บทที่ ๔.๑ จรลีไพรนภา

ฝูงแกะนับร้อยตัวยืนเล็มหญ้าอยู่กระจัดกระจายตามทุ่งหญ้า เหล่าเด็กน้อยวิ่งเล่นไล่จับกันอย่างสนุกสนาน เว้นเสียแต่เด็กโข่งสองคนที่วิ่งปะปนรวมอยู่ด้วย 

" เซรีเอ้ยยยย! ระวังสะดุดก้อนหินล้ม วิ่งช้าหน่อยยย! " เสียงผู้เฒ่าเซลุนห์ตะโกนไล่หลังด้วยความเหนื่อยหน่ายใจกับความซุกซนของบุตรสาว " แม่บัวโตเป็นสาวแล้วแต่ยังซุกซนพอตัวเลยนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ " 

" ข้าเคยกุมมือนางเดิน นางยังเดินสะดุดล้มได้เลยนะขอรับ " ฎัณธีอมยิ้มกลั้นเสียงหัวเราะจนตัวโยกไปมา 

สาวน้อยวิ่งเล่นท้าลมผมสยายพริ้วไปมา ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน งดงามราวกับนางสวรรค์ลงมาสำราญบนแดนมนุษย์ ฉุดห้วงเวลาของฎัณธีให้เชื่องช้าลง สายตายังคงจดจ้องบนใบหน้าหวานปานจักกลืนกิน 

" หากข้าได้จดจ้องรอยยิ้มอันมีความสุขของนางได้ตลอดกาลคงดียิ่งนัก...." ฎัณธีรำพันออกมาแผ่วเบา 

" ชีวิตนี้ข้าได้เห็นรอยยิ้มของลูกหลาน เหล่าชาวบ้านอยู่ดีกินดี ความสงบสุขดำเนินไปเรื่อยตามครรลอง ข้านั้นมิปรารถนาสิ่งใดเพิ่มแล้ว " แววตาที่เป็นประกายส่องสว่างขึ้นมาบนใบหน้าที่เหี่ยวย่น ชวนให้คนมองแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ " เช่นนี้ข้าก็ตายตาหลับแล้ว..." 

" กล่าวเช่นนั้นก็มิถูกมิควร ท่านผู้เฒ่ายังร่างกายแข็งแรงแลอารมณ์ดียิ่งนัก ข้าเชื่อว่าท่านจักอยู่เป็นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาได้อีกนานนมนะขอรับ " 

" ฮ่าๆๆ ลูกฎัณธี เจ้านี่รูปงามนามเพราะ วาจาไพเราะเสียจริงเชียว " ชายชราพูดพลางใช้ไม้เท้าเคาะขาชายหนุ่มระรัว 

แสงอาทิตย์ยามเย็นตกกระทบยอดหญ้า ชะโลมเลียทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ให้สีเป็นดั่งทอง ราวกับความอบอุ่นของผู้ใหญ่ที่โอบกอดเด็กเล็กไว้อย่างเอ็นดู 

เสียงหัวเราะเฮฮาของผู้ใหญ่ เสียงเด็กเล็กที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ควันไฟจากกองไฟค่อยๆ ลอยเอื่อยขึ้นสู่อากาศ เสียงแตกของถ่านไม้ที่กำลังเผาดังเปาะแปะราวกับว่ามันกำลังสนทนาไปพร้อมกับมนุษย์ 

เช้าวันรุ่งขึ้นสองหนุ่มสาวหอบสัมภาระพะรุงพะรังที่ได้รับมาจากผู้เฒ่าเซลุนห์หิ้วไว้เต็มไม้เต็มมือ 

" นี่เสื้อขนหมีพวกเจ้าใส่ไว้อุ่นกาย กว่าจักพ้นเขตหนาวเส้นทางอีกยาวไกลนัก " 

" นี่เนื้อสัตว์ตากแห้งแลขนมปังอบ เอาไว้กินระหว่างทางนะลูก เซรีของข้าลงมือนวดแป้งอบขนมกับมือ รสชาติดียิ่งนัก! " ชายชรากล่าวพลางยืดอกแล้วยิ้มอย่างภูมิใจ

" ขอบพระคุณในน้ำใจไมตรียิ่งนักขอรับท่านผู้เฒ่า ข้ามิมีวันลืม หากได้มีโอกาสข้าจักกลับมาตอบแทนพระคุณขอรับ " 

" เพลานี้ข้าหามีสิ่งใดตอบแทนไม่ นอกจากปีกวิหคใหญ่สีแดงชาดขนนี้ ข้าจึงใคร่ให้ท่านผู้เฒ่ารับไว้ เป็นเครื่องยืนยันแห่งสัมพันธไมตรีขอรับ " ฎัณธีกล่าวพลางหยิบขนปีกที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อยื่นออกมาให้ท่านผู้เฒ่า 

" ขนปีกวิหคสีชาด...อืม ราวกับของวิเศษ ข้าเกิดมาจนแก่ผมหงอกมิเคยเห็น..." ชายชราเพ่งพิจารณาสิ่งที่รับมาอย่างสนอกสนใจ " เช่นนั้นข้ารับไว้นะพ่อหนุ่ม! " ชายชรายิ้มอย่างดีใจ 

" ขอรับท่านผู้เฒ่า เช่นนั้นข้ากับน้องสาวขอออกเดินทางแล้วขอรับ " พูดพลางสองหนุ่มสาวโค้งคำนับแล้วเดินจากมา 

" เดินทางปลอดภัยนะพ่อหนุ่ม! " เสียงผู้เฒ่าที่ยืนส่งทั้งสองตะโกนตามหลังมา 

สักครู่หนึ่ง เซรีสังเกตุเห็นบางสิ่งบินขึ้นบนฟ้า " ท่านพ่อ! นั่นนกอะไรตัวใหญ่สีแดงเช่นนั้น ประหลาดแท้เชียว! " " ไหนเล่นนกสีแดงที่เจ้าว่า ข้าตาฝ้าฟางมองมิเห็นดอก! " ชายชรากล่าวพลางหยีตามองจนรอยย่นชัดเจนยิ่งขึ้น " นั่นไงท่านพ่อ! บินไปไกลโพ้นแล้ว! " เซรีกล่าวพลางกระโดดโลดเต้นไปพลาง.... 

__________________________ _______________

ดวงอาทิตย์ส่องสว่างจ้าอยู่กลางฟ้า เดินทางมาเนิ่นนานทั้งคู่ต่างเมื่อยล้า เพลียแดด เพลียลม จึงแวะพักผ่อนลงป่าใหญ่ด้านล่าง

" ไฉนแสงอาทิตย์แดนมนุษย์ช่างร้อนแผดเผาเสียเหลือเกิน ช่างต่างจากป่าหิมพานต์ที่แสนจะสงบร่มเย็น " ฎัณธีที่กำลังนั่งเหงื่อตกใต้ต้นไม้ใหญ่บ่นพึมพำ 

" อากาศนั้นต่างกันมากนัก ขอเพลาท่านปรับตัวสักประเดี๋ยว เดี๋ยวก็ชินเองเจ้าค่ะ " 

" ป่าแห่งนี้อากาศทั้งร้อนทั้งชื้น สมุนไพรป่าคงขึ้นมีหลากหลาย ท่านนั่งพักก่อนเถิด ข้าขอไปสำรวจสักนิดหน่อย สักชั่วครู่ข้าจักกลับมานะเจ้าคะ " บัวกล่าวไปพลางตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น 

" เช่นนั้นอย่าเถลไถล มีเหตุอันใดตะโกนเรียกข้านะ " ฎัณธีกล่าวพลางหลับตาพิงศีรษะกับต้นไม้ 

" เจ้าค่ะ! " บัวกล่าวพลางเดินดุ่มเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว 

ต้นไม้ใหญ่สูงชะลูด ใบไม้นั้นหนาทึบจนแสงแดดมิอาจเล็ดลอดส่องลงมา เถาวัลย์ห้อยระโยงระยาง จั๊กจั่นที่เกาะบนกิ่งไม้ต่างส่งเสียงร้องเซ็งแซ่จนแทบหูดับ บรรยากาศเย็นชวนขนลุกเล็กน้อย 

แม่บัวนั่งลงแหวกหญ้าหาสมุนไพรอย่างชำนิชำนาญ ด้วยเป็นงานที่ตนทำจนติดเป็นนิสัย เพลิดเพลินจนลืมเพลานาที เฝ้าเตร็ดเตร่เดินหาสมุนไพรไปเรื่อยจนลืมทิศทาง 

เสียงเดินย่ำใบไม้แห้งดังกรอบแกรบ ดันไปปลุกเหล่าปีศาจป่าเจ้าถิ่นที่หลับไหลอยู่ให้ตื่นขึ้น ดวงตาอำมหิตสีแดงเบิกมองหาผู้ที่บุกรุกอาณาเขตของมัน พลางกระโจนออกจากโพลงถ้ำอันมืดมิดมุ่งตรงสู่ผู้ที่บุกรุกทันที 

" กรี๊ดดดดดดด!~ " เสียงกรีดร้องดังกระทบแก้วหูของฎัณธีจนสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เขาบุกขึ้นทะยานหาตัวเจ้าของเสียงอย่างมิรีรอ 

ทางฝั่งของแม่บัวจอมหลงป่า กำลังวิ่งตาเหลือกสับขาหนีมิคิดชีวิต เพียงแต่รอบนี้มีสติมิได้สะดุดล้มอย่างเช่นคราวก่อน ใจนั้นนึกขอบคุณตนเองที่สวมกางเกงของหมู่บ้านเซลาห์เดินทางมา 

ทางฝั่งของฎัณธีนั้นก็ประสบปัญหาเถาวัลย์พันเกี่ยวจนน่ารำคาญใจ จึงทะยานขึ้นเหนือยอดไม้ แล้วตั้งใจสดับฟังทิศทางเสียงฝีเท้าวิ่ง 

" ท่านฎัณธี๊~~~~ ช่วยข้าด้วยยยยย!!! " เสียงแหลมสูงดังมาจากป่านด้านหน้า จึงเร่งทะยานไปตามเสียงนั้นทันทีแล้วผลุบลงไปพื้นด้านล่าง มองซ้ายขวาหาเจ้าของเสียงพบว่ากำลังวิ่งสับขาตาเหลือก จึงเร่งทะยานไปประคองหญิงสาวแล้วกระโดดขึ้นกิ่งไม้ใหญ่กิ่งแล้วกิ่งเล่า ราวกับว่าเป็นขั้นบันได แล้วจึงพุ่งทะลุพุ่มไม้ทะยานขึ้นสู่อากาศ เหล่าอสูรกายกระโดดตามมาพยายามเงื้อมมือไขว่คว้าอย่างบ้าคลั่ง มองลงไปแล้วช่างหวาดเสียวใจ 

" โธ่! เจ็บตรงไหนฤาไม่ ข้าขอโทษยิ่งนักที่มิตรวจสอบให้ถ้วนถี่จนอันตรายเข้ามาถึงเจ้าจนลำบากเข้าแล้ว..." ชายหนุ่มขมวดคิ้ว พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย อ้อมแขนกอดหญิงสาวไว้แน่น 

" มิเป็นไรดอกเจ้าค่ะ ขอบใจท่านมาก ข้าเป็นหนี้ชีวิตท่านสองหนแล้ว..." " ข้าผิดเองที่เลอะเลือนคำเตือนของท่าน มิเช่นนั้นคงมิลำบากเกือบตายเช่นนี้..." บัวกล่าวพลางสะอื้นในคอเบาๆ ขอบตาเริ่มรื้นไปด้วยน้ำตา 

" โธ่ มิเป็นไร ข้ามิถือโทษเจ้าดอก อย่าเสียใจเลย " ฎัณธีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน " มองดูด้านล่างสิ จักได้สบายใจ " 

บินถลาเล่นลมกลางอากาศ ผ่านธรรมชาติอันกว้างขวางหลายสิบโยชน์ ผ่านป่าดิบชื้นขนาดใหญ่ ทุ่งหญ้าอันกว้างขวาง เรื่อยมาจนถึงเทือกเขาน้อยใหญ่สลับกันไป จนพระอาทิตย์ใกล้ตกดินจึงมาหยุดที่น้ำตกขนาดใหญ่ที่หนึ่ง 

" ราตรีนี้เราพักที่นี่เถิด " เสียงทุ้มกล่าวขึ้นกลางเสียงน้ำตกที่ตกลงมาเสียงดังฟังแล้วชื่นใจ 

ภาพเบื้องหน้าปรากฏเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ไหลลงมาเป็นชั้นๆ ราว ๓-๔ ชั้น ไหลลงมาถึงแอ่งด้านล่างกว้างเป็นวงกลม แล้วไหลต่อไปกลายเป็นลำธารขนาดย่อม น้ำสีมรกตเย็นใสจนเห็นพื้นด้านล่างพอได้ดื่มดับกระหาย 

" แม่บัวเจ้าไปหากิ่งไม้พอได้จุดกองไฟสักคืนนึง ข้าจักสำรวจหาที่พัก " 

" อย่าลืม มีเหตุอันใดรีบตะโกนเรียกข้า ข้าพร้อมเจ้าไปหาเจ้าทุกเมื่อ " 

ฎัณธีเดินสำรวจบริเวณน้ำตกโดยรอบ กระโดดขึ้นก้อนหินก้อนใหญ่ ก้อนแล้วก้อนเล่า สายตาเหลือบไปเห็นปากทางเข้าถ้ำที่ซ่อนอยู่ โดยมีม่านน้ำตกขวางกั้นสายตาเอาไว้ ด้วยความสงสัย ชายหนุ่มค่อยๆ ลอดตัวฝ่าม่านน้ำตกเข้าไปด้านในถ้ำ ปรากฏภาพเป็นโพรงถ้ำขนาดกว้างใหญ่ ผนังถ้ำด้านข้างและด้านบนนั้นแซมไปด้วยอัญมณีที่ส่องสว่างระยิบระยับ ทั้งยังมีพันธุ์ดอกไม้แลสมุนไพรแปลกตาขึ้นแซมตามพื้นระหว่างซอกหิน 

ชายหนุ่มสังเกตุเห็นตามทางเดินเต็มไปด้วยรอยเกรอะสีน้ำตาลเข้มแห้งกรัง ลากเป็นทางยาวเข้าไปด้านใน ด้วยความสงสัยระคนตกใจ จึงเร่งเดินเข้าไป ยิ่งเดินยิ่งลึก ยิ่งลึกก็ยิ่งกว้าง จนเดินมาสุดปลายถ้ำ เพดานถ้ำด้านบนเป็นรูกลวงพอให้แสงสว่างส่องลงมาตกกระทบกับสมุนไพรประหลาดกลุ่มหนึ่ง ที่บริเวณลำต้นมีแสงสีรุ้งอ่อนๆ ส่องกระจายออกมา แม้มิได้มีลมพัดผ่านมา แต่ลำต้นของพวกมันกลับสั่นไหวแผ่วเบาราวกับทักทายผู้มาเยือน 

บนพื้นถ้ำปรากฎร่างลิงยักษ์ร่างหนึ่งนอนหายใจรวยริน ลำตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดแห้งกรัง ฎัณธีตกใจรีบรุดไปประคองลิงยักษ์ขึ้นมา 

" เจ้าลิง! เจ้าลิง! " สิ้นเสียงชายหนุ่ม ลิงยักษ์ค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมามอง " ท่าน...." แล้วนอนสลบไสลต่อไปอีก " รอก่อน ข้าจักไปตามคนมาช่วยเจ้า! " น้ำเสียงของฎัณธีสั่นระคนตกใจ พลางรีบรุดไปตามแม่บัวมาทันที 

" บาดแผลตามตัวช่างสาหัสสากรรจ์ ล้วนเต็มไปด้วยกรงเล็บที่ข่วนลงลึกยากจักรักษา ทั้งยังบาดเจ็บมาเนิ่นนาน หากเป็นมนุษย์เกรงว่าคงสิ้นลมไปแล้ว " บัวกล่าวไปด้วยใบหน้าซีดเผือด เหงื่อนับสิบเม็ดไหลออกมาราวกับเปียกน้ำ 

" สมุนไพรที่ข้ามีล้วนเป็นสมุนไพรพันธุ์ธรรมดาทั่วไป คงทำได้แค่บรรเทาอาการเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย มิอาจรักษาพิษจากบาดแผลฉกรรจ์ได้ จักทำเยี่ยงไรดี..." 

" เว้นเสียแต่ว่ามีสมุนไพรดี เช่นนั้น..." ฎัณธีเหลือบมองกลุ่มสมุนไพรประหลาด คิดดูแล้วจึงหยิบยื่นมาให้บัวตรวจสอบ " ใช้ได้ฤาไม่? " 

หญิงสาวค่อยๆ รับสมุนไพรประหลาดมาอย่างแผ่วเบา แววตาล้วนเต็มไปด้วยความสงสัยระคนดีใจ สมุนไพรที่ลำต้นมีแสงล้อมรอบอยู่อ่อนๆ ทั้งยังส่งกลิ่นหอมเย็นออกมา บัวลองขยี้ใบ ยิ่งส่งกลิ่นหอมเย็นออกมาแรงจนชวนให้ผ่อนคลาย 

" แปลกประหลาด มิเคยพบเคยเห็น ลองดูสักครา ข้าว่าสมุนไพรนี้ดีรักษาคนได้แน่แท้ " 

มิทันขาดคำ หญิงสาวหักปลายรากออกแล้วค่อยๆ หยอดยางสมุนไพรให้ซึมเข้าไปในบาดแผล แล้วบดขยี้ใบจนละเอียดมาปิดปากแผลไว้ แล้วจึงนำรากไปต้มเป็นยามาให้ลิงยักษ์ดื่ม 

" ผ่านพ้นคืนนี้ไปคงได้แต่ภาวนาว่าให้ฟื้นโดยเร็ว " บัวกล่าวอย่างมีความหวังทั้งที่ตนเองนั้นเหนื่อยล้าเต็มทนจนตาแทบปิด " เช่นนั้นข้าจักเฝ้าไข้เอง เจ้าไปพักผ่อนเถิดแม่บัว " \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ 

เสียงของน้ำตกที่ไหลกระทบโขดหินนั้น ช่างดังสนั่นก้องอยู่ในหู แต่มิได้รู้สึกว่ารำคาญใจเลยแม้แต่น้อย ใบไม้จากต้นสมุนไพรต้นหนึ่ง หลุดร่วงลอยละลิ่วมาตกกระทบลงบนจมูกของพญาพานรโดยแผ่วเบา จนเริ่มมีสติที่แน่ชัดขึ้น แสงที่ส่องลงมากระทบกับเปลือกตาปลุกให้ลิงยักษ์เปิดตามองภาพตรงหน้าอย่างช้าๆ 

" อือออออ...." เสียงคำรามทุ้มต่ำสั่นดังอยู่ในลำคอของลิงยักษ์ปลุกให้สองหนุ่มสาวตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล หญิงสาวหลับตาแน่นจนใบหน้าเล็กๆ ย่นเป็นรอย พลางบิดขี้เกียจซ้ายขวาไปมา 

" หินรองนอนแข็งชะมัด ข้าปวดหลังเหลือเกิน....โอยยย..." 

" เจ้าเล่นนอนท่าพิศดารเช่นนั้นย่อมปวดหลังซีแม่บัว " ฎัณธีกล่าวพลางอมยิ้มกับความป้ำเป๋อของหญิงสาว ภาพท่านอนพิศดารต่างๆ ลอยเข้ามาในสำนึกคิดจนอดขบขันมิได้ 

" ใช่ฤาเจ้าคะ ข้ามิเห็นจักรู้เลย " แม่บัวกล่าวพลางทำหน้ายียวนกวนใจ 

" แล้วข้าจักโกหกเจ้าไปใยเล่าแม่นางน้อยยยยย " ฎัณธีใช้มือขยี้หัวแม่บัวเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว 

เสียงสรวญเสเฮฮาปลุกให้ลิงยักษ์ตื่นขึ้นมาเต็มตา พลางยกคอขยับตัวจักลุกขึ้นนั่ง แต่ทว่ากลับไร้เรี่ยวแรงฟุบลงไปอีกครา 

" ปาฏิหารย์ ๆ ! ลิงยักษ์ฟื้นแล้ววว! " 

เสียงเจื้อยแจ้วของสองหนุ่มสาวที่ดังกังวาลอยู่ในถ้ำใหญ่นั้นช่างเป็นเสียงที่ลิงยักษ์มิคุ้นเคย ท่ามกลางความเจ็บปวดรวดร้าวของร่างกาย แต่ทว่าในหัวใจกลับเจือปนไปด้วยความผ่อนคลาย เกิดมาชีวิตหนึ่งนั้นได้รับความเอื้ออาทรเมื่อใด เมื่อนั้นคงนานโขมาแล้ว 

ลิงยักษ์กัดฟันพยุงตัวลุกขึ้นนั่งอีกครา พลางมองจ้องหน้าผู้มาเยือนด้วยความประหลาดใจ 

" ท่านทั้งสอง ขอบคุณท่านที่เมตตาช่วยเหลือชีวิตข้าไว้ให้รอดพ้นจากความตายขอรับ " 

" ข้ามีนามว่าพญาพานร เป็นผู้ปกปักรักษามหาพงไพร แลสัตว์น้อยใหญ่ขอรับ " ลิงยักษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม 

" แล้วเหตุใดท่านจึงบาดเจ็บปางตายเช่นนี้เล่าท่านลิง? " เสียงเล็กๆ ระคนเป็นห่วงกล่าวขึ้นมา 

" เมื่อหลายคืนก่อน ขณะที่ข้ากำลังลาดตระเวนตามชายป่า พบว่าสัตว์ป่าใต้อาณัตินั้นถูกเหล่าปีศาจตามล่าสังหารจับกิน พวกมันล้วนโหดเหี้ยมดุร้าย แม้ข้าจักมีกำลังมากเพียงใด ทำได้เพียงแต่ต้านไว้พอสังหารได้หลายตน กระนั้นแล้วยังบาดเจ็บสาหัส กระเสือกกระสนหอบสังขาร หมายใจว่าจักกลับมาตาย ณ ที่อาศัยแห่งนี้ " 

" เพลานี้พวกปีศาจออกอาละวาดเป็นอาจิณ จำนวนมากมายสังหารไปมิจบมิสิ้น แม้ข้าจักเข้มงวดตรวจตราแต่มิอาจตรวจได้ทั่วถึง ท่านผู้มีพระคุณทั้งสองโปรดระมัดระวังตัวด้วยขอรับ " 

" ข้าเป็นครุฑกึ่งมนุษย์มาจากแดนหิมพานต์ นามว่าฎัณธี บริเวณที่ข้าจากมาล้วนมีปีศาจอาศัยอยู่โดยรอบตีนเขาหิมพานต์ ต้นกำเนิดของพวกมันนั้นมิทราบแน่ชัด หากแต่รู้ตัวอีกคราพวกมันก็ได้กระจัดกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง ยากจักปราบปรามให้สิ้นดั่งท่านกล่าว "

" ข้ามีสายข่าวเป็นนกเหยี่ยวเผือกกระจายอยู่ทั่วทุกสารทิศ สืบทราบได้ความว่า ได้บังเกิดแม่ทัพมารที่แต่คราวก่อนเคยเป็นมนุษย์ตำแหน่งใหญ่โต แต่กลับหลงมัวเมาในกิเลส โลภในลาภยศ เขาผิดหวังต่อสังคมมนุษย์จนเข้าสู่หนทางแห่งอบายกลายเป็นมาร โกรธเกรี้ยวทุกสิ่งอย่างก่อจราจลทั่วแดนมนุษย์ ระดมพลปีศาจพาออกอาละวาดทุกแห่งหน ผู้มีความสามารถล้วนระดมกำลังตามปราบปรามมิจบสิ้น ภายหน้าข้าคาดว่าพวกมันจักริก่อสงครามใหญ่ สรรพสัตว์มนุษย์แลอมนุษย์คงได้ล้มตายราวกับเม็ดทรายในมหาสมุทร แค่เพียงข้าคิดก็ห่อเหี่ยวใจยิ่งนัก..." ลิงยักษ์ค่อยๆ กล่าวช้าๆ อย่างมั่นคง 

" มิน่าเล่าข้าเดินเก็บสมุนไพรทีใด เผลอหลงทางเข้าป่าลึกมิได้เป็นต้องเจอพวกมันทุกครา กลิ่นสาบสัตว์สาบมนุษย์คงดึงดูดให้พวกมันหิวกระหายเป็นต้องจับกินให้ได้เดี๋ยวนั้น..." แม่บัวกล่าวพลางขนลุกซู่ " ข้าจักไม่เดินหลงทางเพ่นพล่านอีกแล้ว " 

" ท่านลิง ข้าใคร่ขอถาม นอกจากสัตว์วิเศษในป่าหิมพานต์เช่นท่านฎัณธี ในแดนมนุษย์ยังมีสัตว์วิเศษเช่นท่านลิงอีกฤาไม่? " 

" ล้วนมีมากมายหลายสายพันธุ์ขอรับ ทั้งพูดภาษามนุษย์ได้แลพูดมิได้ ทั้งแปลงกายเป็นมนุษย์ได้แลแปลงมิได้ แต่ทุกๆตัวล้วนมีสติปัญญามิต่างจากมนุษย์ ขึ้นอยู่กับว่าได้บำเพ็ญตบะมานานเท่าใด เช่นข้า บำเพ็ญตบะมาแล้ว ๔๐๐ ปี เหล่านกเหยี่ยวเผือกสหายข้าล้วนอยู่มามากกว่า ๑๐๐ ปี เจ้าพวกนั้นมักรักอิสระท่องเที่ยวไปทั่วทุกสารทิศ นานทีจักกลับมาเยี่ยมข้าลิงเฒ่าเพื่อส่งข่าวขอรับ " 

" เช่นนั้นเจ้าอายุไขอ่อนกว่าข้า ข้ามีศักดิ์เป็นพี่เจ้า เช่นนั้นข้าเรียกเจ้าว่า เจ้าลิง! " ฎัณธีพูดให้ติดตลกคลายสถานการณ์ตึงเครียด 

" เช่นนั้นข้าเรียกท่านว่า พี่นกใหญ่! ได้ฤาไม่? " 

" ข้าล่ะ! ข้าล่ะ! เช่นนั้นพวกท่านเรียกข้าว่าเจ้าบัวน้อยละกัน! " หญิงสาวพูดโพล่งขึ้นมาด้วยอยากมีส่วนร่วม 

" อย่างไรเสียท่านก็มีพระคุณช่วยชีวิตข้าไว้ เช่นนั้นข้าเรียกท่านว่าแม่บัวน้อยไพเราะกว่าขอรับ " ลิงยักษ์กล่าวพลางยิ้มบางๆ 

" ได้สิ! เช่นนั้นข้าเรียกท่านว่าท่านลิง! อย่างไรเสียท่านก็อาวุโสกว่าข้า ต่อจากนี้ท่านมีข้าเป็นสหายเพิ่มแล้ว! " 

" เอ๊า! สนทนากันเพลินเสียยืดยาวจนลืมตัวว่าบาดเจ็บเสียแล้วฤา เช่นนั้นพวกเจ้าพักอยู่ในถ้ำนี้ ข้าจักออกไปหาอาหารใกล้ๆ นี้ แม่บัวเจ้าจำไว้ หากมีเหตุอันใดเจ้าตะโกนเรียกข้าดังๆ นะแม่บัว! " ฎัณธีมิได้ลืมกำชับคำเดิม 

" เจ้าค่ะ พี่นกใหญ่! " บัวกล่าวหยอกเย้าฎัณธีเล็กน้อย 

ผ่านไปเพียงชั่วครู่ ร่างสูงเดินหอบผลไม้มาหอบใหญ่ ทั้งยังมีปลาสดเสียบไม้มาพร้อมย่างหลายตัว 

" เจ้าลิง เจ้ากินให้เยอะบำรุงร่างกาย เสร็จแล้วนอนพักจักได้หายในเร็ววัน " 

" ขอบคุณขอรับ พี่นกใหญ่ " ลิงยักษ์กล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ แววตามองฎัณธีด้วยความเคารพนับถือ 

กลิ่นควันปลาย่างที่ลอยหอมฟุ้งอบอวลอยู่ในถ้ำ บัดนั้นพญาพานรได้จดจำไว้ว่า เป็นกลิ่นที่ดมแล้วรู้สึกอิ่มกายที่ได้กิน แลอิ่มใจที่ได้อยู่กับสหายที่พึ่งพาได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนมิสามารถหาประสบการณ์ใดมาทดแทนได้เลย 

_________________________________ 

" เอ้านี่! ข้าให้เจ้า มีเหตุการณ์เดือดร้อนเร่งด่วนอันใดให้ส่งกระแสจิตถึงข้า ข้าจักมาหาเจ้าโดยเร็วที่สุด " ฎัณธีเด็ดขนปีกครุฑสีชาดยื่นให้พญาพานรรับไว้ 

" ขอบพระคุณมากขอรับพี่นกใหญ่ เช่นนั้นหากท่านปรารถนาจักติดต่อข้า ให้ท่านเป่าแท่งไม้แท่งนี้ นกเหยี่ยวเผือกสหายข้าจักไปหาท่านโดยเร็วพลัน " ลิงยักษ์ยื่นแท่งไม้ที่ฉลุลวดลายอย่างประณีตให้ฎัณธี 

" นี่เจ้าประดิษฐ์เองฤา!? " 

" ขอรับ! " 

" ปี๊ดดดดดดดด~~! " เสียงดังแหลมสูงปลุกให้แม่บัวสะดุ้งตื่นจากการหลับไหล 

" นี่! พวกท่าน! ทำเสียงอันใดดังรบกวนกันแต่เช้าตรู่ โธ่! ข้าขวัญกระเจิงหมดแล้ว แย่สิแบบนี้! " แม่บัวตื่นมาบ่นงัวเงียระคนหงุดหงิด 

" ขอโทษเจ้า ข้าแค่ลองของเล่นเล็กน้อย มิเคยรู้จักจึงเป่ามันเสียดัง " ฎัณธีทำหน้าเจื่อนเล็กน้อย 

เสียงกระพือปีกดังพึ่บผับของนกเหยี่ยวเผือกตัวหนึ่ง บินถลาลงมาเกาะที่ไหล่ของลิงยักษ์ทันที 

" ข้ากำลังมาเยี่ยมท่านพอดิบพอดี มีอันใดให้รับใช้ไหมขอรับพี่ลิง " นกเหยี่ยวเผือกเปล่งวาจาออกมาจนทำให้แม่บัวนั่งตะลึงงันจนลืมความหงุดหงิดเมื่อครู่ 

" มิได้มีการอันใดดอก ข้าแค่ลองให้สหายข้าเป่าแท่งไม้นี้ ทั้งสองท่านนี้นั้นได้ช่วยชีวิตข้าไว้ " 

" โอ้ๆ เสียมารยาทต่อท่านผู้มีพระคุณเสียแล้ว ข้ามีนามว่าเหินฟ้า ท่านมีเหตุอันใดเป่าแท่งไม้เรียกข้ามาได้ทุกเมื่อนะขอรับ " นกเหยี่ยวเผือกผงกหัวคำนับฎัณธีระรัวด้วยความเกรงอกเกรงใจ 

ฎัณธีมิกล่าววาจาใดแต่พยักหน้าแลยิ้มให้เจ้าเหยี่ยวเผือกอย่างเป็นมิตร 

" พี่นกใหญ่ ข้ามีสิ่งของตอบแทนท่านอีกอย่างนึง " ลิงยักษ์พูดพลางลุกไปรวบรวมสมุนไพรวิเศษมาให้กำใหญ่ " เมื่อยามเจ็บไข้ได้ลำบาก แม้อาการสาหัสปางตายเช่นข้าก็รักษาให้หายได้ทุกโรค ท่านรับไว้เถิด ถือเป็นน้ำใจให้ข้าได้ตอบแทนท่าน " 

" ขอบใจเจ้ามากเจ้าลิง ข้าจักเก็บรักษาไว้อย่างดี " 

" ข้ากับแม่บัวจักพักเอาแรงแลรักษาเจ้าอีกหนึ่งคืน วันพรุ่งคงได้หายดีแล้วข้าจักออกเดินทางไปเมืองสุธรรมวดี บ้านเกิดของแม่บัวอยู่ที่นั่น ถือว่ามิไกลจากที่ป่านี้มากนัก เดินทางเพียงหนึ่งวันถึง ถ้าใช้ปีกข้าเดินทาง " 

" ขอรับพี่นกใหญ่ เชิญท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยเถิดขอรับ น้ำตกด้านนอกน้ำใสเย็นชื่นใจดีนัก ท่านพาแม่บัวน้อยไปชำระร่างกายเถิด ข้าขอสนทนากับเจ้าเหินฟ้าสักครู่ " 

" ได้สิ ไปด้านนอกเถิดแม่บัว " \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!