ตอนที่ 3 : ขูดหวยเจ้าแม่ตะเคียน

ตอนที่ 3

เสียงหวานเล่าย้อนเหตุการณ์เมื่อวานให้หอมและแหวนเพื่อนสนิทที่อยู่ระแวกบ้านฟัง สามสาวเติบโตมาพร้อมกันจึงสนิทสนมปรองดองกันเหนียวแน่น แม้ในความเป็นจริงเธอไม่อยากจะเล่าย้อนอะไรให้มากความ ทว่าความอยากรู้อยากเห็นและสีหน้าคาดคั้นของเพื่อนทั้งสอง เป็นเหตุที่ทำให้เธอต้องยอมปริปากเล่าเรื่องราวทั้งหมด

“ว่ะ! ถ้าพ่อครูปราบผีพรายมือเปล่าได้ดั่งคำที่มึงเล่า นั้นก็แสดงว่าตอนนี้อาคมพ่อครูคงแข็งกล้าขึ้นกว่าเดิม” หอมตบเข่าฉาดใหญ่

หอมเพื่อนสนิทของเธอ แม้ร่างกายจะเป็นหญิง ภายในใจกลับเป็นชาย นอกเสียจากแต่งองค์ทรงเครื่องจนเหมือนบุรุษ เธอยังชอบเกี้ยวหญิงสาวหน้าดีทั้งในและนอกหมู่บ้าน หากบุหงาไม่ใช่เพื่อนสนิทของเธอตั้งแต่เด็กคงถูกเจ้าหล่อนเกี้ยวไปนมนาน

“เก่งกาจเพียงใดรูปงามเพียงใดเล่นคุณไสยอาคมคงยากพานพบมาบรรจบกัน...” แหวน เพื่อนสาวหน้าตาดีของเธออีกคน ทำท่าอาลัยอาวรณ์จนบุหงาต้องผลักศรีษระของเธอเรียกคืนสติ

“อีนี่คิดอยากจะขึ้นครู” บุหงาที่เคยมีท่าทีเรียบร้อยอ่อนหวานยามอยู่กับตาบัว ยามอยู่กับเพื่อนสนิทกลับฉายแววซุกซนจอมแก่น เนื้อในแท้ ๆ ของเธอนั้นเป็นเช่นนี้แหละ เพียงแต่ยามที่อยู่ต่อหน้าตาบัวจำต้องสงวนท่าทีกุลสตรีดั่งพ่อหมาย หากซุกซนคงไม่แคล้วโดนไม้หวายหวดใส่น่องไม่ก็แผ่นหลัง

“มึงก็ดูพ่อครูสิวะใครไม่อยากขึ้นก็บ้า ถ้าพ่อครูยอมให้กูขึ้นนรกจะกินหัวกูก็ยอม” แหวนทำหน้าหยาดเยิ้มยามเอ่ยถึงพ่อครูเพลิง รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ผิวคร้ามแดดสองสี สักยันต์อักขระตามเนื้อตัว แผงอกเป็นลอน เห็นแล้วแทบเก็บน้ำลายสอไม่ไหว

“เพลา ๆ ลงบ้างอีแหวนแค่นี้ผู้ชายแทบทั้งหมู่บ้านก็จะเป็นผัวมึงหมดแล้ว พ่อมึงไม่ชอบผู้ชายเล่นคุณไสยแต่มึงจะเที่ยวอ้าขาให้พวกมันเสียบฟรี ๆ ก็ไม่ได้นะโว้ย! กูรู้นะเมื่อวานมึงแอบพ่อไปทำอะไรกับพวกไอกัณฑ์ที่เถียงท้ายนา” หอมเอ่ยขัดความฝันอันหอมหวานของแหวน ด้วยรู้นิสัยขาดผู้ชายของมันไม่ได้ นิ้วเรียวจิ้มลงบริเวณข้างขมับแหวนราวกับต้องการให้เพื่อนมีสติกลับมา

“โอ๊ย! กูก็แค่เล่นสนุกชั่วครั้งชั่วคราว กูได้มันมันได้กู ต่างฝ่ายต่างได้กูไม่ได้ให้มันเอากูฝ่ายเดียวซะหน่อย หากจะด่ากูเอาเวลาไปด่าอีพวกรุ้งดาวเถอะ อีนั่นก็พอ ๆ กับกูไม่ด่ามันบ้างล่ะ” แหวนเอ่ยถึง รุ้งดาว ลูกสาวจ่าตำรวจบ้านใกล้คลองหน้าตลาด อริของพวกเธอ

“ถึงอีรุ้งดาวมันจะร่านแต่ผู้ชายแต่ละคนของมันก็ไม่ไก่กานะโว๊ย อีนี่หัวสูงเลือกกินแต่ผู้ชายในเมือง ผู้ชายขี้ครอกขี้ยาไม่ได้กินมันหรอก” หอมเอ่ย

“ในเมืองบ้าอะไรล่ะสร้างภาพวันก่อนกูยังเห็นมันไปกินกันกับไอสิงห์ลูกกำนันเกื้อตรงป่ากล้วยอยู่เลย” แหวนเบ้ปากหลังได้ยินคำพูดของเพื่อน

“มึงว่าอะไรนะ! ไอสิงห์ที่ตามจีบอีบุหงาต้อย ๆ ไปกินกันกับอีรุ้งดาว” หอมเบิกตาโพลงไม่คิดว่านัเจ้าสิงห์ลูกชายผู้มีอิทธิพลจะไปคว้ารุ้งดาวมากกกอดคลายเหงา ปกติตามจีบบุหงาจนตาบัวต้องเอ็ดตะโรตวาดไล่เสียงดัง

“ผู้ชายก็เหมือนของหมุนเวียนกินกันต่อ ๆ ดีนะที่กูไม่ยอมเล่นด้วย ไม่งั้นป่านนี้คงต้องกินน้ำใต้ศอกจากพี่สิงห์นี่หากมึงเป็นชายกูตบแต่งกับมึงดีกว่า” บุหงาย่นจมูกเล็กน้อยก่อนจะซบไหล่มนเล็กของเพื่อนหอม

“กูขนลุกอีบุหงา!” หอมโขกหน้าผากมนของเพื่อนเต็มแรงหลังมันคิดอกุศลกับเธอ

โป้ก!

“โอ๊ย! กูเจ็บนะอีหอม”

“ใครใช้ให้มึงมาคิดอกุศลกับกูล่ะ ถึงหน้าตากูจะเหมือนชายหนุ่มรูปงามก็เถอะ แต่กูไม่มีทางกินกันเอง” หอมเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ

“โถ...อีหอม มึงก็มีตรงนั้นเหมือนพวกกู มึงจะไปกินกับใครได้ เก็บความบริสุทธิ์ที่ดูเหมือนว่าชาตินี้จะไม่ได้ใช้มันขึ้นบูชาบนหิ้งเถอะ” แหวนเอ่ยติดตลก คำพูดคำจามันเหมือนผ่านสนามรบมานับร้อยนับพันครั้ง ทว่าความเป็นจริงมันยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ต่างหาก

“เอ๊ะ...อีนี่ก็กูยังไม่พึงใจใคร น้องนิดน้องหน่อยกูก็แค่หมาหยอกไก่ กูยังไม่ถูกจริตใครจริง ๆ นี่หว่า” หอมพูด

“มึงก็ล้มเลิกความคิดอยากเป็นชายแล้วมาเป็นหญิงตามสภาพมึงสิ เดี๋ยวกูพาออกหากินได้ทุกวัน” แหวนทำตาลุกวาวเปล่งประกาย

“มึงหยุดเลยอีแหวน ให้มันเป็นแบบนี้ของมันจะไปยุ่งอะไรกับมัน มึงก็เพลา ๆ อย่างที่อีหอมมันพูดบ้าง กินไม่เลือกแบบนี้ระวังมึงจะติดโรคตาย ผู้หญิงในหมู่บ้านที่เข้าไปทำงานในเมืองกลับบ้านมาก็เพราะติดโรคกันทั้งนั้น ใครจะไปรู้ว่าจะไม่เอามาแพร่ให้พวกผู้ชายในหมู่บ้าน” บุหงาเอ่ยก่อนจะยกพัดขึ้นมาโบกสะบัดคลายความร้อนอบอ้าว

“มึงแช่งกูหรออีบุหงา!” แหวนหน้ามุ่ย

“กูเตือน...พวกมันนอนกับมึงได้ก็ไปนอนกับคนอื่นได้เหมือนกัน อีกอย่างคนในหมู่บ้านเริ่มลือกันหนาหู มึงก็ไว้หน้าตาเรืองพ่อมึงบ้างเถอะวะ ไม่เห็นสีหน้าพ่อแม่มึงตอนไปจ่ายตลาดหรือไง แทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว” บุหงากล่าวเตือนเพื่อนสาว

“เออกูจะเพลา ๆ ลงละกัน” แหวนรับคำเสียงอ่อน

“ดีมากเพื่อนรัก” บุหงาคลี่รอยยิ้มหลังเพื่อนรับฟังคำตักเตือน แหวนมันหน้าตาสะสวย หากมันรักตัวเองสักนิด เธอเชื่อว่าเพื่อนของเธอจะได้เจอคนที่คู่ควรมากกว่าเล่นสนุก ๆ กันไปวัน ๆ แบบนี้

“แต่พรุ่งนี้หวยออกแล้วนี่หว่า พวกเราไปขูดเลขใต้ต้นตะเคียนหลังหมู่บ้านกันดีม่ะ” แหวนพลันนึกได้จึงเอ่ยชวนเพื่อน ตะเคียนต้นนี้เขาว่าศักดิ์สิทธิ์นักแล ผู้ใดไปบนบานศาลกล่าวต่างก็กลับมาถวายของแก้บน

“เออดีงวดที่แล้วมึงพากูไปขูดเลขใต้ท้องเรือ ชิบหายไม่ถูกสักตัว” หอมบ่น

“งวดนี้ฟ้าต้องเป็นใจให้กูละวะ” แหวนทำหน้าจริงจัง หลังไม่ถูกติดกันมาหลายงวดพาลพาให้เพื่อนเสียเงินไปด้วย

“กูไม่อยากไป ขี้เกียจ...” บุหงาอยากจะนอนอยู่บ้านมากกว่า หลังเช้าวันนี้ตื่นตั้งแต่ไก่โห่ลุกขึ้นมาทำกับข้าวไปวัดกับพ่อ เธอยังไม่ได้นอนสักงีบเลย

“ไม่ได้ต้องไปด้วยกัน ตะเคียนต้นนี้เขาว่าศักดิ์สิทธิ์นัก งวดที่แล้วป้าแมวแม่ค้าขายบัวลอยถูกเต็ม ๆ จนตอนนี้ปิดร้านไปเที่ยวบางกอกกับครอบครัวเสียหลายวัน กูเลยอดกินบัวลอยร้านประจำ” แหวนแสร้งทำสีหน้าสลด

“ศักดิ์สิทธิ์ขนาดนั้นคนไม่รวยทั้งหมู่บ้านแล้วหรอนังแหวน” บุหงาเอ่ยหลังเข็ดหลาบกับการซื้อหวยมาหลายรอบ ซื้อทุกครั้งเฉียดไปแล้วก็เฉียดมา ไม่เคยจะถูกกับคนอื่นเขาบ้าง

“เออน่าลองอีกสักตั้ง มึงไปเอาแป้งมาเอาธูปเอาเทียนมาด้วย” แหวนเอ่ยให้กำลังใจบุหงา

บุหงาจำใจต้องติดสอยห้อยตาเพื่อนไปหลังหมู่บ้าน ที่ตั้งของต้นตะเคียนอายุนับร้อยปี สามสาวถือแป้งฝุ่นดอกไม้ธูปเทียนมาไหว้เอาใจเจ้าแม่ที่เขาว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์นักแล

ต้นตะเคียนสูงใหญ่ผูกโบว์ผ้าสามสี ด้านข้างมีโต๊ะไม้วางน้ำเขียวน้ำแดงขนมนมเนย กระถางธูปมีธูปจุดแล้วยังไม่มอดอยู่หลายดอก ตามรากไม้และลำต้นขาวโพลนจากแป้งฝุ่น ลำต้นราบเรียบจากการขูดขอหวยไร้ผิวขรุขระเฉกเช่นต้นไม้ทั่วไป ของแก้บนวางห้อยเรียงรายเต็มพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นชุดไทยโบราณ เครื่องประทับ เครื่องสำอาง

“เจ้าแม่ตะเคียนเจ้าขาถ้างวดนี้ลูกถูกเต็ม ๆ ลูกจะซื้อชุดไทยสวย ๆ มาให้เจ้าแม่นะจ๊ะ” แหวนจุดธูปกราบไหว้เจ้าแม่ตะเคียนก่อนจะนำไปปักลงบนกระถางธูป

หอมและบุหงาทำตามเพื่อนสาวที่ชำนาญการในด้านนี้ ก่อนจะเริ่มลงมือละเลงแป้งฝุ่นขูดต้นตะเคียนเพื่อหาตัวเลข ต้นตะเคียนลำใหญ่ขาวโพลนจากฝีมือชาวบ้านที่หมายมาขอเลขเด็ดจากเจ้าแม่ตะเคียนทอง

สามสาวตั้งหน้าตั้งใจขูดต้นตะเคียนกันอย่างเงียบเชียบหลายสิบนาที สักพักเสียงแหลมเล็กกรีดร้องออกมาทำเอาสองสาวที่เหลือถึงกับตกอกตกใจกันเป็นแถบ แหวนที่กำลังนั่งยองผงะชั่วครู่ ก่อนจะลุกพรวดแผดเสียงลั่นอย่างเก็บอาการไว้ไม่อยู่

“กรี๊ดดด...” แหวนกระโดดเต้นดีใจจนออกนอกหน้า

“อะไรของมึงอีแหวน!” หอมเอ็ดเพื่อนสาวเสียงดัง เล่นเอาเธอตกอกตกใจเสียหมด ดีไม่หงายท้องหัวคะมำ

“กูเห็นเลขแล้ว!”

“ไหนวะ! กูไม่เห็นอะไรเลย” หอมชะเง้อคอมองบริเวณเปลือกไม้ที่นังแหวนมันขูดกลับไม่เห็นตัวเลขดั่งมันว่า มันคงจะใช้แรงขูดไม่เบาดูจากเปลือกไม้ราบเรียบปรากฎร่องรอยเปียกชื้นจากเหงื่อบนฝ่ามือแหวน

“ท่านคงตั้งใจประทานให้กูคนเดียว พวกมึงก็พยายามเอาหน่อย กูจะนั่งรอตรงนี้” แหวนยิ้มหน้าระรื่นหลังได้เลขเด็ดแต่ก็ต้องยอมรับว่าปวดมือไม่น้อย

“แล้วทำไมมึงไม่บอกเลขพวกกูล่ะ” บุหงาเลิกคิ้วถามเพื่อนสาว

“กูบอกก็เลขเคลื่อนสิวะ พวกมึงต้องขูดหากันเอาเอง”

“เออ ๆ”

บุหงาและหอมลองเปลี่ยนย้ายที่ขูดใหม่ ไม่นานนักเสียงแหลมเล็กก็ร้องออกมาเสียงหลงอย่างดีใจ ทำเอาบุหงาถึงกับขมวดคิ้วแน่นเป็นปม คงเหลือเพียงเธอที่ยังไม่ได้เลขเด็ดจากเจ้าแม่ตะเคียนทอง แบบนี้สองมาตราฐานเหลือเปล่าเจ้าแม่…

“กูเห็นเลขแล้วโว้ย ๆ ๆ” หอมผละออกมาไหว้กราบศาลเจ้าแม่ตะเคียนทองหลังเล็กใต้ต้นตะเคียนอีกรอบก่อนจะไปนั่งรอบุหงาข้างนังแหวน ที่นั่งตบยุงรอไปพลาง ๆ

“เจ้าแม่คงไม่อยากให้กูแล้วแหละ กูขูดจนนิ้วกูจะด้านแล้วเนี่ย!” บุหงาบ่นพึมพำ

“มึงก้มหน้าขูด ๆ ไปเดี๋ยวเจ้าแม่ก็ใจอ่อนให้มึงเองแหละอีบุหงา! ขี้บ่นแบบนี้เจ้าแม่คงจะให้มึงหรอก” แหวนพูดให้กำลังใจเพื่อน

บุหงานั่งยองเลิกผ้าซิ่นถลกมาวางบนหัวเข่า บัดนี้ผู้ที่ดูเหมือนจะไม่อยากมาตั้งแต่ทีแรก กลับไม่ยอมกลับ หลังเวลาล่วงเลยจนตะวันใกล้ตกดิน บรรยากาศหลังหมู่บ้านเย็นยะเยือกวังเวงจนน่าขนลุก ถัดไปอีกหน่อยก็จะเป็นป่าช้า ทว่าบรรยากาศกลับเงียบเชียบไร้เสียงนกกาและแมลงที่มักจะส่งเสียงดังเป็นระยะ ความเย็นกดอากาศต่ำทำให้ท่อนแขนของสามสาวขนลุกซู่กันเป็นแถบ

“อีบุหงาวันพรุ่งนี้ค่อยมาเถอะวะ ตะวันจะตกดินแล้วกูกลัวเดี๋ยวกูบอกเลขมึงก็ได้” หอมเอ่ย ดวงตากวาดมองบรรยากาศโดยรอบอย่างขนลุกขนพอง

“เอออีกแป๊บนึง มาแล้วก็ทำให้มันเสร็จ ๆ สิวะ กูไม่อยากมาหลายรอบ ขืนมึงบอกเลขกูเดี๋ยวเลขเคลื่อนอีก” บุหงาโรยแป้งฝุ่นขูดหาเลขบนเปลือกไม้กลางลำต้นตะเคียน หลายชั่วโมงแล้วที่เธอนั่งขูดเลข กลับไม่ปรากฎตัวเลขขึ้นมาให้เธอเห็นแม้เพียงเสี้ยว

‘หรืออีแหวนกับอีหอมมันโกหก!’

“อีบุหงามันจะมืดแล้วกูไม่ได้เอาตะเกียงมา” แหวนเอ่ยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย สองมือลูบท่อนแขนของตนเองไปมาไล่ความหนาวเย็น

“เออกูมีเทียนกับไม้ขีดไฟมึงจะกลัวอะไร ชวนกูมาพอทีนี้จะชวนกูกลับกูยังไม่ได้เลขเลย!”

บุหงาเริ่มหงุดหงิดบวกกับเสียงเร่งเร้าของเพื่อน มือบางจึงเอื้อมหยิบเชิงเทียนไขที่จุดไฟแล้วมาลนบริเวณเปลือกไม้ บังเกิดเป็นรอยไหม้สีน้ำตาลดำคล้ำ น้ำมันตะเคียนรินไหลลงมาเป็นทางยาวคล้ายสีเลือดแดงฉานไม่ขาดสาย เปลือกไม้ถูกชโลมด้วยน้ำมันจากด้านใน ส่งกลิ่นเผาไหม้และบังเกิดควันขาวโพลนลอยคละคลุ้ง หอมและแหวนรีบเข้ามาปรามบุหงาด้วยความกลัวว่าเจ้าแม่ตะเคียนทองจะโกรธ

“ขอกันดี ๆ ไม่ให้ใช่มั้ย กูลนเลยละกัน!”

“อีบุหงามึงทำอะไร! เดี๋ยวเจ้าแม่ก็โกรธหรอก!” แหวนสีหน้าแตกตื่นหลังเห็นเพื่อนสาวนำเปลวไฟจากเทียนไขมาลนต้นตะเคียน ไม่ต่างอะไรจากลบหลู่เจ้าแม่ตะเคียนทองเลย

“เจ้าแม่จะโกรธไม่โกรธกูไม่รู้ แต่ตอนนี้กูโกรธแล้วล่ะ! กูขูดมาหลายชั่วโมงตัวเลขไม่ให้กูสักกะตัว!”

“อีชิบหายเดี๋ยวซวยกันหมด!” หอมสบถ รีบเข้าไปแย่งเชิงเทียนจากเพื่อนสาว ก่อนบุหงามันจะเผาตะเคียนต้นนี้จนวอด อีนี่บทจะบ้าก็บ้าบิ่นจนเพื่อนใจหายใจคว่ำ

“กูเห็นแล้ว!” บุหงาหันหน้ามาบอกเพื่อนก่อนจะกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ

“ต้องให้กูขู่ ให้กูแต่แรกก็จบจะได้ไม่ต้องเจ็บตัว ขอบคุณนะเจ้าคะ ไป! กลับบ้าน” บุหงายันกายลุกขึ้นมาปัดเศษดินปลายผ้าซิ่นก่อนจะพนมมือไหว้ขอบคุณเจ้าแม่ตะเคียนที่เธอพึ่งจะใช้ไฟลนขู่เอาเลข

“อีนี่กับผีสางเทวดามึงก็ไม่เว้น!” แหวนลอบถอนหายใจ

“ระวังเถอะคืนนี้เจ้าแม่จะมาหักคอมึง!” หอมเอ่ยแซวไม่คิดจริงจัง

สามสาวเดินผ่านป่าอ้อยของชาวบ้านโดยมีบุหงาเดินนำหน้าถือเชิงเทียน แหวนและหอมเกาะชายเสื้อของเพื่อนสาวเดินตามมาติด ๆ ดวงตาสองคู่หลับตาปี๋ด้วยความกลัวในบรรยากาศวังเวง ตะวันลับฟ้าไร้แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ หลงเหลือเพียงแสงไฟจากเชิงเทียนอันน้อยนิดคอยนำทางให้แสงสว่าง

“อีพวกนี้มึงหลับตาเดินไม่ดูทางก็มาเหยียบตีนกูกันอยู่นั่นแหละ” บุหงาที่ดูจะใจกล้ากว่าเพื่อนเอ่ย

“กูบอกให้กลับก่อนตะวันตกดินก็ไม่เชื่อ กูขนหัวลุกหมดแล้วเนี่ยอีบุหงา!” แหวนลูบท่อนแขนของตนที่ปรากฎตุ่มหนาวขึ้น

“ใครใช้ให้มึงลากกูมาล่ะ อีตอนไปแอบกินกับผู้ชายในดงกล้วยดึก ๆ ดื่น ๆ มึงไม่ยักกลัว...” บุหงาส่ายหน้าเอือมระอากับท่าทีเพื่อนสาวทั้งสอง

“มันไม่เหมือนกันนิอีนี่!”

“อีบุหงามึงไม่กลัวแต่กูกลัว ป่าอ้อยสูงชันขนาดนี้แสงไฟก็ไม่มี เงียบวังเวงอีกต่างหาก” หอมยังคงหลับตาปี๋เดินตาม ฝีเท้ายามเดินผ่านต้นหญ้าให้สัมผัสราวกับฝ่ามือพาดผ่านเรียวขายิ่งนัก

“ใครบอกไม่มีแสงไฟกูถือเชิงเทียนอยู่ทนโท่บอกไม่มีแสงไฟอีบ้า!”

ป่าอ้อยกินพื้นที่หลายสิบไร่ไร้คนดูแลสม่ำเสมอทำให้พื้นที่ดูรกร้าง หญ้าสูงเกือบเท่าต้นอ้อยทำให้เธอรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก ในขณะที่บุหงากวาดสายตามองป่าอ้อยด้วยความเสียดาย หางตาเหลือบไปเห็นเงาสีดำตะคุ่มที่เดินตามมาไม่ใกล้ไม่ไกล

“พวกมึง!”

“อะไรอีบุหงา!” แหวนพูดเสียงแหลมกลบความกลัวที่ก่อตัวในใจ

“มีคนเดินตามมา”

“มึงดูให้ชัดคนหรือผี!” หอมพูดเธอไม่กล้าลืมตาหันหลับไปมองหรอกนะ

“กูไม่รู้ จะผีจะคนก็ไม่น่าไว้ใจเกิดเป็นคนแล้วมันฆ่าหมกป่าทำไง เตรียมวิ่งนะ!” บุหงาถลกผ้าซิ่นก่อนจะออกตัววิ่งไม่สนใจสำรวมกิริยาดั่งคำพ่อสอน วินาทีนี้เรื่องกิริยามารยาทเอาไว้ทีหลังก่อนเถอะ

บุหงาวิ่งเร็วสุดแรงเกิดเพื่อนสาวสองคนเห็นท่าไม่ดีจึงยอมลืมตาวิ่งตามมาติด ๆ ป่าอ้อยที่เคยเงียบเชียบ บังเกิดเสียงสวบซาบราวกับมีคนมาเขย่าจนต้นอ้อยสั่นไหว เสียงหวีดร้องโหยหวนไล่ตามหลังมาติด ๆ ต้นไม้น้อยใหญ่สองข้างทางสั่นสะท้านจนใบไม้แห้งโปรยปรายร่วงหล่นตลอดทาง บุหงาหยุดชะงักเท้า เงาตะคุ่มนั้นก็พลันหยุดรักษาระยะห่าง ก่อนเสียงครวญอันน่าสะพรึงกลัวจะร้องดังลั่นทั่วทิศ

“มึงได้ยินเหมือนกูไหม?” บุหงาเอ่ยถามเพื่อน ทว่าฝีเท้ายังคงวิ่งสับตีนแตก

“เออเต็มสองรูหู”

“อีบุหงารอกูด้วยย!”

“อีบุหงาาา!”

สายลมกระโชกแรงส่งผลให้ป่าอ้อยโอนเอนราวกับคนโยกไหวตามจังหวะ เสียงร้องครวญยังคงดังขึ้นสร้างความน่าสะพรึงกลัวตามหลอกหลอนไม่หยุดหย่อน เงาตะคุ่มดำทะมึนไล่ตามมาไม่มีลดละ เสียงหอบหายใจเหนื่อยหนักของทั้งสามดังแข่งเสียงร้องโหยหวนชวนขนลุก

สายตาหวาดระแวงของสามสาวจับจ้องมองไปยังเบื้องหน้าไม่กล้าจะหันหลังกลับไปมองเงาตะคุ่มสีดำทางด้านหลัง อีกฟากฝั่งป่าอ้อยมีเสียงฝีเท้าเดินสวบซาบคล้ายใครกำลังเดินลุยฝ่าดงอ้อยอันหนาเตอะ หากเป็นคนคงไม่แคล้นโดนใบอ้อยสากบาดผิวเนื้อหมดแล้ว

“มึงกล้าลองดีกับกู กูจะสั่งสอนให้มึงหลาบจำ...” น้ำเสียงแหบพร่าของหญิงสาวปริศนาดังกึกก้องทั่วอาณาเขต เป็นเหตุให้บุหงาชะงักฝีเท้าหันหลังกลับไปมอง พลันสิ่งที่ปรากฎกลับทำให้บุหงาเบิกตากว้างตื่นตกใจกลัวสุดขีด

หญิงสาวชุดไทยโบราณนุ่งโจงกระเบนใบหน้าซูบผอม ผมยาวสลวยถึงข้อเท้า ขอบตาลึกโบ๋ ดวงตาสีขาวขุ่นเหลือกถล่นจนเกือบหลุดออกจากเบ้าตา เลือดฉานสีสดทะลักออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ผิวขาวซีดราวสีกระดาษ จ้องมองบุหงาด้วยสีหน้าโกรธแค้น

“......” ดวงตากลมโตที่เคยชัดแจ้งกลับพร่ามัวมองไม่เห็นสิ่งใด สติสัมปัชชัญญะที่มีเลือนลางเต็มที่ ร่างระหงโอนเอนเสียการทรงตัวหมดสติจนเพื่อนทั้งสองต้องรีบคว้าประคองเอาไว้ คนที่ดูกล้ากว่าเพื่อนเป็นลมล้มพับไปแล้ว

“เอาไงดีอีหอม” แหวนเอียงถามเพื่อนอีกคน ดูท่าอีบุหงามันจะเจอของดีเข้าแล้ว ฝีเท้ายังคงวิ่งหนีเสียงสวบซาบในดงป่าอ้อย

“พามันกลับบ้านตาบัวได้สวดมึงกับกูจนหูชาเป็นแน่” เธอกลัวแสนกลัวแต่จะให้ทิ้งนังบุหงาไว้กลางป่าอ้อยก็ทำไม่ลง

“งั้นกูจะพาไปหาพ่อครู”

“เออดีเร่งฝีเท้าให้ไว มึงเห็นหรือได้ยินอะไรอย่าทักอีก มึงเป็นล้มอีกคนพวกเราสามคนคงได้ตายห่ากันในดงอ้อย” หอมเอ่ยสีหน้าไม่สู้ดี

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!