ยามเช้าของเรือนใหญ่ในวันที่อากาศสดใส
สายลมพัดเอากลิ่นดอกจำปีจากท้ายสวนลอยมาแตะจมูกนุชชาที่กำลังร้อยพวงมาลัยอยู่ริมชาน
แม้รอยช้ำบนต้นคอยังไม่จางดีนัก แต่สีหน้าของเธอกลับสดชื่นกว่าเดิมหลายส่วน
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านแม่ให้คนมาบอกว่าหากหายดีพอแล้ว อยากให้ไปช่วยเลือกผ้าตัดชุดใหม่ที่ตลาดบ่ายนี้”
นุชชาพยักหน้ารับเบา ๆ แล้วจัดมาลัยที่ร้อยเสร็จลงพานเงิน
“ไปก็ดีเหมือนกัน ข้าอยากเดินดูอะไรบ้าง...อยู่เรือนนานเกิน เริ่มอึดอัดแล้ว”
---
บ่ายคล้อย แสงแดดไม่ร้อนจัดเหมือนวันก่อน
นุชชานั่งอยู่บนรถม้าพร้อมบ่าวสองคน
ปลายทางคือตลาดผ้าใกล้ริมคลอง ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีผ้าฝ้ายทอมือฝีมือดีจากช่างพื้นถิ่นมาวางขายเป็นประจำ
เมื่อถึงตลาด
กลิ่นหอมของไม้หอม ผ้าผง และหมี่กรอบลอยตลบอยู่ในอากาศ
ผู้คนสวมเสื้อผ้าแพรบางสีเรียบ เดินเลือกจับสินค้าอย่างมีจริตในท่าที
นุชชายืนพิจารณาผ้าผืนหนึ่งอยู่หน้าร้าน
ผ้าฝ้ายย้อมครามลายล่องน้ำเนื้อนุ่ม ลายประณีตเสียจนต้องเอ่ยชม
“ผืนนี้ลายงดงามนักเจ้าค่ะ แต่แพงอยู่มาก” มาลินกระซิบเบา ๆ
“ลวดลายดี สีไม่กรัง เย็บเป็นเสื้อคอกระเช้าก็ยังสง่า”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมเงาร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อม่อฮ่อมสะอาดตา
นุชชาหันไปมอง ชายผู้นั้นมีใบหน้าเรียบเฉย
ท่าทางเป็นชาวบ้าน แต่ในแววตากลับมีความรู้และความเฉียบแหลม
“ข้า...ไม่เคยเห็นท่านมาก่อน” นุชชาเอ่ยเบา ๆ
เสียงเรียบเฉย แต่ไม่หยาบคาย
ชายคนนั้นยิ้มบาง “ข้าพึ่งย้ายกลับมาจากเมืองเหนือ มาทอผ้าให้ร้านญาติอยู่พักหนึ่ง เห็นท่านสนใจลายนี้ก็เลยอดเอ่ยปากไม่ได้”
“ขอบคุณท่าน...” เธอพยักหน้าอย่างมีมารยาท
“ชื่อของท่าน?”
“เรียกข้าว่า 'สาคร' ก็ได้ขอรับ” เขายกมือไหว้เล็กน้อย “ข้าไม่ได้มีฐานะใหญ่โต...แต่หากมีเรื่องใดเกี่ยวกับผ้าทอ ข้าพอจะแนะนำได้บ้าง”
---
หลังจากเดินตลาดกันอีกครู่ นุชชาก็หันกลับไปมองชายผู้นั้นอีก
เขายังยืนอยู่หน้าร้านเดิม ท่าทางสงบ เรียบง่ายแต่มั่นคง
น่าแปลก...เขาไม่เหมือนคนทั่วไปที่นางเคยพบ
เขาไม่ได้มองนางด้วยแววตาลุ่มหลง ไม่ใช่สายตาที่หื่นกระหายหรือหวังผล
แต่เป็นสายตาของคนที่ ‘มองออก’...และ ‘เข้าใจ’ อะไรบางอย่าง
นั่นทำให้นุชชาเริ่มสงสัยว่า...เขาอาจมีบทบาทสำคัญกว่าที่เห็น
---
เมื่อกลับถึงเรือนในช่วงเย็น
นุชชานั่งเรียงผ้าใหม่ที่เพิ่งซื้อมา แล้วหยิบผืนครามลายล่องน้ำขึ้นมาดูอีกครั้ง
ปลายนิ้วแตะลายผ้าอย่างแผ่วเบา
ดวงตาหวานละมุนของเธอเปลี่ยนเป็นแววแน่วแน่ขึ้นมา
“ไม้ผุ หากปล่อยไว้...ก็จะเน่าไปทั้งต้น”
เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
---
คืนนั้น หลังอาหาร
นุชชาเดินไปยังเรือนเล็ก เงียบเชียบราวกับเงา
ไฟในห้องน้องสาวยังสว่าง...นางกำลังสางผมหน้ากระจก
“มุกธิดาเล็ก...น้องยังไม่หลับหรอกหรือ?”
มุกสะดุ้งเล็กน้อย แต่รีบปรับสีหน้า
“เปล่าจ้ะ พี่นุชชา...แค่กำลังจะเข้านอน นี่พี่มาเยี่ยมข้าเชียวหรือ?”
“ใช่จ้ะ พี่เห็นว่าเรายังไม่ได้พูดกันตั้งแต่ข้าล้มป่วย”
นุชชายิ้มบาง แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้าม
“มุก...อยากจะพูดอะไรกับพี่หรือไม่?” น้ำเสียงอ่อนโยนจนอีกฝ่ายไม่กล้าตอบทันที
“จะ...จะให้พูดอะไรล่ะจ๊ะ พี่นุชชา พี่เป็นอะไรไปหรือเปล่า?”
“เปล่าหรอก พี่แค่อยากฟังเสียงของน้องให้มั่นใจว่า...ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”
มุกธิดาเล็กยิ้มเจื่อน ๆ
“แน่นอนสิจ๊ะ...พี่ก็ยังเป็นพี่ของข้าเสมอ”
“งั้นก็ดีแล้วจ้ะ...พี่ดีใจ” นุชชาพยักหน้า ลุกขึ้นอย่างสง่างาม
“ราตรีสวัสดิ์นะมุก”
“...ราตรีสวัสดิ์จ้ะ พี่นุชชา”
---
เมื่อประตูปิดลง
มุกธิดาเล็กนั่งนิ่งอยู่พักใหญ่
มือที่สางผมอยู่สั่นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
เธอรู้...นุชชารู้
แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าการถูกจับได้
คือการที่นางไม่พูดอะไรเลย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 31
Comments