สายลมเช้าแห่งเรือนริมคลองพัดผ่านเบา ๆ พลิ้วไหวอยู่ใต้ชายระเบียง แสงแดดลอดผ่านม่านไม้ไผ่ที่ห้อยอยู่ตามชายคา ทอดเงาลายลงบนพื้นไม้เก่าอย่างอ่อนโยน บนชานเรือน นุชชานั่งเงียบอยู่คนเดียว ดวงตากวาดมองลงไปยังสระบัวที่มีใบสีเขียวเข้มลอยตัดกับดอกสีชมพูสด ราวกับจะใช้ความสงบเบื้องหน้านั้นกลบกลืนความวุ่นวายบางอย่างในใจ
ตั้งแต่เมื่อวาน นางรู้สึกได้ว่าร่างกายผิดแปลกไป แม้จะไม่ได้ทรุดหนักเหมือนครั้งก่อนในวัยเยาว์ แต่ความแน่นหน้าอกและผื่นบางจาง ๆ ที่ขึ้นตามข้อแขนก็บอกนางว่า “ร่างกายยังแพ้ชากุหลาบ...เหมือนเดิม”
นุชชาจำได้ดี—เมื่อวานนี้ขณะที่นางยกถ้วยชาขึ้นแนบริมฝีปาก กลิ่นหอมละมุนเฉพาะตัวของดอกกุหลาบลอยแตะปลายจมูกอย่างชัดเจน นางชะงักไปเพียงครู่ ก่อนจะหันไปถามมุกธิดาเล็กเสียงเบา
> “ชานี้...กลิ่นเหมือนกุหลาบเลยเจ้าค่ะ”
มุกหัวเราะเบา ๆ อย่างอารมณ์ดีแล้วพยักหน้ายืนยัน “ใช่เจ้าค่ะ เป็นชากุหลาบจากบ้านแม่หญิงอุ่นใจ นางฝากมาให้ข้าลองชงดู”
ตอนนั้น นุชชารู้แก่ใจดีว่าตนแพ้กลีบกุหลาบ ไม่ว่าจะในรูปของกลิ่น น้ำมัน หรือชา แต่เพราะคำพูดที่แฝงความไร้เดียงสาของน้องสาว และเพราะสายตาของรณภพกับรัชกรที่มองมาอยู่ใกล้ ๆ นางจึงเลือกที่จะฝืนดื่มเพียงนิด เพียงเพื่อไม่ให้ใคร “รู้” ว่าตนกำลังระแวง
แต่ตอนนี้...หลังจากผ่านไปเพียงวันเดียว ผลของการกระทำก็กำลังย้อนกลับมา
—
เสียงฝีเท้าดังขึ้นบนบันไดเรือน ทำให้นุชชาหลุดออกจากภวังค์ รณภพเดินขึ้นมาพร้อมกระเช้าเล็ก ๆ ในมือซึ่งมีผลไม้จากสวนใกล้คลอง เขามองเธอด้วยแววตาห่วงใยอย่างปิดไม่มิด
“แม่นุช...สีหน้าเจ้าไม่ค่อยดีเลยเจ้าค่ะ เมื่อคืนหลับสบายหรือไม่” เขานั่งลงข้าง ๆ โดยไม่ได้รอคำอนุญาต
นุชชายิ้มบาง “พอใช้เจ้าค่ะ ข้าคงเหนื่อยจากงานเลี้ยงก่อนหน้านี้”
รณภพพยักหน้า แต่ดวงตายังจับจ้องผิวเนื้อบริเวณต้นแขนของนุชชาที่มีรอยแดงจาง ๆ ปรากฏอยู่ เขาเอื้อมมือไปแตะแผ่ว ๆ
> “ข้าเคยเห็นเจ้าผื่นขึ้นแบบนี้ตอนยังเด็กมิใช่หรือ...”
นุชชานิ่งงัน หัวใจเต้นแรงในอก มือข้างหนึ่งจับแขนเสื้อดึงลงเล็กน้อย พยักหน้าช้า ๆ
“อืม...เจ้าก็จำได้สินะ ข้าแพ้กลีบกุหลาบ” น้ำเสียงเธออ่อนโยนแต่แฝงความเศร้าเอาไว้ลึก ๆ
“แล้วเหตุใดจึงไม่บอก...ว่าชานั้นคือชาที่เจ้าดื่มไม่ได้?” เขาถามทันที แววตาฉายแววไม่เข้าใจ
“ข้าไม่อยากให้เสียมารยาท...และไม่อยากให้ใครคิดว่าข้าอคติต่อน้อง ข้าก็แค่...ไม่อยากให้เกิดเรื่องในตอนนั้น”
รณภพถอนหายใจ เขาวางกระเช้าผลไม้ลงบนพื้นแล้วหันไปมองใบหน้าเรียบเฉยของหญิงสาว “เจ้านี่ช่างใจอ่อนนัก แม้ต่อผู้ที่อาจมิได้หวังดีกับเจ้า”
นุชชายิ้มจาง “บางครั้ง...ความหวังดีที่แสดงออกมา มันก็ยากจะตัดสินได้ว่าแท้จริงแล้วมาจากใจหรือจากอื่น ข้าก็แค่ไม่อยากคิดให้มากไป”
คำพูดของนุชชาทำให้รณภพนิ่งงันไปชั่วครู่ เขารู้ดีว่านางหมายถึงใคร — มุกธิดาเล็กน้องสาวของนางนั่นเอง
—
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอย่างเงียบสงบภายใต้แสงแดดอุ่นยามสาย รัชกรก็ยืนอยู่เงียบ ๆ ที่มุมหนึ่งของระเบียงด้านหลัง เขามิได้ตั้งใจจะดักฟัง แต่เมื่อได้ยินชื่อ “ชากุหลาบ” จากริมฝีปากของรณภพ ใจเขาก็หวิววูบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“นุชแพ้ชากุหลาบอย่างนั้นหรือ...แล้วทำไมมุกจึงเลือกชาชนิดนี้...”
เขานิ่งเงียบอย่างตรึกตรอง ดวงตาคมลึกฉายความเคร่งเครียดออกมาเพียงเล็กน้อย เพราะหากมุกธิดารู้ว่านุชชาแพ้กลีบกุหลาบ แล้วจงใจชงชานี้ให้นางดื่ม — นั่นย่อมไม่ใช่การกระทำของน้องสาวธรรมดา หากแต่เป็นการเจตนา
—
เย็นวันนั้น บรรยากาศในเรือนอึมครึมกว่าทุกวัน นภัทรซึ่งกลับจากวัดมาเพียงครู่เดียว ก็สัมผัสได้ถึงความเงียบประหลาดที่อบอวลอยู่ทั่วเรือน
นางเดินขึ้นเรือนแล้วก็พบกับมุกธิดาเล็กที่นั่งจัดพวงมาลัยอยู่หน้าชาน ท่าทางของน้องสาวดูราบเรียบเป็นปกติ แต่ดวงตากลับมองต่ำ ไม่สบตาผู้ใด
“วันนี้นุชชาอยู่ไหนรึ มิเห็นเลย” นภัทรถาม
มุกเงยหน้าขึ้น ยิ้มบาง ๆ “อยู่หลังเรือนเจ้าค่ะ นางไม่สบายเล็กน้อย พักผ่อนอยู่”
“เหตุใดถึงไม่บอกข้าตั้งแต่แรก” นภัทรขมวดคิ้วเบา ๆ
มุกธิดาเลี่ยงสายตา “ข้าเห็นว่าไม่มากมายนักเจ้าค่ะ”
แต่รัชกรที่เดินตามมาภายหลังก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
> “ข้าว่าน้องนุชควรได้พักผ่อนมากกว่านี้ และไม่ควรดื่มชาที่ตนแพ้อีก...ใช่หรือไม่ มุกธิดา”
เสียงเขาทำให้ทุกคนในเรือนหันมามอง
มุกธิดาชะงักเพียงครู่ ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบสนิท
> “หากพี่รัชกรหมายถึงชากุหลาบเมื่อวันก่อน ข้าก็ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ข้าหาได้รู้ไม่ว่านางแพ้”
คำตอบของนางเรียบเฉย แต่ในใจกลับตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ
หากแผนทุกอย่างจะถูกรู้ก่อนเวลา...นั่นย่อมไม่ดี
แต่มุกธิดาเล็กมิใช่คนที่ยอมถอยง่าย ๆ — และในเมื่อแผนแรกเพียงเขย่าความไว้ใจระหว่างพี่น้องได้แล้ว ก็ย่อมต้องมีแผนต่อไป ที่แนบเนียนกว่า...และลึกกว่านี้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 31
Comments