วิหคจันทร์ก้มหน้ามองปลายเท้าของตนอย่างพินิจ ความรู้สึกแปลกใหม่บางอย่างค่อย ๆ ซึมซาบเหมือนแสงแดดลอดผ่านม่านไม้ ลูบไล้ผิวดินอุ่น ๆ ใต้เงาไม้ใหญ่
"แล้ว...เจ้าจะให้ข้าอยู่ตรงไหนล่ะ?" เสียงของนางนุ่มราวละอองน้ำค้างเกาะกลีบดอกไม้เมื่อยามเช้า
ศานต์ยกมือเกาศีรษะตนเองเบา ๆ แววตาล่อกแล่กไปมาคล้ายเด็กที่เพิ่งเผลอปล่อยว่าวลอยติดยอดไม้
“หลังเล้าไก่...คงพอได้นะ” เขาว่าเสียงเบา สีหน้าประหนึ่งกำลังเสนอที่ประทับให้เจ้าหญิง แต่กลับชี้ไปยังมุมเงาเล็ก ๆ ที่ไม้ไผ่ปักเรี่ยพื้น มีฟางแห้งนอนสงบอยู่ข้างซุ้มฟักทอง
วิหคจันทร์เลิกคิ้ว “เจ้าคิดจะให้ข้าอยู่กับไก่จริง ๆ หรือ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น! คือ...มันปลอดภัยที่สุดแล้วนะตอนนี้!”
นางขมวดคิ้ว หรี่ตาลงเหมือนกำลังประเมินค่าของมนุษย์ผู้นี้ราวกับพ่อค้าเร่พินิจของเก่าหน้าโรงเตี๊ยม ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ
“ก็ได้...แต่ข้าไม่กินไก่นะ”
ศานต์กลั้นขำ “ข้าว่าไก่น่าจะกลัวเจ้ามากกว่านะ โดยเฉพาะตอนเจ้าบินตกมาแบบเมื่อเช้า”
“เงียบเลยนะ!” วิหคจันทร์เงื้อปีกฟาดเบา ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว “ข้าแค่...เสียการทรงตัวนิดเดียวเอง!”
“ใช่ ๆ นิดเดียวจริง ๆ เห็นแค่เมฆทั้งก้อนร่วงลงมาน่ะ” เด็กชายหัวเราะคิกคัก ก่อนจะรีบหลบขนนกที่สะบัดมาอย่างขุ่นเคือง
แม้จะเถียงกันไปมา แต่รอยยิ้มที่ค่อย ๆ เผลอแตะแต้มอยู่บนริมฝีปากทั้งสองก็แฝงแววบางอย่าง...คล้ายสายลมแผ่ว ๆ ที่พัดกลีบดอกไม้ให้กระซิบถึงกันโดยไม่ตั้งใจ
“เอาเถอะ เจ้าหลบอยู่ตรงนี้ไปก่อน” ศานต์ลดเสียงลง ขณะชะเง้อมองทางเดินหน้าบ้านที่เริ่มมีเสียงฝีเท้าของผู้คน
เขาหยิบผ้าขาวม้าเก่า ๆ มาคลุมปีกนางไว้ “อย่าโผล่ออกมานะล่ะ เดี๋ยวแม่ข้าเห็นเข้า จะได้กินข้าวคลุกน้ำปลาตลอดชาติแน่”
“เจ้าขู่น่ากลัวกว่ายักษ์ในตำนานอีก...” วิหคจันทร์พึมพำ แต่ก็ยอมซุกตัวอยู่ในมุมเงาอย่างว่าง่าย
และในชั่วขณะนั้นเอง...เสียงประตูบ้านเปิดขึ้น
“ศานต์! เจ้าตื่นแล้วเหรอลูก?” เสียงแม่ของเขาดังลอดออกมา คล้ายระฆังยามเช้าที่ปลุกหมู่บ้านให้ตื่นจากนิทรา
ศานต์สะดุ้ง รีบหันกลับไปส่งเสียง “ตื่นแล้วแม่! เดี๋ยวข้าจะไปตักน้ำ!”
เขาเหลือบมองกลับมาทางพุ่มไม้แห้งอย่างระวัง “อย่าขยับนะ...” เขากระซิบเบา ๆ
วิหคจันทร์ยักคิ้วให้ ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง คล้ายจะไม่ยินดียินร้าย แต่หางตากลับยังเหลือบมองตามเด็กชายที่รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน
เวลาผ่านไปไม่กี่อึดใจ เสียงตักน้ำและเสียงจามเบา ๆ จากในบ้านบอกให้รู้ว่าแม่ศานต์กำลังเตรียมอาหารเช้า เด็กชายเดินกลับออกมาพร้อมข้าวเหนียวในกระติ๊บกับปลาย่างตัวเล็ก ๆ ในใบตอง
เขามองซ้ายแลขวาอย่างระแวดระวัง แล้วรีบย่องไปหลังบ้านเหมือนโจรวัยเยาว์ที่กำลังจะลักพาเจ้าหญิง
“เจ้าหิวไหม?” ศานต์กระซิบขณะยื่นของในมือให้นาง
วิหคจันทร์เหลือบตามอง “เจ้าคิดว่ากินรีไม่มีมารยาทพอจะถามว่ายังไม่ได้ล้างปีกหรือเปล่า?”
“เจ้าล้างปีกก่อนกินข้าวด้วยเหรอ?” เขาทำตาโต
“แน่นอน! เจ้าไม่ล้างหน้าหรือไร?”
ศานต์อึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะพรืด “เออ ข้าก็ล้างอยู่...บางที...”
“มนุษย์นี่ช่างซับซ้อนยิ่งกว่าป่าเขาในคืนเดือนดับเสียอีก” นางส่ายหน้าเบา ๆ แล้วก็รับใบตองไปอย่างลังเล ขณะที่ปลายปีกยังมีเศษฟางติดอยู่
ศานต์นั่งลงข้าง ๆ อย่างไม่ถือตัว “กินเถอะ ข้าจะไม่บอกใครว่าเจ้าหลงป่า...ตกต้นไม้...แล้วมาอยู่กับข้า”
วิหคจันทร์หันขวับ “อย่าใช้คำนั้น! ข้าแค่ขยับตัวผิดจังหวะ!”
“จังหวะที่แรงพอจะทำให้ใบไม้ปลิวเหมือนพายุล่ะสิ?”
นางย่นจมูก แล้วสะบัดปีกเบา ๆ ให้เขาต้องยกแขนขึ้นกันขนที่ปลิวมาเฉียดจมูกเขา
“ถ้าเจ้ายังล้อข้าอีก ข้าจะบินขึ้นไปแล้วทิ้งเจ้ากลางป่าช้าให้ดู!”
ศานต์หัวเราะลั่น “แล้วเจ้าบินได้แล้วหรือ?”
คำถามนั้นทำให้นางชะงัก ปลายปีกค้างอยู่กลางอากาศ เหมือนคนที่เพิ่งถูกถามถึงคำสาบานที่ตนลืมไว้
“…ก็เกือบได้แล้วล่ะ” เสียงของนางเบาลง
“แต่ก็ไม่เท่าไรนัก” วิหคจันทร์ว่าเบา ๆ “แค่ปีกซ้ายบาดเจ็บนิดหน่อย...แต่ข้าจะไม่เป็นอะไรหรอก”
เด็กชายมองดูปลายปีกของนางที่ขยับได้ไม่เต็มแรงนัก เขารู้ว่าไม่ได้เป็นแค่เรื่องของกล้ามเนื้อหรือขนนก แต่มันเป็นความกลัวลึก ๆ ที่หลงเหลือจากบางสิ่ง
บางสิ่งที่นางไม่พูดออกมา
ศานต์จึงเปลี่ยนเรื่อง “งั้นวันนี้เจ้าก็อยู่พักที่นี่ไปก่อนนะ ข้าจะพาเจ้ารู้จักหมู่บ้าน...แต่อย่าให้ใครเห็นล่ะ”
“เจ้าคิดจะซ่อนข้าอย่างไร?” นางเลิกคิ้ว
ศานต์ยิ้มมุมปาก แล้วลุกขึ้น คว้าผ้าคลุมเก่ามาโยนใส่นาง “แปลงร่างเป็นแม่ชีไปเลยไง!”
วิหคจันทร์หน้าเหวอ “ข้าดูเหมือนแม่ชีตรงไหนกัน?!”
“ก็แค่แม่ชีมีปีกหน่อย ๆ เท่านั้นเอง” เขาหัวเราะอย่างสนุก ขณะที่นางลุกพรวดขึ้นไล่ฟาดเขาเบา ๆ ด้วยแขนเสื้อ
และใต้ฟ้าเช้าที่ค่อย ๆ สว่างขึ้นทุกขณะ...เรื่องราวเล็ก ๆ ระหว่างกินรีกับเด็กชายก็เบ่งบานอย่างเงียบงัน เหมือนดอกหญ้าที่เติบโตอย่างกล้าหาญ แม้จะไม่มีใครทันสังเกต
แต่ใต้กลีบหญ้านั้น...บางอย่างกำลังเคลื่อนไหว
ณ ป่าชายแดนหิมพานต์ ลึกเข้าไปในดงไผ่ที่ไร้เสียงนก เสียงฝีเท้าเบา ๆ กำลังย่างกรายเข้ามา ใต้เงาไม้สูง มีเงาดำเคลื่อนไหวอย่างเงียบงัน ราวพยัคฆ์เฝ้ารอจังหวะ
และในมือของมัน...มีขนนกสีเงินปนทองวาววับซุกอยู่
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 6
Comments