ฎัณธีเคลื่อนการไหลเวียนของลมปราณภายในร่างกายรวบรวมไว้ที่ใต้ลิ้นปี่ หูสดับฟังเสียงธรรมชาติ กายสัมผัสลมพัดแผ่วเบาทำให้ผ่อนคลาย ปรากฏแสงสีขาวจางๆบริเวณใต้ลิ้นปี่เล็กน้อย บัดนี้พิษภายในร่างกายสลายไปหมดแล้ว ทว่าบาดแผลยังคงลึกอยู่
ฎัณธีลืมตาออกจากข่ายสมาธิ " เห็นทีต้องชำระร่างกายสักหน่อย " ชายหนุ่มรำพันในใจ
ฎัณธีลุกเดินไปยืนที่หน้าประตู พลางสยายปีกถลาลงไปยังสระน้ำกว้างใหญ่ด้านล่าง มองดูน้ำนิ่งภายในสระนั้นสีใส มองเห็นปลาฝูงน้อยๆหลากสี พวกปลาใหญ่และเหล่าดอกบัวกระจุกอยู่กึ่งกลางสระอีกทั้งยังมีพวกที่กระจายออกไป
" ตู้มมมมมมม! " เสียงที่ดังสนั่นพร้อมน้ำที่กระเซ็นเป็นวงกว้าง ปรากฏภาพเป็นมัจฉวาฬที่ปกติอาศัยอยู่ในน้ำลึกลงไปห้าเส้น (ร้อยวา) ผู้ที่สร้างเสียงให้บรรดาสัตว์น้อยใหญ่เบนความสนใจจากสิ่งตรงหน้า
" วันนี้เหล่าพวกพ้องนั้นยังครึกครึ้นเช่นเดิม " ฎัณธีรำพึงในใจพลางยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วจึงกวาดสายตามองหาใบบัวขนาดพอเหมาะสักใบแล้วย่อตัวลงนั่งชำระร่างกาย
กลับไปที่ทางฝั่งของบัว หญิงสาวนอนสะลึมสะลือค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น แม้จักงุนงงว่าตนมานอนที่ตรงนี้ได้อย่างไร แต่ก็หลับตางัวเงียต่อด้วยเป็นคนค่อนข้างขี้เซา ทั้งยังหาวปากกว้างชนิดที่ว่าแมลงวันบินเข้าไปได้หลายสิบตัว
สาวน้อยทำตาเบิกโพลงสะดุ้งลุกขึ้นนั่งบนเตียง เพราะเพิ่งระลึกได้ว่าตนวิ่งหนีอสูรกายจนหืดหอบแล้วสะดุดล้มลงสลบไป
" แต่....คลับคล้ายคลับคลาว่ามีท่านหนึ่งมาช่วยเราไว้ " บัวขบคิดพลางเอียงคอฉงน " คล้ายว่าท่านผู้นั้นจักเป็นอมนุษย์...ปีกสีแดงชาดนั่น..." เมื่อไขข้อข้องใจได้แล้ว สาวน้อยช่างสงสัยจึงเดินสำรวจรอบห้อง แล้วหยุดยืนอยู่หน้าประตู
บัวยืนนิ่งอึ้งกับทิวทัศน์ตรงหน้าราวกับฝัน ขุนเขาบรรพตขนาดน้อยใหญ่สลับเรียงราย สีสันงดงามช่างต่างจากสามัญสำนึกของมนุษย์ บางลูกงามสว่างไสวราวกับแก้วมณี บางลูกเป็นสีโกเมนดังผลพลับสุก บางลูกนั้นงามราวกับมรกตสดใส บางลูกงามดังทับทิมวิไลตระการตา ตัดกับสีท้องนภาอันสว่างไสวราวกับมิเคยมียุคอนธกาล
มองไกลไปเหนือบรรพตหลากสีสัน พบฝูงนกน้อยใหญ่บินลอยอยู่บนฟ้า นกฝูงหนึ่งมีลำตัวขนาดใหญ่เท่าเกวียนหนึ่งคัน สีสันของพวกมันช่างวิจิตรพิศดารยิ่งนัก หงอนขนาดใหญ่อยู่บนศีรษะ จงอยปากแหลมดุจเคียวเกี่ยวข้าว ปีกกว้างยาวราวสองวา ขนหางนี้หนางอนชดช้อยหลากสีสัน กรงเล็บคู่นั้นดูท่าจะตะครุบช้างได้สักเชือก บัวยืนเหม่อลอยรำพัน
สาดสายตามองกว้างไปอีก พบวิมานขนาดย่อม มีที่ปลูกตามตีนภูเขาบ้าง อยู่แซมเจาะไปข้างในภูเขาบ้าง สลับประปรายกันไป มีคนธรรพ์บรรเลงเพลงชวนให้เคลิบเคลิ้มในอารมณ์ ทั้งยังมีวิมานบนต้นไม้ขนาดเล็กขนาดใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าวิหคนานาพันธุ์ ส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วเคล้าไปกับเสียงดนตรีของเหล่าคนธรรพ์
" ฟู่วววววว..." ลมพัดแผ่วเบาทำให้บัวฟื้นขึ้นจากภวังค์ มองลงไปเบื้องล่างของต้นไม้ใหญ่ที่บัวยืนอยู่นั้น ปรากฏเป็นภาพสระน้ำขนาดใหญ่ กว้างยาวราวด้านละสามเส้น
บัวย่อตัวลงพลางเพ่งตามอง " เอ๋...นั่นท่านผู้มีพระคุณท่านนั้น..." บัวมองลงไปเห็นฎันธีที่กำลังเล่นน้ำแลดูสนุกสนานตามประสานก พลางรำพึงในใจว่าช่างเป็นภาพที่งดงามหาชมยากยิ่งนัก...
ทางฝั่งของฎัณธีเมื่อชำระล้างร่างกาย แล้วเล่นน้ำจนพอสำราญฤทัยเสร็จแล้ว จึงสยายปีกบินพุ่งขึ้นบนวิมาน " รังไม้ใหญ่ " ขึ้นไปพบสาวน้อยที่กำลังนั่งทำตาเบิกโพลงราวไข่ไก่ ใบหน้าจื้มลิ้มนั้นยังมอมแมมไปด้วยเศษฝุ่น เป็นภาพที่ชวนน่าขันยิ่งนัก
" ตื่นแล้วฤา? " ฎัณธีถามพลางอมยิ้มเล็กน้อย
" เจ้าวิ่งหนีอสูรกายแล้วสิ้นสติลงไป ข้าจึงพาเจ้ากลับมาด้วยกัน ด้วยบริเวณชายป่านั้นเต็มไปด้วยสัตว์ดุร้ายแลอสูรกาย " ชายหนุ่มกล่าวด้วยเสียงทุ้มทว่าอ่อนโยน
บัวลุกขึ้นยืนแต่ยังไม่วายตกตะลึงกับบุรุษตรงหน้า ชายหนุ่มหล่อเหลาหน้าคมเข้ม คิ้วคมขนตาหนาเป็นแพ แววตาสีดำประกายแดงลึกทว่าอ่อนโยน จมูกโด่งราวเทพบรรจงปั้น ปากหนารับกับจมูก ผมยาวหยักศกสีดำมันนิลสยายพริ้วเล่นกับลมที่พัดมาแผ่วเบา หากสิ่งที่สะดุดตาที่สุดคงเป็นปีกวิหคสีแดงชาด คาดคะเนแล้วยาวด้านละครึ่งวา แม้จะลู่ลงคล้อยต่ำอยู่ ก็ยังดูกว้างมากนัก
" ข..ข..ข...ขอบใจมากเลยนะเจ้าคะ! " บัวกล่าวด้วยท่าทีลนลานพลางทรุดตัวลงไปกราบแทบเท้า น้ำตารื้นอยู่ที่เบ้า นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าแล้วยังอกสั่นขวัญแขวนมิหาย
" มิเป็นไรดอก... ลุกขึ้นเถิด " ฎัณธีพูดพลางประคองไหล่ของบัวให้ลุกขึ้น ใช้นิ้วยาวปาดน้ำตาบนขอบตาให้
" ข..ข้าชื่อบัว หมู่บ้านข้า...ย..อยู่ตีนภูเขาด้านล่าง วันนี้เข้าป่ามาเก็บสมุนไพร เกิดเรื่องมากมายจึงได้พบกับท่าน ขอให้ข้าได้ตอบแทนพระคุณท่านสักเรื่องนึงเถิดเจ้าค่ะ " ดวงตากลมโตส่งสายตาอ้อนวอน
" งั้นเจ้ามีความรู้ด้านสมุนไพรฤาไม่? เห็นเก็บมามากมายเพียงนี้ "
" ได้เจ้าค่ะ ท่าน..เอ่อ...? " สาวน้อยเอียงคอสงสัย
" ข้ามีนามว่า ฎัณธี "
" เจ้าค่ะ! ท่านฎัณธี ขอข้าไปเตรียมสมุนไพรให้สักครู่นะเจ้าคะ! "
บัวพูดพลางกุลีกุจอคัดแยกสมุนไพรในตะกร้าที่ตนเก็บมา เมื่อได้ตัวที่ต้องการแล้วจึงนำไปล้างน้ำแล้วบดให้ละเอียด แล้วจึงนำไปพอกบาดแผลให้ฎัณธีที่นั่งรออยู่บนเตียง
สาวน้อยนั้นค่อนข้างประหม่า ด้วยความที่ตนนั้นเป็นหญิง จึงมิเคยได้ใกล้ชิดกับชายใด ซ้ำยังเป็นบุรุษรูปงามนามก็เพราะ พวงแก้มอ่อนจึงแดงดั่งลูกตำลึงสุกอย่างเห็นได้ชัด
" ส..เสร็จแล้วเจ้าค่ะ " บัวพูดเสียงเบาพลางถอยห่างออกมาเล็กน้อย
" เจ้าดูเชี่ยวชาญการรักษาคนจริงเชียว "
" แท้จริงแล้วตระกูลข้าเป็นหมอสมุนไพร ได้รักษาชาวบ้านมาหลายชั่วอายุคน ข้าจึงได้ร่ำเรียนสรรพคุณยามาพอสมควร แต่ยังมิเคยได้รักษาคนจริงสักครั้ง ค่อยแต่เป็นลูกมือช่วยพ่อรักษาคนไข้ข้างๆตลอดเจ้าค่ะ " บัวพูดพลางยิ้มอ่อนหวาน
" อืม เป็นเช่นนั้นข้าคงมีวาสนาโดยแท้ ได้เจ้ารักษาให้เป็นคนแรก " ฎัณธีกล่าวด้วยสายตาอ่อนโยน " ขอบใจเจ้ามาก "
" เอ่อ...ณ เพลานี้ข้าอยู่ที่ใดฤาเจ้าคะ? "
" เพลานี้เจ้าอยู่ที่ป่าหิมพานต์ วิมานนี้เป็นวิมานที่ข้าอาศัยอยู่ "
" หากแต่ตามความเป็นจริงแล้ว มนุษย์ธรรมดาที่จักเข้ามาใกล้ชายขอบป่าหิมพานต์ หรือเข้ามาในป่าหามีไม่ เว้นเสียแต่ผู้มีอภิญญาสูงเช่นเหล่าฤาษี เจ้าหลงเข้ามาได้เยี่ยงไรข้ายังไม่แจ้งใจให้แน่ชัด " ฎัณธีกล่าวพลางขมวดคิ้ว
" ข..ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน ข้าเดินเก็บของป่า สักพักบรรยากาศในป่าจากที่สว่างมีเสียงนกกา พลันเปลี่ยนไปอึมครึมไร้แม้แต่เสียงจิ้งหรีด จนได้พบเจอกับเหล่าปีศาจเจ้าค่ะ " สาวน้อยพูดพลางทำหน้าหงอย
" ฉนั้นวันพรุ่ง ข้าจักไปถามท่านฤาษีอาจารย์ข้าละกัน เจ้าจักไปด้วยฤาไม่? "
" ไป! ไปเจ้าค่ะ! " สาวน้อยกล่าวด้วยท่าทีตื่นเต้น " ขอข้าเดินชมป่าด้วยนะเจ้าคะ! "
" ย่อมได้ หากเจ้าปรารถนา จักได้ให้เจ้าสำราญก่อนพาไปส่งบ้าน " ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยน
" ขอบใจในน้ำใจไมตรีนะเจ้าคะ! " บัวยิ้มแก้มปริดูท่าร่าเริง แม้ใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยเศษฝุ่น กลับสะท้อนเข้าไปในดวงใจของฎัณธีทำให้เต้นระบำดั่งกลอง โดยเขาไม่รู้เลยว่าเป็นเพราะสาเหตุใด....
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 5
Comments