เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วเหนือยอดไม้ยามเช้า แสงแดดทอดผ่านช่องลมของเรือนไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมคลอง ความสงบในเช้านี้เหมือนจะราบรื่น…แต่แท้จริงแล้วมันกลับซ่อนแรงปั่นป่วนไว้ใต้เงาเงียบ
“คุณหนูเจ้าขา...จะให้แก้วเตรียมเสื้อผ้าสำหรับไปวัดหรือไม่เจ้าคะ?” แก้วถามขึ้นเบา ๆ ขณะรินน้ำชาลงถ้วยเบญจรงค์ตรงหน้า
“ไม่ล่ะ วันนี้อยากอยู่บ้าน...เล่นระนาดสักหน่อย ยังไม่ได้ฝึกเพลงที่ครูฝากไว้เมื่อคราวก่อนเลย” นุชชาตอบเสียงเรียบ เธอสวมชุดผ้าซิ่นสีอ่อนกับเสื้อแขนยาวเรียบร้อย ผมยาวถูกรวบขึ้นด้วยปิ่นไม้ชั้นดี ใบหน้ายังคงนุ่มนวล สงบเสงี่ยมเหมือนเดิม
แก้วพยักหน้า ก่อนจะเดินไปรื้อกล่องเครื่องดนตรีในเรือนกลาง เสียงไม้เคาะเรียงลงระนาดค่อย ๆ ดังขึ้นราวกับเชื้อเชิญจังหวะของโชคชะตาให้ก้าวมาอีกครั้ง
...
อีกด้านหนึ่งที่เรือนชายฝั่งตรงข้าม รัชกรยืนพิงราวเรือนอย่างใช้ความคิด เขาถือถ้วยชาจาง ๆ ไว้ในมือ สายตาเหม่อมองไปยังทางที่เขาเพิ่งผ่านเมื่อวาน — ตลาดที่เขาเผลอพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว ว่าชอบผ้าที่ “เธอ” เลือก
รณภพเดินเข้ามาเงียบ ๆ ข้างหลัง ก่อนเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งล้อ
“วันนี้ยังไม่ไปเรือนนั้นอีกหรือขอรับพี่ชาย?”
รัชกรหันมามอง พลางถอนหายใจเบา ๆ “ไปบ่อยเกินไป เดี๋ยวจะดูไร้มารยาท”
“หรือเพราะกลัวว่าหญิงสาวคนนั้นจะรู้ทันจิตใจท่าน?” รณภพยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน
รัชกรนิ่ง ก่อนจะพูดเบา ๆ
“นุชชาไม่ใช่หญิงที่หวั่นไหวเพียงเพราะคำพูดหวาน...ข้ารู้ดี และข้าก็...ไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าข้ากำลังจะครอบครองเธอด้วยคำหวานเช่นกัน”
...
ที่เรือนวรดา มุกธิดาเล็กแอบยืนมองพี่สาวผ่านช่องลม เธอเห็นนุชชานั่งเล่นระนาดอยู่ตามลำพัง ลำแสงจากช่องไม้ตกกระทบกับแก้มเนียนราวกับเทพธิดาบรรเลงเพลง
หัวใจของมุกเต้นแรงแต่ไม่ใช่เพราะความรัก...หากเป็นความริษยาที่กัดกินจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกับลมหายใจ
“คิดจะนั่งรอให้ชายทั้งสองมาหลงให้นักหรือพี่นุชชา...ข้าไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นหรอก” เธอพึมพำเบา ๆ แล้วเดินจากไปอย่างเงียบงัน
...
บ่ายวันเดียวกัน นภัทร พี่สาวคนโตกลับมาจากวัดพร้อมกล่องของฝาก ขณะนั้นนุชชากำลังรดน้ำต้นไม้ที่ชายเรือน
“นุชชา...มีข่าวจะเล่าให้ฟังจ้ะ” นภัทรยิ้มหวาน ริมฝีปากยังเปื้อนรอยยิ้มเหมือนเช่นทุกวัน
นุชชาวางขันเงินลง ก่อนเช็ดมือและหันมาฟังอย่างตั้งใจ
“วันนี้แม่ชีในวัดเล่าให้พี่ฟังว่า เมื่อเช้าคุณชายรัชกรแวะไปที่วัด ท่านถวายผ้าไตรสวยมาก แล้วก็ทักว่าถ้าพี่ไปวัดบ่อย ๆ เช่นนี้ คงได้เจอกันอีกหลายครา...”
นุชชายิ้มบาง ๆ แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกประหลาด คล้ายมีอะไรบางอย่างสะกิดเบา ๆ — ไม่ใช่ความหึงหวง หากเป็นความสงสัย
เหตุใดเขาถึงไปวัด...เขาคิดอะไรอยู่กันแน่?
...
ตกเย็น มุกธิดาเล็กแต่งชุดสวยเป็นพิเศษ เดินยิ้มแย้มมาในเรือนกลางที่ทุกคนมานั่งดื่มน้ำชาเย็น
“คุณแม่เจ้าขา มุกเพิ่งทราบจากข้างบ้านว่าคุณชายรณภพจะไปดูการแสดงโขนในงานวัดเดือนหน้า มุกเลยคิดว่าจะไปด้วย...เผื่อเจอคนรู้จักให้ท่านแม่รู้จักมั่งเจ้าค่ะ”
คุณหญิงวรดายิ้มเอ็นดู “ไปเถอะลูก พาเจ้าพี่กับนุชชาไปด้วยก็ดีนะจ๊ะ”
มุกหันไปมองพี่สาวทั้งสองแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่คล้ายชวน แต่แฝงเชิงชิงดี
“แต่มุกว่า...คนบางคนอาจจะไม่สนใจหรอกเจ้าค่ะ เพราะมักจะหมกมุ่นแต่กับระนาด…”
คำพูดนั้นคล้ายขนนกแหลมที่พุ่งเสียบลงกลางอก นุชชาเพียงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะกล่าวเบา ๆ ว่า
“ก็เพราะข้ารักเสียงดนตรีน่ะสิ หากวันใดที่ใจว้าวุ่นเกินไป ข้าคงดีดไม่ถูกเสียงหรอก...”
รัชกรที่เพิ่งก้าวเข้ามายืนฟังอยู่เงียบ ๆ ไม่ห่างจากประตู ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกระแอมเบา ๆ
“แล้วหากวันใด...ข้าคือเหตุให้เสียงนั้นเพี้ยนล่ะ คุณนุชชาจะโกรธหรือไม่?”
นุชชาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มตอบ
“ข้าก็จะหัดให้ชินกับเสียงเพี้ยนเสียเองเจ้าค่ะ จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องดนตรีใหม่ทุกครา”
คำตอบนั้น ทำเอาหลายคนอึ้งงัน — ไม่ใช่เพราะนุชชากล่าวแรง หากเป็นเพราะความนิ่งและแยบคายของเธอเกินหญิงใด
มุกธิดากำมือแน่นเงียบ ๆ ใต้ผ้าซิ่นสีอ่อน
อยากให้เขาหันมองเจ้ามากใช่ไหมพี่นุชชา...ข้าจะทำให้ไม่มีใครหันมองเจ้าอีกต่อไป
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 31
Comments