ลมยามเช้าโชยอ่อนจากชายฝั่ง พัดผ่านแมกไม้ที่ทอดตัวเป็นแนวยาวไปตามถนนเรียบ ๆ ในย่านที่พักเงียบสงบ แสงแดดยามรุ่งสางส่องลอดผ่านกิ่งไม้ ทิ้งลวดลายเงาให้ระริกบนพื้นทางเท้า
เวทย์ก้าวเท้าช้า ๆ ไปตามฟุตบาทเลียบสวนสาธารณะ สายตากวาดมองรอบด้านด้วยความประหลาดใจ บางสิ่งดูคุ้นตา แต่หลายสิ่งก็แปลกใหม่จนทำให้เขาเผลอหยุดนิ่งเพื่อมองอย่างไม่เข้าใจ
“โลกมนุษย์ตอนนี้…เปลี่ยนไปมากจริง ๆ”
เสียงพึมพำของตนเองแผ่วเบาเพียงพอแค่เขาได้ยิน เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า—แม้จะไม่มีปีก ไม่มีแสงเรืองรองเหมือนตอนอยู่บนสวรรค์ แต่เขากลับรู้สึกเบาสบายอย่างน่าประหลาด
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตหลังความตายที่เวทย์ได้สัมผัสลมเย็นบนผิวกาย—จริง ๆ ไม่ใช่ผ่านม่านพลังของสวรรค์ ไม่ใช่ในความฝัน แต่เป็น ความรู้สึกจริง บนโลกแห่งมนุษย์
“ขอให้เจอเขาในไม่ช้านะ…” เขาเอ่ยเบา ๆ เหมือนฝากคำสวดไว้กับลม
ทว่าในขณะที่กำลังเดินเพลิน ๆ ด้วยความอ่อนใจ มีเสียงจักรยานส่งเสียงเตือนใกล้เข้ามาจากทางด้านขวาอย่างกระทันหัน เสียงเบรกดังเอี๊ยดเฉียดหูราวกับจะหยุดไม่ทัน เวทย์หันขวับอย่างตกใจ แต่ไม่ทันได้หลบ
พรึบ!
แรงกระชากจากใครบางคนดึงเขาเข้ามาแนบอกแน่นจนแผ่นหลังของเขากระทบอกกว้างของอีกฝ่าย เสียงลมหายใจหอบเหนื่อยปะปนอยู่กับเสียงหัวใจที่เต้นถี่ของทั้งคู่
“ระวังหน่อยสิครับ!” เสียงคนปั่นจักรยานตะโกนพลางปั่นเลยไปอย่างหัวเสีย
เวทย์ยืนนิ่ง ร่างยังสั่นไหวจากแรงกระแทกอารมณ์กะทันหัน แต่สิ่งที่ทำให้เขาหยุดหายใจไปครู่หนึ่ง…กลับไม่ใช่เหตุการณ์เฉียดตาย
หากเป็นอ้อมแขนที่โอบเขาไว้แน่นต่างหาก
อ้อมแขนนั้น...อบอุ่นจนแทบทำให้ใจเขาหยุดเต้น
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เสียงทุ้มเรียบนุ่มเอ่ยถามข้างหู
เวทย์กะพริบตา ยืนงงและสับสนอยู่เพียงเสี้ยววินาที ก่อนค่อย ๆ หันไปสบตากับเจ้าของเสียง
บุรุษรูปร่างสูง ใบหน้าคมคาย มีแววตาที่สะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้าได้เป็นประกายแต่แฝงไว้ด้วยความลึกลับบางอย่าง คนตรงหน้าเขาดูไม่ใช่คนธรรมดา—หรือบางที…ไม่ใช่ คนแปลกหน้า สำหรับเวทย์เลย
หัวใจของเขาสั่นระริกโดยไร้เหตุผล
“ผม…ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากนะครับ” เวทย์พูดออกมาในที่สุด เสียงเบาราวกับกลัวลมจะพัดพาไป
เวหาผ่อนลมหายใจ “ดีแล้วล่ะ” เขาถอยออกห่างเพียงก้าวเดียว แต่สายตายังจับจ้องไม่วางตา “คุณดูแปลก ๆ นะ มาคนเดียวเหรอ?”
เวทย์พยักหน้าช้า ๆ “ครับ…ผมมาเดินเล่น เผอิญไม่ค่อยคุ้นทาง”
เวหาเลิกคิ้ว เขาพินิจใบหน้าของคนตรงหน้าอย่างครุ่นคิด รู้สึกแปลกใจอย่างไม่มีเหตุผลที่หัวใจเขากลับเต้นแรงโดยไม่มีคำอธิบาย คนคนนี้…คล้ายกับใครสักคนในฝัน คล้ายกับใครสักคนที่เขา เคยรู้จัก แต่จำไม่ได้ว่าเมื่อไร
ทั้งสองเงียบกันไปชั่วขณะ จนกระทั่งเสียงนกร้องจากต้นไม้ข้างทางทำลายความเงียบลง
เวหาชิงพูดก่อน “ชื่ออะไรครับ?”
“เวทย์…”
เวหาเบิกตาเล็กน้อย “…เวหาครับ”
ต่างฝ่ายต่างสบตา—ชื่อของทั้งคู่เหมือนมีบางอย่างผูกโยงไว้กับสายลม แววตานั้นเหมือนพูดแทนถ้อยคำได้พันล้านคำ เวทย์เผลอกลั้นหายใจเมื่อสบตาเวหา แล้วรู้สึกว่าภายในอก…มันเริ่ม เจ็บ
เจ็บเพราะดีใจ หรือเพราะคิดถึง เขาเองก็ไม่อาจบอกได้
“…ดีใจที่ได้เจอกันนะครับ คุณเวทย์” เวหาเอ่ยช้า ๆ
เวทย์ยิ้มบาง “…ผมก็เหมือนกันครับ”
เป็นรอยยิ้มที่แม้เพียงเล็กน้อย…ก็สามารถทำให้แสงเช้าดูอบอุ่นขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด
---
(ตัดภาพไปที่สวรรค์)
เสียงสั่นของพลังลี้ลับไหววูบเล็กน้อยจากห้องเฝ้าสวรรค์ บนแท่นหยกงามสง่าท่ามกลางเมฆขาวที่ไม่เคยพร่ามัว มีบุรุษในชุดคลุมสีทองนั่งนิ่งอยู่กลางท้องพระโรง แววตาทรงอำนาจกลับเจือแววระทึก
“ข้า…รู้สึกถึงบางอย่าง”
ท่านสวรรค์—ผู้ปกครองแห่งแดนสวรรค์ และเป็น…พ่อของเวทย์ จ้องมองภาพในผลึกแก้วตรงหน้า ภาพที่เวทย์เกือบถูกรถชนเมื่อครู่
เทพข้างกายรีบเข้ามาทูล “นายท่าน…เขาปลอดภัยแล้วขอรับ มนุษย์คนนั้นช่วยไว้ทัน”
สายพระเนตรของท่านสวรรค์หยุดที่ใบหน้าของเวหา
“เวหา…” เขาเอ่ยชื่อเบา ๆ ก่อนคลี่ยิ้มจางราวกับใจเริ่มโล่ง
“โชคชะตา…เริ่มต้นแล้ว”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 22
Comments