บทที่4 นึกว่าไม่ใช่คน

ลิน่าตะโกนเรียกผญ.คนนั้นที่เดินออกมาจากร้านดอกไม้ แต่ดูเหมือนผญ.คนนั้นจะไม่ได้ยินเสียงเรียกของเธอ เธอ“”จึงรีบวิ่งเข้าไปคว้าแขนของผญ.คนนั้นเอาไว้

“คุณ!!! อย่าพึ่งไป”

“เอ๊ะ?! ด..เดี๋ยวก่อนนะ”

ผญ.คนนั้นดูท่าจะตกใจลิน่า เธอจึงปล่อยแขนของผญ.ก่อนจะขอโทษขอโผยที่ทำให้ตกใจ ผญ.คนนั้นจ้องหน้าเธอด้วยแววตาที่ดูสงสัยก่อนจะเอาหูฟังบลูทูธออกจากหูซึ่งสิ่งนั้นน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่ได้ยินเสียงเรียกของลิน่า ผญ.คนนั้นค่อยๆขยับหน้าเข้าใกล้เธอ นั้นทำเอาลิน่าเริ่มหน้าแดงเป็นน้อนมะเขือเทศ ไม่ใช่เพราะอากาศร้อนแต่อย่างใดแต่เพราะการ

กระทำของผญ.ตัวเล็กคนนั้นมันทำให้ลิน่ารู้สึกเขินแปลกๆ

“หืม..”

ผญ.คนนั้นเดินรอบตัวลิน่าพร้อมมองสำรวจที่ตัวของเธอ เธอแอบเกร็งเล็กน้อย ลิน่ามองดูพฤติกรรมของผญ.ตัวเล็กที่สำรวจตัวเธออย่างสงสัยเหมือนกับแมวน้อยกำลังดูคนตรงว่ามาดีหรือมาร้ายถึงจะยอมมากับเธอ

“เอ๋ ทำไมถึงดูเหมือนคนได้ขนาดนี้”

“เอ๊ะ? เดี๋ยวนะ”ลิน่าสะดุ้งกับคำกล่าวของผญ.ตัวเล็กทำไมเธอถึงพูดแบบนี้ล่ะ”

“ก็ฉันเป็นคนไงค่ะ คุณเห็นฉันเป็นตัวอะไร?”เธอตอบกับไปด้วยน้ำเสียงที่มึนงงมีบางอย่างผิดปกติที่ตัวเราเหรอ? หรือว่าสภาพเราดูเหมือนผีกันเนี่ย🥲

“อ..เอ้า นี้คนจริงๆเหรอคะ😅”

“ก็ใช่น่ะสิคะ สภาพฉันดูเหมือนผีขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ป..เปล่านะคะ ไม่ได้จะหมายถึงแบบนั้น แหะๆ😅”ผญ.ตัวเล็กเกาหัวเล็กน้อยด้วยความเขินอายที่เข้าใจผิดว่าลิน่าไม่ใช่คนแต่ที่พูดแบบนั้นไม่ใช่เพราะสภาพลิน่าดูเหมือนผีหรอกนะเหตุผลมันมากกว่านั้น

ผญ.ตัวเล็กอธิบายเหตุผลที่เผลอพูดแบบนั้นออกไปเป็นเพราะว่าเธอพึ่งได้เจอกับสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ไม่ใช่คนในร้านดอกไม้ลักษณะมันเหมือนกับมอนสเตอร์ในเกมrpg เลย ตอนเห็นมันเธอตกใจแทบตายแต่พอลองคุยกับมันดีๆดันเป็นมิตรเฉย

“…สิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่คนเป็นมิตรยังไงเหรอคะ?”ลิน่าถามด้วยน้ำเสียงบวกกับสีหน้าที่ดูซีดเผือกหลังจากรู้ว่าผญ.ตัวเล็กเจอกับอะไร ถึงสิ่งที่เธอเจอจะดูน่ากลัวอยู่แล้วก็เถอะ

“ก็มิตรแบบ..มิจฉาชีพ แฮร่!!😝”

“เอิ่ม…😐”ลิน่าถึงกับเหวอทันทีทันใด

“อิอิ ล้อเล่น\~น่าพี่สาว”

“เรียกเราว่าพี่สาวรู้เหรอว่าเราอายุเท่าไร”เธอกล่าวพร้อมทำมือกอดอก ราวกับตั้งใจจะหยอกกลับผญ.ตัวเล็กหลังจากโดนตกมุกมิจฉาชีพไปทีนึง

“ไม่รู้หรอกว่าอายุเท่าไร แต่ดูจากการแต่งตัวแล้วมองยังไงก็สาวออฟฟิศชัดๆ”ผญ.ตัวเล็กตอบอย่างตรงไปตรงมาตามสิ่งที่ตนคิดและเห็น

“อื้ม ใช่เราทำงานแล้ว แต่เรายังไม่เข้าใจเหตุผลที่เรียกเราว่าพี่เลยนะ”เธอขยั่นขยอถามผญ.ตัวเล็กย้ำๆแบบนี้ไม่ใช่การหยอกกลับแล้วดูยังไงเธอก็กำลังพยายามเค้นเอาข้อมูลส่วนตัวของผญ.ตัวเล็กชัดๆ

*แต่เค้นแบบไม่ให้รู้ตัวนะ เพราะเจ้าตัวเล็กดูฉลาดเอาการเลย*

“กำลังจะอธิบายอยู่นี่ไงเล่า🫤”เธอเริ่มแอบหงุดหงิดเล็กน้อย แต่สีหน้ายังคงนิ่งอยู่ยกเว้นเเววตาที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าหงุดหงิดแล้วนะเมี้ยว!!

“….ฮึ หงุดหงิดเราเหรอ”เธอถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แถมแอบยิ้มมุมปากนิดๆ ตอนเห็นแววตาของผญ.ตัวเล็กที่ดูแอบหงุดหงิดเหมือนกับแมวที่ไม่พอใจเจ้าของที่ไม่ยอมให้กินเปียก

“เปล่า!!! พี่อ่ะคิดมากไปรู้เปล่า”เธอถึงกับไปไม่เป็นที่พี่สาวออฟฟิศถามเธอแบบนั้น เธอเริ่มถามตัวเองว่าเราเผลอแสดงสีหน้าออกไปเหรอ? งงไปหมดแล้ว

“อืม โอเคแล้วเหตุผลที่จะอธิบายล่ะ”ถามเรื่องหงุดหงิดตัวเองได้ไม่นาน ก็กลับไปถามเรื่องเก่าที่ตนเค้นถามไปเพราะยังหลอกถามข้อมูลส่วนตัวของผญ.คนนี้ยังไม่สำเร็จ

“ก็เราอยู่ปี1กำลังจะขึ้นปี2 แต่พี่อ่ะอยู่ในวัยทำงานแล้ว นั้นแหละเหตุผล”เธอตอบอย่างดูภาคภูมิใจ พร้อมกับเอามือท้าวสะเอวและยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

“อุบ..ฮึ..ฮึ่บ”เธอถึงกับกั้นขำไว้ไม่ทัน การกระทำของผญ.ตัวเล็กที่ภูมิใจในคำตอบที่ตอบมานั้นมันดูตลกจริงๆทั้งการเอามือท้าวสะเอวและรอยยิ้มนั้นอีก ฮ่า ฮ่าๆๆ

”ฮึ่ย พี่แอบหัวเราะเยาะฉันเหรอ😤”

“เปล่า พี่ไม่ได้หัวเราะเราสักหน่อย”อันที่จริงฉันโกหกนะ ฮิ ฮิ

“โกหกชัดๆเห็นอยู่นะว่ากั้นขำน่ะ”

“พี่เอ็นดูที่เราดูภูมิใจในคำตอบของตัวเองต่างหาก”เธอรีบแก้คำอย่างไว อย่างน้อยก็รู้ข้อมูลของอีกฝ่ายไปแล้ว

“เอ็นดูแบบใด😑”เธอทำหน้าเหมือนจะไม่เชื่อ

บรรยากาศระหว่างคนสองคนที่พึ่งรู้จักกันนั้นพูดคุยกันและถกเถียงราวกับว่ารู้จักกันมาเป็นปีนี้หาดูได้ยาก ทั้งคู่พูดคุยอย่างสนิทสนมเพียงการตั้งคำถามจากเรื่องที่ไม่ควรจะสงสัยเล็กๆน้อยๆ ถึงจะเป็นการหลอกถามก็เถอะแต่มันกับเป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์ได้อย่างน่าแปลก

“เอาล่ะๆ พี่ไม่แกล้งเราแล้วดีกว่า”เธอรีบจบการถกเถียงที่ยังไม่จบไม่สิ้นได้ง่ายๆ โดยการยอมเป็นฝ่ายที่หยุดการถกเถียง

“ยอมรับมาโดยดีว่าตั้งใจแกล้งน้องแล้วเหรอหื้ม”เธอกอดอกก่อนจะทำสีหน้าหงุดหงิดใส่คุณพี่สาวออฟฟิศ

“ยอมแล้วจ้า ก็ช่วยไม่ได้นิเรามาเล่นมุกมิจฉาชีพใส่พี่ก่อน”

“อิ อิ แต่หน้าพี่ตอนเหวอตลกดีนะ หนูชอบ\~”ตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“เฮ้อ เครเลย🙄”ถึงกับกลอกตามองบนเลยทีเดียว

ทั้งคู่หยุดเถียงกันก่อนจะมานั่งพักคุยเรื่องสิ่งแปลกๆที่เจอมา คนพี่เล่าว่าตนเผลอหลับในรถเมล์พอตื่นมาอีกทีทุกคนในรถก็ไม่อยู่แล้วเธอเลยเดินกลับแทนจึงได้รู้ว่าทุกคนในเมืองได้หายตัวไปหมด แต่สิ่งเดียวที่รู้คือเธอตื่นมาประมาณ 17:30 ได้ในตอนนั้นมือถือเธอยังเปิดได้อยู่ คนน้องก็เล่าต่อว่าตนทำงานอยู่ในห้องตัวเองนานมากจนเกือบเย็นซึ่งเธอออกไปข้างนอกในเวลา17:30เพื่อไปซื้อเสบียงระหว่างทางเธอไม่เห็นคนเลยแถมไม่มีรถวิ่งผ่านไปมาด้วย

“อืม เวลาที่เราทั้งคู่ไม่เห็นคนประมาณนี้สินะ”เธอเริ่มสงสัยแล้วว่าทำไมต้องเป็นเวลานี้ จะมองว่าทุกอย่างเป็นแค่ฝันก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะการกระทำทุกอย่างล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น

“ตอนแรกน้องเห็นแล้วก็นึกว่าเป็นแค่ฝันนะ”พูดพร้อมกับเอามือกุมขมับ

“น้องตกใจมากก็เลยเอาหัวโขกเสาไฟไปทีและหวังว่ามันจะเป็นแค่ฝัน”

“เอ๊ะ?! นี่เราเอาหัวโขกอะไรนะ!!”เธอถึงกับต้องถามย้ำอีกทีเพราะไม่เชื่อหูตัวเอง

“น..น้องเอาหัวโขกเสาไฟกะจะทำให้ตัวเองตื่นจากฝัน…”ตอบแบบกระตุกกระตัก

“What!! คิดอะไรอยู่เนี่ย!! ไหนดูหัวดิ”เธอดุคนน้องไปหนึ่งกุบก่อนจะดูที่หัวของคนน้องซึ่งมันโนอยู่นิดนึง

“ก..ก็น้องไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้อ่า🥺”เธอถึงกับหงอยเมื่อคนพี่ทำเสียงดุใส่

“เฮ้อ\~ เจ็บมากมั้ย”ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนถึงจะเผลอดุใส่ไปแล้วก็เถอะ

“ไม่มากหรอกแค่มึนๆนิดๆ”

“เคร อย่าทำแบบนี้อีกล่ะ เจ็บหนักมาไม่คุ้มหรอกรู้มั้ย”

“อ..อื้ม จะระวังให้มากกว่านี้แล้วกัน”คิดในใจพี่สาวคนนี้ดีกว่าที่คิดแฮะ นึกว่าพวกรุ่นพี่จะพูดกับรุ่นน้องแบบดีๆไม่เป็นสักอีก

เวลาผ่านไปจนจะใกล้มืดอยู่แล้ว แต่สองรุ่นพี่กับรุ่นน้องยังไม่รู้เลยว่าควรไปไหนต่อ ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มทำให้คนน้องรู้สึกไม่ดีเอาสักเลย คนพี่เห็นคนน้องดูตัวสั่นแถมสีหน้าดูไม่สู้ดีอีกต่างหากเลย เธอเลยลูบหัวของคนน้องจนคนน้องสะดุ้งหันมามองเธอใบหน้าคนน้องนั้นแดงอมชมพูอย่างเป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องแต่งหน้าเพิ่มก็ดูน่ารักได้ในทันที

”เป็นอะไรรึเปล่า พี่เห็นเราตัวสั่นเชียว”

“อ่อ คือ..น้องกลัวความมืดนะก็เลย..”

คนพี่ได้ยินแบบนั้นก็แอบอมยิ้มอย่างเอ็นดู ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่เธอที่กลัวความมืดสินะเธอคิดในใจก่อนจะหยิบตะเกียงที่ตนได้มาจากในบริษัทมาให้คนน้องถือ

“มีเจ้านี่อยู่เราก็ไม่ต้องกลัวแล้ว”

“ตะเกียงนี้ใช่อันที่พี่เล่าให้ฟังว่าได้มาจากคุณผีเสื้อใช่ไหม”

“อื้ม ผีเสื้อตัวนั้นน่ะสลายกลายเป็นเปลวไฟในตะเกียง”แล้วก็ไม่มีวันดับได้ง่ายๆด้วยเหตุผลบางอย่าง

“อือ พี่สาว”

“ว่าไง?”

“เราไปหาที่พักสักที่ก่อนมั้ย ข้างนออกนี้ดูไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไร”สีหน้าดูไม่สบายใจที่อยู่ข้างนอกตอนมืดๆนาน

”อื้ม ได้สิเดียว..ไปที่อพาร์ทเม้นท์พี่ก่อนมั้ย?”เธอเสนอให้ไปที่อพาร์ทเม้นท์ของตน เพราะไม่มั่นใจว่าที่อื่นจะมีตัวอะไรรออยู่รึเปล่า

“ด..ได้ขอแค่ไม่ต้องอยู่ข้างนอกในเวลานี้ก็พอ”ตัวสั่นเหมือนลูกแมวตกน้ำ

คนพี่เลยพาคนน้องเดินไปที่อพาร์ทเม้นท์ของเธอก่อนโดยที่คนน้องนั้นเกาะแขนเธอไว้แน่นแถมมองดูรอบๆอยู่ตลอด ซึ่งอย่าว่าแต่คนน้องเลยที่รู้สึกกลัว ตนเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกันที่ต้องอยู่ข้างนอกในตอนเวลาแบบนี้ อพาร์ทเม้นท์อาจเป็นทางเลือกที่ดีแต่ก็มั่นใจไม่ได้ว่าจะไม่เจอสิ่งผิดปกติ หวังอย่างเดียวคือระหว่างทางอย่ามีอะไรมาทำร้ายเราสองคนเลยนะเพราะทั้งตัวมีแค่ตะเกียงอันเดียวจะไปสู้อะไรได้

ติดตามต่อไป

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!