ลูกสาวมาเฟีย

ตลอดช่วงเช้า เสียงซุบซิบในโรงเรียนดังกระหึ่มเหมือนผึ้งแตกรัง ข่าวลือเกี่ยวกับพวกเราแพร่สะพัดไปทั่วทุกซอกทุกมุมของโรงเรียน ไม่มีใครพูดถึงเรื่องอื่นเลยนอกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ลือกันว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจัดการกับนักเรียนชาย ม.6 สองคนได้ราวกับฉากในหนังแอ็คชัน

“เธอฟาดเขื่อนกับเฉิงตูด้วยหนังสือ จนพวกนั้นล้มทั้งยืนไปเลย”

“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย เมย์จัดการทั้งคู่ด้วยดินสอแท่งเดียวจนพวกนั้นวิ่งเตลิดไปทั่วห้องสมุดต่างหาก”

“จริงดิ แล้วเธอทำแบบนั้นไปทำไม”

“ฉันได้ยินมาว่าพวกนั้นฆ่าหมาของเมย์ เธอทำลงไปเพราะแก้แค้นให้หมายังไงล่ะ”

“ไม่ใช่แค่นั้นนะ เมย์ยังเป็นลูกสาวเจ้าพ่อมาเฟียด้วย เธอถึงได้โหดตั้งแต่เด็ก”

ไม่มีใครรู้ว่าความจริงคืออะไร แต่เสียงลือก็ยิ่งทำให้เรื่องราวยิ่งเข้มข้นและห่างไกลจากความเป็นจริงมากขึ้น เมื่อถึงเวลาพักกลางวัน พวกเราจึงถูกจับจ้องด้วยสายตาจากคนทั้งโรงเรียน จนผมรู้สึกถึงแรงกดดันรอบตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้

“นี่ฉันต้องไปห้องสมุดจริง ๆ เหรอ” ผมกระซิบเสียงเบา พยายามเบี่ยงตัวหลบจากสายตานับร้อยคู่ที่จ้องมา

“แน่นอน ก็เราถูกทำโทษนี่นา” เมย์ประกาศเสียงหนักแน่น “อีกอย่าง เธอติดหนี้ที่ฉันช่วยเมื่อวานนี้ จำได้มั้ย”

“เอ่อ... ก็ใช่ แต่ฉันว่า…”

ไม่ทันจบประโยค เมย์กับเฮกเตอร์ก็ช่วยกันจับแขนผมแล้วลากไปตามโถงทางเดินตรงสู่ห้องสมุด

“ตั้งแต่นี้ไป เธอต้องเรียกฉันว่าลูกพี่ โอเค้” เมย์หันมามองผมด้วยสายตายียวน “และห้ามเรียกชื่อเล่นฉันอีกเป็นอันขาด”

“โอ้โห มันจะไม่เว่อร์ไปหน่อยเหรอ” ผมโอดครวญ

“ไม่มีเว่อร์ นายสัญญากับฉันแล้ว” เธอยิ้มเจ้าเล่ห์

“ไหนลองเรียกว่าลูกพี่ดูซิ”

“ไม่เรียก” ผมอิดออด

“เรียกเดี๋ยวนี้” เธอยื่นคำขาด

“ไม่เอา” บอกไว้เลยว่าตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยก้มหัวให้ใครนอกจากช่างตัดผม

“งั้นก็ตามใจ สัญญาอะไรไว้ ไม่ต้องทำตามที่พูดหรอก” เมย์พูดเสียงเศร้า ไม่มองหน้าผมอีก

สุดท้ายผมก็เลยต้องยอมแพ้ ส่วนเฮกเตอร์ไม่มีปัญหาเลยสักนิด และเพียงไม่นานหลังจากที่เมย์บังคับให้ผมกับเฮกเตอร์เรียกเธอว่าลูกพี่ ข่าวลือใหม่ก็แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วว่าตอนนี้เมย์กลายเป็นหัวหน้าแก๊งห้อง ม.1/3

เราเดินมาจนถึงห้องสมุด เมื่อเปิดประตูเข้าไปเข่าผมก็แทบทรุดเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า ภายในห้องสมุดเละเทะยิ่งกว่าหลังพายุเข้า ชั้นหนังสือล้มระเนระนาด หนังสือกองกระจัดกระจายทั่วพื้น และตรงกลางห้อง บรรณารักษ์หญิงวัยกลางคนยืนกอดอกมองพวกเราด้วยสายตาไม่พอใจสุดขีด

“พวกเธอนี่เอง ดูสิว่าทำอะไรไว้เมื่อวาน”

เราสามคนได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อเป็นรูปปั้น

“เราจะช่วยเก็บให้เองค่ะ” เมย์พยายามยิ้มแหย ๆ

“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว” บรรณารักษ์กระแอมเบา ๆ “และก็ห้ามพังข้าวของอะไรอีก”

แม้จะทำหน้าไม่เชื่อถือ แต่สุดท้ายบรรณารักษ์ก็ยอมปล่อยให้เราคัดแยกหนังสือเป็นหมวดหมู่ งานน่าเบื่อก็จริง แต่สิ่งที่เราเจอกลับน่าสนใจยิ่งกว่า

หนังสือประวัติโรงเรียนมัธยมวัชรโยธิน

มันเป็นหนังสือเล่มเก่า ปกสีซีดจาง แต่เมื่อพลิกไปดูด้านใน เราก็พบภาพถ่ายขาวดำเก่าแก่ และเรื่องราวที่พวกเราไม่เคยอ่านในอินเทอร์เน็ตมาก่อน

“ดูนี่สิ” เมย์ตาเป็นประกาย “เราอาจจะเจอเบาะแสเกี่ยวกับสมบัติที่ซ่อนอยู่ในนี้ก็ได้”

“ยังค้นหาสมบัติอีกเหรอ” ผมเลิกคิ้วถาม

“ตลอดไป” แววตาเธอเปล่งประกาย “ถ้าเราสืบตั้งแต่จุดเริ่มต้นของโรงเรียน อาจไขความลับของที่ซ่อนสมบัติก็ได้”

เมื่อเห็นสายตาที่เมย์มองหนังสือเล่มนั้น ผมก็อดถามเธอไม่ได้ “นี่ลูกพี่ ทำไมเธอถึงหมกมุ่นกับการค้นหาสมบัติ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่ามันมีจริงหรือเปล่า”

เธอเงยหน้าพูดกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เจมส์…เธอเคยได้ยินเรื่องกรุสมบัติวัดราชบูรณะที่อยุธยามั้ย”

“มันทำไมเหรอ”

“สมัยก่อนมีโจรกลุ่มหนึ่งขุดเจอห้องลับใต้ฐานพระปรางค์แล้วขโมยสมบัติที่อยู่ในนั้นไป ว่ากันว่ามีพระพุทธรูปทองคำและของต่าง ๆ เยอะแยะมากมายจนกองท่วมหัว แต่ทั้งหมดถูกขายให้ร้านทองเอาไปหลอม บางชิ้นก็ส่งขายไปต่างประเทศ ตำรวจตามกลับมาได้แค่นิดเดียวเอง” เมย์ถอนหายใจ

“ถ้าโรงเรียนนี้มีสมบัติซ่อนอยู่ ฉันก็อยากเป็นคนที่หามันเจอก่อนพวกคนไม่ดี ฉันอยากคืนสมบัติทุกชิ้นให้กับเจ้าของที่แท้จริง”

ผมมองเข้าไปในดวงตาของเมย์และเห็นความแน่วแน่ปรากฏอยู่ในนั้น

“งั้นฉันจะช่วยเธอเอง” ผมพูด และผมก็รู้ดีว่าต่อจากนี้คงไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข

ใกล้เวลาเรียนคาบบ่าย บรรณารักษ์ให้เราเซ็นชื่อในสมุดรายงานพฤติกรรมและอนุญาตให้กลับได้ ระหว่างทาง เราเดินผ่านหน้าห้องน้ำที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราววุ่นวายทั้งหมด

“นี่ ฉันขอเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ผมพูด เมย์พยักหน้าเข้าใจ

“เฮกเตอร์ตามฉันมา” เขารีรออย่างไม่แน่ใจ แต่ในที่สุดก็ตามผมเข้าห้องน้ำแต่โดยดี

“ดูนี่นะ” ผมบอกเฮกเตอร์พร้อมกระทืบเท้าไปเรื่อย ๆ สร้างรอยเลอะเปราะบนพื้นเปียกที่เพิ่งทำความสะอาดโดยเขื่อนและเฉิงตู

เฮกเตอร์ยิ้มออกทันที เขาลากเท้าไปกับพื้นเป็นรอยยาวอยู่นานด้วยความสนุกสนาน

...****************...

หลังเลิกเรียน ผมแยกตัวออกจากเมย์กับเฮกเตอร์ สองคนนั้นตามติดผมแจไม่เปิดโอกาสให้ได้อยู่ลำพังเลย ตอนนี้ผมจึงอาศัยช่วงชุลมุนขณะที่นักเรียนทยอยกลับบ้าน ค่อย ๆ หลบออกมาเพื่อตามสะสางเรื่องที่ค้างคาใจ

ระหว่างเดินผ่านโถงทางเดิน ผมเห็นเขื่อนกับเฉิงตูกำลังออกมาจากห้องน้ำสีหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด เหตุผลก็ไม่ต้องเดาให้ยาก ห้องน้ำที่พวกเขาเพิ่งขัดจนสะอาดเมื่อตอนกลางวัน ตอนนี้กลับมีแต่รอยรองเท้าเลอะเปรอะพื้นเต็มไปหมด ผมยืนพิงผนัง ยิ้มขำเมื่อเห็นสองคนนั้นต้องจำใจล้างมันอีกรอบก่อนกลับบ้าน

“จะไปไหนเหรอพี่เบิ้ม” ผมทักทายเสียงใส พยายามสะกิดอารมณ์ให้ทั้งคู่หงุดหงิดกว่าเดิม

เขื่อนไม่แม้แต่จะมองหน้า “หลบไปไอ้เตี้ย” เขาพูดเสียงต่ำแล้วเดินผ่านผมโดยมีเฉิงตูตามติด

“เดี๋ยวก่อนสิ วันนี้เรายังไม่มีเรื่องกันเลย” ผมเร่งฝีเท้าเดินตามหลัง

เฉิงตูชะงักหันกลับมามองด้วยสายตาเอือมระอา “แกอยากเจ็บตัวอีกเหรอ”

ผมยักไหล่ แสร้งทำหน้ากวน ๆ “ถ้าทำได้ก็ลองดูสิ”

เขื่อนชะลอฝีเท้า หันมามองผมด้วยสายตาประหลาดใจ ราวกับสงสัยว่าทำไมผมยังอยากหาเรื่องอยู่

“ทำไมวันนี้ไม่เหมือนเมื่อวาน ป๊อดเหรอ” ผมท้าทายอีกครั้งต้องการให้เขื่อนตอบโต้ ให้มันบานปลาย แค่ครั้งเดียวก็พอ แค่ครั้งเดียว พวกเราทั้งสามคนจะได้พักการเรียนกลับไปนอนเล่นอยู่ที่บ้าน แต่ผิดคาด เขื่อนกับเฉิงตูยังคงนิ่งเฉย ทั้งคู่เพียงแค่เดินหนีไปเรื่อย ๆ จนพ้นจากอาคารเรียน

ผมจึงหยิบลูกหูกวางที่ร่วงอยู่บนพื้นขึ้นมาหนึ่งกำมือแล้วปาใส่แผ่นหลังพวกเขา เสียงแปะเบา ๆ ทำให้เขื่อนชะงัก หันกลับมาชูหมัดขู่ แต่ไม่ยอมลงมือ เขาคงเห็นว่ามีสายตาหลายร้อยคู่จับจ้องอยู่รอบ ๆ

ผมปาลูกหูกวางใส่พวกเขาเรื่อย ๆ แต่ทั้งคู่ยังคงนิ่งเฉย เมื่อไม่เหลืออะไรให้ปา ผมจึงคว้ากิ่งไม้มาสอดเข้าไปในหูเข็มขัดกางเกงของเขื่อน เขาสะดุ้งเฮือก รีบกระชากมันทิ้ง เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบบริเวณ ทุกคนที่เห็นเริ่มสนใจและหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิป เขื่อนหันมาจ้องหน้าผม สายตาโมโห เขาชูหมัดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนจะเอาจริง

“แน่จริงก็ต่อยผมสิ” ผมท้าให้เขาใช้กำลัง “เอาเลย กล้า ๆ หน่อยพี่เบิ้ม”

เสียงเชียร์เริ่มดังขึ้นเป็นจังหวะ “ต่อยเลย! ต่อยเลย! ต่อยเลย!”

เฉิงตูรีบดึงแขนเขื่อนไว้ “ไม่ได้นะเขื่อน ไอ้นี่เป็นเพื่อนกับลูกสาวมาเฟีย ไม่ได้ยินที่เขาพูดกันเหรอ”

เขื่อนเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะลดแขนลงและหันหลังเดินจากไป ผมกัดฟัน บ้าจริง! อีกนิดเดียวเอง แค่หมัดเดียวเท่านั้น

“ต่อยเลย! ต่อยเลย! โห่!…” เสียงโห่ร้องดังขึ้นเมื่อทุกคนเห็นว่าเขื่อนเลือกจะเดินหนีแทนที่จะต่อยผม

แต่มันยังไม่จบง่าย ๆ ผมรีบเดินตามเขื่อนกับเฉิงตูไปเรื่อย ๆ พยายามหาเรื่องจนถึงที่สุด แต่พวกเขาเอาแต่เดินหนี ผมจึงเร่งฝีเท้าขึ้นจากเดินเป็นกึ่งวิ่ง พวกเขาก็เร่งตาม และสุดท้ายก็กลายเป็นวิ่งเต็มฝีเท้า ภาพของผมที่ไล่กวดเด็กโข่งสองคนไปรอบลานหน้าเสาธงอย่างบ้าคลั่งทำให้ใครเห็นก็ต้องหัวเราะ นักเรียนหลายคนเริ่มจับกลุ่มซุบซิบกัน

“หยุดนะเว้ย” ผมตะโกนสุดเสียง แต่เขื่อนกับเฉิงตูยังคงวิ่งหนีไปรอบ ๆ

เหนื่อย วิ่งต่อไม่ไหวแล้ว ผมหยุดยืนหอบหายใจอยู่ตรงฐานรูปปั้นเด็กหญิงนางฟ้า ก่อนจะเห็นเมย์กับเฮกเตอร์ยืนอยู่ไม่ไกล ทั้งคู่มองดูผมวิ่งไล่กวดเขื่อนกับเฉิงตูอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อเห็นผมหยุดวิ่ง เมย์จึงกวักมือเรียกพลางเลิกคิ้วเหมือนจะถามว่าผมทำอะไรอยู่ ผมส่ายหน้า ก่อนเดินตรงไปสมทบกับพวกเขา

เสียงซุบซิบดังขึ้นกว่าเดิมทันทีที่ผมเข้าไปยืนข้างเมย์ นักเรียนรอบ ๆ จับกลุ่มกันกระซิบกระซาบพลางส่งสายตาหวาดระแวงมาให้เรา

“ว่าแล้วเชียว เมย์เป็นคนสั่งเจมส์ให้หาเรื่องรุ่นพี่ ม.6 จริง ๆ”

“ได้ยินว่าเธอเป็นลูกสาวผู้มีอิทธิพลไม่ใช่เหรอ พ่อเป็นมาเฟียส่งมือปืนให้ตามประกบคุ้มกันลูกสาวจนถึงโรงเรียนทุกเช้า นี่แหละ ถึงไม่มีใครกล้ายุ่งกับเด็กแก๊งนี้”

“โห เราอย่าเผลอไปมีเรื่องด้วยล่ะ อยู่ห่าง ๆ ไว้ดีกว่า”

“สองคนนั้นจะโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้ หวังว่าคงไม่โดนอุ้มหายไปนะ บรื๋อ…”

ข่าวลือแพร่กระจายไวกว่าความเร็วแสง ในเวลาไม่ถึงห้านาที พวกเรากลายเป็นแก๊งมาเฟียที่มีแต่คนหวาดกลัวกันทั้งโรงเรียน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย ผมแค่อยากถูกพักการเรียน ไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้สักหน่อย

...****************...

ตลอดสัปดาห์หลังข่าวลือแพร่สะพัดทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด ตั้งแต่เช้าที่เดินเข้าประตูโรงเรียน พวกนักเรียนที่เคยหัวเราะเฮฮาหรือยืนจับกลุ่มกัน พอเห็นเราสามคนเดินมากลับแหวกออกเป็นทางไม่มีใครอยากเข้าใกล้

“ดูสิเจมส์ พวกเรากลายเป็นแก๊งมาเฟียไปแล้ว” เมย์พูดอย่างตื่นเต้น

“เล่าสิเฮกเตอร์ เมื่อวานเธอเห็นคนทำเงินหล่นแล้วยังไงต่อ” เมย์พูดพลางกลั้นหัวเราะ

“มีอะไรเหรอ” ผมหันไปถามเฮกเตอร์

“ฉันพยายามจะคืนให้ แต่หมอนั่นเอาแต่พูดว่าอยากได้ก็เอาไปเลยแต่ขอให้ไว้ชีวิต แล้วเขาก็วิ่งหนีไป ฉันเลยต้องส่งเงินให้ครูประกาศตามหาเจ้าของ” เฮกเตอร์ยักไหล่

“เว่อร์ไป พวกเราไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นสักหน่อย” ผมพึมพำ มองไปยังกลุ่มนักเรียนที่ยังคงหลบสายตาเราอยู่

“แบบนี้ดีแล้ว ไม่ต้องมีใครมาหาเรื่องพวกเราด้วย” เมย์หยิบถุงเม็ดมะม่วงหิมพานต์ออกมาเคี้ยวเล่น “พวกนั้นคงคิดว่าฉันเป็นลูกสาวมาเฟียจริง ๆ ฉันว่ามันน่าสนุกจะตาย เราเก็บค่าคุ้มครองดีมั้ย”

“ไถเงินคนอื่นเหมือนเขื่อนกับเฉิงตูน่ะเหรอ” เฮกเตอร์ทำหน้าไม่เห็นด้วย “ฉันว่าอย่าหาทำจะดีกว่า”

“แล้วถ้าทุกคนรู้ความจริงล่ะ” ผมมองไปที่เมย์เพื่อสังเกตอาการ “ว่าพ่อของเธอไม่ใช่มาเฟีย ไม่ได้มีมือปืนตามประกบ ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรเลย”

เมย์ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ก็แค่กลับไปเป็นแบบเดิมไง แต่ตอนนี้ก็ขอสนุกกับมันก่อนเถอะ”

“เธอนี่มันไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย” ผมส่ายหัว ถอนหายใจเบา ๆ

“ถ้าคนอื่นรู้ พวกเราคงโดนคนทั้งโรงเรียนฆ่าตายแน่ ๆ” เฮกเตอร์ออกความเห็น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล

“หรืออาจจะแย่กว่านั้น ถูกแขวนประจานและรุมบูลลี่จนกว่าจะเรียนจบ” ผมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ที่ยังเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบ

“หรือเรียนจบแล้วหางานทำไม่ได้ เพราะทุกคนรู้ว่าเราปลอมเป็นมาเฟียตอนอยู่ ม.1” เฮกเตอร์ส่ายหัว สีหน้าสิ้นหวังราวกับเห็นอนาคตของตัวเองดับวูบ

“ถ้าเป็นแบบนี้คงแย่ชะมัด อนาคตพวกเราจบสิ้นแล้ว” เมย์พูดพลางก้มหน้าเดิน

“ก็ไม่แย่ขนาดนั้น คิดแบบผู้ใหญ่สิ ทุกปัญหาแก้ไขได้ด้วยการเปลี่ยนชื่อ” ผมเสนอทางออก

“ถ้ามันง่ายอย่างนั้นก็ดีสิ ฉันคงต้องบอกลาไอจีของฉันด้วย” เมย์คร่ำครวญ ทำหน้าเหมือนจะเป็นลม

“ไอจีของเธอมีแต่รูปต้นไม้ใบหญ้า รูปดินฟ้าอากาศ ไม่เห็นมีรูปเธอสักหน่อย” ผมพูดพลางขมวดคิ้ว

“ทำไมเป็นเด็กมันยุ่งยากขนาดนี้เนี่ย เครียดโว้ย” เฮกเตอร์บ่น สีหน้าทรมานเหมือนแบกรับภาระของโลกทั้งใบ

“แม่ฉันว่า ถ้าเครียดให้เคี้ยวเม็ดมะม่วงหิมพานต์” เมย์เงยหน้าพูดกับเฮกเตอร์

“แล้วมันหายเหรอ”

“ไม่หายหรอกแต่มันเพลินดี ลืมเครียด” เธออธิบายพร้อมรอยยิ้ม เฮกเตอร์ระเบิดหัวเราะออกมาทำเอาพวกนักเรียนแถวนั้นสะดุ้ง

หลังมีข่าวลือว่าเมย์เป็นลูกสาวมาเฟีย โต๊ะที่เราเลือกนั่งดูจะกลายเป็นจุดรวมสายตาของทุกคน ขณะเดียวกัน สองรุ่นพี่อันธพาลอย่างเขื่อนและเฉิงตู ตอนนี้ได้แต่ซุ่มหลบอยู่มุมไหนสักแห่งของโรงอาหาร ดูเหมือนว่าข่าวลือจะทำให้พวกเขากลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะเดินเฉียดเข้าใกล้เรา ผมจึงหยุดคิดเรื่องพักการเรียนไปโดยปริยาย

“แล้วเรื่องขุมทรัพย์ที่ให้หาเบาะแสล่ะ ไปถึงไหนแล้ว” เมย์ถามขึ้นขณะพวกเราช่วยกันจัดเรียงหนังสือในห้องสมุด

ผมกับเฮกเตอร์มองหน้ากัน “เธอพูดตอนไหน”

“นี่ เราเป็นทีมค้นหาสมบัตินะ พวกเธอก็ต้องรู้หน้าที่อยู่แล้วสิ” เธอพูดเสียงดุก่อนจะถอนหายใจ “นึกอยู่แล้วว่าพวกเธอมันไม่ได้เรื่อง ต้องให้ฉันทำทุกอย่างด้วยตัวเองหมดเลยใช่มั้ย”

“แต่ฉันก็ทำการบ้านมาให้เธอลอกทุกเช้านะ” ผมพูดแย้ง และเฮกเตอร์ก็เห็นด้วย

“นั่นมันเป็นเหตุผลที่ฉันเลือกเธอมาร่วมทีมอยู่แล้ว” เมย์มองค้อนผม “เพราะฉันก็มีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าให้คิด ไม่มีเวลามาทำการบ้านเองหรอก”

“แล้วเรื่องไหนที่มันสำคัญกว่าทำการบ้าน” ผมหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อ

“เรื่องสมบัติยังไงล่ะ” เด็กหญิงกอดอกพูดอย่างภูมิใจ “จำหนังสือประวัติโรงเรียนได้มั้ย ฉันเปิดดูหลายรอบจนพอจะรู้บางอย่างแล้ว”

...****************...

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!