ตอนที่3 กำเนิดจอมมาร

---

[ฉากในคอนโดหรู ยุค 2050 – ยามค่ำ]

แสงไฟจากเมืองเบื้องล่างส่องลอดกระจกใสเข้ามา เส้นแสงจากอากาศยานไร้คนขับวาดลวดลายอยู่บนท้องฟ้า จอมมารนั่งอยู่บนโซฟาเรียบหรูในคอนโดหรูใจกลางเมือง ดวงตาเหม่อมองไปยังหน้าต่าง ท่ามกลางแสงสีของโลกอนาคตที่ทั้งเจริญและว่างเปล่าในเวลาเดียวกัน

แอสเทล—หนึ่งในขุนพลปีศาจของเขา ยืนอยู่เงียบ ๆ ที่มุมห้อง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา ทว่าเต็มไปด้วยความใคร่รู้

“ท่าน...ข้าใคร่รู้เหลือเกิน ท่านเรียนเวทย์มาจากที่ใดหรือเพคะ?”

คำถามนั้นเงียบงันไปชั่วขณะ ก่อนจอมมารจะละสายตาจากหน้าต่าง หันมามองหญิงสาวผู้ภักดี ดวงตาเขานิ่งราวกับซ่อนบางสิ่งไว้

“เจ้าถามเช่นนี้ ข้าควรจะตอบดีหรือไม่นะ...”

แอสเทลไม่ได้กดดัน เพียงรอฟังอย่างสงบและจริงใจ เขาจึงค่อย ๆ เอ่ยออกมา

“ข้าเกิดในเผ่าปีศาจ...แต่จิตใจข้ากลับไม่เหมือนพวกมัน” เขาหัวเราะเบา ๆ “ในตอนที่ยังเด็ก ข้ารู้สึกว่า...โลกนี้มีบางอย่างผิดแปลก พวกเราเรียนรู้ที่จะฆ่าโดยไม่ตั้งคำถาม เรียนรู้ที่จะเกลียดเพียงเพราะเขาไม่ใช่เผ่าของเรา”

เขาเอนตัวพิงพนัก หยิบสมุดบันทึกเก่าเล่มหนึ่งจากโต๊ะข้างโซฟา

“แต่ข้าชอบอ่านหนังสือเก่า ๆ ที่มนุษย์ทิ้งไว้ หนึ่งในนั้นคือบันทึกของใครบางคน...ดิอาโบล เอลลุส” น้ำเสียงของเขาเบาลง “เขาเขียนถึงโลกที่ทั้งสองเผ่าจะอยู่ร่วมกันได้ ถึงความเข้าใจและการให้อภัย...ซึ่งข้าไม่เคยพบในชีวิตจริงเลยแม้แต่น้อย”

“ดิอาโบล...” แอสเทลพึมพำ “ชื่อของเขาข้าคุ้นเคย...นั่นหรือคือผู้ที่ท่านยึดถือ?”

จอมมารพยักหน้า ดวงตาหม่นลง

“ข้าตัดสินใจตามหาเขา หวังจะได้พบต้นฉบับแห่งปัญญา แต่เมื่อข้าลงไปยังหมู่บ้านที่เขาเคยอยู่ ข้ากลับพบแต่ความเงียบ...เขาถูกสังหารโดยมนุษย์เมื่อห้าสิบปีก่อน เพียงเพราะแนวคิดของเขาแตกต่าง”

แอสเทลนิ่งเงียบอย่างเคารพ “มนุษย์...ก็ไม่ต่างจากพวกเราเท่าไรเลยสินะเพคะ”

“ใช่” จอมมารเอ่ย “ดิอาโบลถูกพวกเดียวกันฆ่าทั้งที่เขายิ่งใหญ่เกินใคร...เหมือนเช่นข้าในตอนนั้น ข้าเริ่มถูกจับตา ถูกหวาดกลัว...แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไร เพราะข้า...แข็งแกร่งเกินไป”

เขาวางสมุดบันทึกลงอย่างระวัง

“สมุดเล่มนี้...เป็นจุดเริ่มต้นของข้า มันสอนข้าทุกอย่าง ให้แนวคิด ให้เวทย์มนตร์ ข้าศึกษามัน ซึมซับมัน แล้วทำให้มันเป็นของข้า จนในที่สุด—ข้ากลายเป็นจอมมาร”

---

---

เซราฟีนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเด็ดขาดแฝงความร้อนรน

“เอาล่ะ...ตอนนี้ข้ามีแผน—ฟังให้ดี เราจะใช้เครื่องไทม์แมสชีนย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนจุดสำคัญในประวัติศาสตร์ สิ่งที่เราต้องการมีสองอย่าง หนึ่งคือ สมุดบันทึกของดิอาโบล และอีกหนึ่งคือ หอกศักดิ์สิทธิ์ของผู้กล้าเคนตะ”

เธอเว้นช่วง มองสบตาแอสเทลและจอมมารอย่างจริงจัง

“...เคนตะ—เจ้าคงรู้จักชื่อนี้ดี ผู้กล้าที่เคยเป็นตัวแทนแห่งความหวังของมนุษย์ทั้งปวง หอกของเขาคือกุญแจสำคัญ”

เซราฟีนเดินไปยังหน้าจอโปรเจกเตอร์ที่แสดงภาพตึกสูงระฟ้าหรูหราโลโก้ ‘NOVA’ ฉายเด่นชัด

“และเจ้าจะไม่เชื่อ...แต่เครื่องบ้านั่น—มันอยู่ใต้ตึกของแบรนด์เสื้อผ้าโนวาที่เจ้าเคยใส่นั่นแหละ ใช่—มันเป็นเพียงฉากบังหน้า”

เธอจิ้มไปที่ภาพของชายคนหนึ่ง

“CEO ของโนวา...คือ จักรพรรดิองค์ที่หก—ลอร์ดวาเลนไทน์ เจ้าผู้นั้นเคยทรยศข้า และเขาไม่มีวันยอมให้เราใช้เครื่องนั่นง่าย ๆ”

เสียงของเซราฟีนเย็นลง

“ทางเข้าอยู่ใต้ตึก ผ่านระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูง หากเจ้าคิดจะเดินเข้าไปขอ...เจ้าคิดผิดแล้ว ไม่มีใครยอมมอบเครื่องย้อนเวลาที่สามารถเปลี่ยนทุกสิ่งให้ศัตรูหรอก”

เธอกำมือแน่น

“เราต้องวางแผนลักลอบ...อย่างรอบคอบที่สุด เพราะนี่คือโอกาสเดียวของพวกเรา”

---

---

ทันทีที่สิ้นชื่อ “วาเลนไทน์” เสียงคำรามของจอมมารก็ดังก้องในลำคอ ดวงตาแดงฉานฉายแววเดือดดาล

“วาเลนไทน์งั้นรึ...!!”

ไม่รอคำเตือนหรือคำห้ามใด ๆ ร่างของเขาก็พุ่งทะยานด้วยโทสะ ละลานสายตาไปด้วยแรงเวทย์มหาศาล กระจกห้องโถงแตกกระจายเป็นเสี่ยง ทะลุทะลวงมุ่งตรงไปยังสำนักงานใหญ่ของโนวา ณ ใจกลางเมือง

เสียงระเบิดเบา ๆ ดังขึ้นพร้อมแสงวาบเมื่อเขาทะลุถึงชั้นบนสุด—ห้องของชายผู้ทรยศ

และที่นั่น...ลอร์ดวาเลนไทน์ยืนรออยู่ รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้าอย่างไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

“แหม ๆ ๆ...ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้วสินะครับ” เขากล่าว พลางยกแก้วไวน์จิบเบา ๆ

“สาวกของท่านคงปลุกท่านขึ้นมาอีกแล้วล่ะสิ ข้านึกว่าคงไม่ได้เจอกันอีกเสียแล้ว”

“เจ้าจะไม่มีโอกาสพูดเย้ยหยันเช่นนี้อีก” จอมมารคำราม

“หากเจ้ากลับมารับใช้ข้า ข้ายังอาจไว้ชีวิตเจ้าบ้าง”

วาเลนไทน์หัวเราะในลำคอ ก่อนตอบเสียงเรียบ:

“เรื่องนั้น...ขอปฏิเสธนะครับ ตอนนี้ข้ามีทุกอย่างที่ต้องการแล้ว เพราะฉะนั้น—ได้โปรดหันหลังกลับไปยังหลุมเดิมของเจ้าด้วยเถอะ”

ประกายเวทย์สีดำสาดออกจากฝ่ามือจอมมารทันที คลื่นแรงโน้มถ่วงอันรุนแรงปะทะกับพื้นที่อย่างจัง บดบี้ทุกสิ่งรอบตัวให้บิดเบี้ยว แต่—

“ฮ่า ๆ ๆ...ตลกดีนะครับ” วาเลนไทน์พูดอย่างผู้ชนะ “ที่นี่คือ เขตแดนไร้พลังเวทย์ พลังทุกอย่างของท่าน—ไร้ค่า”

ก่อนที่จอมมารจะทันตั้งตัว วาเลนไทน์ก็วาดมือเรียกสกิลแสงสายฟ้าและคลื่นแรงกระแทกที่ดูเป็นเทคโนโลยีผสานเวทมนตร์ เขารัวใส่จอมมารอย่างไร้ปรานี ก่อนร่างของจอมมารจะถูกซัดทะลุกระจกตกจากชั้นบนสุดลงมายังสระน้ำข้างล่าง เสียงกระแทกดัง ตูม!!

เงียบงันชั่วขณะ—

น้ำกระเซ็นสูงราวม่านแห่งความพ่ายแพ้ ขณะที่ฟ้าคำรามอย่างเย้ยหยัน...

---

---

เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นถนนเปียกน้ำเป็นจังหวะช้า ๆ เส้นผมดำสนิทแนบติดใบหน้า ร่างสูงใหญ่ของจอมมารย่ำเท้ากลับมาที่คอนโดด้วยสภาพเปียกโชก น้ำหยดจากชายเสื้อและปลายผมดั่งสายฝนกลั่นจากโทสะ

เมื่อถึงหน้าลิฟต์...แสงไฟกะพริบเตือน "Error: ระบบป้องกันน้ำเข้าทำงาน..."

“หึ...” เขาหัวเราะในลำคออย่างเย็นชา "เจ้าเครื่องกลโง่งม กล้าขัดคำสั่งข้ารึ..."

เพล้ง! ฝ่ามือฟาดเข้าที่แผงควบคุมจนวงจรไหม้ไฟลุกวาบ ลิฟต์ดับสนิทพร้อมเสียงเตือนภัยเบา ๆ

ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีแผนสำรอง จอมมารเงยหน้าขึ้นมองตึกสูงร้อยชั้นที่เขาเรียกว่าบ้าน—ก่อนจะก้าวขึ้นผนังด้านข้างอย่างไร้เยื่อใย

ผู้คนภายในตึกต่างตะลึงมองผ่านกระจก ใครบางคนทำมือถือหล่น บ้างอ้าปากค้าง บ้างถ่ายคลิปไว้เงียบ ๆ แต่ไม่มีใครกล้าขัดหรือพูดอะไรเมื่อเห็นชายเปียกปอนเดิน ไต่ ขึ้นมาตามผนังตึก—โดยไม่ใช้เวทย์แม้แต่เศษเสี้ยว

เขามาถึงห้องของตนผ่านรอยทะลุกระจกเดิมที่ยังไม่ได้ซ่อม ความเงียบในห้องมีเพียงเสียงน้ำหยดเปื้อนพรม

เขายืนอยู่ตรงกลางห้อง สูดลมหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนจะคำรามเสียงต่ำ

“ข้าไม่เคย...ไม่เคยถูกเหยียดหยามเยี่ยงนี้มาก่อน...”

เขากำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เลือดสีดำไหลช้า ๆ

“ข้า...กลับมาอย่างผู้พ่ายแพ้”

เสียงของเขาเจือด้วยโทสะและความผิดหวัง ทว่าแววตา—ยังคงเปล่งแสงแห่งความไม่ยอมแพ้

---

---

รุ่งเช้าของวันถัดมา

ภายในห้องวางแผนลับ แสงสลัวจากหลอดไฟติดเพดานกระพริบเป็นระยะ รอบโต๊ะกลมกลางห้องคือผู้กลุ่มคนที่ต่างมีเป้าหมายเดียวกัน—การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์

แผนผังอาคารสำนักงานโนวาถูกขยายขึ้นบนหน้าจอโฮโลแกรมขนาดใหญ่ ดวงตาทุกคู่จดจ่อแน่วแน่ ขณะที่เซราฟีนอธิบายแผนการขั้นสุดท้าย

"เครื่องไทม์แมสชีนอยู่ใต้ตึกโนวา...ซ่อนอยู่ภายใต้บริษัทแฟชั่นสุดหรูที่เจ้าเคยใส่เสื้อผ้ามันนั่นแหละ" เธอหันไปพูดกับจอมมารที่ยืนนิ่งอยู่มุมห้อง “CEO ที่เป็นเจ้าของบริษัทก็ไม่ใช่ใครอื่น ลอร์ดวาเลนไทน์ จักรพรรดิที่หก...ศัตรูของเรา”

แผนการวางไว้ชัดเจน

ดึงความสนใจที่หน้าตึก

เจาะระบบรักษาความปลอดภัย

ลอบผ่านทางช่องระบายอากาศ

และเข้าใช้ลิฟต์ลับที่พาไปยังห้องไทม์แมสชีน

“หากผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว เราไม่มีโอกาสซ้ำสอง” เซราฟีนเตือนเสียงจริงจัง

เมื่อแผนวางเสร็จ ทุกคนแยกย้ายไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้านหน้าอาคารสีดำทึบ

...

เสียงเครื่องยนต์คำรามขึ้นพร้อมกันหลายคัน ขบวนรถแล่นฝ่าเช้าอึมครึมมุ่งหน้าสู่ตึกโนวา

เมื่อถึงด้านหน้าอาคาร แร็กซ์—มือสังหารเลือดร้อน—พุ่งตัวออกจากรถทันที ปะทะกับบอดี้การ์ดของตึกอย่างรุนแรง

หมัดแรกซัดจนอีกฝ่ายปลิวกระเด็นไปกระแทกผนัง เสียงกระจกแตก เสียงลั่นของกระสุนไร้ประโยชน์เมื่อปะทะเกราะเวทย์ของแร็กซ์

“กล้องวงจรปิดถูกควบคุมแล้ว” เซราฟีนรายงานผ่านลิงก์สื่อสาร

จอมมารกับดาริอุสใช้จังหวะนั้นลอดเข้าช่องระบายอากาศด้านข้างตึก ทั้งคู่คลานผ่านท่อโลหะเก่าแคบๆ จนไปโผล่ในห้องหนึ่งที่เต็มไปด้วยฝุ่นและกลิ่นเหล็ก

“ตรงนั้น” ดาริอุสชี้ไปยังลิฟต์ลับบานหนึ่ง ที่ซ่อนอยู่หลังแผงควบคุมเก่า

เซราฟีนรีบแฮ็กระบบจากระยะไกล “รหัสลิฟต์... 8382 กดเลย”

...

ภายในลิฟต์

แสงไฟสีขาวกระพริบเล็กน้อยก่อนลิฟต์จะเริ่มเคลื่อนตัวลงใต้ดิน

เสียงกลไกดังก้องไปทั่วทางเดินแคบๆ

ภายในมีเพียงเสียงลมหายใจเงียบ ๆ ของทั้งสองและเสียงเฟืองที่ขูดกับรางเหล็กอย่างเย็นเยียบ

“ลิฟต์กำลังลงไปลึกกว่าระดับพื้นโลก 300 เมตร…” เซราฟีนเอ่ยจากลิงก์ พร้อมเสียงพิมพ์คีย์บอร์ดที่ยังไม่หยุด

ดาริอุสมองจอมมารด้วยแววตาชื่นชม “ช่างง่ายดายสมกับเป็นท่านจอมมาร… แม้แต่ประตูนรกยังเปิดรับท่าน”

แต่จอมมารยังคงเงียบ สายตาเยือกเย็นมองไปข้างหน้า ไม่ตอบคำใด

“ข้าไม่ต้องการคำชม…ข้าเพียงต้องการแก้สิ่งที่ควรถูกแก้…ด้วยมือตัวเอง”

เขาพูดเบาๆ แต่ชัดเจน

"ติง!"

เสียงลิฟต์ถึงชั้น 8382 ดังขึ้น ไฟเหนือประตูสว่างวาบ

ประตูเหล็กหนักๆ ค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นอุโมงค์ยาวสว่างด้วยไฟหลอดสีฟ้าจาง ๆ

ไอเย็นและหมอกบางพวยพุ่งออกมาจากห้องเบื้องหน้า... ห้องที่บันทึกเวลา—กำลังรอการเปลี่ยนแปลงจากผู้ควบคุมโชคชะตา

---

ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก

หมอกสีฟ้าเจือแสงไฟเรืองรองเบื้องหน้าเริ่มจางหาย เผยให้เห็นร่างสูงสง่าในชุดสูทหรูสีดำสนิท ยืนรออยู่เพียงลำพังในใจกลางห้องทรงกลมล้อมด้วยเครื่องจักรโบราณและสายไฟส่องประกายแดง

ลอร์ดวาเลนไทน์

รอยยิ้มเจือเย้ยหยันผุดขึ้นทันทีเมื่อเห็นผู้มาเยือน

“แหมๆ…ยังเลือดร้อนเหมือนเดิมเลยนะครับ จะยุคไหนคุณก็ยังคงเป็นตัวปัญหา เกะกะขวางทางผมเสมอเลย”

เขายกมือปัดฝุ่นจากแขนเสื้อเบา ๆ

“เสียดายที่วันนี้... จะเป็นวันสุดท้ายของคุณแล้วล่ะครับ”

จอมมารหรี่ตาลง แรงเวทย์คุกรุ่นรอบกายพร้อมเสียงคำรามในลำคอ เขาหันไปบอกดาริอุสทันที

“อัญเชิญพวกนั้นเข้ามา เดี๋ยวข้าจัดการเอง!”

ดาริอุสพยักหน้า รีบร่ายเวทย์วงแหวนบนพื้น—แสงสว่างพุ่งออกมาจากอักขระสีทองเพื่อเรียกพรรคพวกอีกสองคน

แต่ยังไม่ทันพลังเวทย์จะจาง จอมมารพุ่งทะยานไปยังวาเลนไทน์ด้วยความเร็วเหนือมนุษย์!

หมัดหนักดั่งภูเขาฟาดเข้าเต็มท้องของวาเลนไทน์ จนอีกฝ่ายกระอักเลือดออกมาในพริบตา

“ฮ่าๆๆ สุดยอด…”

วาเลนไทน์หัวเราะทั้งที่ยังเลือดไหลจากมุมปาก

“หมัดนี่ยังหนักแน่นเหมือนเดิมเลยนะครับ…แต่ดูเหมือนคุณจะลืมไปแล้ว ว่าผมคือ ลอร์ดวาเลนไทน์ ผู้ควบคุมเลือด…”

เขายกมือขึ้นช้าๆ

“ดังนั้น... เตรียมตัวตายได้เลยครับ”

ทันใดนั้น

เลือดที่เปื้อนอยู่บนมือของจอมมาร—เลือดจากหมัดเมื่อครู่—เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีดำมืด

มันเริ่มไหลย้อนกลับอย่างผิดธรรมชาติ จากมือ…สู่แขน… และ…

“ชิ...!”

เสียงกรดกัดเนื้อดัง ฉ่าาาาา แขนของจอมมารถูกละลายอย่างรวดเร็ว จนหลุดขาดในไม่กี่วินาที!

ร่างสูงผงะถอยไปหนึ่งก้าว จ้องมองแขนที่หายไปด้วยสายตาเย็นเยือก ทว่าปราศจากเสียงร้อง

มีเพียงแววตาแห่งความเคียดแค้นลุกโชนขึ้นแทน

“เจ้าจะต้องชดใช้… ด้วยชีวิต”

---

ทันใดนั้น—

แสงสีทองและม่วงพุ่งวาบขึ้นจากวงแหวนเวทย์กลางห้อง แอสเทลและเซราฟีนปรากฏตัวในชั่วพริบตา เสียงสายลมที่ไหลผ่านพลังเวทย์กรีดห้องเงียบสงัดให้กลายเป็นสมรภูมิชั่วพริบตา

“รับไปสิคะท่านจอมมาร!”

แอสเทลยกคฑาขึ้นเหนือหัว ปล่อย พลังบัฟแห่งการฟื้นฟูขั้นสูงสุด

—พลังแสงสีฟ้าขาวเปล่งประกายห่อหุ้มร่างจอมมาร ก่อนที่แขนที่ขาดจะเริ่มงอกกลับมาช้าๆ พร้อมกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม!

“หึ...ไม่เสียแรงที่เจ้าอยู่ข้างข้า”

จอมมารพูดพลางเอื้อมแขนที่พึ่งฟื้นมาคว้าแอสเทลมากอดแน่น

“ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”

เขาโอบเอวเธอแน่นราวกับจะไม่ปล่อยให้ห่างอีก

“อี๋ แหวะ!!”

วาเลนไทน์ขมวดคิ้วทันทีด้วยความหมั่นไส้

“คนมีความรักนี่มัน…อ่อนแอชะมัด!!”

เขาตะโกนพลางทำท่าปัดๆ อากาศเหมือนรังเกียจ ก่อนจะตบมือดัง เพี๊ยะ! หนึ่งครั้ง

—เลือดที่หยดอยู่บนพื้นสั่นสะเทือนทันที—

มันแปรสภาพกลายเป็นแอ่งดำซึ่ง อันเดดหลายสิบตน ผุดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

โครงกระดูก สัตว์อสูรเลือด และนักเวทย์ไร้วิญญาณ เริ่มบุกเข้าหาทั้งกลุ่มด้วยเสียงคำรามแสบหู

“ตายซะพวกแมลง!”

วาเลนไทน์ยกมือขึ้น — สร้าง Blood Lance หอกสีเลือดพุ่งใส่จอมมาร!

"หึ!"

จอมมารเบี่ยงตัวหลบหอก ก่อนจะพุ่งใส่วาเลนไทน์อีกครั้ง

คราวนี้เขาต่อยไปด้วยหมัดที่ห่อหุ้มด้วยพลัง แรงโน้มถ่วงทำลายล้าง

“Graviton Smash!!!”

พื้นห้องถึงกับแตกระเบิดจนกระจกข้างห้องปลิวกระจาย

เซราฟีน ประกอบกับ ดาริอุส ก็ไม่ยอมนิ่ง

เซราฟีนแฮ็คระบบคอนโทรลของห้อง พุ่งพลังเวทย์เข้าเชื่อมกับสายไฟใต้พื้น

“ระบบปิดผนึกเวทย์งั้นหรอ? งั้นขอขัดลำดับพลังซะหน่อย!”

—เธอสั่งให้พลังเวทย์ถูกปล่อยกลับมา ช่วยให้เวทย์โจมตีแรงขึ้นสองเท่า

ดาริอุสเปลี่ยนแขนให้กลายเป็น ดาบพลังงานสายฟ้า

“เจ้าพวกนี้...ชอบเรียกเพื่อนมาช่วยมากนักใช่ไหม? งั้นเอาไปกินนี่!”

เขาฟาดใส่อันเดดทั้งแถวจนแหลกกลายเป็นฝุ่น

วาเลนไทน์ ยังยืนมั่นไม่หวั่นไหว

เขาเรียกโล่เลือดมาป้องกันหมัดของจอมมารแล้วตวัดมีดพิธีกรรมสีดำเฉือนอากาศ

“Blood Vortex!”

ลมหมุนสีเลือดปั่นวนเป็นพายุพุ่งเข้าหาทุกคนอย่างบ้าคลั่ง!

แอสเทล รีบสร้าง เกราะเวทย์แสงศักดิ์สิทธิ์ บังไว้ทันเวลา

พายุสลายเมื่อปะทะกับแสงจนเกิดการระเบิดขนาดใหญ่!

“จอมมาร! เราจะลุยพร้อมกัน!” เซราฟีนตะโกน

“ถ้าเจ้าจะตาย ก็ขอให้ตายเพราะพวกเรารวมพลังกันนี่แหละ วาเลนไทน์!!”

---

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!