ตอนที่ 3 การฝึกใช้เนตร

แสงอาทิตย์ยามเช้าอบอุ่นสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องเรียนของอาคาเดมี่แห่งเนตรสวรรค์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเสียงพูดคุยของเหล่านักเรียนที่มารวมตัวกันก่อนเริ่มการฝึกในวันที่สอง หลายคนต่างพูดถึงเนตรที่ตนสามารถปลุกขึ้นมาได้เมื่อวานนี้ บางคนมีพลังโจมตีอันรุนแรง บางคนมีพลังสนับสนุนที่ซับซ้อน ขณะที่หลายคนก็ยังคงตื่นเต้นกับสิ่งที่ตนจะสามารถทำได้ในอนาคต

เรน นั่งเงียบอยู่ที่มุมห้อง เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมเนตรของเขาถึงไม่ปรากฏออกมา ทั้งที่เมื่อวานมีแสงเจิดจ้าส่องออกจากร่างของเขาชัดเจนแต่กลับไม่มีเนตรใด ๆ แสดงออกมาเลย

“แปลกจริง ๆ นะ ทั้งที่ตอนทดสอบแสงมันแรงขนาดนั้น” เสียงของ เด็กชายผมยุ่งสีน้ำตาลเข้ม ดังขึ้น เขานั่งอยู่ข้าง ๆ เรน ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความขี้เล่นแต่ก็แฝงไปด้วยความสงสัย “เราก็ยังไม่ได้เหมือนกันล่ะ ชื่อฉัน ‘โฮลต์’ นะ ยินดีที่ได้รู้จัก”

เรนหันไปมองอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ไกล เป็น เด็กหญิงผมยาวสีเทาอ่อน ใบหน้าของเธอเรียบนิ่ง ดวงตาดูเย็นชาราวกับไม่สนใจโลก “ฉันชื่อ ‘เอเลีย’” เธอพูดแค่นั้นก่อนจะเบือนหน้าออกไปทางหน้าต่าง

ในห้องฝึกของสายป้องกัน อาจารย์ชายวัยกลางคนชื่อ อาจารย์โครว เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มเล็ก ๆ เขากวาดตามองนักเรียนทุกคนก่อนจะเริ่มพูด

“วันนี้เป็นวันที่สองของการฝึก และจะถือเป็นวันสำคัญสำหรับทุกคน เพราะเราจะเริ่มเข้าสู่การฝึกใช้พลังของเนตรจริง ๆ สำหรับสายป้องกันนั้น จุดแข็งของพวกเจ้าคือการรับมือกับสถานการณ์รุนแรง การสร้างเกราะ การป้องกันเพื่อนร่วมทีม หรือแม้แต่การสะท้อนพลังของศัตรูกลับไป การใช้เนตรของพวกเจ้าจะต่างกันไปตามลักษณะเฉพาะของแต่ละคน”

เขาพูดพลางยื่นมือออกไปตรงกลางห้อง ก่อนจะมีแสงสีฟ้าล้อมรอบมือและเปลี่ยนเป็นโล่โปร่งใสที่ลอยขึ้นกลางอากาศ

“นี่คือหนึ่งในรูปแบบของเนตรสายป้องกัน มันอาจปรากฏเป็นโล่ เกราะพลัง หรือแม้แต่โดมป้องกันทั้งกลุ่ม ฝึกฝนให้ดี เข้าใจการควบคุมพลังให้ได้ แล้วมันจะตอบสนองต่อความตั้งใจของพวกเจ้า”

หลังจากนั้น นักเรียนทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปยังพื้นที่ฝึกส่วนตัวของตน ในห้องฝึกที่มีลานพลังงานรองรับไว้ พวกเขาเริ่มตั้งสมาธิ พยายามดึงพลังจากภายในออกมา

เด็กหลายคนสามารถปลุกเนตรของตนออกมาได้สำเร็จ แสงสีต่าง ๆ เริ่มเปล่งประกายไปทั่วห้อง บ้างเป็นโล่รูปทรงต่าง ๆ บ้างเป็นคลื่นพลังที่ขยายออกจากร่างกายเพื่อป้องกันตัวเองหรือผู้อื่น

เรนยืนนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง เขาหลับตา พยายามรวบรวมพลังอย่างที่อาจารย์สอน แต่ว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

ข้าง ๆ เขา โฮลต์ พยายามอย่างหนักเช่นกัน สีหน้าดูจริงจังกว่าที่เรนเคยเห็นเมื่อแรกเจอ ด้าน เอเลีย เองก็นั่งพับเพียบ หลับตาแน่น แต่ก็ยังคงเงียบและไร้พลังใด ๆ เช่นเดียวกัน

เวลาผ่านไปนานพอสมควร ก่อนที่เสียงของอาจารย์โครวจะดังขึ้นอีกครั้ง

“มีอยู่สามคนที่ยังไม่สามารถปลุกเนตรออกมาได้… ไม่ต้องรีบร้อน พลังของแต่ละคนอาจต้องการเวลาในการตอบสนองหรืออาจต้องการแรงผลักดันบางอย่าง”

เรนกำมือแน่น สายตาของเขาเต็มไปด้วยคำถามและความสงสัย แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็เริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังก่อตัวภายในร่างกายของเขา… บางสิ่งที่ยังไม่ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์

เขาไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป อย่างน้อย… ก็ยังมีสองคนที่เข้าใจความรู้สึกเดียวกันนี้

หลังจากช่วงเวลาการฝึกผ่านไป อาจารย์โครวก็ได้ตบมือเสียงดังเพื่อเรียกความสนใจของทุกคนให้กลับมาที่กลางห้อง

“ทุกคน มารวมตัวกันที่ด้านหน้าห้องฝึก” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

เหล่านักเรียนต่างหยุดการฝึก แล้วทยอยเดินมารวมตัวกันด้านหน้าตามคำสั่ง บางคนยังรู้สึกตื่นเต้นกับพลังที่เพิ่งค้นพบของตน บางคนก็เหลือบมองไปยัง เรน, โฮลต์ และ เอเลีย อย่างสงสัย โดยเฉพาะแสงที่เคยเปล่งประกายออกจากตัวเรนเมื่อวาน มันยังคงเป็นปริศนาสำหรับทุกคน

อาจารย์โครวยืนอยู่ด้านหน้า พร้อมสายตาที่นิ่งสงบและเปี่ยมด้วยความรู้ “ข้ารู้ว่าในวันนี้ พวกเจ้าส่วนใหญ่สามารถเบิกเนตรของตนได้แล้ว มันเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ข้าอยากให้ทุกคนเข้าใจเรื่องสำคัญบางอย่าง”

เขาเดินไปช้า ๆ พลางยกมือขึ้นวาดวงเวทย์กลางอากาศ แล้วภาพสามมิติของลูกตาที่เปล่งแสงปรากฏขึ้นเบื้องหน้า

“เนตรแห่งพลัง ไม่ได้มีเพียงสามแบบอย่างที่พวกเจ้าเคยได้ยิน นั่นคือ โจมตี, ป้องกัน และ สนับสนุน… ความจริงแล้ว ในแต่ละสาย ยังมีการ ‘แตกแขนง’ ออกไปอีก”

เสียงพูดคุยเริ่มเบาลงเมื่อทุกคนตั้งใจฟัง

“สายป้องกัน—ที่พวกเจ้าเรียนกันอยู่นี้ ก็สามารถแยกย่อยได้อีกเป็นสามแขนงใหญ่ หนึ่งคือ ป้องกันล้วน ที่เน้นสร้างเกราะป้องกันที่มั่นคง สองคือ ป้องกันโจมตี ซึ่งสามารถสะท้อนหรือเปลี่ยนพลังป้องกันให้กลายเป็นแรงกระแทกกลับไปยังศัตรู และสุดท้ายคือ ป้องกันสนับสนุน ที่ใช้พลังป้องกันเพื่อเสริมพลังให้ผู้อื่น หรือดูดซับพลังบางส่วนเพื่อป้องกันกลุ่ม”

อาจารย์โครวหมุนภาพเนตรในอากาศให้แยกออกเป็นสามเส้นทางตามคำพูด

“เช่นเดียวกับสายอื่น ๆ พลังของเนตรนั้นลึกลับและมีหลากหลาย บางคนอาจปลุกมันขึ้นมาได้ง่าย บางคนอาจต้องใช้เวลา หรือแม้กระทั่งต้องพบเหตุการณ์เฉพาะบางอย่าง”

จากนั้น เขาหันมาทางเรน, โฮลต์ และเอเลีย

“ทั้งสามคน มาข้างหน้าสิ”

สามคนนั้นเดินออกจากแถวด้วยความรู้สึกกดดันเล็กน้อย สายตาของเพื่อนร่วมชั้นทุกคนจ้องมองมา รอว่าอาจารย์จะทำอะไรต่อไป

“พวกเจ้ายังไม่ได้ปลุกพลังเนตรของตนเองใช่หรือไม่?” อาจารย์ถาม

ทั้งสามพยักหน้าช้า ๆ

“ไม่ต้องกังวล ข้าเคยเห็นผู้ที่ใช้เวลานานกว่านี้เสียอีก… วันนี้ ข้าจะลองใช้วิธีของข้าในการช่วยกระตุ้นพลังในตัวพวกเจ้า เพื่อดูว่าแท้จริงแล้ว พลังของพวกเจ้าซ่อนอยู่ลึกเพียงใด”

เขายกมือขึ้นทั้งสองข้าง พลังงานบางอย่างไหลเวียนออกมาจากฝ่ามือ เป็นแสงสีขาวอมฟ้าที่บริสุทธิ์และสงบนิ่ง เขาเริ่มจากโฮลต์ก่อน

มือของอาจารย์โครวแตะลงเบา ๆ ที่กลางหน้าอกของโฮลต์ แสงพลังนั้นไหลเข้าไปในร่างเด็กชายทันที

ดวงตาของโฮลต์เบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนที่ร่างของเขาจะเรืองแสงสีฟ้าอ่อนเบา ๆ และเนตรรูปหกเหลี่ยมก็ปรากฏขึ้นบนดวงตาซ้าย พร้อมกับลวดลายหมุนวนรอบนอกที่ดูประหลาด

“โอ้…!” เด็กบางคนอุทาน

“เนตรนี้… ดูเหมือนจะเป็นป้องกันโจมตี” อาจารย์พึมพำ “มีแรงสะท้อนอัตโนมัติเมื่อตั้งเกราะ… น่าสนใจ”

จากนั้นเขาเดินไปหาเอเลีย เธอยืนเงียบ ไม่ขยับแม้แต่นิด

เมื่ออาจารย์โครวแตะพลังลงที่กลางอกของเธอ แสงกลับไม่ได้สว่างขึ้นในทันที เหมือนมันกำลังค่อย ๆ ไหลซึมเข้าสู่ร่างกายช้า ๆ แล้วจู่ ๆ… ดวงตาของเอเลียก็เรืองแสงสีม่วงอ่อน และเนตรรูปกลีบดอกไม้ก็ปรากฏขึ้น

“ป้องกันสนับสนุน…?” อาจารย์โครวพูดอย่างพึงใจ “เธอน่าจะสามารถแบ่งพลังป้องกันให้ผู้อื่นได้…”

ทุกคนเริ่มฮือฮา

เหลือเพียงเรน…

อาจารย์โครวเดินมาตรงหน้าเขา เรนยืนนิ่งแต่ลึกในใจกลับเต็มไปด้วยแรงสั่นไหว

“เจ้า… พร้อมไหม?” อาจารย์ถาม

เรนพยักหน้า

แสงจากมือของอาจารย์แตะลงที่อกของเขาเช่นเดียวกับคนอื่น ทว่า…

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

เงียบงัน…

ไม่มีแสง ไม่มีเนตร ไม่มีกระแสพลัง

แม้แต่อาจารย์โครวก็ยังขมวดคิ้ว “…นี่มัน…”

เรนเองก็ก้มหน้าลง เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังกดทับอยู่ในอก มันร้อน มันหนัก และมันไม่ขยับ… เหมือนพลังที่ยังไม่ยอมตื่น

“ข้าขอโทษ เรน พลังของเจ้าดูเหมือนจะยังไม่ตอบสนอง อาจต้องใช้วิธีอื่น… หรือเวลาอีกสักหน่อย” อาจารย์โครวพูดเสียงแผ่ว

แต่สิ่งที่ไม่มีใครรู้… คือในขณะที่เรนหลับตานิ่งอยู่นั้น ภาพบางอย่างได้ผุดขึ้นในห้วงความคิดของเขา… เป็นภาพของเงาสีดำและแสงเจิดจ้าที่ปะทะกันอย่างรุนแรง และเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาในหัว

“ยังไม่ถึงเวลา…”

เรนเบิกตาขึ้น ดวงตาของเขายังคงเป็นปกติ

แต่ลึกลงไปในใจ… เขารู้ ว่ามีบางอย่าง… กำลังเตรียมพร้อมจะตื่นขึ้น

หลังจากความพยายามของอาจารย์โครวในการกระตุ้นพลังของ เรน ล้มเหลว วันถัดมาเขาจึงเปลี่ยนแนวทางฝึกให้เข้มข้นขึ้น เพื่อให้นักเรียนได้สัมผัสกับโลกแห่งความจริง

ในยามเช้า นักเรียนทั้งหมดถูกพาไปยังเขตฝึกพิเศษที่ตั้งอยู่ด้านหลังโรงเรียน เป็นป่าธรรมชาติขนาดย่อมที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเวทมนตร์สูงตระหง่าน อาจารย์โครวได้ปล่อยมอนสเตอร์ระดับต่ำถึงกลางไว้ในพื้นที่—ทั้งหมดผ่านการควบคุมเพื่อการฝึกโดยเฉพาะ

“วันนี้พวกเจ้าจะได้ลองใช้เนตรของตนในสนามจริง” อาจารย์กล่าว “จงจำไว้… ในสนามรบจริง ไม่มีคำว่าพัก ไม่มีคำว่าเมตตา”

นักเรียนต่างกระจายตัวกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน ใช้พลังเนตรป้องกันซ้อมรับมือกับการโจมตีของมอนสเตอร์

เรน, โฮลต์ และเอเลีย รวมกลุ่มกันเช่นกัน ถึงแม้เรนจะยังไม่มีเนตร แต่ก็ถูกให้ติดตามเพื่อสังเกตการณ์และเรียนรู้

เสียงปะทะ เสียงคำราม และเสียงเวทมนตร์ดังกระหึ่มไปทั่วป่า แต่แล้ว…

เสียงคำรามหนึ่งก็ดังขึ้นมาอย่างผิดปกติ—ไม่ใช่เสียงของมอนสเตอร์ระดับฝึกซ้อมทั่วไป แต่เป็นเสียงที่หนักแน่น แหลมคม และเปี่ยมไปด้วยความคลุ้มคลั่ง

ต้นไม้เบื้องหน้าสั่นไหวแรงผิดธรรมชาติ ก่อนที่ร่างของ มอนสเตอร์รูปร่างคล้ายหมาป่าขนาดใหญ่ ดวงตาสีเลือดฉาน จะพุ่งทะลุพงไม้พรวดออกมา มันคือมอนสเตอร์ระดับ สามดาว ซึ่งไม่ควรจะอยู่ในสนามฝึกนี้ มันคำรามอย่างบ้าคลั่ง ฟันและกรงเล็บของมันเต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง

“นั่นมัน… มันไม่ได้อยู่ในระบบควบคุม!” นักเรียนคนหนึ่งร้องขึ้น

ก่อนที่ใครจะตั้งตัวทัน มอนสเตอร์บ้าคลั่ง ตัวนั้นก็กระโจนเข้าใส่กลุ่มนักเรียนที่อยู่ใกล้ที่สุด มันกัดเข้าที่แขนของเด็กชายคนหนึ่งอย่างรุนแรง เสียงเนื้อฉีกขาดดังสนั่น เลือดพุ่งกระเซ็นใส่พื้นหญ้า นักเรียนอีกสองคนพยายามช่วย แต่พลังของพวกเขายังอ่อนเกินไป เวทป้องกันไม่สามารถหยุดกรงเล็บของมันได้

มอนสเตอร์เหวี่ยงร่างเหยื่อไปกระแทกกับต้นไม้ก่อนจะกระโจนไปหากลุ่มถัดไป มันโจมตีไม่เลือกหน้า ขย้ำพวกที่กำลังร่ายเวทจนขาดใจตาย

เรน ยืนนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจรุนแรง เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของเพื่อน เสียงเวทมนตร์ที่ใช้ป้องกันแตกกระจาย และเสียงกระดูกหักอย่างโหดร้าย มันเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง ยกเว้นมอนสเตอร์ที่ยังคงอาละวาดราวกับปีศาจนรก

โฮลต์ พยายามลากเขาออกจากพื้นที่ “เรน! หนีไป! เร็วเข้า!”

แต่วินาทีนั้นเอง เรนกลับยืนนิ่ง หัวใจเต้นแรงจนแทบจะระเบิด ภาพการตายของนักเรียนที่ไม่มีทางสู้ซ้อนเข้ากับความโกรธ ความหวาดกลัว และความไร้พลังของเขา

เสียงภายในหัวเขาดังขึ้นแผ่วเบา

“จะยืนดูคนตายต่อไปอีกนานแค่ไหน…”

และในวินาทีนั้นเอง ร่างของเรนก็ถูกปกคลุมด้วยแรงสั่นสะเทือนบางอย่าง ดวงตาของเขาเจ็บแปลบเหมือนมีของมีคมกรีดอยู่ภายใน

แวบบบ!

ประกายพลังบางอย่างแผ่ออกมาจากร่างเขาอย่างรุนแรงจนพื้นดินสั่นสะเทือน

ดวงตาที่เคยว่างเปล่ากลับเปล่งแสงสีเทาเงินเย็นเยือก ราวกับดวงจันทร์ที่มืดมน

-จบตอนที่ 3

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!