เถ้าธลีแห่งอดีตกาลกับจอมมารที่โลกไม่ยอมจำ
1,000 ปีก่อนคริสตกาล
โลกแห่งเวทมนตร์ยังคงแบ่งแยกด้วยไฟแห่งสงคราม มนุษย์ เทพเจ้า และปีศาจ ต่างถืออาวุธเข้าห้ำหั่นกันเพื่อครองดินแดน ท่ามกลางเสียงสรรเสริญแห่งแสงและศรัทธา... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ยืนหยัดในเงามืด — ผู้ถูกขนานนามว่า “จอมมารผู้ครองอบิส”
อัซเซลคาร์ ดูแร็กซ์เทียร์ เดอวาลเซียน แห่งอบิส
ผู้บงการความมืด ผู้เขียนประวัติศาสตร์ด้วยเลือด ผู้ที่แม้แต่เทพเจ้ายังต้องระวังหลัง
ทว่าแม้เขาจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่ท้ายที่สุดก็ไม่อาจต้านความทรยศ
> “พวกเจ้ากล้าหักหลังข้า…?” เสียงทุ้มต่ำดังก้อง
“ข้าสู้เคียงข้างพวกเจ้ามานานนับศตวรรษ แต่เจ็ดจักรพรรดิ… เจ้า—ผู้กล้า… แม้แต่เทพเจ้า ก็ยังบังอาจ!”
ภายใต้คมดาบของผู้กล้า และคาถาพิพากษาแห่งสวรรค์… จอมมารพ่ายแพ้
ร่างของเขาถูกฝังลึกใต้ดันเจี้ยนไร้ชื่อ พร้อมมือขวาผู้ภักดี “ดาริอุส เฟลเดล”
ด้วยความแค้นที่ไม่อาจลบเลือน…
—
ปี 2050
ในซอกหลืบของโลกอนาคตที่ไร้เวทมนตร์ ที่ซึ่งเวทมนตร์กลายเป็น "สิ่งต้องห้าม" เทพเจ้าถูกลดสถานะเหลือเพียง เผ่าพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์
ผู้คนลืมตำนานไปหมดแล้ว... ไม่มีใครเชื่อว่า “จอมมาร” มีอยู่จริง...
ภายในดันเจี้ยนร้าง เด็กสาวสวมผ้าคลุมสีดำคุกเข่าต่อหน้าหลุมศพสองโลง
นางกรีดแขนตนเอง ปล่อยโลหิตบริสุทธิ์ลงบนผืนดิน...
โลหิตหยดลง... โลกสั่นไหว...
ทันใดนั้น—
"บึ้มมม!!!"
ม่านเวทที่ผนึกไว้พันปีถูกทำลาย! แสงดำสาดส่องสู่ฟากฟ้า ประตูสู่อบิสเปิดอีกครั้ง!
จอมมารและดาริอุสฟื้นขึ้นมาท่ามกลางควันและพลังเวทอันเกรี้ยวกราด
> “อืม... กลิ่นแห่งความทรยศยังไม่จางไปแม้ผ่านพันปี...”
สาวน้อยคุกเข่าต่อหน้าจอมมารด้วยน้ำตา
จอมมารชี้หอกไปยังคางของนาง ดันขึ้นเบา ๆ ให้ใบหน้าประจันหน้า
> “หลานเซราฟีนหนิ... น่าสนใจ...” "เอ่ยนามเจ้ามาซิ.."
"ข้าชื่อแอสเทลเป็นหลานของป้าเซราฟีน"
จากนั้น ทั้งสามก้าวออกจากดันเจี้ยนเข้าสู่โลกที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ตึกระฟ้า ป้ายโฆษณา จักรกลอัจฉริยะ พาหนะบินได้...
จอมมาร:
> “โลกและยุคสมัยได้เปลี่ยนไป… แต่ข้าจะกลับมาครองโลกอีกครั้ง!!
ดูไว้ซะ พวกมนุษย์แสนงี่เง่า! ไม่ว่าเทพหรือหน้าไหน ข้าจะล้างบางให้หมด!!!”
(เสียงซุบซิบจากคนแถวนั้น)
> “หมอนั่นใครวะ... คลั่งรึเปล่า?”
“แหงล่ะ มาคอสเพลย์เป็นจอมมารอีกแล้ว ตลกดีแฮะ”
จอมมารไม่สนใจ ประกาศก้อง
> “เอาหล่ะ… ได้เวลาแสดงให้โลกประจักษ์ถึงการกลับมาของข้า!”
จากนั้นเขาชูมือขึ้น
> “โมโนโครม เบลซิ่ง ฟิสท์!!!”
เวทย์มหาประลัยพุ่งออกไปรอบทิศ กวาดทะลุต้นไม้ ป้ายรถเมล์ และถังขยะปลิวกระจาย!!
(เสียงไซเรน)
> “นี่คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ! หยุดทันที! คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่พูดอะไรทั้งสิ้น!”
ดาริอุส:
> “ท่านจอมมาร!! พวกมันเข้าใจผิดในพลังของท่านอีกแล้ว!!”
“โอ๊ยยย ท่านยังเท่ไม่เปลี่ยนเลยขอรับ ขนาดถูกจับยังอลังการ!”
รถตำรวจพาทั้งสามเข้าคุก โดยจอมมารยังงงไม่หายว่า "คุก" คืออะไร
---
บทที่ 1 — เถ้าธุลีใต้ท้องนภาโลหิต
สนามรบระหว่างเทือกเขาเอลซารัส ปีศักราชสุดท้ายของพันธสัญญาแห่งเทพ
ลมหนาวพัดกรูผ่านสนามหญ้าที่กำลังเหี่ยวเฉา เสียงฝีเท้าหนักแน่นของเหล่าทัพเทพดังกระหึ่มจากฟากฟ้า ขณะที่กองทัพมนุษย์จำนวนมหาศาลยืนเรียงแถวแน่นหนา แววตาของพวกเขาสั่นไหว ทั้งกลัวและศรัทธาในผู้ที่พวกตนเรียกว่า “องค์เทพ”
อีกฟากของสนาม กลุ่มหมอกสีดำแผ่กว้างออกมาทีละน้อย ราวกับโลกเองก็สั่นสะท้านต่อสิ่งที่กำลังปรากฏตัว... จอมมารดูแร็กซ์เทียร์ ผู้นำเผ่าพันธุ์โบราณ และกองทัพปีศาจของเขา
“—พวกเขามาแล้ว...” ทหารมนุษย์คนหนึ่งกระซิบพลางตัวสั่น
เสียงซุบซิบแผ่ขยายราวโรคร้ายกลางแนวรบมนุษย์
“มันคือตัวจริงเหรอ... จอมมารดูแร็กซ์?”
“ข้าเคยได้ยินว่ามันเผาทั้งเมืองไปในคืนเดียว...”
“มันจะพูดอะไรก็ช่างเถอะ! ฆ่าแม่ข้าตายเมื่อศตวรรษก่อน! พวกปีศาจมันก็แค่พวกโกหกหลอกลวง!”
“เฮ้อะ! อย่าฟังมัน! มันต้องการแค่หลอกล่อเราให้ทรยศต่อเทพเจ้า!”
บางคนเริ่มสวดภาวนาเสียงสั่น บางคนยกโล่ขึ้นด้วยมือที่สั่นเทา บางคน...เริ่มชี้หน้าด่าจอมมารด้วยความเกลียดชังที่ปนความกลัว
ขณะที่เทพเจ้ายืนเหนือพื้นฟ้า แผ่ประกายศักดิ์สิทธิ์อาบแสงลงมา
จอมมารเพียงยืนสงบ มือไขว้หลัง สายตานิ่งเยือก เย้ยหยันเสียงสวดมนต์ทั้งหลาย
เสียงของเขาก้องกังวานไปทั่วสนามรบ ราวกับพุ่งเข้าสู่หัวใจของทุกคน
“พวกมันใช้ศรัธาเป็นข้ออ้างในการปลอบประโลมพวกอ่อนแอ...
ฟังให้ดี เหล่ามนุษย์เอ๋ย—”
“ตัวข้า—จอมมารดูแร็กซ์เทียร์ ผู้ครั้งหนึ่งเคยถูกตราหน้าว่าชั่วร้าย บัดนี้กลับมาเพื่อปฏิวัติโลกที่ไร้ความเท่าเทียมนี้”
“ข้ามิได้ปรารถนาจะเข่นฆ่าพวกเจ้า...แต่โลกที่พวกเจ้าศรัทธานั้น—กลับทำลายพวกเจ้าด้วยมือของมันเอง!”
เสียงตะโกนสวนกลับมาจากกองทัพมนุษย์
“โกหก!! แกมันก็แค่ปีศาจบ้าอำนาจ!”
“พวกเราจะไม่มีวันยอมสยบต่อแก!”
“องค์เทพจงประทานชัย!”
แม้เสียงต่อต้านจะดังก้อง แต่ก็ยังมีบางสายตาเริ่มลังเล คล้ายเมล็ดแห่งความสงสัยได้หยั่งรากในใจพวกเขาแล้ว
“สองร้อยปีก่อน อาณาจักรแห่งแสงล่มสลายเพียงเพราะลืมถวายเครื่องบูชา”
“พวกเจ้ากลับยังกล้าหวังในพระเมตตาของเทพเจ้าเช่นนั้นหรือ?”
“จงเปิดตาให้กว้าง—และยอมสยบแก่ข้าเถิด จอมมารดูแร็กซ์เทียร์ ผู้จะปูทางไปสู่โลกใหม่ที่เท่าเทียม!”
สิ้นเสียง เสียงแตรศึกก็ดังขึ้นจากฝั่งเทพเจ้า พายุเวทย์เริ่มก่อตัวเหนือท้องฟ้า
จอมมารปรายตามองอย่างเฉยชา พลางยกมือขึ้นช้าๆ
“เช่นนั้น...ก็จงพิสูจน์กัน ด้วยสงคราม”
---
เสียงกรีดร้องปนเสียงอาฆาตของเหล็กกระทบกันดังกึกก้อง พื้นดินแตกระแหงจากแรงเวทย์ขนาดมหาศาล
ร่างมนุษย์—ทั้งนักรบ พ่อค้า ชาวบ้าน และแม้แต่เด็กตัวน้อย ถูกพัดหายไปในคลื่นพายุศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า
"จงถวายสิ้นซึ่งร่างและวิญญาณแด่เรา ผู้เป็นหนึ่งเดียวเหนือสรรพสิ่ง—!"
เทพเจ้าผู้ยืนเหนือก้อนเมฆตะโกนด้วยน้ำเสียงดั่งสายฟ้าฟาด ม่านแสงสวรรค์พุ่งลงสังหารทุกสิ่งที่ขวาง
แต่ที่ปลายฟากฟ้าอีกด้าน เสียงคำรามอันเยือกเย็นก็ดังขึ้นข่มอำนาจแห่งสวรรค์
"เจ้ากล้าเรียกตัวเองว่าเทพ...ในขณะที่เหยียบย่ำชีวิตผู้บริสุทธิ์เช่นนั้นงั้นหรือ?"
กลุ่มเงาดำทะมึนเคลื่อนผ่านม่านหมอกสงคราม—กองทัพแห่งจอมมาร เผ่าพันธุ์โบราณที่ถูกตราหน้าว่าเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
และผู้นำของพวกเขา—ในชุดเกราะดำลายทอง ผมยาวสีเงินเปล่งประกายราวจันทรายามราตรี ดวงตาสีทับทิมดั่งกองเพลิง—ปรากฏตัว
"หากเจ้ายังเรียกการเข่นฆ่าว่าความยุติธรรม...งั้นจงสำนึกในบาปของเจ้าด้วยเวทมนตร์ที่ข้าเฝ้าเก็บงำมานับพันปีเถิด"
ฝ่ามือของจอมมารยกขึ้นสูง มวลพลังเวทย์มืดกระจายตัวรอบสนามรบ
ดินแดนทั้งผืนสั่นสะเทือนเมื่อเวทย์ที่ไม่ได้ปรากฏมาในโลกนี้กว่า 3,000 ปี เริ่มตื่นขึ้นอีกครั้ง
“โลกที่อ่อนแอ...จะไม่มีวันรอดในศรัทธาจอมปลอม”
“โลกใหม่ที่เท่าเทียม จะเริ่มขึ้นด้วยมือของข้า—!”
---
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 3
Comments