"อะ อาจารย์สโรชาจะฆ่าผม!! "
"ไม่ใช่นาย"
"อะไรกันพวกเธอ นี่มันห้องสอบนะ! "
"สโรชาจะฆ่าผมเธอจะฆ่าผม อาจารย์ไม่เชื่อก็ดูสิไอ้นี่เธอเป็นคนปามันมา"
เพื่อนร่วมห้องชายว่าแล้วชี้ให้ดูหลักฐานปากกาที่ยังคาอยู่บนผนังทำให้อาจารย์คุมสอบดุคะนิ้งยกใหญ่
"ตายจริง นี่เธอมีความแค้นเคืองส่วนตัวอะไรกับวราทิตย์กันสโรชา ทำแบบนี้มันรุนแรงเกินไปแล้ว เกิดโดนขึ้นมาจะทำยังไงเธอรับผิดชอบได้หรือเปล่า"
"หนูไม่ได้ตั้งใจจะโยนใส่เขาค่ะ แค่มือลื่นไปหน่อยก็เท่านั้นเอง"
คะนิ้งลุกขึ้นหันไปตอบอย่างคนโกหกไม่เก่งด้วยน้ำเสียงฉะฉาน ทว่าสีหน้ากลับนิ่งไร้อารมณ์จนคนฟังชักมีน้ำโหขึ้นมา
"มือลื่นไปหน่อยบ้านป้าเธอสิมันมีซะที่ไหนกัน ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้เลย! "
วราทิตย์โวย ทำคะนิ้งถอนหายใจแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่กัน ไม่น่าเลย แต่ก็ปล่อยให้เกวลีโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้
พอมารู้ตัวอีกทีก็ยื่นมือเข้าไปช่วยแบบไม่ลืมหูลืมตาจนได้แล้ว แย่จริง แย่จนอยากจะเขกหัวตัวเองสักร้อยครั้งให้คิดก่อนทำเลยทีเดียว
"เข้าใจแล้วๆ ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ ทั้งนายแล้วก็ทุกคนด้วยยกโทษให้ฉันที่สร้างความวุ่นวายในเวลาสอบด้วยเถอะนะ"
คะนิ้งก้มหน้าก้มตารับผิดเต็มประตูอย่างจำยอม ทำให้ทุกคนหันกลับไปทำข้อสอบของตัวเอง
"เอาล่ะ ถือว่าหายโกรธกันแล้วนะ อย่าไปทำแบบนี้ที่ไหนอีกล่ะสโรชา วราทิตย์เองก็ยกโทษให้สโรชาด้วย โกรธกันข้ามปีทั้งที่สอบครั้งนี้พวกเธอก็จบแล้วมันไม่ดีต่อใครหรอก"
"ครับ"
"ดีมาก ถ้างั้นก็นั่งลงทำข้อสอบได้แล้วทั้งสองคนเลย"
"ครับ/ค่ะ"
วราทิตย์กับคะนิ้งรับคำพร้อมกันขณะอาจารย์คุมสอบเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะดังเดิม
แล้ววราทิตย์ก็หันไปดึงปากกาใช้ไม่ได้แล้วออกมาจากผนังโยนมันทิ้งลงถังขยะมุมห้องและนั่งลง ตอนนั้นเองเขาก็เห็นว่าคะนิ้งจ้องไปยังเกวลีที่นั่งก้มหน้า
ด้วยแววตาเยือกเย็นหนาวเหน็บถึงขั้วกระดูก
ทำวราทิตย์เสียวสันหลังวาบระคนสงสัยว่าทำไมคะนิ้งต้องจ้องเพื่อนตัวเองน่ากลัวขนาดนั้น
ด้วยเขาไม่ได้มองเห็นอย่างที่คะนิ้งเห็นชั่วครู่หนึ่ง ก่อนเธอจะหันกลับไปนั่งแก้โจทย์คณิตศาสตร์ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นดื้อๆ
ทำให้วราทิตย์ ส่ายหัวไล่ความคิดแล้วเอาความสนใจทั้งหมดไปโฟกัสที่ข้อสอบในที่สุด
' กระไรกันสายตาเฉกเช่นน้ำแข็งพันปีเยี่ยงนั้นมิใช่ว่าเจ้าเองก็ใคร่อยากจักกำจัดข้าเสียให้พ้นทางหากแต่มิอาจทำได้ดั่งใจในเพลานี้อยู่มิใช่รึ'
ชายหนุ่มพึมพัม ขณะเกวลีได้สติ
'เอามือออกไป'
'เฮอะ..ข้าผู้นี้จักต้องฟังคำสั่งเจ้าด้วยรึ!?'
อสูรเงาไม่ว่าเปล่ายังจะออกแรงบีบคอเกวลี ทำให้เกวลีต้องยอมถอยให้ เพราะกลัวว่าครั้งต่อไปคนที่จะสร้างความวุ่นวายในห้องสอบจะเป็นฟ้าหยาด แผ่อ่อร่าจิตสังหารออกมา จ้องเขม็งปานจะกินหัวอสูรเงาตนนี้ให้ได้เป็นแน่
'ฉันต้องสอบ ถ้าอยากจะช่วยนักล่ะก็ ก็รีบๆ ช่วยก่อนที่เวลาจะหมดเถอะ'
'หึ! นั่นใช่ประโยคร้องขอเจ้าฤา ฟังมิเข้าหูเสียจริง'
สิ้นประโยคอสูรเงาก็โน้มใบหน้า อ้าปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมหมายจะกัดเข้าบ่าเกวลี ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงพิษร้อนร้ายแรงที่อยู่ใกล้ผิวหนังใต้เสื้อผ้าแค่นิดเดียว
จึงจำเป็นต้องใช้จุดอ่อนของอสูรเงาเพื่อหยุดโทสะกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่แม้แต่เจ้าของร่างอย่างเกวลีก็ยังหยุดความเกรี้ยวกราดนี้ไม่ได้เมื่ออสูรเงาบ้าเลือดตนนี้กำลังไม่พอใจบางอย่างขึ้นมา
'ฉันขอเตือนถ้านายยังไม่หยุด ฉันจะไม่ขอรับสิ่งนั้นอีกเด็ดขาด ดูซิว่านายยังจะคงรูปลักษณ์มาเกรี้ยวกราดแบบนี้ได้อีกมั้ย'
'ชิส์! '
อสูรเงาผู้ไม่เคยยินยอมให้ใครมาสั่งตนเอง สบถไม่สบอารมณ์แต่ก็ยอมถอยห่างจากเกวลีโดยดีเพราะสิ่งนั่นที่เกวลีหมายถึงมันสำคัญต่อการคงรูปลักษณ์และฟื้นฟูพลังยิ่งกว่าสิ่งใด
'เจ้าแน่มากหนาหญิงหน้าตาย ที่กล้าใช้มันขู่ข้า ครานี้จักถือว่าข้ายินยอมให้ก็แล้วกัน'
ว่าแล้วอสูรเงาก็หยิบกระดาษขึ้นมา เขียนคำตอบลงไปไม่ปริปากถามเกวลีสักคำจนหมดทุกข้อ และแล้วเขาก็ปล่อยปากกาทิ้งบ่นพึมพัมอย่างเบื่อหน่าย
'เสร็จเสียที ยังมีสิ่งใดที่ข้าจักต้องเล่นเป็นขี้ข้าเจ้าอีกฤา'
'วิชาต่อไปภาษาไทย อังกฤษและก็วิทยาศาสตร์'
'เฮอะ ร่ำเรียนมากวิชา แต่หาได้นำไปใช้ ช่างเป็นยอดมนุษย์ชมชอบสรรหาความวุ่นวายต่อวัฏจักรชีวิตจริงแท้'
'นายไม่มีสิทธิ์ว่าใครก็ตามที่นายอยากจะพูดถ้านายเองก็ยังจดจำมันได้'
เกวลีว่าขณะสายตาตรวจทานคำตอบหรือวิธีทำที่อสูรเงาทำ แล้วไม่เจอข้อที่ผิดไม่จากความคิดเธอเลยแม้แต่ข้อเดียว
'นั่นเพราะข้าเฉลียวฉลาดเป็นทุนเดิมแลร่างกายข้าเกิดมาจากการได้รับสิ่งนั่นมิใช่ดอกรึ'
อสูรเงาแย้งทำให้เกวลีไม่ปริปากเถียง เพราะมันคือความจริงที่เกวลียังคิดไม่ตกว่า
อสูรฉลาดแกมโกง นิสัยร้ายกาจ บางทีก็งี่เง่าเหมือนเด็กมีปัญหาอย่างอสูรเงาในอดีตที่ผ่านมา
มีเหตุอะไรเกิดขึ้นถึงได้มาหลอมรวมมีพันธะกับดวงวิญญาณเธอทั้งยังลืมตัวตนในอดีตไปหมดสิ้นแม้แต่ชื่อยังจำไม่ได้
กระทั่งเวลาสอบค่อยๆ ผ่านไป เพื่อนที่แก้โจทย์เสร็จทุกข้อก็พากันออกจากห้องกันเกือบหมด ทำให้อสูรเงา ที่ยอมกลับเข้าร่างเกวลี ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
'จักทำอย่างไรเล่าหญิงหน้าตาย สหายร่วมอุดมการณ์เจ้าต่างก็เดินออกไปจากห้องแทบทุกคนแล้วมิใช่ฤา'
'พาฉันออกไป'
เมื่อถูกเกวลีเปรียบเสมือนคุกกักขังที่อยากจะหนีออกมาให้ได้ตั้งแต่รู้สึกถึงการมีตัวตนหลังจากได้รับสิ่งนั้นสั่ง อสูรเงาก็สบถไม่พอใจ
แต่ก็ยอมควบคุมร่างเกวลี ลุกจากเก้าอี้ เดินออกจากห้องมา ทำให้ฟ้าหยาดเห็นอสูรเงาควบคุมร่างเกวลีเดินผ่านไปนั่งไขว้ขาก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือภาษาไทยที่ระเบียงก็เกิดหัวเสียขึ้นมา
"นี่ ไอ้กาฝากวิปริตอย่ามาทำเหมือนเป็นเจ้าของร่างได้มั้ย"
"..."
ไม่มีเสียงตอบรับจากอสูรที่ไม่ได้คิดจะสนใจฟ้าหยาดแม้แต่น้อย ฟ้าหยาดจึงเดินไปคว้าหนังสือภาษาไทยจากมืออสูรเงาในร่างเกวลีมา
"ฉันบอกว่าอย่ามาทำเหมือนเป็นร่างตัวเองไม่ได้ยินหรือไง"
"ข้าย่อมได้ยิน กระนั้นเจ้าหาใช่มารดาข้ามีเหตุผลอันใดข้าจักต้องฟังความหญิงวิปลาสเฉกเช่นเจ้า"
อสูรเงาถามกลับด้วยน้ำเสียงกวนโทสะ ทำฟ้าหยาดเลือดขึ้นหน้าจะกระชากคอเสื้ออสูรเงาในร่างเกวลี
"แก! "
หมับ
เป็นคะนิ้งที่รั้งคอเสื้อฟ้าหยาดไว้ได้ทัน ก่อนที่คนใจร้อนหงุดหงิดง่ายจะลงไม้ลงมือกับร่างเกวลีที่อสูรเงาควบคุมอยู่
"นี่ปล่อยดิ มาห้ามฉันทำไมคะนิ้ง"
"ไม่ปล่อย ใจเย็นก่อนสิฟ้าหยาด นั่นมันเกวลีนะเธอจะทำผิดซ้ำสองหรือไง"
"ฉันไม่อยากถูกคนที่ตั้งใจปาปากกาเมื่อกี้มาว่าหรอก"
"นะ นั่นเป็นเพราะฉันติดนิสัยเห็นใครลำบาก แล้วร่างกายมันตอบสนองไปไว้กว่าสมองเองต่างหาก"
คะนิ้งว่าเสียงอ่อยเมื่อถูกแทงใจดำ
"ไม่รู้ล่ะไอ้เวรนั่นมันกวนประสาทฉันจะให้ฉันนิ่งเฉยเหรอไม่มีทาง เธออย่ามาทำฉันหัวเสียอีกคนจะดีกว่า"
ฟ้าหยาดหันมาจ้องคะนิ้งอย่างเอาเรื่องทำให้ลลิตเอ่ยแทรกขึ้นพร้อมกับชี้หน้าฟ้าหยาดด้วยพัดไม้ฉลุแดง
"กล้าดียังไงมามองคะนิ้งของฉันด้วยสายตาแบบนั้นฟ้าหยาดปลาเถื่อน! ถ้าอยากมีเรื่องนัก ลลิตจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เองจะลองดูมั้ยล่ะว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ"
"หา? คิดว่าเป็นครุฑีแล้วฉันจะไม่กล้าตอบรับคำท้ารึไง! "
ฟ้าหยาดตวัดสายตาไปจ้องเขม็งลลิตราวกับจะกินหัวแทน ทำลลิตก็จ้องตอบยักคิ้วหลิ่วตาใส่ฟ้าหยาด จนเกิดสงครามเขม่นทางสายตากันไปมาแล้วซะงั้น
โดยที่ทั้งคู่ลืมอสูรเงาที่เอาหนังสือจากฟ้าหยาดคืนตอนเผลอ เดินไปนั่งห่างจากพวกเธอริมสุดของระเบียงไปแล้ว
มิหนำซ้ำยังลืมไปเสียสนิทอีกด้วยว่ายังมีคนห้ามมวยที่น่ากลัวกว่าอยู่
ป๊อก!!
แน่นอนว่าเป็นสันมือและสันหนังสือจากอคิราห์แม่เลี้ยงเด็กโข่งคนงามที่สับลงบนหน้าผากฟ้าหยาดและหัวลลิตเต็มแรงอย่างไม่ต้องสงสัย จนทั้งคู่ร้องโอดครวญเสียงหลงพร้อมกัน
"มันเจ็บนะเฮ้ย! ">>ฟ้าหยาด
"มันเจ็บไม่ใช่เรอะ! ">> ลลิต
"ก็ฉันตั้งใจนี่จ๊ะ"
อคิราห์ยิ้มหวานขณะที่ออร่ารอบตัวดำทะมึน จนทั้งสองต่างพากันหลบตามองไปทางอื่นเมื่อรู้สึกว่าเหมือนจะเห็นอคิราห์ซิลล่ายืนอยู่ตรงหน้ารำไร แม้แต่คะนิ้งยังต้องหลีกทางให้
"ก่อนหน้าฉันก็เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้ตั้งใจกับการสอบทำไมถึงยังดูเหมือนว่ามีคนไม่เข้าใจในประโยคคำพูดที่ฉันพยายามสื่อไซโคทุกวันๆ ออกไปเลยจ๊ะ ไม่รู้เหรอว่ามันเหนื่อยแค่ไหนที่ต้องมาเป็นกรรมการห้ามมวยและยังเป็นแม่คนที่เท่าไหร่ไม่รู้มาคอยตักเตือน อย่าให้ฉันต้องก้มกราบและบอกตั้งใจกันหน่อยเลยนะ ถ้าพรุ่งนี้ฉันเกิดตายขึ้นมาจะไม่มีใครมาคอยทำแบบนี้เหมือนฉันได้แล้วรู้มั้ย"
อคิราห์พูดจบลลิตก็เงยหน้าขึ้นแย้ง
"คิราห์ไม่ตายง่ายๆ หรอก! "
"หืม..ทำไมคิดงั้นจ๊ะ อจินไตยน่ะไม่ใช่ที่ที่จะไปเดินเล่นได้อย่างสบายใจเชียวนะ"
"เพราะว่าคิราห์มีมารยาร้อยเล่มเกวียนที่แข็งแกร่งไงล่ะ"
ลลิตตอบอย่างมั่นหน้าทำให้อคิราห์หลุดหัวเราะ
"อะไรกันๆ รู้สึกเหมือนถูกด่ามากกว่าชมอยู่เลยนะ"
"ไหงเป็นงั้น ลลิตอุสาห์ลดทิฐิพูดจากใจจริงเลยนะ คิราห์ออกจะแข็งแกร่งเรื่องปราบพยศคนที่สุด เพราะงั้นคิราห์จะต้องปลอดภัยกลับมาแน่นอน อีกอย่างลลิตจะไม่ยอมให้คิราห์ตายก่อนลลิตจะปราบเซียนอย่างคิราห์สำเร็จได้หรอก"
ลลิตเอ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
"จ้าๆ ฉันก็พูดไปงั้นแหละ เลิกทำตาน่าเกลียดแล้วไปนั่งเฉยๆ ซะขอแค่อย่าทะเลาะกันอีกฉันจะขอบคุณมากเถอะ"
"คึคึ ย่อมได้กระมังเจ้าค่ะ"
ลลิตหัวเราะมีเลศนัยพราวแพรว กลับไปเป็นลลิตที่เล่นไม่เลิกคนเดิมภายในเวลาไม่กี่นาที แล้วปรี่ไปนั่งข้างคะนิ้งกอดแขนหนึบอย่างกับ
คู่รักเลสเบี้ยน สาวมาดนิ่งกับเด็กไม่รู้จักโต ทำอคิราห์ส่ายหัวเล็กน้อย ขณะเดียวกันเหลือก็แต่ฟ้าหยาดที่ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
"มีอะไรเหรอฟ้าหยาด"
"ถึงจะไม่ใช่เรื่องจริงจังก็เถอะแต่ช่วยอย่าพูดอะไรที่มันยังไม่เกิดขึ้นแล้วฟังไม่เข้าหูอีกยัยเตี้ยปากมากไม่งั้นเธอได้ตายด้วยฝีมือฉันจริงๆ แน่ เข้าใจมั้ย "
ฟ้าหยาดไม่ด่าเปล่ายืนมือไปบีบแก้มอคิราห์จนหน้ายู่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุ
"ขะ เข้าใจจ้ะ"
"ดี "
ฟ้าหยาดชักมือกลับแล้วหันไปรื้อกระเป๋าตัวเองจนอคิราห์และคนอื่นๆ สงสัย
"นั่นเธอกำลังหาอะไรอยู่"
"ช่างฉันเถอะน่า"
ฟ้าหยาดบอกปัด พอดีกับอาจารย์เรียกเข้าสอบวิชาต่อไป พวกนักเรียนคนอื่นๆ และพวกฟ้าหยาดจึงเข้าห้องสอบเตรียมสอบเพื่อให้วันนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี
*ครุฑี หมายถึง ครุฑตัวเมีย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 16
Comments
Rara Makulua
ขอให้แอดสร้างเรื่องเยี่ยมๆ ต่อไปเรื่อยๆนะ👍🏻
2025-04-15
1