รักราวดอกทานตะวัน 2

 เมื่อได้อ่านสิ่งที่อยู่ในจดหมายแล้ว จดหมายกลับหลุดร่วงลงจากมือของลันเซีย ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ และทิ้งดิ่งลงไปที่สระน้ำด้านล่าง

" ลันเซีย! " เสียงของวิโอเน่ตะโกนขึ้นสุดเสียงพลางลุกขึ้นวิ่งไปที่ขอบสระ ก่อนจะกระโดดลงไปช่วยโดยทันที

 หลังเกิดเหตุการณ์นั้น ลันเซียกลับนอนอย่างไร้สติอยู่ที่เตียง ราวกับเจ้าชายนิทรา วิโอเน่คอยเฝ้าดูแลไม่ห่าง คอยอ่านหนังสือ คอยเช็ดตัว และคอยเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันเสมอ วิโอเน่เคยสงสัยว่าทำไม ลันเซียถึงได้ตัดสินใจทิ้งตัวลงมา จนได้พบจดหมายฉบับนั้น เนื้อหามีอยู่ว่า

    ********************************************

แด่ดวงจันทราแห่ง เอเลโซ่

   เรา นาเนีย เอเลโซ่ ด้วยก่อนหน้า อาการที่ข้าเป็นไม่สู้ดีนัก จึงมิได้ยินดีกับพิธีหมั้นที่เกิดขึ้น ขอให้ดวงจันทราโปรดอภัย เวลานี้ เราได้ประสูติ เอเดน เอเลโซ่ โดยปลอดภัย เอเดน เอเลโซ่ นี้คือพระนามของหลานชายท่าน เราเป็นผู้เขียนจดหมายฉบับนี้เอง หากเราเขียนผิดพลาด ย่อมขออภัยจากท่าน ลันเซีย เอเลโซ่

^^^                                         หวังเพียงสหายจะสุขสบาย^^^

^^^                                                      จากนาเนีย^^^

^^^                                                  ถึง ลันเซีย เอเลโซ่^^^

     ********************************************

 หากจดหมายนี้ มอบให้ วิโอเน่คงพอจะเข้าใจ แต่หากมอบให้ลันเซียแต่เพียงผู้เดียวแล้ว ย่อมมีความหมายโดยนัยเป็นแน่ หากยังมีดวงจันทราอยู่ ดวงตะวันแรกแสงจะสว่างได้เช่นไร เมื่อเขารู้เช่นนั้นจึงเลือกทิ้งดิ่งลงจากหน้าต่างที่สูงขนาดนั้น เพื่อให้นาเนียได้สบายใจ และเพื่อให้พี่ชายเขาปลอดภัย หลานเขาเองก็เช่นกัน หากเขายังอยู่ หรือแม้แต่มีผู้สืบทอด แน่นอนว่าเขาอาจจะจงรักภักดี แต่ลูกหลานเขาละ นั้นจึงเป็นการกดดันโดยใช้ความหมายโดยนัยนั้นเอง

 วิโอเน่ ทำได้เพียงดูแลจนกว่าลันเซียจะมีสติขึ้นมาเท่านั้น

" น้ำที ข้าขอน้ำที " เสียงแหบๆของลันเซียกล่าวขึ้น

" ท.. ท่านลันเซียฟื้นแล้ว " เสียงคิลเลอร์กล่าวดังขึ้นกระทันหัน

" ไปตามท่านหญิงมา " คิลเลอร์ตะโกน

" พวกเราไปเตรียมของมา " คิลเลอร์กล่าวพลางวิ่งออกไป

" ลันเซีย " เสียงนั้นนุ่มนวลกล่าวขึ้น ก่อนที่ริมฝีปากของลันเซียจะถูกจูบลงเบาๆ

" ... " ลันเซียพยายามลืมตา แต่กลับทำไม่ได้ ได้แต่จดจำเสียงนั้นไว้

" ในเมื่อเขาฟื้นแล้ว ข้าก็คงต้องไปแล้ว ดูแลเขาต่อจากข้าด้วยนะ คิลเลอร์ " เสียงนั้นกล่าวขึ้นหลังจากมีเสียงชุลมุนในห้อง

" ท่านหญิง ท่านแน่ใจแล้วหรือ " คิลเลอร์กล่าว

" หากเป็นเมื่อก่อนข้าคงต้องอยู่ต่อจนกว่าเขาจะหายดีแน่นอน " เสียงนั้นกล่าว

" ข้าฝากดูแลเขาแทนข้าทีนะ " เสียงนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

" ขอรับท่านหญิง " คิลเลอร์กล่าว

 หลังจาก ลันเซียได้สติกลับคืนมา เขาต้องรักษาอีกนาน กว่าจะหายดีดังเดิม เขาพยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่า ตอนนี้เขาขาดอะไรไป เหมือนมีบางอย่าง ขาดหายไปจากชีวิตของเขา

" มีจดหมายจากเมืองหลวงขอรับ " คิลเลอร์ยื่นจดหมายมาให้กับลันเซีย

" เจ้าอ่านเถิด ข้าไม่มีเวลาอ่านหรอก "ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารบ้านเมือง

" ถึง เซอร์ลันเซีย เอเลโซ่ ในนามเอลฟา เอเลโซ่ ขอเชิญท่านเดินทางไปพบที่วังหลวง เนื่องจากมีพิธีอภิเษกสมรสระหว่าง องค์หญิงแห่งริชเซียน่า และ องค์ชายแห่งคริสริว เนโดฟา คริสริว ขอให้เซอร์ ลันเซียเดินทางมาโดยเร็ววัน จากเอลฟา เอเลโซ่ " คิลเลอร์กล่าวเสียงแผ่วลง

" เจ้าเป็นอะไร " ลันเซียมองคิลเลอร์อย่างงงๆ

" เปล่าขอรับ กระหม่อมจะไปเตรียมรถม้านะขอรับ " คิลเลอร์กล่าว

 ช่วงนี้ อาการของเซอร์ลันเซียดีขึ้นมาก แต่กลับเสียความทรงจำบางส่วนไป และส่วนใหญ่ความทรงจำเหล่านั้นเกี่ยวกับองค์หญิงวิโอเน่ เขาจำอะไรเกี่ยวกับเธอแทบไม่ได้ แต่กลับจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ดี จำแค่ใบหน้าและชื่อของเธอไม่ได้เท่านั้น แต่เหตุการณ์ทุกอย่างกลับจำได้ดี หากเขารู้ความจริงที่เกิดขึ้น เขาจะรู้สึกยังไงนะ

  ณ พระราชวัง

 " ลันเซีย ครั้งก่อน ข้าได้ยินว่าเจ้าทิ้งตัวลงจากยอดปราสาท ดีที่มีสระน้ำ เจ้าจึงรอดมาได้หรือ " เสียงของเอลฟาเต็มไปด้วยความห่วงใย

" รู้อยู่แล้วมิใช่หรือ จะขอความเห็นอะไรจากข้า " ลันเซียกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ร้อนไม่หนาว

"เช่นนั้นก็ดี เจ้ามาพบวิโอเน่เป็นครั้งสุดท้ายหรือ " เอลฟาถาม

" นางคือใคร เหตุใดต้องมาพบครั้งสุดท้าย " ละยเซียกล่าว

" คู่หมั้นของเจ้าไง นางเคยส่งจดหมายบอกข้าว่า หากเจ้ายังคงนอนอยู่เช่นนั้น นางจะดูแลเจ้าจนแก่เฒ่า หากมีใครรักษาเจ้าฟื้น นางจะยอมทำตามคำขอของผู้นั้น ข้าแทบไม่เชื่อเลย นางจะทำเช่นนั้นจริง " เอลฟากล่าว

" ข้าขอตัว " ลันเซียกล่าวก่อนเดินออกไปที่สวน

ณ สวนดอกไม้

" ท้องฟ้า ทะเล ภูเขา ลำธาร ต่างเป็นของฟ้าดิน ร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ ล้วนเป็นของตนเอง " วิโอเน่กล่าวอย่างเศร้าสร้อย

 ลันเซียได้ยินเสียงนั้นดึงดูดความสนใจเป็นอย่างยิ่ง เสียงนี้คล้ายกับคนที่ดูแลเขาในวันนั้น

" สุดท้ายแล้ว ท่านจะเป็นอย่างไร ล้วนอยู่กับโชคชะตา " วิโอเน่กล่าวก่อนเช็ดน้ำตาที่ไหลบนสองแก้ม

" ไม่ทราบว่า ท่านกำลังคร่ำครวญถึงผู้ใดกัน " ลันเซียกล่าวพลางเดินมาหา

" ข้า... ข้า " วิโอเน่มองหน้าแต่ไม่กล่าวอะไรออกมาแม้แต่น้อย

" หากทุกข์ระทมนัก เหตุใดต้องเอาแต่คร่ำครวญ " ลันเซียกล่าว

" หากท่านสบตากับคนผู้หนึ่งแล้ว ในใจยากจะลืม ท่านจะทำเช่นไร " วิโอเน่กล่าว

" หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะไม่ปล่อยเขาไป จะรั้งนางไว้ ชั่วชีวิต " ลันเซียกล่าว

" เรื่องวันนี้ ขอองค์ชายอย่าถือสา นึกเสียว่าไม่เคยได้ยิน " วิโอเน่กล่าวก่อนเดินกลับเข้างานไป

" ใช่เจ้าหรือไม่นะ ข้าลืมเจ้าหรือไม่นะ " ลันเซียทำได้เพียงมองตามหลังของวิโอเน่

  ผ่านไปสักพักใหญ่ ที่ระเบียงชั้นสองของพระราชวัง

" หากแต่งไป ในใจของข้า ย่อมไม่อาจมีท่าน " วิโอเน่กล่าว

" เจ้าคิดจะทำอะไร งานแต่งนี้ได้ถูกกำหนดแล้ว ไม่ช้าก็เร็ว เจ้าย่อมหนีไม่พ้นมือข้า " เนโดฟา ชายอายุราว 30-40 ปีกล่วก่อนบีบไปที่แขนวิโอเน่อย่างแรง

" ปล่อยนะ ข้าเจ็บ " วิโอเน่พยายามแกะมือเนโดฟาออก

" วิโอเน่ หากเจ้ายังขัดขวางการแต่งงานนี้ ข้าจะไม่ปล่อยพี่ชายกับพ่อเจ้าอีก " ผลักวิโอเน่อย่างแรง

" เจ้า เจ้ามันคนใจจืดใจดำ " วิโอเน่กล่าวเสียงสั่น

" เจ้าไปพิจารณาตนเองก่อน หากเจ้ากล้านัก พ่อและพี่ชายเจ้าก็ไม่ต้องลืมตาขึ้นมาอีก " เนโดฟากล่าวก่อนจะเดินออกไปที่งาน ทิ้งให้วิโอเน่นั่งร้องไห้ จมปัดกับคำพูดเหล่านั้น

วันเวลาต่างร่วงเลยไป หลายสิ่งเริ่มผันเปลี่ยน การรักษาของลันเซียยิ่งเป็นไปด้วยความราบรื่น บางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวกับวิโอเน่ ยิ่งชัดเจนขึ้น จนกระทั่ง...

" คุณชายขอรับ มีอาหารจากชาวบ้านส่งมาขอรับ " คิลเลอร์กล่าว

" เอาเข้ามา ไปเตรียมน้ำชามาด้วย " มองเพียงหนังสือ

" ขอรับ " คิลเลอร์กล่าวก่อนเดินออกไป

" ปลานึ่ง ปลานึ่งอีกแล้ว เมื่อไหร่นางจะหยุดทำมาให้ข้าเสียที " ลันเซียมองไปที่อาหารก่อนพืมพำออกมา

" ไม่ต้อง หากไม่ชอบ ก็ไม่ต้องกิน หากเรียกหา ถึงเอาไปส่งให้ " เสียงนุ่มนวลนั้นดังขึ้นอีกครั้ง

" ใคร! เจ้าเป็นใครกัน " ลันเซียกล่าวก่อนมองไปรอบๆ

" คิดว่าเป็นเลดี้ท่านหนึ่งก็ได้ค่ะ " เสียงนั้นกล่าวอย่างสดใส

" เจ้าอยู่ที่ไหน " มองไปรอบๆตัว

" หากตายแล้ว คงหนีปัญหาทุกอย่างได้ ข้าจะวิ่งเข้าหาคมดาบเดี๋ยวนี้เสียให้มันจบสิ้นไป " เสียงนั้นกล่าวด้วยความเศร้า

" ช่วยด้วย " ลันเซียกล่าวก่อนเอามือปิดหู

" ลันเซีย! " เสียงนั้นดังก้องอยู่ในหูเขาไม่หยุด

เขาได้ยินเสียงนั้นซ้ำๆ เมื่อคิลเลอร์มาพบก็รีบตามหมอมาตรวจอาการของลันเซีย สิ่งลันเซียได้พบหรือได้เห็นนั้น หมออธิบายไว้ว่า มันคือความทรงจำของเขา ที่เริ่มจะเรียบเรียงใหม่ ทำให้ความทรงจำของเขา เริ่มกลับมาอีกครั้ง

 เมื่อยิ่งนานวัน ความทรงจำที่หลั่งไหลเข้ามานั้นยิ่งมาก เขาเริ่มจดจำหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นได้ ใช้เวลาทั้งหมดราว 1 เดือน ความทรงจำทั้งหลาย ก็กลับมาทั้งหมด

" ท่านชายขอรับ ท่านจะไปพบท่านหญิงวิโอเน่หรือไม่ขอรับ " คิลเลอร์กล่าว

" ก่อนจะไป ข้าอยากรู้ว่า ตอนที่ข้าหลับไหลอยู่ นางทำอะไรเพื่อข้าบ้าง " ลันเซียกล่าวก่อนวางงานทั้งหมดลง

" ท่านหญิง ท่านหญิงคอยเช็ดตัว ทำอาหารที่บดละเอียดคอยป้อนท่าน ท่านหญิงกล่าวว่า อาหารต้องละเอียดมาก หากไม่ละเอียด จะติดคอท่านได้ ท่านหญิงป้อนน้ำท่าน คอยเปลี่ยนที่นอนให้ท่าน สุดท้ายคือ คอยอยู่ข้างท่านจนหลับไป แม้ท่านหญิงไม่สบายเท่าไหร่ นางก็ฝืนตนเอง ปฏิบัติกับท่านอย่างดี " คิลเลอร์กล่าวก่อนน้ำตาซึม

" นางพยายามทุกอย่าง ทำทุกหนทางที่จะช่วยรักษาท่าน ข้าน้อยมองนาง เป็นท่านหญิงไปแล้วขอรับ " คิลเลอร์กล่าวพลางน้ำตาไหล

" นางทำดีต่อคนรับใช้ท่านอย่างดี เอกสารต่างๆ ก็จัดการอย่างเหมาะสม มีปัญหานางก็ช่วยทุกคนแก้ไข " คิลเลอร์กล่าว

" ทั้งที่ข้า เย็นชากับนางปานนั้น " ลันเซียกล่าวก่อนเหม่อไปชั่วขณะ

 ณ พระราชวังอาณาจักรคริสริว

" ข้าต้องเอาตัวนางกลับมาให้ได้ " ลันเซียกล่าว

" เจ้าวางใจเถอะ ข้าย่อมต้องช่วยเจ้า " เอลฟากล่าว

" เอลฟา ท่านเสด็จมาที่นี่ด้วยเหตุใด " เนโดฟากล่าว

" ข้ามาเพื่อนำองค์หญิงแห่งริชเซียน่ากลับไป รวมทั้งราชวงศ์ริชเซียน่าด้วย " เอลฟาเริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

" อะ..เอ่อ... หากเป็นราชวงศ์ริชเซียน่า กระหม่อมย่อมยกให้พระองค์ได้ แต่.. วิโอเน่นั้น นางเป็นราชินีแห่งคริสริว ข้ามิอาจให้ได้ " เนโดฟากล่าว

" นางมีสัญญาหมั้นหมายกับข้า เหตุใดท่าน ถึงเป็นเจ้าบ่าว " ลันเซียกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

 แน่นอน หากมาให้วันหลังแต่งงาน ย่อมได้ราชวงศ์ริชเซียน่ากลับไปได้ทั้งหมด แต่ตอนนี้ต้องเว้นวิโอเน่ไว้เพราะ.. หลังแต่งงาน วิโอเน่ไม่เคยให้เนโดฟาแตะต้องตัวแม้แต่ครั้งเดียว ได้พบนานๆทีในวันสำคัญ พอได้พบแล้วนางก็ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย ด้วยความรู้สึกอยากครอบครองมีมากกว่าความถูกต้อง สุมไฟแค้นเคืองนางในใจ เมื่อพบนางอีกก็มีปากเสียงบ่อยครั้ง ยิ่งนางไม่ให้แตะตัวแล้ว ความโมโหมีมาก จึงตบตีทำร้ายนางจนต้องให้หมอหลวงรักษา ยิ่งนางถูกเขาทุบตี ยิ่งไม่ให้เขาเข้าใกล้

 ดอกไม้ที่ซ้ำไปทั้งตัว จะให้พวกเขาพากลับไปได้อย่างไร หากพานางกลับไป ผู้คนในใต้หล่า ต้องตีตราเขาว่า ทำร้ายสตรี จากเรื่องเล็กย่อมกลายเป็นเรื่องใหญ่ในไม่ช้า

" ข้าจำได้ วันที่ข้าแต่งงานกับนาง เจ้าก็อยู่ในงานนั้น เหตุใดจึงไม่คัดค้าน พอข้าแต่งมาแล้ว พวกท่านจะให้ข้ายกภรรยาข้าให้พวกข้าอย่างนั้นหรือ " เนโดฟากล่าวด้วยความโมโห

" หากเป็นเช่นนั้น ก็คืนราชวงศ์อริชเซียน่าให้แก่เรา ส่วนองค์หญิงวิโอเน่ เราจะให้เจ้าส่งนางกลับมาในภายหลัง " เอลฟากล่าว

 เมื่อได้คนครบแล้ว ก็เตรียมเดินทางกลับ

" เราขอเตือนเจ้าไว้ หากองค์หญิงวิโอเน่บาดเจ็บตรงไหน บนตัวท่านต้องเจ็บกว่านาง ร้อยเท่าพันทวี " เอลฟากล่าว

" ข้าสัญญา ข้าจะไม่ล่วงเกินนางเด็ดขาด " เนโดฟากล่าว

" หากนางกลับมา มีรอยแผลแม้แต่น้อย ข้าจะเป็นคนนำทัพทำลายเจ้า " ลันเซียกล่าว

 ขณะที่ทุกคนทำลังจะเดินไปขึ้นม้านั้น ก็มีอะไรบางอย่างร่วงหล่นลงมาจากชั้นสอง กระแทกลงพื้น ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

" วิโอเน่! " ลันเซียตะโกนด้วยความผวา ก่อนรีบวิ่งไปประคองศีรษะของวิโอเน่ขึ้น

"ทำไม.. รอยซ้ำตามตัวเจ้า " ลันเซียมองตามร่างกายของวิโอเน่พลางน้ำตาคลอ

 ชายหนุ่มผู้นี้ล้วงผ่านสนามรบมามากมาย จิตใจแข็งแกร่งดุจหินผา กลับรักษาคนที่ตนรักไว้ไม่ได้ 1 เดือนที่ผ่านมา เขาไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่านางพบเจออะไรมา ต้องอยู่อย่างเจ็บปวด ทรมานเท่าไหร่ จึงคิดจบชีวิตลงเช่นนี้

" คริสริว! ต่อไปนี้ อาณาจักรเอเลโซ่ ขอตัดขาดพันธมิตรกับคริสริว หากเอเลโซ่รบชนะ ฆ่าล้างคริสริวทั้งราชวงศ์! " เอลฟาประกาศขึ้นด้วยเสียงหนักแน่น ทรงพลัง

" ข้ามารับเจ้ากลับแล้ว " ลันเซียกล่าวพลางอุ้มร่างไร้ลมหายใจของวิโอเน่ขึ้นม้า

 เมื่อการประกาศสงครามเริ่มขึ้น แน่นอนว่าทั้งสองราชวงศ์ ไม่อาจเป็นมิตรได้อีก เมื่อถึงอานาเขตของเอเลโซ่แล้ว

 " ข้ามาช้าไป ข้ามารับนางช้าไป " ลันเซียกล่าวพลางกอดร่างวิโอเน่แน่น

" นางเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว สิ่งที่นางเลือกนั้นคือสิ่งที่นางทบทวนดีแล้ว " เอลฟากล่าว

" ข้าต้องแก้แค้นให้นาง ข้าต้องล้างแค้นให้นาง " ลันเซียกล่าวพลางน้ำตาไหล

"ใครจะรู้ นางต้องทนมือทนเท้าของไอ้คนโรคจิตนั้น " ลันเซียกล่าวก่อนใช้มือลูบผมวิโอเน่เบาๆ

" ตอนนี้นางหลุดพ้นแล้ว นางหลุดพ้นจากความเจ็บปวดแล้ว " เอลฟากล่าวก่อนตบไหล่ลันเซียเบาๆ

" ตัวนางยังอุ่นอยู่ หรือควรเรียกหมอมาดูหรือไม่ " ลันเซียลูบแขนและแก้มของวิโอเน่เบาๆ

 เมื่อหมอมาถึง ก็ตรวจดูสักพัก ก่อนกล่าวขึ้นว่า

" ยังไม่ตายสนิทขอรับ หากรักษา ก็อาจจะเป็น เจ้าหญิงนิทรา โอกาสรอดนั้นริบหรี่ " หมอกล่าวก่อนทำหน้าลำบากใจ

" มีโอกาสน้อยแค่ไหน ข้าก็จะเสี่ยง ขอเพียงท่านหมอรักษา " ลันเซียกล่าวเมื่อคนเสียสติ

" ลันเซีย เจ้าใจเย็นๆก่อนเถิด เรื่องรักษาให้ท่านหมอจัดการเถอะ เจ้าออกมาคุยกับข้าก่อน " เอลฟากล่าว

" ขอรับ ท่านพี่ " ลันเซียกล่าวก่อนออกไปข้างนอก

" ลันเซีย เจ้าต้องคุมสติเจ้าให้ดี ตอนนี้นางยังไม่ตาย เจ้าไม่ดีใจหรือ " เอลฟากล่าว

" ท่านจะให้ข้าดีใจหรือ เหอะ หากข้ามาเร็วกว่านี้ ความจำข้ามาไวกว่านี้ นางย่อมไม่ต้องทุกข์ทนเช่นนี้ " ลันเซียกล่าว

" ข้าย่อมเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า ข้าย่อมไม่ให้มันตายดี ข้าจะทรมานมันช้าๆ จนกว่ามันสำนึกเข้ากระดูก " ลันเซียกล่าวพลางกัดฟันแน่นจนกรามเป็นสันชัดขึ้น

" หากเป็นเช่นนั้น เนโดฟา ข้ายกให้เขาจัดการ " เอลฟากล่าว

" ขอบพระทัยฝ่าบาท " ลันเซียกล่าวก่อนเดินเข้าำปดูอาการของวิโอเน่

" ท่านหมอ นางเป็นอย่างไรบ้าง " ลันเซียกล่าว

" โชคดีที่ไม่สูงนัก จึงทำให้กระดูกไม่หักไปทิ้มแทงอวัยวะสำคัญ ต้องรักษาไปสักระยะ ย่อมต้องหายดี แต่โอกาสที่นางจะตื่นมาพูดคุยด้วยนั้น น้อยเสียเหลือเกิน " ท่านหมอกล่าวพลางส่ายหน้าเบาๆ

" ไม่ว่าโอกาสจะน้อยเท่าไหร่ เราขอเสี่ยงดูสักครั้ง " เอลฟากล่าว

" ข้าจะพยายาม " ท่านหมอกล่าวก่อนพยักหน้าเบาๆ

 เมื่ออาณาจักรเอเลโซ่ได้ประกาศยุติพันธมิตรระหว่างอาณาจักรแล้ว สงครามระหว่างสองอาณาจักรจึงเกิดขึ้น การสู้รบนี้ เป็นไปได้ไม่นานมากนัก ก็เป็นฝ่ายอาณาจักรเอเลโซ่ ที่ประกาศชัยชนะออกมาอย่างเป็นทางการ ราชวงศ์คริสริวได้ถึงจุดสิ้นสุด อาณาจักรคริสริวได้ล่มสลาย

 เรื่องราวดำเนินไปจนถึงบทความหน้าสุดท้าย กษัตริย์แห่งเอเลโซ่ เอลฟา เอเลโซ่ ได้ครองคู่กับราชินีนาเนีย เอเลโซ่ มีองค์ชาย 3 พระองค์ และองค์หญิงอีก 2 พระองค์

 ส่วนเซอร์ลันเซีย เอเลโซ่ ได้กลับไปปกครองทางใต้ของอาณาจักรเอเลโซ่ และได้พาเจ้าหญิงวิโอเน่ไปดูแลที่ทางใต้

จบบริบูรณ์.

 ฉันอ่านพล่งเช็ดน้ำตาที่ไหลเต็มสองแก้ม

" ลูก! ลูกตื่นแล้วหรอ " เสียงหญิงวัยกลางคนกล่าวขึ้นก่อนที่จะทิ้งของในมือ วิ่งมากอดคนที่ลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง

" ลูกอย่าทำแบบนี้อีกเลยนะ แม่จะยอมทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าลูกอยากเรียนอะไร แม่จะไม่บังคับอีก แม่สัญญา " เธอกล่าวพร้อมร้องไห้ฟูมฟาย

" แม่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น " ฉันกล่าว

 อารีฟถามก่อนจะมองไปรอบๆห้องในโรงพยาบาล ความทรงจำสุดท้ายที่เธอจำได้เกี่ยวกับโลกนี้คือ เธอกำลังทะเลาะกับแม่ เรื่องที่เธอสอบเข้าเรียนสถาปัตยกรรม แต่แม่อยากให้เธอเรียนครูคณิตศาสตร์ วันนั้นด้วยความโมโหและความน้อยใจ จึงวิ่งออกมาจากบ้าน หลังจากนั้น.. เธอก็จำไม่ได้อีก

" ต้องโทษแม่ แม่ดูแลหนูไม่ดีเอง วันนั้นหลังจากที่หนูวิ่งออกไป มีคนผลักหนูตกสะพาน กู้ภัยช่วยงมตามหาลูก ครึ่งชั่วโมงถึงเจอตัวหนู " แม่กล่วพลางสะอื้นร้องไห้

" หลังจากที่เอ่ตัวหนูมาส่งที่โรงพยาบาล หมอบอกว่า สมองของหนูเสียหาย อาจไม่ตื่นอีกเลย แม่ดีใจเหลือเกิน " แม่กล่าวก่อนกอดอารีฟแน่น

" หนูรักแม่นะ หนูรักแม่มากๆนะ " อารีฟกล่าวก่นแม่ตอบ

" แม่ หนูหลับไปนานแค่ไหนหรอ " อารีฟถาม

" หนูนอนแบบนี้อยู่ 3-4 เดือน เออ หนูยังจำเวย์ได้มั้ยลูก " แม่กล่าวถึงเพื่อนสมัยเด็ก ประถม มัธยม

" จำได้นะแม่ " อารีฟกล่าว

" เขาบอกแม่ ว่าเขาแอบชอบหนูมากนะ หากชาตินี้ไม่ได้คู่กับหนู เขาก็จะออกบวช เผื่อชาติหน้า จะได้เกิดมาได้คู่กัน " แม่กล่าวก่อนแล้วรูปถ่ายใบหนึ่งออกมา

" แม่อยากถามหนูว่า หนูจะทำยังไง " แม่กล่าวก่อนมองรูปถ่ายนั้น

อารีฟได้แต่นิ่งเงียบ ไม่รู้จะพูดคำใดออกมา ไม่รู้จะต้องอธิบายกับแม่ยังไง

 4 เดือนต่อมา

" วันนี้ขายได้กี่ชุดหรอลูก " แม่ที่พึ่งกลับมาจากสวนถามอารีฟ

" วันนี้ขายได้ 4-5 ชุดค่ะ ชุดวิคตอเรียสีดำแดง 1 ชุด สีฟ้าคราม 2 ชุด แล้วก็คอร์เซ็ท 3 ตัวค่ะแม่ " อารีฟกล่าวพลางยิ้ม

" ดีเลยลูก ถ้ามีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกนะลูกนะ แม่เอาไข่ไก่ไปให้น้านวลก่อนนะ " แม่กล่าวก่อนหยิบตระกร้าไข่ที่เก็บมาเมื่อเช้าออกไป

 เวลาผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงคนเดินมาที่หน้าบ้าน

" แม่ หนูว่า หนูจะเปิดร้านชุดราตรีดีมั้ย " กำลังเลือกผ้าอย่างตั้งใจ

" ผมเอาเสื้อมาเย็บน่ะครับ คุณจะช่วยเย็บให้ได้หรือเปล่าครับ " เสียงทุ้มต่ำดูเยือกเย็นแต่กลับรู้สึกเต็มไปด้วยความรู้สึก

" ได้ค่ะ " อารีฟกล่าวก่อนจะหันกลับไปที่ประตู

ต่างคนต่างสบตา ความรู้สึกทั้งด้วยความผูกพัน จึงจำกันได้ในทันที

" อารีฟ " เขากล่าวก่อนเดินตรงเข้าไปกอดอีกคนแน่น

" อะ..เอ่อ " อารีฟตกใจเล็กน้อยก่อนตบหลังอีกคนเบาๆ

" รู้หรือเปล่า ว่าเราเป็นห่วงขนาดไหนอ่ะ ถ้าเธอไม่ตื่นขึ้นมาอีกละ จะทำยังไง " อีกฝ่ายกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือราวกับจะร้องไห้

" มันก็ไม่ขนาดนั้นมั้ย ห้ะ รันเวย์ นี่ตอนนี้เราก็ตื่นอยู่นี่ไง " อารีฟกล่าวพลางลูบหลังอีกคนเบาๆ

" ถ้าเธอไม่ตื่น เราจะอยู่ได้ยังไง ถ้าโลกนี้ไม่มีเธออีก เราก็ไม่อยากอยู่อีกแล้ว " อีกคนกล่าวก่อนร้องไห้ด้วยความอัดอั่น

" นี่ เมื่อก่อนก็เห็นไม่ชอบเวลาเราเข้าใกล้เลยนิ แบกขนมให้ก็ไม่กิน เลี้ยงข้าวก็ไม่ยอม เอาของขวัญให้ก็บอกว่าไม่ชอบนิ " อารีฟกล่าวด้วยความสับสน

" ถ้าบอกว่า ที่ทำไป เพราะไม่อยากยอมรับความรู้สึกตัวเองละ เรากลัว กลัวว่าจะมีวันหนึ่งที่เธอหายไป แล้วเราจะเสียใจ " เขากล่าว

" ครั้งก่อนเรามาช้าไปหนึ่งก้าว แต่เราสัญญา จะไม่ให้มีครั้งต่อไปอีก ที่เราจะปล่อยเธอไปเป็นของคนอื่นอีก " เขากระซิบที่ข้างหูของอารีฟ

" อะแฮ่ม! " เสียงแม่ดังขึ้นทำเอาทั้งคู่สะดุ้งผละออกจากกันแทบไม่ทัน

 ความรักของทั้งคู่ ไม่ใช่ตอนอวสาน แต่หากเป็นจุดเริ่มต้นของความรักอีกครั้ง แน่นอนว่า ในชีวิตนี้ เราไม่สามารถไปแก้ไขอะไรได้อีก มีเพียงการทำใจยอมรับความจริง เก็บเรื่องราวดีๆไว้เป็นความทรงจำ ส่วนเรื่องที่ไม่ดี ย่อมเป็นครูที่ดีที่สุด ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ส่วนอดีตก็คงต้องปล่อยวาง อนาคตย่อมไม่แน่นอน ปัจจุบันย่อมสำคัญที่สุด

 สุดท้ายนี้ นักเขียน wasana_029 หวังเพียงว่า ผู้อ่านทุกท่านจะอ่านด้วยความรู้สึกสนุกสนาน ให้กับการใช้เวลาทุกวินาทีให้มีคุณค่าของท่าน มาอ่านนิยายเรื่องนี้ หากผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้

^^^วาสนา.^^^

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!