อเวจีที่ปรารถนา
“แม่มึง…น่ะแรด…ร่าน…มาอ่อยพ่อกูให้หลงหัวปักหัวปำคิดอยากจะจับพ่อกูคงเห็นว่าพ่อกูรวยอยากสบายทางลัดโดยการใช้ร่างกายแลกโสเภณี”
“พลั๊ก…!...”
“มึงกล้าทำร้ายกู….ไอ้พัฒน์ มึงตายแน่…อีลูกกะหรี่”
“ผั๊ว…!...”
ภูริปล่อยหมัดเข้าใบหน้าขาวใสของพิพัฒน์เข้าเต็มแรงทั้ง สอง ผลัดกันลุกผลัดกันรับจนร่างกายสะบักสะบอมมุมปากแดงฉานเพราะเลือดไหลจากการปะทะกันจนปากแตกเบ้าตาเขียวช้ำ ร่างกายที่ใหญ่กว่าของภูริดันร่างเล็กกว่าของพิพัฒน์เข้าชิดผนังอย่างเต็มแรง จนแผ่นหลังของพิพัฒน์ชนกับกำแพงห้องอย่างจัง จนเขารู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วแผ่นหลัง หัวใจของพิพัฒน์เต้นแรงด้วยความตื่น กลัว สายตาที่เกรี้ยวกราดของภูรินั้นทำให้พิพัฒน์รู้สึกอึดอัด ไม่อยากอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ ที่ไร้ซึ่งความอบอุ่นหลังนี้เลยแม้แต่วินาทีเดียวแต่เพราะว่าเขาเป็นห่วง พิพิมพ์ผู้เป็นแม่ของเขา ซึ่ง พิพิมพ์พึ่งจะได้แต่งงานกับกฤษณะ พ่อของภูริได้เพียงไม่ถึง 1 วัน พิพัฒน์และแม่พึ่งได้ย้ายเข้ามาอยู่อาศัยด้วยกันกับพ่อของภูริ ที่แอบรักแม่ของพิพัฒน์มานานและคอยให้ความช่วยเหลือแม่ขอพิพัฒน์มาตลอด พิพิมพ์แม่ของพิพัฒน์ต้องการจะตอบแทนบุญคุณของ กฤษณะ เธอจึงตัดสินใจตกลงยอมแต่งงานกับกฤษณะหลังจากได้ทราบว่า กฤษณะ เป็นโรคหัวใจขั้นร้ายแรงและอาจจะจากไปได้ทุกเมื่อ แต่ภูริ กลับเข้าใจผิดว่าพี่พิมพ์นั้นต้องการจะมาฮุบสมบัติของพ่อเขา จึงทำให้ภูริเกลียดพิพิมพ์มาก และส่งผลมาถึงพิพัฒน์ด้วยเช่นกัน ภูริไม่เคยได้สนใจ และใส่ใจกฤษณะผู้เป็นพ่อเลย เขาจึงไม่รู้ว่าขณะนี้กฤษณะผู้เป็นพ่อนั้นเป็นโรคร้ายแรง กำแพงเหนือที่ภูริสร้างขึ้นภายในใจ กำแพงหนาที่ภูริสร้างขึ้นภายในใจระหว่างเขาและพ่อ มันทับถมจนหนาขึ้นเรื่อย ๆ และยากที่จะพังทลายมันลงได้ ยิ่งนานวันก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ภายในบ้านเลวร้ายลง กฤษณะ พยายามที่จะบอกกับลูกชายเรื่องโรคภัยที่เขากำลังเผชิญอยู่แต่ภูริไม่เคยได้รับฟัง ผู้เป็นบิดาเลยสักครั้ง ทุกครั้งที่เข้าบ้านเขาก็คอยแต่จะตั้งแง่หาเรื่องต่อว่าบิดาด้วยความน้อยใจ และเรียกร้องความสนใจโดยการกระทำเรื่องที่เลวร้ายใส่ กฤษณะ ผู้เป็นพ่อของเขาเอง ภูริทำตัวเกเรไม่ค่อยเข้าเรียนกลับบ้านบ้างไม่กลับบ้าง สาเหตุที่ทำให้ภูริเป็นเช่นนี้นั้นก็คือ เมื่อครั้งที่เขายังเด็ก ผู้เป็นพ่อเอาเวลาส่วนใหญ่ทำแต่งานไม่มีเวลาให้เขาเลย ภูริ เข้าใจว่าพ่อไม่อยากเห็นหน้าเขาเพราะปมในใจที่แม่ของเขาได้แอบมีความสัมพันธ์ลับกับชายอื่น และทิ้งเขากับพ่อไป ภายในบ้านไม่มีแม้แต่รูปถ่ายสักใบของแม่ทำให้ภูริจำไม่ได้ว่าแม่ของเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร ภูริมีอายุมากกว่าพิพัฒน์ 1 ปี เท่ากับว่าสถานะของเขาในตอนนี้เป็นพี่ชายของพิพัฒน์ กฤษณะจดทะเบียนสมรสกับพิพิมพ์ และได้เปลี่ยนนามสกุลของพิพัฒน์ ให้ใช้นามสกุลเดียวกัน กับกฤษณะและภูรินั่นก็คือ จิระไพศาล
ภูริจ้องหน้าพิพัฒน์เขม็งใบหน้าของทั้งสองยับพอๆกันภูเลยเอามือที่ใหญ่กว่าของเขาร่วมมือเล็กของพิพัฒน์ไว้ข้างหลังแล้วโน้มใบหน้าเข้ามาติดจนจมูกแทบจะชนกับใบหน้าของพิพัฒน์
“มึงจำไว้ ถ้ามึงกับแม่ของมึงไม่รีบออกไปจากบ้านหลังนี้ ที่นี่จะเป็นนรกสำหรับมึง”
“ปัง…! ….”
ภูริออกจากห้องพิพัฒน์ พร้อมทั้งผลักประตูปิดลงอย่างแรงจนเสียงดังสนั่น พิพัฒน์ไม่อยากให้กฤษณะต่อว่าและมีปัญหากับภูริอีก เขาจึงพยายามหลบหน้าแม่และกฤษณะผู้เป็นพ่อเลี้ยงของเขาไม่ให้เห็นรอยบาดแผล
“พัฒน์ ลงมากินข้าวสิลูก”
“ไม่หิวครับ ผมกินมาแล้วจากโรงเรียนแม่ไม่ต้องไปห่วงพอดีช่วงนี้ต้องรีบอ่านหนังสือสอบพัฒน์ ขอตัวนะครับ”
หลายวันผ่านไปที่โรงเรียนมัธยม
“ไอ้ภู นั่นน้องชายมึงไม่ใช่หรอวะ? ทำไมไม่มาพร้อมกันอยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ เป็นไงบ้างได้เจอหน้ากันทุกวัน ปกติก็ไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่แล้ว แต่ต้องมาเจอกันทุกวันมึงทนได้เหรอ”
“มันสิต้องทนกูไม่ใช่กูต้องทนมัน คอยดูกูจะเล่นแม่งให้หนักเลย”
“มึงจะทำอะไรมันได้ พ่อมึงรักมันอย่างกับลูกในไส้”
“กล้ามาเสนอหน้าได้ทุกวี่ทุกวัน บังอาจคิดจะมาหลอกพ่อกู หวังสบายทั้งแม่ทั้งลูกเสวยสุขบนกองเงินกองทองของพ่อกู ไม่มีทางหรอก แล้วจะได้รู้ว่านรกของจริงมันเป็นอย่างไร”
ที่บ้านจิระไพศาล
“ภู ทำไมไม่กลับบ้านให้มันเร็วกว่านี้รู้ไหมว่าทุกคนรอแกอยู่มันถึงเวลาอาหารค่ำแล้ว พ่อเคยบอกแล้วว่ากฎบ้านนี้คือต้องกลับมากินข้าวพร้อมกันทุกเย็น ชั้นให้คนขับรถไปรับทำไมไม่กลับมาพร้อมกันกับพิพัฒน์”
“พ่อจะมาสนใจกูทำไม ในเมื่อมีเมียใหม่มีลูกใหม่แล้วกูก็เป็นแค่ส่วนเกินของบ้านหลังนี้ หลงกันเข้าไป ระวังจะถูกสูบเลือดสูบเนื้อจนหมดตัว”
“ไม่ใช่นะคุณภู คุณภู ไม่ใช่ส่วนเกินของที่บ้านหลังนี้ ที่น้าเข้ามาอยู่เพื่อต้องการดูแล และตอบแทนบุญคุณของคุณกฤษณะเท่านั้นไม่ได้หวังอย่างอื่นเลย”
“อย่ามาตอแหล…!”
“ไอ้ภู ขอโทษคุณพิมพ์เดี๋ยวนี้ ตอนนี้คุณพิมพ์มีสถานะเป็นแม่ของแกนะ”
“ไม่มีทาง ภู ขอบอกพ่อไว้ตรงนี้เลยนะว่า ภู ไม่มีวันยอมรับแม่ลูก 18 มงกุฎ สอง คนนี้แน่นอน”
หลังจากที่ภูริอาละวาดเสียงดังเสร็จแล้วก็วิ่งขึ้นห้องไป ไม่ฟังที่กฤษณะต่อว่าตักเตือนเลยสักคำ ยิ่งเห็นผู้เป็นพ่อคอยปกป้องอีกฝ่ายก็ยิ่งทำให้ภูริแค้นใจ และพยายามหาวิธีขับไล่ พิพิมพ์ และพิพัฒน์ ออกจากบ้านหลังนี้ไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ แผนการร้ายได้เริ่มต้นขึ้นตามที่เขาเคยลั่นวาจากับพิพัฒน์ไว้ก่อนหน้านี้เพื่อนร่วมขบวนการก็คือณัฐนนท์ เพื่อนรักที่จริงใจกับเขาเพียงคนเดียวที่มีอยู่ในตอนนี้
“ไอ้นัท มึงว่างเปล่าวะมานอนบ้านกูหน่อย”
“มีอะไรพิเศษหรือเปล่าถึงอยากให้กูไปนอนเป็นเพื่อน หรือว่ากลัวน้องชายมึงจะย่องเข้าหาวะ?”
“ ไอ้นัท ไอ้ชิบหาย อย่าพูดให้กูต้องอ้วกแตก สัส รีบๆมาเถอะอย่าพล่ามให้มากความ “
“เออ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ณัฐนนท์รีบวางสายแล้วบึ่งมาหาเพื่อนรักโดยทันที ในห้องของพิพัฒน์ซึ่งอยู่ด้านล่าง หน้าต่างที่เขาชอบเปิดอ้าทิ้งไว้เพื่อรับลมเย็นๆที่พัดเข้ามา ภายในห้อง พิพัฒน์ไม่ชอบเปิดแอร์ถ้าอากาศไม่ร้อนจนเกินไป ภายในห้องโล่งๆมีเพียงตู้เสื้อผ้าเล็กๆ กับโต๊ะอ่านหนังสือและทำการบ้านของเขา โคมไฟขนาดกะทัดรัด ที่กำลังเปิดอยู่ พิพัฒน์กำลังอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบในวันรุ่งขึ้นของพรุ่งนี้ บ้านหลังใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ทั้งเล็กใหญ่ และเป็นพุ่ม ทั่วบ้านหนาครึ้มไปหมด เสียงลมกรรโชกแรงอยู่ข้างนอกทำให้ต้นไม้ในยามค่ำคืน ดูน่ากลัวไปหมด แต่พิพัฒน์ไม่ใช่คน ที่จะกลัวอะไรง่ายๆโดยไม่มีเหตุผล พิพัฒน์เดินไปปิดหน้าต่าง เพราะเหมือนว่าฝนกำลังจะตกลงมา และทำท่าจะตกหนักเสียด้วย เสียงลมและฟ้าร้อง ขณะที่เขาเอื้อมมือไปปิดหน้าต่างอยู่นั้น ก็มีมือปริศนาเอื้อมมาจับแขนของเขา มันเย็นยะเยือกจนพิพัฒน์ตกใจสุดขีด ใครคนหนึ่งโผล่หน้ามาที่หน้าต่างที่พิพัฒน์กำลังจะปิดลง ใบหน้าที่เละตาถลนมีเลือดและหนองไหลเยิ้ม
“กรี๊ดดด…! พลั๊กก”
“โอ๊ย…”
พิพัฒน์ตกใจจึงหลับหูหลับตาปล่อยหมัดออกไปเขารู้สึกและสัมผัสได้ว่าโดนเบ้าตาของผีตนนั้นอย่างจัง พิพัฒน์นึกเอะใจขึ้นมาได้ ถ้าหากเป็นผีจริงๆคงไม่มีเสียงร้องด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดเช่นนี้
“นั่นใคร?”
“ออกไปจากบ้านหลังนี้ถ้าไม่อยากเจอดีอีก”
เสียงตอบโต้กลับมาหลังจากที่พิพัฒน์ถามดังกล้องอยู่ภายนอก พิพัฒน์มองหาต้นทางของเสียงแต่ก็ไม่เห็นมีใครอยู่แถวนั้นเลย ความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้จากปลายหมัดของเขานั้น คือคนชัดๆ ถึงแม้ว่าขณะนั้นเขาจะหลับตาปี๋เพราะความกลัวอยู่ก็ตาม เมื่อคิดไตร่ตรองดูแล้ว พี่พัดเชื่อว่าต้องมีใครสักคนที่จงใจทำเรื่องแบบนี้เพราะอยากให้เขาออกไปจากบ้านหลังนี้และมีเพียงคนเดียวที่ไม่อยากให้เขาอยู่ที่นี่นั่นก็คือ ภูริ
“เชี่ย…แม่งหมัดหนักชิบหาย เพราะมึงเลยชวนกูมาเจ็บตัวเนี่ย แต่ว่าโคตรขำเลยมันกลัวจนกรี๊ดแตก โอ้ย น้องชายมึงเป็นแต๋วแน่นอน ผู้ชายที่ไหนเขากรี๊ดกันเสียงดังสนั่นจนแสบแก้วหู จ่ายค่าเจ็บตัวให้กูด้วย”
“เออเดี๋ยวพรุ่งนี้เลี้ยงข้าวที่สยามก็แล้วกันอยากกินอะไรถ้ามันยังไม่ออกไปกูจะจัดให้หนักกว่านี้”
“ค่อยคุ้มกับค่า เจ็บตัวหน่อย”
ในเวลาเช้าของวันรุ่งขึ้นทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้าณัฐนนท์นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างๆกันกับภูริ
“นัท ตาไปโดนอะไรมาน่ะ ต่อยกับเพื่อนมาเหรอ?”
“เปล่าครับพ่อ ไอ้ภูมันนอนดิ้น มือมันฟาดมาที่เบ้าตาของผมนะครับเจ็บยังไม่หายเลย”
“อ๋ออย่างนั้นน่ะเอง”
พิพัฒน์รู้อยู่แล้วว่าเมื่อคืนทั้งสองเพื่อนซี้ ปลอมตัวเป็นผีเพื่อมาเล่นงานเขาให้กลัวจนต้องอยู่บ้านหลังนี้ไม่ได้ แต่พิพัฒน์ก็ไม่ได้พูดอะไร จนเสร็จจากการกินอาหารเช้าและถึงเวลาที่ต้องไปโรงเรียน
“ทำไมมึงต้องมานั่งรถคันเดียวกับกูด้วยวะ ลงไปเหม็นสาบกระหรี่”
“ไม่ได้นะครับคุณภู นี่คือคำสั่งของคุณผู้ชาย คุณพัชต้องไปกับพวกเราด้วยครับและอีกอย่างหนึ่งนั่งรถเมล์ไปโรงเรียนสายแน่ ๆ แล้วก็อันตรายด้วย”
“ อันนั้นก็เป็นปัญหาของมันไม่ใช่ปัญหาของผม เมื่อก่อนก็เห็นมันโหนรถเมล์ไปโรงเรียนประจำ หรือว่าพอได้มาเป็นลูกคนรวยกระแดะนั่งรถเมล์ไม่เป็น ชิ หมั่นไส้”
“ลุงครับ จอดที่ป้ายรถเมล์ข้างหน้าให้ผมลงก็ได้น่ารำคาญพวกเด็กขาดความรักความอบอุ่นเด็กมีปัญหา”
“นี่มึงกล้าว่ากูอย่างนั้นหรือ ชิ งอนหาเรื่องปากแตกปล่อยเอาไว้ไม่ได้แล้ว”
“เอาล่ะครับ คุณภู หยุดเถอะผมจะจอดให้คุณพัฒน์ลงข้างหน้านี้ก็ได้คุณพัฒน์ไปเองได้นะครับ?”
“ได้ครับไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกไปส่งเขาเถอะเด็กไม่มีใครรักก็แบบนี้แหละ”
“ไอ้…ไอ้กาฝาก ไอ้กะหรี่”
“ เฮ้อ คุณพัฒน์ไม่ได้ยินแล้วครับ เราออกรถมาจากตรงนั้นแล้ว ถ้าคุณผู้ชายรู้ผมโดนตำหนิแน่ๆ คุณพัฒน์น่ารักจะตาย เปิดใจให้เธอเถอะนะครับ”
“ไม่มีวัน ลุงก็อีกคนโดนของหรือไงถึงได้เข้าข้างมันอยู่ได้”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments