ช่วงสุดสัปดาห์ผ่านไป
เช้าวันจันทร์ที่ทุกช่วงอายุต่างก็โอดโอยเมื่อวันนี้มาถึงเพราะรู้สึกเหมือนว่าเมื่อวานเพิ่งจะวันศุกร์สุขสันต์แต่เพียงพริบตาเดียวก็พบกับวันจันทร์อันโหดร้ายอีกแล้ว
อากาศตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวไปฝึกสอนวันแรกถึงแม้ว่าเขาเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วแต่มันก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
โรงเรียนที่อากาศกำลังจะไปฝึกสอนเป็นโรงเรียนมัธยมขนาดกลางใกล้บ้านของเขานั่งรถประมาณ 20 นาทีก็ถึงโรงเรียน
บรรยากาศตอนเช้า ผู้คนต่างดูรีบร้อนมีทั้งคุณพ่อ คุณแม่ที่ต้องรีบไปทำงานเพราะวันนี้เปิดเทอมวันแรกเกรงว่ารถจะติด เด็กหนุ่ม สาวที่ต่างพากันรีบร้อนเพราะปิดเทอมไปนานมีบ้างที่ยังปรับตัวไม่ได้ บางครอบครัวก็กอดกันกลมเพราะเป็นวันแรกที่ลูกต้องห่างจากอกครั้งแรกเพราะถึงช่วงเข้าโรงเรียนแล้ว เช้านี้เป็นเช้าอีกวันที่วุ่นวายมากจริง ๆ
กริ๊ง กริ๊ง!
เสียงระฆังของโรงเรียนดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ
เมื่อได้ยินเสียงนั่นเด็กนักเรียนทั้งหลายต่างก็พากันวิ่งหน้าตั้งมาเข้าแถวหน้าเสาธงเพื่อเคารพธงชาติ อากาศที่ยืนดูเด็ก ๆ ก็เวียนกลับให้คิดถึงสมัยที่ตัวเองยังเรียนมัธยม ว่ากันว่าช่วงมัธยมนี่แหละที่สนุกที่สุดในช่วงชีวิตของวัยเรียน
กิจกรรมหน้าเสาธงผ่านไปอย่างราบรื่น เนื่องจากวันนี้เป็นการเปิดภาคเรียนวันแรกของภาคการศึกษาผู้อำนวยการโรงเรียนจึงมาให้โอวาทในการเปิดภาคเรียน บุคลากรโรงเรียนที่ยืนประจำที่ของตัวเองจะมีเพียงคุณครูที่ปรึกษาประจำห้องและนักศึกษาฝึกสอนที่จะยืนอยู่ในแถวกับเด็กนักเรียน
‘ร้อน’ เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กโตพูดขึ้น ลำพังเพียงหนึ่งคนมันอาจจะไม่ดังแต่ถ้าหลายคนพูดพร้อมกันก็ไม่แน่
ชายหนุ่มได้ยินเสียงเหล่านั้นก็อดยกยิ้มไม่ได้ เขานึกถึงตัวเองตอนที่ต้องตากแดดยืนเคารพธงชาติตอนสมัยเรียน โชคดีที่สมัยนี้เขาอนุญาตให้นั่งรอระหว่างที่ผู้ใหญ่ให้โอวาทถ้าเป็นสมัยเขาคงได้ยืนจนน่องปูด
‘เมื่อไหร่จะปล่อยครับอาจารย์’ เสียงเด็กนักเรียนผู้ชายที่นำกระเป๋านักเรียนมาบังแดด
‘เดี๋ยวก็จบแล้ว ทนหน่อย’ อาจารย์ที่ยืนกางร่มแถวนั้นตอบกลับไป
‘อาจารย์ก็พูดได้สิครับ อาจารย์มีร่ม’ เด็กผู้ชายอีกคนพูดเสริม
‘เอาน่า ทนหน่อยสมัยครูหนักกว่านี้อีก’ พูดจบก็เดินไป
‘ฮึ่ย’
อากาศยืนฟังบทสนทนาเหล่านั้นอยู่ห่าง ๆ ในที่สุดผู้อำนวยการโรงเรียนก็ให้โอวาทเสร็จเรียบร้อยเด็กนักเรียนทุกคนก็ต่างเดินเข้าที่ร่มและเดินขึ้นอาคารตามห้องของตัวเอง อากาศเดินตรงไปที่ห้องสาขาวิชาตัวเอง
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มเอ่ย
“อ้าวมาแล้วเหรอ? มา ๆ เดี๋ยวมาแนะนำตัวกับอาจารย์ในหมวดสาขาวิชา” อาจารย์คนหนึ่งที่อยู่ในห้องพูดขึ้น
“สวัสดีครับ ผม นายเมฆินทร์ ภักดีดำรงค์ นักศึกษาชั้นปีที่ 5 ชื่ออากาศครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวเอง
“นั่นครูวรพงศ์ สอนดนตรี ครูศิริพร สอนคหกรรม” คุณครูคนเดิมแนะนำคุณครูในหมวดสาขาให้ชายหนุ่ม “และครูจิรายุ สอนศิลปะ คือครูเองเป็นหัวหน้าหมวด”
“สวัสดีครับ ผมขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” ชายหนุ่มพูดอย่างนอบน้อม
“เอาล่ะ เรานั่งพักก่อนตรงนี้จะเป็นโต๊ะของเรานะ และนี่เป็นตารางสอนของนักเรียนชั้นมอห้าที่ครูต้องรับผิดชอบปีนี้เอาเป็นว่าเดี๋ยวครูเป็นครูพี่เลี้ยงเธอ ทำตัวให้สบายไม่ต้องเกร็งติดขัดตรงไหนถามได้ตลอดนะ” คุณครูจิรายุหรือครูจิพูด
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มนั่งรอเวลาเข้าสอนจากตารางเรียนที่คุณครูให้มานั้นวันนี้มีสอนนักเรียนชั้นมอห้าในคาบที่สี่ของวันก็คือคาบหลังพักเที่ยง
ช่วงเที่ยงผ่านไป
อากาศรอนักเรียนอยู่ในห้องศิลปะเนื่องจากเป็นวิชาที่ต้องมีการปฏิบัติจึงต้องมีห้องเป็นของตัวเองและไม่ต้องคอยเดินไปตามห้องต่าง ๆ เหมือนวิชาอื่น ๆ อย่างเช่น ภาษาไทย คณิตศาสตร์เป็นต้น เวลาผ่านไป 5 นาทีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก็ทยอยเดินมาที่ห้องศิลปะอาจจะใช้เวลานานแต่ไม่เกิน 15 นาทีเพราะเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับช่วงพักเที่ยงไม่แปลกที่เด็กนักเรียนบางกลุ่มยังคงเดินเอ้อระเหยอยู่ข้างนอกนั่น
เมื่อนักเรียนทุกคนเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าห้องพูดทำความเคารพ
“สวัสดีค่ะ / สวัสดีครับ” นักเรียนยกมือไหว้
“สวัสดีครับนักเรียน” คุณครูจิพูดขึ้น
“เป็นยังไงบ้างเปิดเทอมวันแรก”
“ไม่อยากให้เปิดเลยครับ” เด็กนักเรียนหลังห้องพูดขึ้น
เสียงขำดังลั่นห้องเมื่อจบประโยคนั้น “เอาล่ะ ๆ ไม่อยากให้เปิดก็ทำอะไรไม่ได้ในเมื่อมันเปิดแล้ว” คุณครูจิพูดขึ้น เสียงหัวเราะเริ่มเบาลง
“เดี๋ยวครูจะแนะนำคุณครูฝึกสอนที่จะมาสอนพวกเธอ จะสลับ ๆ กันสอนกับครู นี่ครูอากาศ” คุณครูจิพูดแนะนำให้นักเรียน
“สวัสดีครับนักเรียน ครูชื่ออากาศมาสอนวิชาศิลปะครับ” อากาศแนะนำตัวกับนักเรียน
“หล่อจังเลยค่ะ” เด็กนักเรียนแถวหน้าพูดขึ้น
อากาศมองตามเสียงนั่นพร้อมอมยิ้มให้ นักเรียนหญิงตรงนั้นพากันหันไปยิ้มเขินกับเพื่อน ๆ “แหม พวกเธอเบา ๆ หน่อย” คุณครูจิปราม
“เดี๋ยวครูมา ระหว่างนี้เดี๋ยวให้ครูอากาศเช็กชื่อพวกเธอพร้อมบอกเรื่องการเก็บคะแนนกับเรื่องที่ต้องเรียนในเทอมนี้” คุณครูจิพูดจบก็เดินไปเอาใบรายชื่อให้ชายหนุ่ม “ครูฝากด้วยนะ” และเดินออกจากห้องไป
“เอาล่ะ นักเรียนตั้งใจฟังชื่อตัวเองและเอ่ยขานดัง ๆ นะครับ” ชายหนุ่มพูดจบก็เริ่มเรียกชื่อนักเรียนและคนตามใบรายชื่อ รายชื่อแล้วรายชื่อเล่าผ่านไป เมื่อผ่านไปสักพักชายหนุ่มเรียกชื่อเด็กนักเรียนคนหนึ่งแต่ไม่มีเสียงตอบรับ
“อัสสนีรัตน์…” ไม่มีเสียงขานรับ
“อัสสนีรัตน์…” ชายหนุ่มเรียกอีกครั้ง
“เพื่อนไปไหนครับ” ชายหนุ่มถามเด็กนักเรียนในห้อง
“เอ่อ...เพื่อนไม่มาค่ะ” นักเรียนแถวหน้าหันมองเพื่อนคนนั้นและหันมาตอบชายหนุ่ม
เมื่อเช็กชื่อนักเรียนเรียบร้อยแล้วอากาศจึงปิดสมุดรายชื่อและนำไปวางที่โต๊ะก่อนจะหยิบคู่มือการสอน
“เอาล่ะหยิบสมุดขึ้นมาครับ เดี๋ยวครูจะบอกการเก็บคะแนนกับเรื่องที่เราจะเรียนในเทอมนี้” ชายหนุ่มสั่ง
อากาศเดินไปเดินมาบริเวณหน้าชั้นเรียนพร้อมพูดเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องเรียนในเทอมนี้และบอกเกี่ยวกับเก็บคะแนนให้นักเรียนทราบ ชายหนุ่มยืนอยู่ข้างหน้าเขาเห็นทั้งหมดว่านักเรียนทำอะไรบ้าง มีทั้งเด็กนักเรียนที่ตั้งใจเขียนในสิ่งที่เขาพูดและมีทั้งเด็กนักเรียนที่หันไปพูดจ้อกับเพื่อนข้าง ๆ บางคนก็ฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ วันนี้เป็นวันแรกของภาคเรียนยังไม่มีอะไรมากหลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบเขาก็ปล่อยให้นักเรียนอัธยาศัยอยู่ภายในห้องรอเวลาหมดคาบเรียน เมื่อหมดเวลานักเรียนห้องนี้ออกไปก็มีนักเรียนอื่นเข้ามาเรียนวันนี้มีสองคาบด้วยกันและแล้ววันนี้ก็ผ่านไปด้วยดีสำหรับการฝึกสอนวันแรกของชายหนุ่ม
กริ๊ง กริ๊ง!
เสียงระฆังดังขึ้นบ่งบอกว่าชีวิตในรั้วโรงเรียนวันนี้จบลงแล้ว
เด็กนักเรียนวิ่งกรูลงมาจากอาคารเรียน ต่างคนต่างดูรีบร้อนมีทั้งเด็กที่ต้องรีบไปเรียนพิเศษหรือซ้อมกีฬาในช่วงเย็นส่วนชายหนุ่มที่เก็บของเรียบร้อยแล้วก็หันไปสวัสดีลากับคุณครูพี่เลี้ยงของตัวเองเนื่องจากคุณครูพี่เลี้ยงของชายหนุ่มอยู่เวรวันพุธเขาจึงต้องอยู่เวรวันนั้นด้วยแต่วันนี้วันจันทร์เขาก็สามารถกลับบ้านได้ถ้าสะสางทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
บ้าน
17.30 น.
ชายหนุ่มเข้าบ้านพร้อมสวัสดีคุณแม่ที่อยู่ในครัวเตรียมอาหารเย็น
“สวัสดีครับคุณแม่”
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอลูก วันแรกเป็นอย่างไรบ้าง?” คุณแม่ที่กำลังคนซุปในหม้อชะงักเมื่อได้ยินเสียงลูกชายตัวเอง เธอวางกระบวยในถ้วยเล็ก ๆ ข้าง ๆ เตาหรี่เตาแก๊สและเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างมือก่อนจะเดินมาหาลูกชาย
“ก็ดีครับ วันนี้ยังไม่มีอะไรมาก”
“ดีแล้วล่ะ งั้นเราขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและลงมาทานข้าวนะใกล้เสร็จแล้วล่ะ” คุณแม่พูดขึ้น
ชายหนุ่มเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้านและมุ่งหน้าไปที่ห้องของตัวเองเขาเปิดประตูห้องนอนและวางสัมภาระไว้บนเตียงหลังจากนั้นเขาก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าชายหนุ่มเปิดมันและหยิบเสื้อยืดที่ถูกพับไว้ออกมาพร้อมกับกางเกงสามส่วนสบายตัวหลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จชายหนุ่มเดินลงไปชั้นล่างเพื่อรับประทานอาหารเย็น
“คุณพ่อสวัสดีครับ” ชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อเห็นพ่อของตัวเองนั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าว
คุณพ่อพยักหน้าให้ พร้อมดูงานที่อยู่ในมือถือต่อไป
หลังจากที่ทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มแยกตัวขึ้นไปบนห้องของตัวเอง เขาลากเก้าอี้ออกเพื่อนั่งและหยิบกระเป๋าก่อนที่จะเปิดขึ้นและนำแฟ้มรายชื่อออกมาจากกระเป๋า ชายหนุ่มนั่งไล่รายชื่อเด็กนักเรียนทั้งสองห้องที่ได้สอนในวันนี้ แต่เมื่อถึงรายชื่อของเด็กนักเรียนคนหนึ่งเขากลับชะงักและรู้สึกตงิดใจกับชื่อนั้นก่อนจะปิดแฟ้มไป
ชายหนุ่มหยิบอุปกรณ์วาดรูปอย่างไอแพดขึ้นมา ทุกคืนเขามักจะหาอะไรทำก่อนนอนและกิจกรรมที่เขาชอบนั่นก็คือการวาดรูปเวลาผ่านไปสักพักเขาก็เริ่มรู้สึกง่วง ชายหนุ่มหยุดทำสิ่งตรงหน้าพร้อมบิดไล่ความเมื่อยล้าที่อยู่ในท่าเดิมนาน ๆ
เขาลุกขึ้นยืนและเอื้อมมือไปจับหน้าต่างเพื่อปิดมันแต่ยังไม่ทันจะได้ปิดเขาก็รู้สึกถึงลมเย็นที่กระทบหน้าสายตาของเขาเหลือบไปมองห้องของบ้านตรงข้ามที่อยู่ตรงกับห้องของเขา ความรู้สึกนั้นมันมาอีกแล้ว ความรู้สึกคุ้นเคย คิดถึงและรู้สึกผิดที่ถาโถมเข้ามาในใจ ชายหนุ่มเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเช่นนั้น
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 6
Comments