ตอนที่ 5 : การซุ่มโจมตีระหว่างทาง

หลังจากการพูดคุยเกี่ยวกับกฏเกณฑ์ระหว่างชนชั้นและตำแหน่งอำนาจของทั้งสี่เมือง ไป๋เฉินก็ยังเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังที่ฉินเยว่ฉานพยายามจะปกป้องไป๋เฉินและให้ความสำคัญต่อเขาด้วยเช่นกัน

จนไป๋เฉินอดไม่ได้ที่จะปรบมืออย่างชื่นชมให้แก่ไป๋เฉินคนเก่า

[ เจ้าไป๋เฉินผู้นี้ช่างหล่อเท่เสียนี่กระไร ยอมลงทุนได้รับบาดเจ็บถึงขั้นเจียนตาย ผลสุดท้ายมันกลับได้สตรีอันงามหยดชดช้อยเป็นคู่หมั้นจนได้ ]

[ มันช่างน่าเลื่อมใสอย่างแท้จริง ]

ฉินเยว่ฉานยังคงกล่าวอภิปรายเกี่ยวกับการฝึกฝนพลังบ่มเพาะและการฝึกฝนกล้ามเนื้อเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของไป๋เฉิน เพราะนางเล็งเห็นว่านี่คือจุดอ่อนของเขาในขณะนี้ แต่ทว่าแม้นจะไม่มีรากปราณแต่เขาก็สามารถฝึกฝนทักษะความแข็งแกร่งทางกายาทดแทนได้

ไป๋เฉินมิได้ใส่ใจกับการฝึกฝนกำลังภายในมากนัก เพราะไม่ว่าตนจะดันทุรังฝึกฝนอย่างไร ก็คงมิอาจหวนคืนระดับการบ่มเพาะกลับมาได้อีกต่อไป

ในโลกที่แล้วไป๋เฉินก็สามารถฝึกฝนความรู้และเชี่ยวชาญวิชาทุกแขนงได้โดยไม่จำเป็นต้องมีพลังปราณ เขาเชื่อว่าหากฝึกฝนและหล่อหลอมพลังทางกายภาพจนกล้ามเนื้อตอบสนองโดยอัตโนมัติก็คงจะเพียงพอในการสังหารผู้อื่นและเอาตัวรอดในโลกที่โหดร้ายใบนี้

แม้นว่าจะไร้รากปราณและมิอาจฝึกฝนแต่ตนยังคงมั่นใจในฝีมือลอบสังหารอย่างที่ได้ปลูกฝังมากว่าสามสิบปี!

เมื่อสนทนากันไปตลอดระหว่างทาง ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็เริ่มที่จะแคบลง ความสนิทสนมของฉินเยว่ฉานยังคงเหมือนเดิมในขณะที่ไป๋เฉินมิอาจเดาได้ว่าเขาควรจะทำตัวอย่างไร เพราะไป๋เฉินไม่เคยได้สุงสิงและมีความสัมพันธ์ที่สนิทชิดเชื้อกับหญิงใดมาก่อนนอกเสียจากการแวะเวียนไปสถานที่ที่ซื้อขายประเวณี นั่นก็เพื่อระบายความอัดอั้นหลังจากการสังหารเพื่อระบายรังสีเข่นฆ่าที่ตกค้างอยู่ ที่ซึ่งนักฆ่าทุกคนก็จะใช้วิธีการนี้ในการระบายอารมณ์ด้านลบที่กดข่มไว้เพื่อที่จะมิได้ตนเสียสติไปเสียก่อน

หลังจากแลกเปลี่ยนข้อมูลจนเขาสามารถเรียบเรียงข้อมูลและสถานการณ์โดยรวมได้จนพอสังเขป ไป๋เฉินก้มหน้าต่ำในขณะที่มือเรียวบางลูบคางด้วยคิ้วที่ขมวดเป็นปม

ข้อมูลส่วนใหญ่เกี่ยวกับอดีตของไป๋เฉินเขาพอจะทราบคร่าวๆแล้ว แต่เหตุการณ์อุบัติเหตุของไป๋เฉินคนเก่านั้นยังคงเป็นปริศนา นั่นหมายความว่ามีใครบางคนได้วางแผนสังหารตนโดยการทำให้เป็นเหมือนว่าเกิดจากอุบัติเหตุ 

แต่เขาก็ไม่มีมูลเหตุรวมถึงแรงจูงใจที่มากเพียงพอ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าในช่วงเวลาที่จะสืบค้นข้อมูลนี้ตนควรอาศัยอยู่ที่ตระกูลฉินไปก่อนสักช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่เขาจะปลีกวิเวกออกจากตระกูลฉินเพื่อทำตามความต้องการของเขาภายในโลกใบนี้

แน่นอนความปรารถนาของไป๋เฉินคือแสวงหาความแข็งแกร่งและอำนาจ! สัญชาติญาณอันโหดเหี้ยมของนักฆ่ายังคงฝังลึกอยู่ในกระดูกดำและมิอาจลบล้างออกไปได้ ดังนั้นแล้วเส้นทางของเขาคงจะมีเพียงแค่ภูเขาสูงเท่ากองกระดูกและสายธารโลหิตเท่านั้น!

[ ชาติที่แล้วข้าได้รับมอบหมายงานในฐานะมือสังหารครั้งแรกครั้นเมื่ออายุ 15 ปี และในชีวิตนี้ข้าก็จะใช้ทักษะที่มีเดินตามรอยเท้าเก่านั้นอีกครา ]

เมื่อเห็นว่าไป๋เฉินเงียบงันไป ฉินเยว่ฉานอดไม่ได้ที่จะมองดูไป๋เฉินด้วยสีหน้าประหลาดใจ นางไม่เคยเห็นไป๋เฉินในแง่มุมที่แลดูจริงจังเช่นนี้มาก่อน 

ไป๋เฉินตรงหน้าของนางนั้นเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายที่แปลกประหลาด อนึ่งว่าเป็นกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกและกลิ่นอายที่ห่างเหินโดดเดี่ยวโดยที่ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าถึงโลกของเขาได้ สภาวะทางอารมณ์รวมถึงรัศมีที่ปรากฏบนร่างของไป๋เฉิน ส่งผลให้ฉินเยว่ฉานรู้สึกใจเต้นแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ

[ เขา...ไฉนเขาจึงแลดูหล่อเหลาถึงเพียงนี้? ]

[ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเป็นเช่นนี้เลยสักครั้ง ]

ความประทับใจของฉินเยว่ฉานที่มีต่อไป๋เฉินก็ยิ่งพรั่งพรูสูงขึ้นอย่างฉงน นางมิอาจตระหนักได้ว่าไฉนจิตใจของนางจึงได้อ่อนไหวถึงเพียงนี้

เมื่อตระหนักได้ว่าตนเริ่มจินตนาการไปไกล ใบหน้าอันผ่องใสของนางแต่งแต้มไปด้วยรอยแดงจางๆราวกับแอปเปิ้ลสุกลามไปถึงต้นคอ

แต่ทว่าก่อนที่นางจะได้เอ่ยสิ่งใดต่อ ไป๋เฉินที่สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติพลันรีบโบกมือส่งสัญญาณแก่นาง "ชู่ว! ช้าก่อน...มีใครบางคนนอกจากพวกเรากำลังหลบซ่อนอยู่เบื้องหน้า"

ไป๋เฉินเปิดม่านไม้ไผ่สานบนรถม้ากะทันหันโดยปล่อยให้ฉินเยว่ฉานแสดงสีหน้าที่สงสัย เขาสอดส่องสายตาไปมาประดุจดั่งว่ากำลังจับสัมผัสถึงความผิดปกติใดๆรอบๆอาณาบริเวณ 

เวลาต่อมาสายตาของเขาจับจ้องไปยังผืนป่าที่มีต้นไม้สูงใหญ่กว่าสิบฟุตในระยะสิบลี้อย่างถมึงทึง 'มีใครบางคนหลบซ่อนอยู่ที่มุมนั้นจริงๆ'

สัญชาตญาณแห่งความระมัดระวังของเขายังคงใช้งานได้เป็นอย่างดีแม้นว่าเขาจะไม่มีพลังปราณก็ตามที

ไป๋เฉินปิดม่านพร้อมดึงร่างกลับมา เขาหันไปหาฉินเยว่ฉานด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและออกคำสั่ง "บอกคนขับให้หยุดรถม้าเสียก่อน ข้าสัมผัสได้ว่ามีบุคคลอยู่สี่คนกำลังซุ่มโจมตีอยู่ไม่ไกล และข้าเชื่อว่าพวกนั้นคงจะมิได้มาด้วยจุดประสงค์ที่ดีอย่างแน่นอน"

น้ำเสียงของไป๋เฉินแฝงไปด้วยความเร่งรีบและเร่งด่วน แม้นว่าเขาจะไม่อยากจะเป็นจุดสนใจ แต่ขณะนี้พวกเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมอย่างยิ่งยวด เขาเชื่อว่าหากมิได้มีการเตรียมการรับมือคงจะไม่มีผู้ใดมีชีวิตรอดออกไปจากผืนป่าแห่งนี้ได้แม้แต่ผู้เดียว

ฉินเยว่ฉานตกตะลึงในสิ่งที่เขาเอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน นางหันไปส่งสัญญาณต่อคนขับรถม้าชะลอลง ก่อนจะถามย้ำเพื่อความแน่ใจ "ไป๋เฉิน เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีใครบางคนซุ่มโจมตีอยู่? เหตุใดข้ามิอาจสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตแม้แต่น้อย"

เมื่อตระหนักได้ว่าตนกล่าวสิ่งใดออกไป เหงื่อเย็นๆไหลผ่านหน้าผากอาบใบหน้าอย่างตื่นตระหนก ไป๋เฉินกลอกตาไปมาก่อนกล่าว "ข้าแค่คาดเดาเท่านั้น เจ้าไม่สังเกตหรืออย่างไรว่าสถานการณ์ในละแวกนี้เงียบงันจนเกินไป ไม่มีแม้แต่เสียงของสัตว์ขนาดเล็กเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นมีเพียงเหตุผลเดียวคือมีใครบางคนกำลังหลบซ่อนอยู่ใกล้เคียงกับสัตว์ภายในผืนป่าแห่งนี้จนสัตว์พวกนั้นอาจจะหวาดกลัวต่อความแข็งแกร่งของบุคคลก็เป็นได้"

"โอ้?" ฉินเยว่ฉานเพียงแค่อุทานและเหม่อมองไปยังใบหน้าของไป๋เฉินที่กำลังแก้ต่าง จนนางสงสัยว่าบุคคลเบื้องหน้าของนางยังเป็นไป๋เฉินที่นางรู้จักอยู่หรือไม่?

แต่ไม่ว่านางจะซักไซ้เขาอย่างไร ไป๋เฉินก็พูดออกมาเพียงแค่คำเดียวว่า "ข้าแค่คาดเดาเอาเท่านั้น"

แต่ถึงแม้นจะเป็นเพียงแค่การคาดเดา แต่เมื่อฉินเยว่ฉานมองลึกลงไปในดวงตาของเขาก็กลับมีร่องรอยของความเคร่งขรึมแอบแฝงอยู่

ฉินเยว่ฉานพยักหน้าและเอื้อมมือไปเปิดม่านรถม้า ก่อนจะกระซิบถามในขณะที่สายตากำลังเหม่อมองไปยังทิศทางรอบๆอย่างไร้จุดหมาย "เจ้ารู้หรือไม่พวกมันอยู่ที่ใดกันบ้าง?"

ไป๋เฉินลูบคางด้วยคิ้วที่มุ่น และกล่าวราวกับว่าไม่แน่ใจว่าจะกลบเกลื่อนความสงสัยที่นางมีต่อเขาก่อนหน้านี้ได้อย่างไร "หากข้าคาดเดาไม่ผิดมีทิศสิบนาฬิกาหนึ่งคน ทิศสองนาฬิกาหนึ่งคนและทิศสามนาฬิกาอีกสองคน"

แต่ทว่าคำพูดคำจาของเขายิ่งทำให้ฉินเยว่ฉานสงสัยยิ่งกว่าเก่า "ไป๋เฉิน ทิศสิบนาฬิกาที่เจ้าพูดถึงหมายถึงอะไร? เหตุใดเจ้าจึงพูดพิลึกพิลั่นเช่นนี้?"

ไป๋เฉินสะดุ้งตัวโหยงอย่างกะทันหัน

[ เวรแล้ว! ข้าลืมตัว! ]

วินาทีต่อมาเขาจึงรีบแก้ต่างโดยพลัน "อะแฮ่มๆ ทิศสิบนาฬิกาคือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศสองนาฬิกาคือทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศสามนาฬิกาคือทิศตะวันออกหากมองตรงไปยังเส้นทางเบื้องหน้า...ข้าเคยอ่านเจอทิศทางแขนงนี้ในตำราเล่มหนึ่ง ที่ซึ่งบ่งชี้ถึงทิศทางได้อย่างแม่นยำที่สุดในการสื่อสารภายในกลุ่มเฉพาะ"

[ ข้าเผลอติดปากการอ่านทิศทางของหน่วยทหารในประเทศไทยมามากเกินไป...หวังว่านางคงจะไม่สงสัยข้า ]

ฉินเยว่ฉานผงกศีรษะอย่างสับสนก่อนจะตัดสินใจเปิดม่านของรถม้าเบื้องหน้าออกไปมองยังทิศทางที่เขากล่าว

และแล้วนางก็สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ผิดปกติอย่างแท้จริงหากแต่ต้องจดจ่ออยู่กับตำแหน่งนั้นอยู่สักระยะหนึ่ง!

เมื่อรถม้าจอดลงกลางทางสัญจร จู่ๆ ฉินเยว่ฉานลงจากรถม้าโดยไม่ลังเล อาภรณ์สีฟ้าอ่อนไสวปลิวไปกับสายลม สายตาและรอยยิ้มอันอ่อนหวานในยามที่อยู่กับไป๋เฉินพลันแปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่จริงจังและเคร่งขรึม

พลังปราณสีฟ้าอ่อนกำลังไหลเวียนไปทั่วเส้นลมปราณอย่างราบรื่นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ในทุกชั่วยาม นางมองไปยังผู้คุ้มกันทั้งห้าก่อนจะกล่าวกระตุ้นด้วยเสียงทุ้ม "เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้!"

ฉินหมิงหยวนที่ติดตามอยู่เบื้องหลังเอ่ยถามอย่างสับสนในการตอบสนองของฉินเยว่ฉานที่ปรากฏ "คุณหนูน้อย พวกเรากำลังจะต่อสู้กับผู้ใดกัน? ข้าไม่เห็นมีผู้ใดอยู่ในละแวกนี้แม้แต่ผู้เดียว"

ฉินเยว่ฉานกวาดหางตาเปี่ยมด้วยแสงแห่งความเย็นชา "หมิงหยวน ข้ามีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่าเจ้า และข้ามีประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมมากกว่าเจ้า หากเจ้าไม่เชื่อเจ้าสามารถลองเดินทางโดยม้าของเจ้าต่อไปได้"

เมื่อสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของฉินเยว่ฉานจริงจังเพียงใด ฉินหมิงหยวนมิได้กล่าวอันใดต่อก่อนที่ทวนยาวสีทองสามเมตรพลันปรากฏในมือด้วยเสียงสะท้อน "หว่อง!" 

รวมถึงชายหนุ่มในอาภรณ์สีเหลืองทั้งสี่ที่แต่ละคนได้ดึงเอาศาสตราวุธออกมาตระเตรียมสำหรับการเผชิญหน้าที่กำลังจะเกิด

ฉินเยว่ฉานย่างฝีเท้าไปข้างหน้าสามก้าว นางสอดส่องสายตาไปยังทิศตะวันออกก่อนจะตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชา "พวกเจ้าตรงนั้นไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอีกต่อไป โผล่หัวออกมาซะ!" 

เสียงของนางก้องกังวานสะท้อนหมุนเวียนภายในผืนป่า แต่ทว่าหลังจากที่นางตวาดลั่นออกไป กลับไม่มีสิ่งใดตอบสนองแม้แต่น้อยนิด แม้นว่าจะผ่านไปเกือบสิมลมหายใจก็ตามที

ฉินหมองหยวนเริ่มสงสัยว่าฉินเยว่ฉานเพียงแค่หวาดระแวงไปเองหรือไม่ "คุณหนูน้อย ดูเหมือนว่าท่านแค่คิดฟุ้งซ่านไปเองเท่านั้น ข้าไม่เห็นจะมีสิ่งใดผิดปกติแม้แต่น้อย"

ฉินเยว่ฉานยังคงขมวดคิ้ว แต่สายตาของนางมิได้หันเหออกจากตำแหน่งนั้นแม้แต่ลมหายใจเดียว

แต่จู่ๆกลับมีเสียงฝีเท้าเหยียบย่ำใบไม้แห้งกรำดังขึ้นในทิศทางนั้น มาพร้อมเสียงหัวเราะอันน่าขนลุกของบุคคลหนึ่งดังขึ้นก่อนที่ร่างสองร่างจะปรากฏขึ้นในลักษณะราวกับภูตพราย "ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่ น่าสนใจ"

ร่างทั้งสองนั้นสวมใส่อาภรณ์สีดำขลับที่ซึ่งปกปิดใบหน้าไว้อย่างมิดชิด หนึ่งในนั้นที่มีร่างผอมบางกล่าวอย่างชมเชย "สมกับเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์อันเลื่องชื่อ แม้แต่พวกข้าที่มั่นใจในทักษะการพรางตัวก็มิอาจหลีกหนีจากประสาทสัมผัสของแม่นางไปได้จริงๆ"

ขณะนี้ฉินเยว่ฉานก็เข้าใจโดยพลันว่าสิ่งที่ไป๋เฉินบอกกล่าวนั้นเป็นความจริงอย่างคาดไม่ถึง

ฮอต

Comments

Ma.Cristina Alvaro

Ma.Cristina Alvaro

ขอบคุณแอดที่เขียนเรื่องนี้ได้ดีมากๆ

2025-04-03

1

ทั้งหมด
เลือกตอน
1 ตอนที่ 1 : ไป๋เฉิน
2 ตอนที่ 2 : กระบี่สีดำคร่ำครึ
3 ตอนที่ 3 : ฉินเยว่ฉาน
4 ตอนที่ 4 : อดีตของไป๋เฉิน
5 ตอนที่ 5 : การซุ่มโจมตีระหว่างทาง
6 ตอนที่ 6 : เป้าหมายที่แท้จริงของนักฆ่า
7 ตอนที่ 7 : สังหาร!
8 ตอนที่ 8 : ตำนานไป๋หนานเทียน
9 ตอนที่ 9 : เมืองเทียนเตี้ยน
10 ตอนที่ 10 : ความพยายามลอบสังหาร
11 ตอนที่ 11 : พิษคร่าหัวใจ
12 ตอนที่ 12 : เนินเขาเทียนหยุน
13 ตอนที่ 13 : ไป๋เฉินและไป๋เฉิน (1)
14 ตอนที่ 14 : ไป๋เฉินและไป๋เฉิน (2)
15 ตอนที่ 15 : การจากไปตลอดกาล
16 ตอนที่ 16 : กำเนิดจักรพรรดิมาร
17 ตอนที่ 17 : การหารือในห้องโถงใหญ่
18 ตอนที่ 18 : พยายามจะกัดมือที่เลี้ยง
19 ตอนที่ 19 : ประตูสำริดลึกลับ
20 ตอนที่ 20 : รากปราณมารเก้าเนตร
21 ตอนที่ 21 : เป้าหมายของสองพ่อลูก
22 ตอนที่ 22 : สมาพันธ์นักฆ่า
23 ตอนที่ 23 : อ้างสิทธิ์
24 ตอนที่ 24 : เคล็ดวิชานอกรีต
25 ตอนที่ 25 : ศาลาเมฆินทร์
26 ตอนที่ 26 : ต่อรอง
27 ตอนที่ 27 : เผชิญหน้า
28 ตอนที่ 28 : กำเนิดศาลาปีกสวรรค์
29 ตอนที่ 29 : ตัวปัญหา
30 ตอนที่ 30 : ตราประทับโลหิตติดตาม
31 ตอนที่ 31 : ฉินหมิงหยวนผู้คั่งแค้น
32 ตอนที่ 32 : การทรมาน
33 ตอนที่ 33 : แขวนประจาน
34 ตอนที่ 34 : แผนการกำจัด
35 ตอนที่ 35 : บีบบังคับสังหาร
36 ตอนที่ 36 : ผู้สมรู้ร่วมคิด
37 ตอนที่ 37 : มอบภารกิจ
38 ตอนที่ 38 : การมาถึงของแพทย์จากแผ่นดินใหญ่
39 ตอนที่ 39 : จูเก่อชิงหยุน
40 ตอนที่ 40 : ความรัก?
41 ตอนที่ 41 : ตราประทับทาส
42 ตอนที่ 42 : เพลิงราคะ (NC18+)
43 ตอนที่ 43 : เสริมกำลัง
44 ตอนที่ 44 : ความโกลาหล
45 ตอนที่ 45 : ฝันร้ายของตระกูลหยาง
46 ตอนที่ 46 : ตระกูลหยางเคลื่อนทัพ
47 ตอนที่ 47 : บุกรุกคฤหาสน์กองโจรมายา
48 ตอนที่ 48 : งานเลี้ยงราชานรก!
49 ตอนที่ 49 : ช่วยเหลือหญิงงาม
50 ตอนที่ 50 : แพะรับบาป
51 ตอนที่ 51 : ความโหดเหี้ยม
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 51

1
ตอนที่ 1 : ไป๋เฉิน
2
ตอนที่ 2 : กระบี่สีดำคร่ำครึ
3
ตอนที่ 3 : ฉินเยว่ฉาน
4
ตอนที่ 4 : อดีตของไป๋เฉิน
5
ตอนที่ 5 : การซุ่มโจมตีระหว่างทาง
6
ตอนที่ 6 : เป้าหมายที่แท้จริงของนักฆ่า
7
ตอนที่ 7 : สังหาร!
8
ตอนที่ 8 : ตำนานไป๋หนานเทียน
9
ตอนที่ 9 : เมืองเทียนเตี้ยน
10
ตอนที่ 10 : ความพยายามลอบสังหาร
11
ตอนที่ 11 : พิษคร่าหัวใจ
12
ตอนที่ 12 : เนินเขาเทียนหยุน
13
ตอนที่ 13 : ไป๋เฉินและไป๋เฉิน (1)
14
ตอนที่ 14 : ไป๋เฉินและไป๋เฉิน (2)
15
ตอนที่ 15 : การจากไปตลอดกาล
16
ตอนที่ 16 : กำเนิดจักรพรรดิมาร
17
ตอนที่ 17 : การหารือในห้องโถงใหญ่
18
ตอนที่ 18 : พยายามจะกัดมือที่เลี้ยง
19
ตอนที่ 19 : ประตูสำริดลึกลับ
20
ตอนที่ 20 : รากปราณมารเก้าเนตร
21
ตอนที่ 21 : เป้าหมายของสองพ่อลูก
22
ตอนที่ 22 : สมาพันธ์นักฆ่า
23
ตอนที่ 23 : อ้างสิทธิ์
24
ตอนที่ 24 : เคล็ดวิชานอกรีต
25
ตอนที่ 25 : ศาลาเมฆินทร์
26
ตอนที่ 26 : ต่อรอง
27
ตอนที่ 27 : เผชิญหน้า
28
ตอนที่ 28 : กำเนิดศาลาปีกสวรรค์
29
ตอนที่ 29 : ตัวปัญหา
30
ตอนที่ 30 : ตราประทับโลหิตติดตาม
31
ตอนที่ 31 : ฉินหมิงหยวนผู้คั่งแค้น
32
ตอนที่ 32 : การทรมาน
33
ตอนที่ 33 : แขวนประจาน
34
ตอนที่ 34 : แผนการกำจัด
35
ตอนที่ 35 : บีบบังคับสังหาร
36
ตอนที่ 36 : ผู้สมรู้ร่วมคิด
37
ตอนที่ 37 : มอบภารกิจ
38
ตอนที่ 38 : การมาถึงของแพทย์จากแผ่นดินใหญ่
39
ตอนที่ 39 : จูเก่อชิงหยุน
40
ตอนที่ 40 : ความรัก?
41
ตอนที่ 41 : ตราประทับทาส
42
ตอนที่ 42 : เพลิงราคะ (NC18+)
43
ตอนที่ 43 : เสริมกำลัง
44
ตอนที่ 44 : ความโกลาหล
45
ตอนที่ 45 : ฝันร้ายของตระกูลหยาง
46
ตอนที่ 46 : ตระกูลหยางเคลื่อนทัพ
47
ตอนที่ 47 : บุกรุกคฤหาสน์กองโจรมายา
48
ตอนที่ 48 : งานเลี้ยงราชานรก!
49
ตอนที่ 49 : ช่วยเหลือหญิงงาม
50
ตอนที่ 50 : แพะรับบาป
51
ตอนที่ 51 : ความโหดเหี้ยม

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!