เริ่มต้นด้วยร้าย ตอนที่ 5
หลังจากปล่อยให้สมองซ้ายขวาเถียงกันสักพัก พลก็ตัดสินใจได้แล้วว่าจะเป็นฝ่ายทักไปหาเอินก่อนเป็นครั้งแรก เพราะเขาเองก็รู้สึกกระวนกระวายใจแปลกๆ
จากคนเคยคุยกันเวลาเดิมทุกวัน พอวันหนึ่งไม่ได้คุยมันรู้สึกใจหวิวๆ ยิ่งวันนี้เป็นวันที่มีเรื่องราวอยากคุยด้วยมากที่สุด แต่เอินกลับเงียบหายไป
ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ของตัวเองเหมือนว่าเพราะอะไร
“นี่ ๆ “
พลกดพิมพ์ส่งข้อความแรกไป จากนั้นก๋รีบวางโทรศัพท์คว่ำหน้าลงเพราะไม่อยากที่จะลุ้นว่าเอินจะกดอ่านเลยหรือไม่
แต่พลทำเป็นไม่สนใจได้แค่ประมาณ 1 นาที เขาก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู และเมื่อเห็นข้อความที่ส่งไปยังไม่ถูกกดอ่านพลก็รู้สึกเริ่มที่จะหงุดหงิด เพราะปกติเอินจะต้องกดอ่านทันที
พลไม่รอช้า เขารีบจัดการส่งข้อความซ้ำไปอีก
“นี่ ๆ เงียบหายไม่อ่านข้อความกันเลย ขี้โกงหนิ”
พลต่อว่าเอิน
“ทีส่งข้อความมาหาเรานะ เราก็รีบกดอ่าน”
“แต่ทีเราส่งกลับเงียบใส่กันซะงั้น”
“ที่สำคัญวันนี้เราเป็นฝ่ายทักมาหาก่อนด้วยนะ ทำแบบนี้เราขาดความมั่นใจเลย”
พลยังส่งข้อความต่อว่าไปอีก
เอินยังคงเงียบไม่ตอบข้อความ เพราะตอนนี้เธอนอนสลบไปเรียบร้อยหลังจากไม่ได้วิ่งระยะไกลมาเป็นเวลานาน
อีกทั้งช่วงหลังเธอเน้นกินกับนอนเป็นหลัก ทำให้ร่างกายไม่ฟิตเหมือนเมื่อก่อน
“อะ-เอาไงต่อดี”
พลคิดในใจ
“จะลบข้อความทิ้งก็ไม่ได้ เพราะยังไงในโทรศัพท์มันก็คงจะขึ้นว่ายกเลิกข้อความอยู่ดี”
“น่าขายหน้าจริง...ไม่น่าส่งไปให้อายเลย ส่งไปแล้วเค้าไม่อ่านไม่ตอบกลับเนี่ย”
พลส่ายหัวไปมาด้วยความหงุดหงิด จากนั้นก็วางโทรศัพท์ลง
ในใจก็ครุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอินหรือเปล่าเนื่องจากมันผิดปกติเกินไป
หรือว่าตัวเขาเองอาจจะทำอะไรผิด จนเอินเลิกสนใจเขาแล้วก็เป็นได้
เช้าวันรุ่งขึ้น...
เอินตื่นอาบน้ำ แต่งตัว และรีบไปโรงเรียนเนื่องจากสายมากแล้ว ทำให้เธอลืมหยิบโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าไปด้วยเพราะยังมึนหัวง่วงนอนอยู่
เมื่อไปถึงโรงเรียน...
เอินจึงรีบวิ่งเข้าประตูโรงเรียนโดยไม่ทันได้มองว่าพละกำลังนั่งจับกลุ่มคุยกับเพื่อนๆ อยู่ตรงประตูทางเข้าโรงเรียน และเขากำลังมองเธอที่เดินผ่านไปด้วยความสงสัย
แท้จริงแล้ว พลได้ไปโรงเรียนตั้งแต่เช้าเพื่อที่จะนั่งรอเอินด้วยความหงุดหงิด และอยากรู้เหตุผลว่าทำไมเมื่อวานเอินถึงไม่อ่านและตอบข้อความของเขา
เอินกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าห้องเรียนเพื่อที่จะรีบไปทำงานที่ยังทำไม่เสร็จ เพราะเมื่อวานเธอเผลอหลับยาวไปจนถึงเช้า และถ้าหากทำไม่เสร็จละก็คงได้โดนทำโทษให้อายเพื่อนในห้องแน่
ขณะอยู่ในห้องเรียน พลยังคงมองจ้องไปที่เอินอยู่เป็นระยะๆ
“หรืออาจจะไม่ใช่คน
ๆ นี้ ที่ส่งข้อความถึงเรา”
พลคิดในใจขณะนั่งมองไปที่เอิน
แต่อีกใจหนึ่งเขาก็คิดว่า...
“ไม่สิๆ คนนี้นี่แหละใช่แน่ๆ”
“คนที่เป็นนักกีฬา วิ่งเก่ง ๆ เป็นคนเงียบ ๆ”
“แถมยังชอบเก็บตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร”
“แล้วก็ยังเป็น 1 ใน 5 คน ที่นั่งอยู่ในห้องตอนเราคิดแผนเข้าไปคุยกับกลุ่มผู้หญิงตอนที่ต้องการสืบกว่าคนที่ส่งข้อความถึงเราคือใครอีกด้วย”
“ละ-แล้ว...”
“ทะ-ทำไม...”
“ทำไมเค้าถึงเมินเรา ความรู้สึกพ่ายแพ้แบบนี้นี่มันคืออะไรกันนี่”
พลคิดในใจเลยเถิดไปคนเดียวโดยที่เอินยังไม่ทันรู้เรื่องอะไรด้วยเลย
ระหว่างวัน...
ช่วงเวลาที่อยู่ที่โรงเรียน พลแอบมองไปที่เอินเป็นระยะ ๆ ด้วยความอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงทำให้เอินดูแปลกไปได้ขนาดนี้ หรือเขาอาจจะเดาคนผิดจริงๆ
“นี่เราจะมานั่งวางใจแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วนะ”
“คะแนนความนิยมกำลังถูกลดลง เราต้องไปเพิ่มกันซะหน่อย”
พลคิดว่าเมื่อถึงเป็นแบบนี้แล้ว เขาคงจะต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง
ช่วงพัก...
พลเดินไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าโต๊ะเรียนของเอิน จากนั้นเขาก็ได้หมุนเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่เพื่อหันหน้าเข้าหาเธอ
สายตาของเขาจ้องมองไปที่เอิน ขณะที่เธอกำลังวุ่นอยู่กับงานที่กำลังรีบทำให้เสร็จๆ เพื่อที่พอกลับถึงบ้านเธอจะได้ไม่ต้องทำอะไรอีก และจะได้มีเวลาคุยกับพลนาน ๆ ชดเชยที่เมื่อวานไม่ได้พูดคุยกัน
เอินคิดแบบนั้น จึงทำให้ไม่ได้สนใจมองว่าใครกันที่มานั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านหน้าเธอ
ส่วนพลเอง เมื่อเห็นว่าเอินเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเขียนงานโดยที่ไม่ได้สนใจที่จะมองเลยว่าใครเค้าทำอะไรกันอยู่บริเวณใกล้
ๆ เธอบ้าง
เขายิ้มบางๆ เพราะกำลังคิดแผนที่จะแกล้งเอินอยู่ จากนั้นเขาจึงส่งเสียงพูดขี้นมาว่า...
“นี่ ๆ“
พลพูดขึ้น แล้วเคาะที่โต๊ะเรียนของเอิน 2 ที
“ใครเคาะโต๊ะเรา”
“จะเคาะทำไม ละเค้าต้องการอะไรจากสังคม”
เอินคิดในใจก่อนที่จะเงยหน้ามอง
แต่ทันทีที่เงยหน้าขึ้นดู เอินเห็นว่าคนที่เคาะโต๊ะของเธอคือพล ซึ่งตอนนี้เขากำลังมองจ้องหน้ามาที่เธออยู่
เมื่อเห็นแบบนั้นเอินก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจสุดขีด
เธอนั่งนิ่งไปสักพัก และเมื่อดึงสติกลับมาได้เธอก็รีบก้มหน้ามองโต๊ะเรียนของตัวเองโดยที่ไม่สบตากับพล
เอินได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไรอยู่สักพัก
ในใจเธอคิดว่าควรจะแกล้งตายเพื่อที่จะหนีจากสถานการณ์ตอนนี้ไปเลยดีไหม
(เดี๋ยว...พลไม่ใช่หมีนะ)
ทางด้านพล...
เมื่อเห็นเอินนั่งนิ่งตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก เขาก็หลุดขำหัวเราะด้วยความชอบใจออกมา
ก่อนที่จะพูดต่อไปอีกว่า...
“นี่เธอๆ ขอยืมปากกาหน่อยสิ วันนี้เราลืมหยิบมาน่ะ”
พลยื่นมือไปที่แฟ ซึ่งนั่งอยู่ข้างเอินเพื่อขอยืมปากกา
แต่ตัวเขาเองยังนั่งหันหน้า และสายตาก็ยังคงมองจ้องไปที่เอินอยู่
“ลืมเอามาแล้วไม่ไปซื้อล่ะ นี่ให้ใครยืมไม่เคยได้คืนจากใครเลยสักคน”
“ไม่หายก็ยึดไปเป็นของตัวเองกันตลอด จนนี่กะว่าจะทำเชือกห้องคอไว้แล้ว...!!!”
“ขนาดเขียนชื่อจริง นามสกุลจริงยังหาย”
“จะต้องให้เพิ่มที่อยู่กับเบอร์โทรศัพท์ไปด้วยมั้ยเล่า...!!!”
แฟโวยวายขึ้นมา เนื่องจากเธอให้ใครยืมอุปกรณ์การเรียนอะไรกับทีไร ของสิ่งนั้นมักไม่เคยได้คืนเลย พวกมันมักจะต้องมีอันเป็นไปทุกครั้ง
เธอยังบ่นต่อไปอีกว่า...
“เสียเงินซื้อไม่เท่าไหร่ แต่มันขี้เกียจจะไปซื้อนะ...!!!“
พลยิ้มขำคิดในใจ เพราะว่านี่เขาเพิ่งจะเดิมมาขอยืมจากเธอเป็นครั้งแรกแต่กลับต้องมาฟังแฟบ่นชุดใหญ่ ในขณะที่สายตาก็ยังคงจ้องมองไปทางเอินที่เอาแต่นั่งก้มหน้านิ่งทำตัวไม่ถูก
“เหอะ...ต้องแกล้งให้เข็ด โทษฐานที่ทำเมินใส่เรา”
“ว่าแต่...นั่งนิ่งเงียบไปเลย นี่เค้ายังไม่ตายใช่มั้ยเนี่ย”
พลโบกมือไปมาผ่านหน้าของเอินเพื่อตรวจดูว่าเธอยังอยู่ดีหรือไม่ หรือว่าวิญญาณได้ออกจากร่างเธอไปเรียบร้อยแล้ว
“นะ-นี่ชั้นหายใจอยู่รึเปล่าอ่ะ”
เอินครุ่นคิด พร้อมกับสูดหายใจเข้า-ออกเฮือกใหญ่เพื่อตรวจดูว่าเธอยังหายใจอยู่จริงๆ
“ระ-เราต้องเงยหน้ามั้ยอ่ะ”
“ละเราต้องพูด หรือมีส่วนร่วมอะไรกันกับพวกเค้าด้วยมั้ย”
“นะ-นี่เราต้องทำตัวยังไงดี ถ้าขืนยังนั่งนิ่งต่อไปเรื่อยๆ มันดูแปลกมั้ย”
ระหว่างที่คิดในใจ เอินก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าเธอควรจะต้องเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้กับพล
“คงต้องเงยหน้าไปยิ้มหน่อยนึง ถ้าขืนยังนั่งนิ่งคงจะแปลกๆ ดูผิดสังเกตน่าดู”
แต่อีกใจหนึ่ง เอินก็คิดว่า...
“แล้วจะทำไปเพื่ออะไร...รู้จักกับเค้าเรอะถึงจะไปยิ้มให้น่ะ”
“ถ้าพลไม่มองหรือตอบอะไรมานี่ เราคงจะได้อายสุดๆ ไปเลยนะ”
เมื่อคิดได้แบบนั้น เอินก็เอาแค่ส่ายหัวไปมาเพื่อที่จะห้ามตัวเองไว้
ส่วนแฟ...หลังจากที่บ่นพลจนสบายใจแล้ว เธอก็ได้หยิบของที่พลต้องการให้เขาไป
พลยื่นมือไปรับของจากแฟ และพูดขึ้นมาว่า...
“ขอบคุณครับ ใช้เสร็จจะรีบเอามาคืนเลยครับ”
พลบอกกับแฟ
“ไปนะ”
พลหันมาที่เอินแล้วพูดขึ้น เขาเคาะโต๊ะเรียนของเอิน 2 ที ก่อนที่จะเดินไป
“เค้าจะเคาะโต๊ะทำไม”
“เหมือนเค้าเคาะฝาโลงฝากฝังอะไรสักอย่าง ตะไมดูเป็นลางจังเลย”
เอินทำหน้างงได้แต่คิดในใจ
เมื่อพลลุกไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง เขาก็เอาแต่นั่งยิ้มชอบใจที่ได้แกล้งเอิน
“ปล่อยให้รอเมื่อวาน แถมยังต้องหน้าแตกที่ส่งข้อความไปแล้วยังไม่ยอมอ่านข้อความอีก”
“ต้องโดนเอาคืนซะบ้าง”
“เป็นแบบนี้มันก็สนุกดีนะ เดี๋ยวคิดวิธีแกล้งอีกดีกว่า”
“ดูแล้วน่าจะยังไม่รู้ตัวว่าเรารู้แล้วว่าเธอนั่นแหละ คือคนที่ส่งข้อความมาหาเรา”
จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่บ้าง
เส้นทางความรักของทั้งคู่จะโรยไปด้วยกลีบดอกไม้กลิ่นหอมหวน หรือจะเต็มไปด้วยพวกหรีด
มันก็ขึ้นอยู่กับว่าตอนนี้เกมพลิกไปอยู่ที่มือใครแล้วนั่นเอง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 38
Comments