ยามค่ำคืนในฤดูใบไม้ร่วงของแผ่นดินมิดแกรนด์ สายลมหนาวหอบกลิ่นใบไม้แห้งและดินเปียกชื้นล่องลอยผ่านป่าทึบที่ทอดตัวอยู่รอบหมู่บ้านเอลคาน่า หมู่บ้านเล็กๆ ของเผ่ามนุษย์ที่ดูไม่มีสิ่งใดโดดเด่น นอกจากความเงียบสงบที่ปกคลุมมายาวนานนับสิบปี
เสียงไม้แห้งหักดัง กร๊อบ ท่ามกลางความเงียบสงัด ชายในผ้าคลุมสีเลือดห้าคนก้าวผ่านความมืดราวกับเงาของความตาย ทุกย่างก้าวของพวกเขาไม่ทิ้งร่องรอย ไม่มีแม้เสียงฝีเท้า พวกมันคือ “หน่วยนักล่า” แห่งแดนปีศาจ
“เป้าหมายอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ทางตะวันตกของป่า ถ้ามันมีเนตรจริง — ห้ามให้รอด”
เสียงแหบต่ำของชายร่างสูงใหญ่ดังลอดผ่านเวทสื่อสาร
อีกคนหัวเราะแผ่วเบา ขณะที่คมดาบในมือส่องประกายสะท้อนแสงจันทร์
“ถ้าเด็กนั่นตื่นเนตรขึ้นมาในเวลานี้…จะเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน”
จากนั้นเสียงระเบิดก็ถูกปลดปล่อยอย่างไร้การเตือน หมู่บ้านที่เคยสงบสุขเริ่มสั่นสะเทือนจากเสียงกรีดร้อง ความตื่นตระหนก และเพลิงไฟที่ลุกโชนกลางคืนสีเลือด
ภายในบ้านไม้หลังเล็กของตระกูลดราเวลล์ — เรน ดราเวลล์ วัย 16 ปี กำลังป้อนยาสมุนไพรให้ชายชราเคราขาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
“ปู่…จะหายแน่ ผมสัญญา…ขอแค่รอดผ่านฤดูนี้ไปให้ได้”
เรนเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาในสายตาคนทั่วไป ไม่มีพลัง ไม่มีเนตร ไม่มีอนาคต เขาเป็นเพียงหลานชายของชายชราผู้เคยเป็นอดีตนักเวทสายป้องกัน แต่ตอนนี้ก็เหลือเพียงร่างที่อ่อนแรงรอวันหมดลมหายใจ
แต่แล้ว — เสียงระเบิดดังขึ้นจากฝั่งตะวันตกของหมู่บ้าน!
ตู้ม!!!
เพลิงสีแดงเจิดจ้าแตกระเบิดขึ้นสู่ท้องฟ้า สะท้อนเข้ามาในดวงตาของเรน เสียงร้องไห้ เสียงตะโกน และเสียงดาบปะทะกันก้องกังวานไปทั่ว
“เกิดอะไรขึ้น…?”
เรนรีบคว้ามีดสั้นที่พกไว้ใช้เก็บของในป่า แล้วพุ่งออกจากบ้าน เขาวิ่งสวนผู้คนที่วิ่งหนีตาย บ้างก็ล้มตายด้วยคมดาบของศัตรูในผ้าคลุมเลือด
“อสูร…! มันบุกมาได้ยังไง!?”
“ช่วยด้วย!!”
เขาวิ่งไปทางบ้านของลุงซึ่งอยู่ห่างออกไปสามหลัง แต่แล้วกลับพบร่างของหญิงชราที่ล้มอยู่ท่ามกลางแอ่งเลือด — ป้าเมียร่า เพื่อนบ้านที่เคยให้ขนมเขาตอนเด็ก
หัวใจเรนเต้นแรงขึ้นทุกขณะ ความกลัว ความโกรธ และความสับสนตีรวนไปหมด
เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง ร่างของชายในผ้าคลุมปรากฏขึ้นพร้อมรอยยิ้มเย็นเยียบ
“ในที่สุดก็เจอแล้ว…เป้าหมาย”
เรนเบิกตากว้าง เขารู้ตัวว่าถูกตามล่า มีดในมือสั่นเล็กน้อย เขาถอยหลังอย่างช้าๆ ก่อนจะหมุนตัววิ่งหนีสุดแรง
“เฮือก!!”
มีดของนักล่าปักลงบนไหล่ซ้ายของเขาอย่างแม่นยำ เรนล้มกลิ้งไปกับพื้น เลือดอุ่นๆไหลรินข้างแก้ม เขาเงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างหมดหนทาง
“เจ้าคงไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าตัวเองเป็นใคร…น่าสมเพชจริงๆ”
ดาบยาวของชายคนนั้นยกขึ้นสูง พร้อมจะฟาดลง
แต่ในชั่ววินาทีแห่งความเป็นความตาย
เรนได้ยินเสียงบางอย่าง
เสียงที่เหมือนดังมาจากในหัว — เสียงของใครบางคนที่เขาจำไม่ได้
“เจ้าต้อง…ปกป้องสิ่งสำคัญ…”
ตาเบิกโพลง — แสงสีทองเรืองวาบขึ้นจากดวงตาข้างขวา
วงแหวนเวทสามชั้นหมุนวนอยู่ภายในตาดำ ราวกับมีอักขระโบราณส่องประกายอยู่ในนั้น
“—!?”
ดาบที่ฟาดลงมาโดนอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น “ปัง!”
มันแตกกระจายราวกับชนเข้ากับกำแพงเหล็ก!
ตรงหน้าของเรน มี บาเรียโปร่งแสง รูปทรงกลมล้อมรอบตัวเขาไว้โดยอัตโนมัติ มันปรากฏขึ้นจากพลังบางอย่างที่เรนไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ ไม่แม้แต่ควบคุม
ชายในผ้าคลุมชะงัก รอยยิ้มเลือนหาย
“…เนตรบาเรีย…? ไม่มีทาง เด็กนี่น่ะเหรอ!?”
เรนลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ แม้เลือดยังไหลไม่หยุด แต่สายตากลับมั่นคงขึ้นเล็กน้อย
เขาไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น รู้เพียงอย่างเดียว — เขาไม่อยากตาย
ดวงตาสีทองยังคงส่องแสงอยู่ ท่ามกลางเปลวเพลิงและกลิ่นคาวเลือด
“ฉัน…จะไม่ยอมตายที่นี่…”
บาเรีย กะพริบแสงอีกครั้ง
ก่อนจะขยายตัวออกเป็นคลื่นกระแทก “ตู้ม!!”
ร่างของนักล่าถูกเหวี่ยงกระเด็นกระแทกกับต้นไม้
ที่บนต้นไม้ไกลออกไป
หญิงสาวผมยาวสีเงินที่แอบดูอยู่เงียบๆ ยิ้มบาง
“ในที่สุด…เนตรแห่งตระกูลดราเวลล์ก็กลับมาแล้ว”
เสียงกระแทกอากาศดังสนั่นเมื่อร่างของชายสวมหน้ากากปลิวกระเด็นไปไกลหลายเมตรก่อนจะกลิ้งไปตามพื้นดินจนฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว
“อะ…อะไรกัน…เมื่อกี้มัน…”
เรน มองมือตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา หัวใจเต้นแรงจนน่ากลัว เหงื่อผุดเต็มใบหน้า และดวงตาข้างซ้ายของเขาสะท้อนแสงสีฟ้าจางๆ — แสงจากพลังที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรียกว่าอะไร
ศัตรูที่โดนพลังผลักกลับยันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง เขาค่อยๆ ยืดตัว สะบัดไหล่ ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงต่ำ
“หึ…ใช่จริงๆ ด้วย…พลังนั่น… เนตรบาเรียของตระกูลดราเวลล์”
แววตาของเรนสั่นไหวทันทีเมื่อได้ยินชื่อนั้น
“นายเป็นใครกันแน่… ทำไมถึงรู้ชื่อตระกูลดราเวลล์”
ชายคนนั้นไม่ตอบคำถาม แต่ยกดาบขึ้น กระแทกเข้ากับบาเรียสีใสที่ห่อหุ้มร่างของเรนอย่างรุนแรง
ผัวะ!
เสียงร้าวของพลังเวทดังก้อง ดาบปะทะกับโล่เวทหลายครั้งติดต่อกัน และแต่ละครั้ง บาเรียก็เริ่มแสดงรอยร้าวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“อย่าได้หวังว่าพลังครึ่งเดียวจะช่วยชีวิตแกได้นานนัก เด็กเปรต…”
“ข้าจะฟาดมันจนกว่าบาเรียจะพัง และกระชากหัวแกเป็นรางวัลให้จอมราชันย์เดี๋ยวนี้!”
เรนก้าวถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก เขายังไม่รู้แม้แต่จะใช้พลังนั่นยังไง เขาเรียกมันไม่ได้ตามใจ และเขาไม่อยากสู้ตายตรงนี้
แต่ก่อนที่ดาบจะฟาดลงอีกครั้ง — เสียงคำรามของลมและแสงสีเงินก็พุ่งทะลวงจากฟากฟ้าใส่ร่างของศัตรูอย่างจัง
ตูม!!
เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเรน — หญิงสาวผมเงินในชุดคลุมดำที่แววตาแข็งกร้าวและเปื้อนเลือดจากการต่อสู้
“เรน! หนีไป!” เธอตะโกน
“พวกมันกำลังจะมามากกว่านี้อีก! ถ้านายยังอยู่ตรงนี้ นายจะตายนะ!”
เรนยังตกใจอยู่ หัวใจเต้นถี่จนแทบหายใจไม่ทัน
“แต่ว่า…คนในหมู่บ้าน…”
“ไม่มีเวลาแล้ว! พาใครที่พอแบกได้หนีไปทางทิศเหนือ! ไปที่เมือง เอเซลฟอร์ด! ไปที่นั่น ที่นั้นยังปลอดภัย!”
หญิงสาวปะทะกับศัตรูอย่างไม่ลังเล แสงเวทสีเงินกระแทกใส่เป้าหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในขณะที่เรนกัดฟัน หันหลังให้สนามรบ แล้วพุ่งตัวออกไป
เสียงกรีดร้องและเปลวเพลิงโหมกระหน่ำอยู่ด้านหลังหมู่บ้านในยามค่ำคืน
เรนตะโกนเรียกชาวบ้านทุกคนให้ตื่น บอกให้พวกเขารีบหนี และในขณะที่ความโกลาหลปกคลุม เขาก็รีบตรงเข้าไปในบ้านไม้หลังเล็กที่มีชายชราอายุกว่าแปดสิบปีนอนอยู่
“ปู่! ปู่ต้องลุกขึ้นแล้ว เราต้องหนี!”
ชายชราเงยหน้ามาอย่างอ่อนแรง “มันถึงเวลาแล้วสินะ…ชะตาที่หลีกไม่พ้นของสายเลือดเรา…”
เรนไม่พูดอะไรต่อ เขาแบกร่างของปู่ขึ้นบนหลัง ฝืนแรงทั้งหมดพาชายชราออกจากหมู่บ้านไปพร้อมกับคนอื่นๆ
ในขณะที่หมู่บ้านทั้งหมดย่อยยับลงในเปลวเพลิง
เรนและชาวบ้านรอดมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น
เมืองเอเซลฟอร์ด (Ezellford)
เมืองชายแดนทางเหนือที่มีภูเขาโอบล้อมและแม่น้ำคดเคี้ยวเป็นธรรมชาติ ตั้งอยู่ภายใต้การปกครองของสภาเผ่ามนุษย์ เป็นเมืองแห่งการหลบภัยและศูนย์รวมของผู้พลัดถิ่นจากสงครามในอดีต
เรนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนกระทั่งอายุได้ 19 ปี
ตลอดเวลา 3 ปีที่อยู่ที่นี่ เขาฝึกฝนร่างกายและจิตใจ แต่ก็ไม่เคยลืมแสงสีฟ้าที่เปล่งออกมาจากดวงตาในคืนนั้น และคำพูดของศัตรูที่ยังคงดังก้องอยู่ในหัว
จนกระทั่งวันหนึ่ง…
มีสารจาก “อาคาเดมี่ที่สอนใช้พลังจากเนตรแห่งเฟลโน่ร์” ส่งมาถึง
“ผู้มีพลังจงเข้าร่วม ณ ศูนย์ฝึกสอนสายเนตรแห่งเฟลโน่ร์ เพื่อเรียนรู้พลังที่แท้จริงของเจ้า โลกกำลังเดินเข้าสู่ยุคสงครามอีกครั้ง และสายเลือดของเจ้า…คือกุญแจของทุกสิ่ง”
จบตอนที่ 1
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments