เสียงนกร้องรับรุ่งอรุณในยามสาย แสงแดดสาดส่องลอดผ่านม่านไม้เลื้อยที่ระเบียงหน้าบ้านเรือนกลางสวน ดอกพุดดอกโมกเริ่มผลิบานตามฤดูกาล กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยแตะจมูกให้รู้สึกสบายใจ
"เจ้าขา... วันนี้แม่ออกไปตลาดกับพี่นภัทร เอ็งจะไปด้วยหรือไม่?" เสียงของแม่วรดาเอ่ยถามลูกสาวคนกลางที่กำลังเด็ดใบมะกรูดที่สวนครัวหลังเรือน
นุชชาหันมายิ้มบาง ดวงตากลับมามีประกายอีกครั้งหลังจากหายป่วยและเงียบขรึมอยู่หลายวัน
"ไปเจ้าค่ะ นุชขอเปลี่ยนชุดก่อนนะเจ้าคะ"
แม่วรดายิ้มด้วยความโล่งใจ ตั้งแต่เรื่องราววันงานเลี้ยงที่ไม่มีใครอยากเอ่ยถึง นุชชาก็เก็บตัว ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ วันนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นลูกสาวกลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง
ขบวนของแม่วรดา นภัทร และนุชชาเดินทางไปตลาดด้วยรถลากสี่ล้อ บ่าวประจำบ้านลากไปเรื่อย ๆ ผ่านทุ่งนาและบ้านเรือนเล็ก ๆ
"น้องนุชเจ้าขา วันนี้ข้าจะเลือกผ้าไหมให้เจ้า เผื่อวันหน้าใส่ไปงานหมั้นคนอื่นเค้า" นภัทรพูดยิ้ม ๆ ขณะก้าวลงจากรถลาก
"อย่าพูดเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ นุชยังไม่คิดจะหมั้นหมายกับผู้ใด" นุชชาหัวเราะพลางมองผ้าพันคอผืนบางในมือ
"แม้แต่คุณชายรัชกร?" นภัทรถามต่อโดยไม่ได้มองน้องสาว แค่แอบเหลือบมุมปากนุชชาเท่านั้น
"เขาเป็นคนดีเจ้าค่ะ แต่... นุชไม่เคยคิดอะไรไปไกลกว่านั้นเลย" น้ำเสียงของนุชชายังราบเรียบ นุ่มนวล แต่จริงใจ
เมื่อเดินถึงหน้าร้านผ้าในตลาด บรรยากาศก็ครึกครื้นเต็มไปด้วยผู้คน มีเสียงหัวเราะ เสียงต่อราคากันดังทั่วบริเวณ ขณะที่แม่วรดาเลือกผ้าอยู่อีกด้าน นุชชาเดินดูผ้าคนเดียว แล้วก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเข้ามาทัก
"คุณหญิงเจ้าคะ ท่านใช่คนจากเรือนวรารักษ์หรือไม่?" เสียงเด็กสาวในชุดชาวบ้านเอ่ยถามอย่างสุภาพ
"เจ้ารู้จักเรือนของข้า?" นุชชายิ้ม
"เจ้าค่ะ ข้าเคยช่วยงานที่เรือนขุนนายข้าง ๆ เรือนท่าน มุกธิดาเล็กเคยมาหาเพื่อนที่นั่น ข้าจำหน้าได้" เด็กสาวคนนั้นพูดด้วยความกล้าขึ้น
นุชชาเริ่มเอ๊ะใจทันที แต่น้ำเสียงยังคงอ่อนโยน
"แล้วเจ้ารู้จักมุกดีหรือ?"
"รู้เจ้าค่ะ แต่...เอ่อ บางทีคุณหญิงควรระวังนางไว้บ้าง"
คำพูดนั้นทำให้นุชชาหยุดยืนชะงักเพียงครู่ แม้ใบหน้ายังคงยิ้มอ่อน แต่ในใจกำลังวิเคราะห์เงียบ ๆ
ยามบ่าย แสงแดดส่องกระทบลงบนลานหินหน้าตำหนักรัชกร ขณะที่ชายหนุ่มนั่งดูแลสวนด้วยตนเอง มือหนึ่งถือตำราวาดภาพ อีกมือวางพู่กัน
“คุณชายรัชกรเจ้าคะ” เสียงของบ่าวสาวเดินเข้ามาเรียกเบา ๆ
"มีอันใดหรือ?"
"คุณหญิงนุชชาไปตลาดกับมารดาเจ้าค่ะ เพิ่งกลับมาได้ครู่หนึ่ง ดูสดใสดีนัก" บ่าวสาวรายงาน
รัชกรวางพู่กันลงทันที ริมฝีปากยกยิ้มที่หายไปนาน
“เช่นนั้นรัชกรควรไปเยี่ยมเยียนหน่อยกระมัง”
เขาไม่ได้ถามใคร แค่พูดกับตัวเองอย่างมีจังหวะ ก่อนจะลุกเดินเข้าห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อคลุมตัวใหม่
เย็นย่ำในเรือนวรารักษ์ บรรยากาศภายในเรือนกลับมามีเสียงหัวเราะอีกครั้ง โดยเฉพาะในห้องโถงกลาง นุชชานั่งจัดของที่ซื้อมาจากตลาดร่วมกับแม่และพี่สาว
"แม่เจ้าขา นุชชาซื้อพัดมาฝากเจ้าค่ะ ลายดอกพุดด้วยนะเจ้าคะ"
แม่วรดายิ้มกว้าง รับพัดมาพลางพัดเบา ๆ
"ของขวัญจากลูกสาวคนกลาง นาน ๆ ทีจะได้น่ารักบ้างนะเรา" ท่านหัวเราะเบา ๆ พลางหันไปแกล้งหยิกแก้มนุชชา
เสียงหัวเราะดังขึ้นพอดีกับเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา
"ขออภัยเจ้าค่ะ มีแขก参มาเจ้าค่ะ เป็น...คุณชายรัชกร"
นุชชาสะดุ้งเงียบ ๆ มือที่จับพัดไว้เกือบหลุด พี่นภัทรหันไปมองก่อนเอ่ยเบา ๆ ว่า
"แม่ให้เขาเข้ามาสินังบัว"
บ่าวสาวพยักหน้า แล้วเชิญชายหนุ่มเข้ามา
รัชกรก้าวเข้ามาในเรือนอย่างสง่างาม ดวงตาคู่นั้นสบกับนุชชาก่อนใคร แล้วจึงหันไปยกมือไหว้แม่วรดา
"กระผมเพียงได้ยินว่านุชชาหายดีแล้ว จึงมาทักทาย มิได้ต้องการรบกวนเจ้าค่ะ"
"มิต้องเกรงใจดอกเจ้าค่ะ เรือนนี้ยินดีเสมอ" แม่วรดาตอบพลางพยักหน้ายิ้ม ๆ
รัชกรมองนุชชา แล้วเดินเข้าไปใกล้เล็กน้อย
"ท่านหญิง...กระผมดีใจนักที่ท่านหายดี ข้าพเจ้ายังไม่เคยได้กล่าวขอบคุณที่ท่านกล้าหาญวันนั้น"
นุชชายิ้มอ่อน พลางหลบสายตา
"ขอบคุณสิ่งใดเจ้าคะ?"
"ที่ยังยิ้มได้ แม้ในวันที่เหนื่อยที่สุด" รัชกรตอบโดยไม่ละสายตา ราวกับจะบอกเป็นนัยบางอย่าง
และ ณ มุมเรือนอีกด้าน มุกธิดาเล็กแอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดจากซุ้มต้นลีลาวดี ริมฝีปากบางขบเข้าหากันแน่น ก่อนจะหันกลับไปพูดกับใครบางคนที่เพิ่งเดินเข้ามา
"ข้าว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรเปลี่ยนเกม"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 31
Comments