือ ให้นางสวดมนต์ที่วัดในที่เงียบๆและสงบไม่ให้ผู้ใดรบกวนเพียงผู้เดียว เป็นเวลาสิบวัน”
“ท่านนักพรตอยากได้สิ่งใดตอบแทนกับความหวังดีของท่านในครั้งนี้หรือไม่?”
“ข้ามิได้ต้องการสิ่งใดข้าเป็นนักบวช ที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ข้าขอลา”
ท่านอำมาตนั่งเงียบมาในรถม้าไม่พูดจาเหมือนกำลังจะใช้ความคิด ฉู่หรันรู้ได้ทันทีว่านักพรตท่านนั้นเป็นสิบแปดมงกุฏ
เพราะฉู่หรันตัวจริงได้ตายไปแล้ว นางเชื่อว่าบิดาของนางไม่มีทางส่งนางไปตามที่นักพรตผู้นั้นแนะนำอย่างแน่นอน แต่ทว่า
“เจ้าจงเตรียมตัวข้าจะให้คนไปส่งเจ้าขึ้นไปบนภูเขาที่นั่นมีวัดที่เงียบและสงบเจ้าต้องสวดมนต์ ไล่สิ่งชั่วร้ายในตัวของเจ้าออกไปเสีย”
“ท่านพ่อ...!...ท่านพ่อเชื่อเจ้าสิบแปดมงกุฏนั่นด้วหรือเจ้าคะ?”
“เจ้าอย่าพูดจา...ให้ร้ายต่อท่านนักพรตผู้นั้น ฉู่หลันคนเดิมไม่เคยขึ้นเสียง และพูดจาด้วยเสียงอันดัง ต่อล้อต่อเถียงเช่นเจ้าในตอนนี้ เจ้าต้องไป”
แววตาที่ดุดันกับน้ำเสียงที่เอาจริงของท่านอำมาตทำให้ฉู่หรันต้องยอมจำนน ต่อบิดาของนาง เมื่อถึงเรือนสกุลเยี่ยทั้งสองพ่อลูกก็เห็นเจ้าหน้าที่จากกรมไต่สวนอยู่เต็มหน้าบ้าน
“พวกเจ้ามาทำกระไรที่เรือนข้า?”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 21
Comments