---
[ฉากในคอนโดหรู ยุค 2050 – ยามค่ำ]
แสงไฟจากเมืองเบื้องล่างส่องลอดกระจกใสเข้ามา เส้นแสงจากอากาศยานไร้คนขับวาดลวดลายอยู่บนท้องฟ้า จอมมารนั่งอยู่บนโซฟาเรียบหรูในคอนโดหรูใจกลางเมือง ดวงตาเหม่อมองไปยังหน้าต่าง ท่ามกลางแสงสีของโลกอนาคตที่ทั้งเจริญและว่างเปล่าในเวลาเดียวกัน
แอสเทล—หนึ่งในขุนพลปีศาจของเขา ยืนอยู่เงียบ ๆ ที่มุมห้อง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา ทว่าเต็มไปด้วยความใคร่รู้
“ท่าน...ข้าใคร่รู้เหลือเกิน ท่านเรียนเวทย์มาจากที่ใดหรือเพคะ?”
คำถามนั้นเงียบงันไปชั่วขณะ ก่อนจอมมารจะละสายตาจากหน้าต่าง หันมามองหญิงสาวผู้ภักดี ดวงตาเขานิ่งราวกับซ่อนบางสิ่งไว้
“เจ้าถามเช่นนี้ ข้าควรจะตอบดีหรือไม่นะ...”
แอสเทลไม่ได้กดดัน เพียงรอฟังอย่างสงบและจริงใจ เขาจึงค่อย ๆ เอ่ยออกมา
“ข้าเกิดในเผ่าปีศาจ...แต่จิตใจข้ากลับไม่เหมือนพวกมัน” เขาหัวเราะเบา ๆ “ในตอนที่ยังเด็ก ข้ารู้สึกว่า...โลกนี้มีบางอย่างผิดแปลก พวกเราเรียนรู้ที่จะฆ่าโดยไม่ตั้งคำถาม เรียนรู้ที่จะเกลียดเพียงเพราะเขาไม่ใช่เผ่าของเรา”
เขาเอนตัวพิงพนัก หยิบสมุดบันทึกเก่าเล่มหนึ่งจากโต๊ะข้างโซฟา
“แต่ข้าชอบอ่านหนังสือเก่า ๆ ที่มนุษย์ทิ้งไว้ หนึ่งในนั้นคือบันทึกของใครบางคน...ดิอาโบล เอลลุส” น้ำเสียงของเขาเบาลง “เขาเขียนถึงโลกที่ทั้งสองเผ่าจะอยู่ร่วมกันได้ ถึงความเข้าใจและการให้อภัย...ซึ่งข้าไม่เคยพบในชีวิตจริงเลยแม้แต่น้อย”
“ดิอาโบล...” แอสเทลพึมพำ “ชื่อของเขาข้าคุ้นเคย...นั่นหรือคือผู้ที่ท่านยึดถือ?”
จอมมารพยักหน้า ดวงตาหม่นลง
“ข้าตัดสินใจตามหาเขา หวังจะได้พบต้นฉบับแห่งปัญญา แต่เมื่อข้าลงไปยังหมู่บ้านที่เขาเคยอยู่ ข้ากลับพบแต่ความเงียบ...เขาถูกสังหารโดยมนุษย์เมื่อห้าสิบปีก่อน เพียงเพราะแนวคิดของเขาแตกต่าง”
แอสเทลนิ่งเงียบอย่างเคารพ “มนุษย์...ก็ไม่ต่างจากพวกเราเท่าไรเลยสินะเพคะ”
“ใช่” จอมมารเอ่ย “ดิอาโบลถูกพวกเดียวกันฆ่าทั้งที่เขายิ่งใหญ่เกินใคร...เหมือนเช่นข้าในตอนนั้น ข้าเริ่มถูกจับตา ถูกหวาดกลัว...แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไร เพราะข้า...แข็งแกร่งเกินไป”
เขาวางสมุดบันทึกลงอย่างระวัง
“สมุดเล่มนี้...เป็นจุดเริ่มต้นของข้า มันสอนข้าทุกอย่าง ให้แนวคิด ให้เวทย์มนตร์ ข้าศึกษามัน ซึมซับมัน แล้วทำให้มันเป็นของข้า จนในที่สุด—ข้ากลายเป็นจอมมาร”
---
---
เซราฟีนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเด็ดขาดแฝงความร้อนรน
“เอาล่ะ...ตอนนี้ข้ามีแผน—ฟังให้ดี เราจะใช้เครื่องไทม์แมสชีนย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนจุดสำคัญในประวัติศาสตร์ สิ่งที่เราต้องการมีสองอย่าง หนึ่งคือ สมุดบันทึกของดิอาโบล และอีกหนึ่งคือ หอกศักดิ์สิทธิ์ของผู้กล้าเคนตะ”
เธอเว้นช่วง มองสบตาแอสเทลและจอมมารอย่างจริงจัง
“...เคนตะ—เจ้าคงรู้จักชื่อนี้ดี ผู้กล้าที่เคยเป็นตัวแทนแห่งความหวังของมนุษย์ทั้งปวง หอกของเขาคือกุญแจสำคัญ”
เซราฟีนเดินไปยังหน้าจอโปรเจกเตอร์ที่แสดงภาพตึกสูงระฟ้าหรูหราโลโก้ ‘NOVA’ ฉายเด่นชัด
“และเจ้าจะไม่เชื่อ...แต่เครื่องบ้านั่น—มันอยู่ใต้ตึกของแบรนด์เสื้อผ้าโนวาที่เจ้าเคยใส่นั่นแหละ ใช่—มันเป็นเพียงฉากบังหน้า”
เธอจิ้มไปที่ภาพของชายคนหนึ่ง
“CEO ของโนวา...คือ จักรพรรดิองค์ที่หก—ลอร์ดวาเลนไทน์ เจ้าผู้นั้นเคยทรยศข้า และเขาไม่มีวันยอมให้เราใช้เครื่องนั่นง่าย ๆ”
เสียงของเซราฟีนเย็นลง
“ทางเข้าอยู่ใต้ตึก ผ่านระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูง หากเจ้าคิดจะเดินเข้าไปขอ...เจ้าคิดผิดแล้ว ไม่มีใครยอมมอบเครื่องย้อนเวลาที่สามารถเปลี่ยนทุกสิ่งให้ศัตรูหรอก”
เธอกำมือแน่น
“เราต้องวางแผนลักลอบ...อย่างรอบคอบที่สุด เพราะนี่คือโอกาสเดียวของพวกเรา”
---
---
ทันทีที่สิ้นชื่อ “วาเลนไทน์” เสียงคำรามของจอมมารก็ดังก้องในลำคอ ดวงตาแดงฉานฉายแววเดือดดาล
“วาเลนไทน์งั้นรึ...!!”
ไม่รอคำเตือนหรือคำห้ามใด ๆ ร่างของเขาก็พุ่งทะยานด้วยโทสะ ละลานสายตาไปด้วยแรงเวทย์มหาศาล กระจกห้องโถงแตกกระจายเป็นเสี่ยง ทะลุทะลวงมุ่งตรงไปยังสำนักงานใหญ่ของโนวา ณ ใจกลางเมือง
เสียงระเบิดเบา ๆ ดังขึ้นพร้อมแสงวาบเมื่อเขาทะลุถึงชั้นบนสุด—ห้องของชายผู้ทรยศ
และที่นั่น...ลอร์ดวาเลนไทน์ยืนรออยู่ รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้าอย่างไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“แหม ๆ ๆ...ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้วสินะครับ” เขากล่าว พลางยกแก้วไวน์จิบเบา ๆ
“สาวกของท่านคงปลุกท่านขึ้นมาอีกแล้วล่ะสิ ข้านึกว่าคงไม่ได้เจอกันอีกเสียแล้ว”
“เจ้าจะไม่มีโอกาสพูดเย้ยหยันเช่นนี้อีก” จอมมารคำราม
“หากเจ้ากลับมารับใช้ข้า ข้ายังอาจไว้ชีวิตเจ้าบ้าง”
วาเลนไทน์หัวเราะในลำคอ ก่อนตอบเสียงเรียบ:
“เรื่องนั้น...ขอปฏิเสธนะครับ ตอนนี้ข้ามีทุกอย่างที่ต้องการแล้ว เพราะฉะนั้น—ได้โปรดหันหลังกลับไปยังหลุมเดิมของเจ้าด้วยเถอะ”
ประกายเวทย์สีดำสาดออกจากฝ่ามือจอมมารทันที คลื่นแรงโน้มถ่วงอันรุนแรงปะทะกับพื้นที่อย่างจัง บดบี้ทุกสิ่งรอบตัวให้บิดเบี้ยว แต่—
“ฮ่า ๆ ๆ...ตลกดีนะครับ” วาเลนไทน์พูดอย่างผู้ชนะ “ที่นี่คือ เขตแดนไร้พลังเวทย์ พลังทุกอย่างของท่าน—ไร้ค่า”
ก่อนที่จอมมารจะทันตั้งตัว วาเลนไทน์ก็วาดมือเรียกสกิลแสงสายฟ้าและคลื่นแรงกระแทกที่ดูเป็นเทคโนโลยีผสานเวทมนตร์ เขารัวใส่จอมมารอย่างไร้ปรานี ก่อนร่างของจอมมารจะถูกซัดทะลุกระจกตกจากชั้นบนสุดลงมายังสระน้ำข้างล่าง เสียงกระแทกดัง ตูม!!
เงียบงันชั่วขณะ—
น้ำกระเซ็นสูงราวม่านแห่งความพ่ายแพ้ ขณะที่ฟ้าคำรามอย่างเย้ยหยัน...
---
---
เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นถนนเปียกน้ำเป็นจังหวะช้า ๆ เส้นผมดำสนิทแนบติดใบหน้า ร่างสูงใหญ่ของจอมมารย่ำเท้ากลับมาที่คอนโดด้วยสภาพเปียกโชก น้ำหยดจากชายเสื้อและปลายผมดั่งสายฝนกลั่นจากโทสะ
เมื่อถึงหน้าลิฟต์...แสงไฟกะพริบเตือน "Error: ระบบป้องกันน้ำเข้าทำงาน..."
“หึ...” เขาหัวเราะในลำคออย่างเย็นชา "เจ้าเครื่องกลโง่งม กล้าขัดคำสั่งข้ารึ..."
เพล้ง! ฝ่ามือฟาดเข้าที่แผงควบคุมจนวงจรไหม้ไฟลุกวาบ ลิฟต์ดับสนิทพร้อมเสียงเตือนภัยเบา ๆ
ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีแผนสำรอง จอมมารเงยหน้าขึ้นมองตึกสูงร้อยชั้นที่เขาเรียกว่าบ้าน—ก่อนจะก้าวขึ้นผนังด้านข้างอย่างไร้เยื่อใย
ผู้คนภายในตึกต่างตะลึงมองผ่านกระจก ใครบางคนทำมือถือหล่น บ้างอ้าปากค้าง บ้างถ่ายคลิปไว้เงียบ ๆ แต่ไม่มีใครกล้าขัดหรือพูดอะไรเมื่อเห็นชายเปียกปอนเดิน ไต่ ขึ้นมาตามผนังตึก—โดยไม่ใช้เวทย์แม้แต่เศษเสี้ยว
เขามาถึงห้องของตนผ่านรอยทะลุกระจกเดิมที่ยังไม่ได้ซ่อม ความเงียบในห้องมีเพียงเสียงน้ำหยดเปื้อนพรม
เขายืนอยู่ตรงกลางห้อง สูดลมหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนจะคำรามเสียงต่ำ
“ข้าไม่เคย...ไม่เคยถูกเหยียดหยามเยี่ยงนี้มาก่อน...”
เขากำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เลือดสีดำไหลช้า ๆ
“ข้า...กลับมาอย่างผู้พ่ายแพ้”
เสียงของเขาเจือด้วยโทสะและความผิดหวัง ทว่าแววตา—ยังคงเปล่งแสงแห่งความไม่ยอมแพ้
---
---
รุ่งเช้าของวันถัดมา
ภายในห้องวางแผนลับ แสงสลัวจากหลอดไฟติดเพดานกระพริบเป็นระยะ รอบโต๊ะกลมกลางห้องคือผู้กลุ่มคนที่ต่างมีเป้าหมายเดียวกัน—การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์
แผนผังอาคารสำนักงานโนวาถูกขยายขึ้นบนหน้าจอโฮโลแกรมขนาดใหญ่ ดวงตาทุกคู่จดจ่อแน่วแน่ ขณะที่เซราฟีนอธิบายแผนการขั้นสุดท้าย
"เครื่องไทม์แมสชีนอยู่ใต้ตึกโนวา...ซ่อนอยู่ภายใต้บริษัทแฟชั่นสุดหรูที่เจ้าเคยใส่เสื้อผ้ามันนั่นแหละ" เธอหันไปพูดกับจอมมารที่ยืนนิ่งอยู่มุมห้อง “CEO ที่เป็นเจ้าของบริษัทก็ไม่ใช่ใครอื่น ลอร์ดวาเลนไทน์ จักรพรรดิที่หก...ศัตรูของเรา”
แผนการวางไว้ชัดเจน
ดึงความสนใจที่หน้าตึก
เจาะระบบรักษาความปลอดภัย
ลอบผ่านทางช่องระบายอากาศ
และเข้าใช้ลิฟต์ลับที่พาไปยังห้องไทม์แมสชีน
“หากผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว เราไม่มีโอกาสซ้ำสอง” เซราฟีนเตือนเสียงจริงจัง
เมื่อแผนวางเสร็จ ทุกคนแยกย้ายไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้านหน้าอาคารสีดำทึบ
...
เสียงเครื่องยนต์คำรามขึ้นพร้อมกันหลายคัน ขบวนรถแล่นฝ่าเช้าอึมครึมมุ่งหน้าสู่ตึกโนวา
เมื่อถึงด้านหน้าอาคาร แร็กซ์—มือสังหารเลือดร้อน—พุ่งตัวออกจากรถทันที ปะทะกับบอดี้การ์ดของตึกอย่างรุนแรง
หมัดแรกซัดจนอีกฝ่ายปลิวกระเด็นไปกระแทกผนัง เสียงกระจกแตก เสียงลั่นของกระสุนไร้ประโยชน์เมื่อปะทะเกราะเวทย์ของแร็กซ์
“กล้องวงจรปิดถูกควบคุมแล้ว” เซราฟีนรายงานผ่านลิงก์สื่อสาร
จอมมารกับดาริอุสใช้จังหวะนั้นลอดเข้าช่องระบายอากาศด้านข้างตึก ทั้งคู่คลานผ่านท่อโลหะเก่าแคบๆ จนไปโผล่ในห้องหนึ่งที่เต็มไปด้วยฝุ่นและกลิ่นเหล็ก
“ตรงนั้น” ดาริอุสชี้ไปยังลิฟต์ลับบานหนึ่ง ที่ซ่อนอยู่หลังแผงควบคุมเก่า
เซราฟีนรีบแฮ็กระบบจากระยะไกล “รหัสลิฟต์... 8382 กดเลย”
...
ภายในลิฟต์
แสงไฟสีขาวกระพริบเล็กน้อยก่อนลิฟต์จะเริ่มเคลื่อนตัวลงใต้ดิน
เสียงกลไกดังก้องไปทั่วทางเดินแคบๆ
ภายในมีเพียงเสียงลมหายใจเงียบ ๆ ของทั้งสองและเสียงเฟืองที่ขูดกับรางเหล็กอย่างเย็นเยียบ
“ลิฟต์กำลังลงไปลึกกว่าระดับพื้นโลก 300 เมตร…” เซราฟีนเอ่ยจากลิงก์ พร้อมเสียงพิมพ์คีย์บอร์ดที่ยังไม่หยุด
ดาริอุสมองจอมมารด้วยแววตาชื่นชม “ช่างง่ายดายสมกับเป็นท่านจอมมาร… แม้แต่ประตูนรกยังเปิดรับท่าน”
แต่จอมมารยังคงเงียบ สายตาเยือกเย็นมองไปข้างหน้า ไม่ตอบคำใด
“ข้าไม่ต้องการคำชม…ข้าเพียงต้องการแก้สิ่งที่ควรถูกแก้…ด้วยมือตัวเอง”
เขาพูดเบาๆ แต่ชัดเจน
"ติง!"
เสียงลิฟต์ถึงชั้น 8382 ดังขึ้น ไฟเหนือประตูสว่างวาบ
ประตูเหล็กหนักๆ ค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นอุโมงค์ยาวสว่างด้วยไฟหลอดสีฟ้าจาง ๆ
ไอเย็นและหมอกบางพวยพุ่งออกมาจากห้องเบื้องหน้า... ห้องที่บันทึกเวลา—กำลังรอการเปลี่ยนแปลงจากผู้ควบคุมโชคชะตา
---
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก
หมอกสีฟ้าเจือแสงไฟเรืองรองเบื้องหน้าเริ่มจางหาย เผยให้เห็นร่างสูงสง่าในชุดสูทหรูสีดำสนิท ยืนรออยู่เพียงลำพังในใจกลางห้องทรงกลมล้อมด้วยเครื่องจักรโบราณและสายไฟส่องประกายแดง
ลอร์ดวาเลนไทน์
รอยยิ้มเจือเย้ยหยันผุดขึ้นทันทีเมื่อเห็นผู้มาเยือน
“แหมๆ…ยังเลือดร้อนเหมือนเดิมเลยนะครับ จะยุคไหนคุณก็ยังคงเป็นตัวปัญหา เกะกะขวางทางผมเสมอเลย”
เขายกมือปัดฝุ่นจากแขนเสื้อเบา ๆ
“เสียดายที่วันนี้... จะเป็นวันสุดท้ายของคุณแล้วล่ะครับ”
จอมมารหรี่ตาลง แรงเวทย์คุกรุ่นรอบกายพร้อมเสียงคำรามในลำคอ เขาหันไปบอกดาริอุสทันที
“อัญเชิญพวกนั้นเข้ามา เดี๋ยวข้าจัดการเอง!”
ดาริอุสพยักหน้า รีบร่ายเวทย์วงแหวนบนพื้น—แสงสว่างพุ่งออกมาจากอักขระสีทองเพื่อเรียกพรรคพวกอีกสองคน
แต่ยังไม่ทันพลังเวทย์จะจาง จอมมารพุ่งทะยานไปยังวาเลนไทน์ด้วยความเร็วเหนือมนุษย์!
หมัดหนักดั่งภูเขาฟาดเข้าเต็มท้องของวาเลนไทน์ จนอีกฝ่ายกระอักเลือดออกมาในพริบตา
“ฮ่าๆๆ สุดยอด…”
วาเลนไทน์หัวเราะทั้งที่ยังเลือดไหลจากมุมปาก
“หมัดนี่ยังหนักแน่นเหมือนเดิมเลยนะครับ…แต่ดูเหมือนคุณจะลืมไปแล้ว ว่าผมคือ ลอร์ดวาเลนไทน์ ผู้ควบคุมเลือด…”
เขายกมือขึ้นช้าๆ
“ดังนั้น... เตรียมตัวตายได้เลยครับ”
ทันใดนั้น
เลือดที่เปื้อนอยู่บนมือของจอมมาร—เลือดจากหมัดเมื่อครู่—เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีดำมืด
มันเริ่มไหลย้อนกลับอย่างผิดธรรมชาติ จากมือ…สู่แขน… และ…
“ชิ...!”
เสียงกรดกัดเนื้อดัง ฉ่าาาาา แขนของจอมมารถูกละลายอย่างรวดเร็ว จนหลุดขาดในไม่กี่วินาที!
ร่างสูงผงะถอยไปหนึ่งก้าว จ้องมองแขนที่หายไปด้วยสายตาเย็นเยือก ทว่าปราศจากเสียงร้อง
มีเพียงแววตาแห่งความเคียดแค้นลุกโชนขึ้นแทน
“เจ้าจะต้องชดใช้… ด้วยชีวิต”
---
ทันใดนั้น—
แสงสีทองและม่วงพุ่งวาบขึ้นจากวงแหวนเวทย์กลางห้อง แอสเทลและเซราฟีนปรากฏตัวในชั่วพริบตา เสียงสายลมที่ไหลผ่านพลังเวทย์กรีดห้องเงียบสงัดให้กลายเป็นสมรภูมิชั่วพริบตา
“รับไปสิคะท่านจอมมาร!”
แอสเทลยกคฑาขึ้นเหนือหัว ปล่อย พลังบัฟแห่งการฟื้นฟูขั้นสูงสุด
—พลังแสงสีฟ้าขาวเปล่งประกายห่อหุ้มร่างจอมมาร ก่อนที่แขนที่ขาดจะเริ่มงอกกลับมาช้าๆ พร้อมกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม!
“หึ...ไม่เสียแรงที่เจ้าอยู่ข้างข้า”
จอมมารพูดพลางเอื้อมแขนที่พึ่งฟื้นมาคว้าแอสเทลมากอดแน่น
“ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
เขาโอบเอวเธอแน่นราวกับจะไม่ปล่อยให้ห่างอีก
“อี๋ แหวะ!!”
วาเลนไทน์ขมวดคิ้วทันทีด้วยความหมั่นไส้
“คนมีความรักนี่มัน…อ่อนแอชะมัด!!”
เขาตะโกนพลางทำท่าปัดๆ อากาศเหมือนรังเกียจ ก่อนจะตบมือดัง เพี๊ยะ! หนึ่งครั้ง
—เลือดที่หยดอยู่บนพื้นสั่นสะเทือนทันที—
มันแปรสภาพกลายเป็นแอ่งดำซึ่ง อันเดดหลายสิบตน ผุดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
โครงกระดูก สัตว์อสูรเลือด และนักเวทย์ไร้วิญญาณ เริ่มบุกเข้าหาทั้งกลุ่มด้วยเสียงคำรามแสบหู
“ตายซะพวกแมลง!”
วาเลนไทน์ยกมือขึ้น — สร้าง Blood Lance หอกสีเลือดพุ่งใส่จอมมาร!
"หึ!"
จอมมารเบี่ยงตัวหลบหอก ก่อนจะพุ่งใส่วาเลนไทน์อีกครั้ง
คราวนี้เขาต่อยไปด้วยหมัดที่ห่อหุ้มด้วยพลัง แรงโน้มถ่วงทำลายล้าง
“Graviton Smash!!!”
พื้นห้องถึงกับแตกระเบิดจนกระจกข้างห้องปลิวกระจาย
เซราฟีน ประกอบกับ ดาริอุส ก็ไม่ยอมนิ่ง
เซราฟีนแฮ็คระบบคอนโทรลของห้อง พุ่งพลังเวทย์เข้าเชื่อมกับสายไฟใต้พื้น
“ระบบปิดผนึกเวทย์งั้นหรอ? งั้นขอขัดลำดับพลังซะหน่อย!”
—เธอสั่งให้พลังเวทย์ถูกปล่อยกลับมา ช่วยให้เวทย์โจมตีแรงขึ้นสองเท่า
ดาริอุสเปลี่ยนแขนให้กลายเป็น ดาบพลังงานสายฟ้า
“เจ้าพวกนี้...ชอบเรียกเพื่อนมาช่วยมากนักใช่ไหม? งั้นเอาไปกินนี่!”
เขาฟาดใส่อันเดดทั้งแถวจนแหลกกลายเป็นฝุ่น
วาเลนไทน์ ยังยืนมั่นไม่หวั่นไหว
เขาเรียกโล่เลือดมาป้องกันหมัดของจอมมารแล้วตวัดมีดพิธีกรรมสีดำเฉือนอากาศ
“Blood Vortex!”
ลมหมุนสีเลือดปั่นวนเป็นพายุพุ่งเข้าหาทุกคนอย่างบ้าคลั่ง!
แอสเทล รีบสร้าง เกราะเวทย์แสงศักดิ์สิทธิ์ บังไว้ทันเวลา
พายุสลายเมื่อปะทะกับแสงจนเกิดการระเบิดขนาดใหญ่!
“จอมมาร! เราจะลุยพร้อมกัน!” เซราฟีนตะโกน
“ถ้าเจ้าจะตาย ก็ขอให้ตายเพราะพวกเรารวมพลังกันนี่แหละ วาเลนไทน์!!”
---
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 3
Comments