ตอนที่ 4
พญามัจจุราชไอยศูรย์ในร่างพ่อครูเพลิงนอนเหยียดกายพักผ่อนอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ปูด้วยฟูกนุ่นหนานุ่มบริเวณหน้าบ้านเรือนไทย โดยมีส้อมป่อยยืนเล่าเรื่องราวที่มันไปเที่ยวเล่นในหมู่บ้านเมื่อตอนกลางวันเสียงดังจอแจข้างหู น้ำเสียงใสออดอ้อนให้ผู้เป็นพ่อซื้อนู้นซื้อนี่ให้ไม่หยุด
“พ่อจ๋าฉันกับพี่รักพี่ยมไปเที่ยวในหมู่บ้านมาเมื่อตอนกลางวัน ร้านขายของกินเยอะมากเลยจ๊ะพ่อจ๋า ฉันอยากลองกินแห้วเชื่อม พ่อซื้อให้ฉันหน่อยสิจ๊ะ” ส้มป่อยทำน้ำเสียงออดอ้อน
“ไอรักไอยมมึงพาลูกกูไปเที่ยวเล่นแล้วไยไม่สั่งสอนมันว่าเป็นผีอย่ากิเลสเยอะ อยากโน้นอยากนี่ไปหมดกูปวดหัว!” ไอยศูรย์เอ่ยกับกุมารทองเพศชายทั้งสองของพ่อครูเพลิงที่ตายไปแล้ว
“ปกติพ่อพวกฉันก็ซื้อขนมน้ำแดงให้พวกฉันกินตลอด ตั้งแต่พ่อตายพวกเรายังไม่ได้กินอะไรเลยนะจ๊ะท่านยม...” กุมารทองนามรักเอ่ย
“จริงจ๊ะ! พวกฉันหิ๊วหิว” กุมารทองนามยมเสริม พลางลูบหน้าท้องป่องของตน
“พวกมึงเป็นผียังจะหิวได้ไง! ถ้าพ่อมึงดีปานนั้นไยไม่ตามพ่อมึงไปเล่า” ไอยศูรย์สบถ
“แต่พวกฉันก็กินได้นี่จ๊ะพ่อถ้าพ่อซื้อให้ น้า ๆ ๆ” ส้มป่อยกระตุกผ้าขาวม้าของผู้เป็นพ่ออย่างเร้าหรือ
“เออเดี๋ยวพรุ่งนี้ให้ไอมิ่งไปซื้อมาให้” เขาเอ่ยตัดความรำคาญ เรียกเสียงกรี๊ดกราดของผีเด็กสามตนที่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีใจ ลำพังมีส้มป่อยตนเดียวก็แทบหนวกหู นี่ยังมีกุมารทองน้อยอีกสองตนเจี้ยวจ้าวตั้งแต่ไก่โห่จนตอนนี้พวกมันยังไม่หยุดพูด
“เย้ ๆ”
“ขอน้ำแดงกับขนมถังแตกด้วยนะจ๊ะ” กุมารทองน้อยเอ่ย
“เออ ๆ”
“ท่านยมใจดีที่สุดเลยจ๊ะ รักท่านยมที่สุดเลย” กุมารทองนามยมโผกอดร่างกายกำยำตรงหน้าท่าทีออดอ้อน
“ไป ๆ พวกมึงไปวิ่งเล่นที่ไหนก็ไปอย่าทำชาวบ้านตกใจกลัวก็พอ”
“จ๊ะ พวกฉันไปก่อนนะจ๊ะ!” จบประโยคอนุญาตผีน้อยสามตนพลันหายตัวต่อหน้า ไปเที่ยวเล่นตามประสาเด็ก
เสียงเฝ้าเท้าหลายคู่วิ่งตรงมายังบ้านไม้เรือนไทยพร้อมฝุ่นดินแดงตลบอบอวล เผยหญิงสาวชาวบ้านที่เขาไม่คุ้นหน้าคร่าตากำลังประคองบุหงาที่สลบเหมือดไม่ได้สติตรงมาทางเขาที่กำลังนอนเหยียดอยู่ใต้ถุนบ้าน ไล่หลังมีเงาตะคุ่มลอยล่องตามมาติด ๆ สองสาวหน้าตาซีดเผือดเหงื่อท้วมใบหน้าถือวิสาสะวิ่งเข้ามาในอาณาเขตบ้านไม้เรือนไทย
“พ่อครู! พ่อครู! ช่วยอีบุหงาด้วยจ๊ะ!” เสียงร้องตะโกนโหวกเหวกโวยวายเสียงดังทำเขานิ่วหน้าคิ้วขมวด เขาไม่ชอบเสียงดังโวยวายเป็นทุนเดิมจึงไม่ค่อบสบอารมณ์เสียเท่าไหร่
“อะไรของพวกเอ็ง...” ไอยศูรย์เอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ พลันลืมตาเห็นเงาตะคุ่มสีดำวิ่งไล่ตามหลังมา นิ้วสากยกชี้หน้าเจ้าของเงาตะคุ่มพร้อมเปล่งสุรเสียงทรงอำนาจขู่
“มึงกล้าเหยียบเข้ามาในอาณาเขตกูแม้เพียงก้าว มึงจบไม่สวยแน่อีตะเคียน” ใบหน้าคมคร้ามขมึงทึงตึงเครียดท่าทางเอาจริงจนเงาตะคุ่มต้องแปลงกายมาเป็นหญิงสาวใส่ชุดไทยตามเดิม เนื้อตัวมีร่องรอยเผาไหม้จนสีดำเกรียม
“ฮึก ฮึก ท่านผู้ทรงฤทธิ์เจ้าคะนังเด็กคนนี้มันเอาไฟมาลนฉันนะเจ้าคะ ดิฉันก็แค่อยากจะสั่งสอนให้รู้ความก็เท่านั้น มิได้หมายเอาชีวิตผู้ใดเจ้าคะ” ผีตะเคียนทองเอ่ยฟ้องชายหนุ่มพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นโชว์ผลงานที่บุหงากระทำ ชายหนุ่มแค่นหัวเราะเล็กน้อย แสบใช่เล่น…
“......” หางตาคมคายเหลือบมองตัวต้นเหตุที่กำลังหมดสติทางด้านหลัง เขาส่ายศีรษระเล็กน้อย หญิงสาวสองนางที่พามานั่งหลบด้านหลังอกสั่นขวัญแขวน
“มันยังเด็กให้อภัยมันเถิดเดี๋ยวข้าจะสั่งสอนมันเอง”
“แล้วเนื้อตัวข้าที่โดนเผาจนเสียโฉมละเจ้าคะ ท่านก็รู้ว่านางตะเคียนนั้นรักรูปโฉมของตนเพียงใด นางเด็กผู้นี้ใช้เชิงเทียนลนข้าจะปวดแสบปวดร้อนไปหมดทั้งตัว” นางตะเคียนยกแขนสองข้างขึ้นมาพลางร้องไห้กระซิก ไอยศูรย์ลอบถอนหายใจเหนื่อยหน่ายก่อนร่ายคาถาคืนความงามแก่นางตะเคียนดังเดิม แม้นเป็นผีก็ยังอยากสวยอยากงามหนอ...
“จันโท อภิกันตะโร ปิติ ปิโย เทวะมะนุสสานัง อิตถิโย ปุริโส มะอะอุ อุอะมะ อิสะวาสุ อิกะวิต”
“ผิวข้ากลับมางามดังเดิมแล้ว ข้าซึ้งใจเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณท่านผู้ทรงอิทธิฤทธิ์เจ้าคะ” นางตะเคียนก้มกราบชายหนุ่ม ดวงตาหันไปมองหญิงสาวสองคนที่กำลังนั่งกอดกันเนื้อตัวสั่นเทา อันที่จริงเธอเพียงจะสั่งสอนให้หลาบจำ ให้จับไข้หัวโกร๋นสักวันสองวัน ไม่ได้กะจะเอาถึงตายเสียหน่อย แต่นางคงจะหยอกแรงไปหน่อย แม่นางผู้นั้นจึงได้เป็นลมล้มพับต่อหน้าต่อตา
“ข้าไม่ได้จะเอาจริงเอาจังแค่อยากสั่งสอนก็เท่านั้นเอง งวดหน้าข้าจะให้ตรง ๆ เป็นการไถ่โทษละกันแต่อย่าเอาไฟมาลนข้าเป็นพอ”
“ไม่เอาแล้วจ๊ะ!” หอมส่ายหน้าพัลวัน
“เอาจ๊ะเอางวดหน้าฉันไปจ๊ะ!” แหวนหูผึ่งหลังได้ยินว่าเจ้าแม่จะให้ตรงตัว
“ไม่เข็ดหลาบ...” ไอยศูรย์เอ่ย หันกายกลับหลังมามองบุหงาที่ยังคงไม่ได้สติ
“ฉันลานะจ๊ะพ่อ...” นางตะเคียนทองกล่าวลาเร่งรีบ หากชักช้าโดนจับถ่วงหม้อขึ้นมาจะเป็นการใหญ่
“เออ”
“แล้วนังบุหงาจะทำยังไงกับมันดีจ๊ะพ่อครู” แหวนเอ่ยถาม แม้ใจจะเป็นห่วงเพื่อสนิท ทว่าดวงตาไล่มองแผงอกกำยำของพ่อครูจนลอบกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่
‘กูล่ะอยากขึ้นครูสักทีสองทีจริงโว๊ย!’
“เอาขึ้นไปข้างบนเดี๋ยวกูจะเรียกขวัญมันกลับมา”
ชายหนุ่มช้อนร่างระหงของบุหงาขึ้นมาในคราเดียว เดินนำขึ้นไปบนบ้าน วางร่างไร้สติลงบนฟูก ดอกไม้ธูปเทียนนำมาวางรวมในขันเงิน ริมฝีปากบริกรรมร่ายคาถาเรียกขวัญกลับเข้าตัว มืออีกข้างผูกสายสิญจน์สองข้อมือให้บุหงา
“มึงนี่ก็จริงเชียวไปเอาไฟลนนังตะเคียนขอหวย” ไอยศูรย์เอ่ยหลังทำพิธีเรียกขวัญบุหงาเสร็จสิ้น
“มันจะฟื้นใช่ไหมพ่อครู” หอมถาม
“เออมันยังไม่ตายหรอก นี่ก็เริ่มดึกแล้วพวกเอ็งกลับบ้านกันได้แล้ว” เขาไล่หญิงสาวสองคนกลับบ้าน
“ตะ แต่พวกฉันกลัวผีนี่จ๊ะ ขอพวกฉันอาศัยอ้างแรมสักคืนได้ไหมจ๊ะ” แหวนจีบปากจีบคอหลังเห็นโอกาสใกล้ชิดสนิทสนมพ่อครูสุดหล่อ เธอพยายามขยับมานั่งใกล้ชิดพ่อครู สายตาดุตวัดมองเชิงบอกให้ขยับออกไปให้ห่าง
“พวกเอ็งเห็นที่นี่เป็นศาลาริมทางเรอะ?”
“โถ...พ่อครูอย่าใจร้ายกับพวกฉันนักเลย นี่นังบุหงาก็ยังไม่ฟื้น คนหนีผีมาพึ่งใบบุญพ่อครูทั้งทีนะจ๊ะใช่ไหมอีหอม” แหวนใช้ศอกกระทุ้งแขนของเพื่อนทางด้านข้างให้เออออไปพร้อมกับเธอ
“อีแหวนมึงจะทำเรื่องสกปรกอีกแล้วใช่ไหม!” หอมกระซิบกระซาบเอ่ยรู้ทันเพื่อน
“อีเวร! ดึกดื่นป่านนี้มึงจะให้กูเดินผ่านป่ากล้วยกลับบ้านอีกหรอ ลำพังป่าอ้อยกูยังขนลุกไม่หาย” แหวนพยายามหาข้ออ้าง แค่่เห็นส่วนบนยังทำให้เธอรู้สึกสั่นระริกมีความต้องการทางเพศท่วมท้นเพียงนี้ แล้วส่วนล่างจะทำให้เธอสั่นสะท้านขนาดไหนกันนะ แค่คิดก็น้ำลายสอ
“ถ้ามึงไม่คิดสกปรกก็ดี มึงหยุดความคันคะเยอไว้ตรงนั้นเลยนะกูเตือน หิวมากก็ใช้นิ้วช่วยตัวเองไปซะอีแหวน” หอมพูดดัก
“เออน่า...”
“พวกฉันขออาศัยไม่กี่ชั่วยามพอฟ้าสว่างเดี๋ยวพวกฉันจะรีบไปจ๊ะพ่อครู” หอมยกมือไหว้บอกพ่อครูเพลิงผู้น่าเกรงขาม
“เออ...พวกเอ็งก็หาที่นอนหมอนมุ้งกันเอาเองละกัน น่าจะอยู่ในตู้สักใบ” เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่หลับที่นอนสำหรับแขกอยู่ที่ใด
“ได้จ๊ะพ่อครู ขอบคุณมากจ๊ะ...” หอมยกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าอีกรอบ ก่อนจะเดินไปเปิดตู้หาที่นอนหมอนมุ้งมาปูนอนข้างบุหงาหน้าโต๊ะหมู่บูชา หลังเห็นรูปปั้นองค์พญามัจจุราชสีแดงฉานบริเวณโต๊ะหมู่ค่อยรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยคืนนี้ก็ไม่ต้องนอนร่วมกับวัตถุอาถรรพ์อย่างเช่นหัวกระโหลกมนุษย์ที่เธอคิด
“อ้าวทำไมพวกเอ็งถึงมานอนที่นี่กัน อ้าวนังบุหงามันเป็นอะไร” มิ่งทักท้วงหลังก้าวขาเข้ามาภายในบ้าน หลังไปเตรียมสำรับปลาอาหารให้พ่อครูที่บ้านของตน
“เรื่องมันยาวค่อยเล่าพรุ่งนี้” หอมโบกสะบัดมืออย่างไม่อยากเล่า พึ่ง ๆ ผ่านสถานการณ์ขนหัวลุกมาหมาด ๆ ครั้นจะให้เล่าตอนนี้คืนนี้คงนอนไม่หลับ
“พ่อครูจะกินข้าวก่อนมั้ย ฉันกลับไปทอดไข่เจียวชะอมกับน้ำพริกกะปิมาให้” มิ่งยกถาดสำรับโชว์อาจารย์
“เออเอาไว้นั้นแหละเดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อน วันนี้อากาศร้อนอบอ้าวเหลือเกิน”
“จ๊ะ”
“ฉันก็ครั่นเนื้อครั่นตัวอยากอาบน้ำเหมือนกันจ๊ะพ่อครู อาบตรงไหนหรอจ๊ะ” แหวนรีบเสนอหน้ายิ้มร่า
“ไม่อาบคืนเดียวคงไม่ทำให้หอยมึงเหม็นเน่าหรอกอีแหวน! พ่อครูเชิญอาบตามสบายเลยจ๊ะเดี๋ยวอีนี่ฉันจัดการเอง” หอมรีบมาล็อคแขนเรียวของเพื่อนไม่ให้ติดสอยหอยตามพ่อครูลงไปด้านล่าง
“......” ไอยศูรย์เหลือบมองบุหงาชั่วครู่ จึงตัดสินใจลงไปอาบน้ำด้านล่าง
“อะไรของมึงอีหอม!” แหวนมองตาเขียวปั๊ดไม่พอใจเพื่อนที่ขัดโอกาสนาทีทอง
“มึงเกรงใจพ่อครูบ้างอีแหวน! แค่พ่อครูยอมให้นอนค้างคืนก็บุญหัวแล้ว มึงยังมีใจคิดอกุศลจะขึ้นครูอีก!”
“กูก็จะใช้ร่างกายกูตอบแทนพ่อครูไงอีหอม!”
“อีแหวนนะอีแหวนความร่านมันกัดกินสมองมึงจนคิดอะไรดี ๆ กับเขาไม่ได้แล้วใช่ไหม! ไปกางมุ้ง!”
“ชิ!” แหวนส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ก่อนจะลุกไปกางมุ้งอย่างว่าง่าย ดูท่าคืนนี้จะอดขึ้นครูเสียแล้ว
ไอยศูรย์เดินอ้อมมาทางหลังบ้าน มีต๊อมอาบน้ำที่เปิดหลังคาโล่งโจ่งมีเพียงผนังไม้ไผ่สานเข้ากันวางบริเวณด้านข้าง มือสากตักน้ำในตุ่มรดกายที่นุ่งผ้าขาวม้าผืนบาง ชำระล้างความเหนียวเหนอะบริเวณร่างกายให้โล่งสบาย กายมนุษย์หาได้เหมือนกายทิพย์ที่โปร่งแสงหอมละมุนด้วยรัศมีบารมี
“พ่อ พ่อพี่สาวคนสวยแย่แล้ว!” ส้มป่อยปรากฎกายยืนจังก้าบนตุ่มร้องเตือนผู้เป็นพ่อที่กำลังตักน้ำในตุ่มรินรดกาย
“อะไรของเอ็ง”
“ผู้ชายคนนั้นไม่ยอมปล่อยขวัญพี่สาวกลับมา”
“วะ! ไอนี่” ไอยศูรย์กระแทกขันลงในตุ่มเต็มแรง จนน้ำกระเซ็นออกมาด้านนอก
รวงราตรีสีขาว สกาวเด่น
หอมซ่อนเร้นลึกล้น ชวนค้นหา
กลิ่นความสุขคลุกเคล้า คาวน้ำตา
เสมือนตัวข้าหน้าแย้ม ใจตรอมตรม
น้ำเสียงทุ้มนุ่มเศร้าสร้อยของใครบางคนเอ่ยดังขึ้น ท่ามกลางความมืดมิดไร้แสงสว่าง บุหงาหมุนกายหาต้นตอของเสียงที่ล่องลอยตามสายลม กลิ่นดอกลีลาวดีลอยโชยแตะจมูก ทว่าเธอกลับยืนโดดเดี่ยวมองเห็นเพียงความมืด
เธอยืนทื่อตัวแข็งเมื่อสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดของใครบางคนกำลังสวมกอดเธอจากทางด้านหลัง ใจนึงนึกกลัวทว่าอีกใจกลับอยากรู้อยากเห็น ลำแสงสีขาวฟาดลงแยกเจ้าของน้ำเสียงทุ้มนุ่มให้ออกห่างจากหญิงสาว
เปรี้ยง!
แสงสีขาววาบแปลบกั้นเธอออกห่างจากใครบางคน เขาผู้นั้นพยายามเดินฝ่าลำแสงสีขาวปราการกั้นระหว่างเขาผู้นั้นและเธอ แต่ก็ไม่สำเร็จยิ่งเขาพยายามมากเพียงใด ดูเหมือนเขาจะยิ่งเจ็บปวดรวดร้าวมากขึ้นเท่านั้น แม้นจะอยากปกป้องนางยังทำไม่ได้ เพราะเหตุไฉนกัน…
‘เหตุใดต้องกีดกันข้าออกจากนางด้วย!’
“นวลน้อง...” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยเคล้าความเศร้าโศก
‘บุหงากลับเข้าร่าง!’ เสียงเอ็ดตะโรกึกก้องของพ่อครูแจ่มชัดจนเธอสะดุ้งโหยงสุดตัว แรงฉุดกระชากข้อมือรุนแรงจนเธอเซถลาไปตามแรง
“เฮือก!!!”
“กูเรียกขวัญไม่กลับผัวเก่าเรียกมึงไปไวเชียวนะ” ไอยศูรย์ยืนกอดอกสวมผ้าขาวม้าเปียกแนบลำตัวมองเธอจากด้านนอกมุ้ง
ชายหนุ่มร่ายอาคมใส่เพื่อนสาวทั้งสองของบุหงา ทำให้พวกเธอเข้าสู่สภาวะหลับลึก บุหงางุนงงกับคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้าจึงเอ่ยถาม
“พ่อครูพูดอะไรฉันไม่เข้าใจแล้วฉันมาอยู่บ้านพ่อครูได้ยังไง” เธอยันกายลุกขึ้นมาก่อนจะลอดตัวออกมานอกมุ้ง
“แล้วเอ็งไปทำอะไรมาล่ะ” เขาเอ่ยถามกลับ
“อะ เอ่อ” บุหงาเกาศรีษระแก้เก้อ จะให้พูดออกไปตรง ๆ ว่าไปขู่เข็ญเอาเลขจากต้นตะเคียนมาก็กระไรอยู่
“ทีหลังจะทำอะไรก็คิดถึงใจเขาใจเราบ้าง หากคนอื่นเอาไฟมาลนเอ็ง เอ็งชอบรึบุหงา...”
“จ๊ะพ่อครู”
“ช่างเถอะ ฟ้าสร่างแล้วเอ็งก็รีบกลับบ้านเสียก่อนตาบัวจะโวยวายตามหาเอ็ง”
“จ๊ะพ่อครู”
“เอ็งพูดคำอื่นไม่เป็นเลยรึไง จ๊ะพ่อครู จ๊ะพ่อครู”
“พูดคำอื่นก็โดนพ่อครูด่าสิจ๊ะ”
“ข้าจะด่าเอ็งทำไม”
“โอ๊ย...แค่พ่อครูอ้าปากฉันก็กลัวแล้วจ๊ะ คนอะไร๊หน้าดุชะมัด ว่าแต่พ่อครูจะไม่ไปเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าดี ๆ ก่อนหรอจ๊ะ นุ่งผ้าขาวม้าตัวเดียวเดินโล่งโจ่ง”
“ข้าไม่ได้เปิดของสงวนให้เอ็งดูเสียหน่อยนังบุหงา! หรือว่าเอ็งอยากจะดู” พ่อครูยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“ถึงไม่เปิดมันก็นูนออกมาจนเห็นทรวดทรงมันหมดแล้วล่ะพ่อครู!” บุหงาเลื่อนสายตาลงต่ำมองกลางหว่างขาแกร่ง ให้กะขนาดจากสายตาก็อาจจะขนาดเท่าฝ่ามือ แต่ตอนมันตื่นเธอไม่อาจคาดการณ์ได้หรอก ก็ไม่เคยเห็นของจริงนี่นา
“นังบุหงาเอ็งนี่มันไม่รู้จักอาย! ข้าอยู่ในสภาพนี้ก็เพราะรีบไปช่วยเอ็งยังไม่สำนึกบุญคุณ ริอาจมาสำรวจร่างกายข้า” ไอยศูรย์แสร้งดุ
“พี่สาวคนสวยอยากเห็นหรอจ๊ะเดี๋ยวหนูช่วย” เสียงเล็กแหลมแว่วมา จู่ ๆ ผ้าขาวม้าผืนบางถูกถลกร่นลงมากองบริเวณข้อเท้าสาก เผยสัดส่วนด้านล่างให้หญิงสาวเห็นเต็มสองตา ความเป็นชายสีน้ำตาลชมพูรายล้อมด้วยเส้นเอ็นแกร่งรอบลำ วางทาบบนพวงฐานสองใบใหญ่โต
“กรี๊ดดดด!” มือเล็กรีบยกมาปิดดวงตาทั้งสองอย่างเร่งรีบ หลังเห็นอสรพิษแก่นกลางลำตัวของชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าเต็มตาแบบจัง ๆ ป๊าด…ของจริงมันใหญ่โตเพียงนี้เลยหรือ คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกมันจะเข้าไปอยู่ในเรือนร่างระหงของผู้หญิงได้ไง ไม่ฉีกขาดเลยหรอ
“ไอส้มป่อย! เดี๋ยวกูจะเฆี่ยนมึงให้ตูดลาย” ชายหนุ่มสบถเสียงดัง ลนลานรีบจัดแจงผ้าขาวม้าให้เข้าที่เข้าทางดังเดิม เขาไม่เคยรู้สึกอับอายขายขี้หน้าเช่นนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรก!
“คิก…คิก” เสียงหัวเราะคิกคักของส้มป่อยดังขึ้น ทว่าไม่ยอมปรากฎกายมีเพียงเสียงแว่วดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล
“ฉันว่าพ่อครูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนเถอะ ฉันไม่อยากเห็นไส้เทียนของพ่อครูซ้ำสอง“
“เอ็งว่าอะไรนะ สะ ไส้เทียนงั้นหรอ” ไอยศูรย์รู้สึกโดนปรามาสจึงก้าวเท้าเดินมาใกล้หญิงสาว โน้มใบหน้าคมใกล้ดวงหน้างามละออ ดวงตาสีดำขลับแพรวพราวจนเธอต้องหลุบหนีสายตาคู่นั้น
“ก็ฉันเห็นแบบนั้นจริง ๆ นี่จ๊ะพ่อครู”
“เอ็งอยากลองโดนไส้เทียนลนสักทีสองทีมั้ยล่ะพูดจาแบบนี้ ไม่แน่ไส้เทียนเล่มนี้อาจจะทำให้เอ็งเดินขาถ่างไปสามสี่วัน” ร่างสูงยักคิ้วยียวน
“พ่อครูใกล้ไปแล้วถอยออกห่างหน่อย”
“ทำไม ข้าไม่ถอย”
“พ่อครูไม่ถอยฉันจะ...”
“จะอะไร?”
“จะไปนอนแล้วจ๊ะ ฝันดีนะจ๊ะ” บุหงาหน้าแดงระเรื่อรีบมุดเข้ามุ้งนอนก่อนจะใช้ผ้าคลุมหัวหนีความอาย คอยเงี่ยหูฟังฝีเท้าหนักของชายหนุ่มว่าเดินเข้าห้องนอนไปหรือยัง คำพูดคำจาของเขานั่นเขาเกี้ยวเธอใช่ไหม… ตาบ้าจะให้ฉันเดินขาถ่างเลยหรอ!
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments