บลูเบลล์สีน้ำมัน

บลูเบลล์สีน้ำมัน

Into

บลูเบลล์สีน้ำมัน

หนึ่งชายหนุ่มวัยกลางคนผู้ลืมรักแรกไม่ได้

กับ

หนึ่งเด็กชายผู้มองเขาเป็นรักแรก

"ถ้าคุณมองผมด้วยสายตาเดียวกับที่ผมมองคุณก็ดีสิ"

ความรักจะทำให้ธีมีโอเปลี่ยนจาก อะ บอย เป็น อะ แมน ได้รึไม่?

ปล. เราแบ่งเรื่องนี้เป็นสองพาร์ทนะคะ ผ่านมุมมองของทั้งสองคน มุมมองของชายวัยกลางคนก็อีกมุมที่อาจจะไม่ได้รักธีมีโอเลย กลับกันบางการกระทำของเขาอาจจะทำให้ธีมีโอรู้สึกพิเศษ

ปล.เนื้อเรื่องเกิดขึ้นปี 1947 แต่บางครั้งตัวเอกอาจเล่าย้อนหลังไปอีกสิบปี ยี่สิบปี บอกไว้ก่อนกันงงค่ะ 

**Into**

ฮานส์ อิมพลิต พาร์ท

1927 , คานส์ ฝรั่งเศส

บลูเบลล์ เจ้าหญิงสีน้ำเงิน ดอกไม้ประจำถิ่นของประเทศอังกฤษ ตัวแทนของความสูงส่ง น่าเคารพ แต่อีกมุมหนึ่งกับแทนที่ด้วยความเหงาและเดียวดาย ช่างเหมือนกับเธอ...เหมือนกับเธอจริง งดงามแต่แฝงไปด้วยเรื่องราวที่เศร้าสร้อย

ผมเจอเธอในทุกๆยามเช้า เธอเป็นเหมือนพระอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ ผมรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นไปมองเธอ ในขณะที่เธอเองก็ส่งรอยยิ้มจากหน้าต่างตรงห้องนอนของเธอเช่นกัน ในเวลานั้นผมไม่อยากคิดเลยว่า หากวันหนึ่งต้องตื่นขึ้นมาโดยไม่เจอเธอเลย ชีวิตนี้จะเป็นอย่างไร

และไม่เคยคิดเลยว่า วันที่ความมืดมิดเข้ามาเยือนในหัวใจของผม มันจะเกิดขึ้นจริง...

เจ้าหญิงแห่งดอกไม้กลางหุบเขา บลูเบลล์ บลูเบลล์ได้จากผมไปแล้ว...จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมา 

อ้อมแขนของผมต้องรู้สึกถึงช่องว่างมาอีกนานแสนนาน

ผมเหมือนคนบ้าบอ รอคอยให้เธอกลับมา สร้างโลกในความฝัน ทั้งๆที่กาลเวลาและทุกๆสิ่งคอยย้ำเตือนว่าเธอไม่มีอยู่แล้ว และผมก็ยังทำได้เพียงเล่าเรื่องของเธอวนไปและวนมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

------------------------------

1947, คานส์ ฝรั่งเศส  (ปัจจุบัน)

Bluebell แปลว่า ดอกไม้สีน้ำเงิน

Bluebella เป็นชื่อของเธอ...หญิงสาวในภาพวาดของผม

เบลล์ เป็นทั้งแสงสว่าง และเป็นทั้งสิ่งหมกมุ่นของผม เธอเป็นน้ำเย็นชโลมจิตใจทุกครั้งที่ฉันปัดพู่กันลงบนแผ่นผ้า สีน้ำมันที่ถูกตกแต่งเป็นเรือนร่างของเธอ ก่อเกิดเป็นภาพที่สร้างเพลิงน้อยในท้องของผม ดวงตาคมกลมโตของเธอ เหม่อลอยลึกลับ เย้ายวนและน่าค้นหา ริมฝีปากอวบอิ่มราวกับผลเชอร์รี่สุก ผมสีดำยาวสลวยตัดกับผิวสีขาวราวหิมะ นางเงือก เทพธิดา ในนิทานตำนานไร้ที่ติ ผมใช้เวลาสร้างสรรค์เธอขึ้นมาได้ทั้งวันไม่รู้เบื่อ วาดภาพราวกับว่าเธอมีตัวตนขึ้นมาจริงๆ

ใช่...ผมรักเธอ หลงใหลเธอเหลือเกิน

\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-

ฤดูร้อน ในปลายเดือนมิถุนายน ปี 1947 (ปัจจุบัน)

ผมเดินทางย้ายจากคานส์ในฝรั่งเศส ไปยังปิซาในอิตาลี โดยที่ตัวของผมนั้นอยู่บนรถไฟราวๆแปดถึงสิบสองชั่วโมงได้ การเดินทางจากถิ่นฐานเดิมไปยังดินแดนที่ไกลแสนไกล ผมหมายถึงการห่างจากพื้นที่แห่งความทรงจำ

หนึ่งศิลปินชายวันกลางคนกับปลายพู่กันสีน้ำมันของเขา ช่างเป็นการเดินทางที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย ผมมองทอดสายตาไปตามวิวทิวทัศน์ที่รถไฟเคลื่อนตัวผ่านจากหน้าต่าง ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่จึงจะถึงที่หมายปลายทาง บทกวีที่ขีดเขียนขึ้นทำงานแทนที่กาแฟที่เพิ่งดื่มไป ช่วยให้ผมสามารถลืมตาได้อย่างเต็มตื่น

ฤดูร้อนไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเดินทางเลยแม้แต่น้อย เสื้อผ้าของผมเหม็นอับไปด้วยกลิ่นเหงื่อและสนิมเหล็กแสนน่ากระอักกระอ่วนใจ

ปิซา,อิตาลี เวลาบ่ายของวัน ในที่สุดก็ถึงสักที...ผมแทบจะคลั่งตายกับการเดินทางในครั้งนี้ แต่ผมยังคงต้องเดินทางต่อโดยรถโดยสารต่อไปยังชานเมืองอีกทอดหนึ่ง หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ผมกำลังเดินทางมาถึง ตอนนี้กำลังมีงานครึกครื้นทำเอาผมที่หอบกระเป๋าหยุดยืนมองด้วยความอยากเห็น จนมันหยุดลง...และทุกคนหันมามองผมด้วยสายตาแปลกแยก

ไม่รู้สิ...ผมรู้สึกได้ แต่ผมก็ไม่ได้สนมันเลยสักนิด และยังคงมุ่งหน้าไปต่ออย่างมีที่หมาย บ้านโรงนาท้ายหมู่บ้าน

ดีที่เขตเมืองที่ผมย้ายมาอยู่เป็นชนบท โรงนาอยู่ห่างไกลผู้คนค่าใช้จ่ายไม่ค่อยมี กับเงินขายสมบัติเก่าอีกเล็กน้อยให้พออยู่อย่างประหยัด ดูแล้วคุ้มค่าแก่การเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ยังมีความทรงจำเดิม

หลายคนบอกให้ผมลืมเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว และเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ผมจะทำได้ยังไง ไม่มีทาง...ไม่มีทาง ในเมื่อทุกสิ่งยังคงหอมหวานอมขมในหัวใจของผมอยู่

ไม่มีใครลืมทุกสิ่งได้จริงหรอก เว้นแต่คนๆนั้นจะไม่มีความรู้สึกอะไรแล้ว แต่นั่นคือคนที่ตายแล้วที่จะไม่ต้องมาหวนนึกถึงเรื่องราวต่างๆ แต่ผมต้องยอมรับและยกย่องคนที่อยู่ได้โดยยังที่จะสามารถอยู่กับเรื่องราวต่างๆได้โดยไม่เจ็บปวด เขาเหล่านั้นก้าวเดินต่อไปได้ยังไงกันนะ? ความสงสัยของผม และการเรียบเรียงคำพูดที่ติดลบ อาจเป็นเพราะผมนั้นไม่ได้พูดคุยกับใครเสียนาน...เป็นกวีที่พูดจาได้งวยงงโดยแท้

ณ บ้านหลังใหม่ของผม โรงนาท้ายหมู่บ้าน ค่าเช่าจ่ายด้วยเงินไม่กี่เหรียญต่อเดือน ค่าอาหารแลกกับการช่วยรีดนมวัวในทุกๆเช้า การย้ายมาอยู่ที่นี่ ทำให้ผมพอมีเวลาที่จะอยู่กับเธอ บลูเบลล่า...

บ่ายของวัน ผมเริ่มแต่งแต้มเธอขึ้นบนผืนผ้าใบด้วยสีน้ำมันอีกครั้ง รอยยิ้มของเธอช่างเข้ากับวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าเสียจริง

...หวังว่าเธอจะชอบที่นี่นะเบลล์...

ดอกไม้ในหน้าร้อนผลิบานสีเหลืองและส้มเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก ผมตั้งภาพวาดไว้ข้างๆกับเปลที่นอนใต้ต้นไม้ สายลมพัดผ่านสม่ำเสมอจนทำให้เผลอหลับไป

ผมตื่นขึ้นมาในยามเย็น เมื่อได้ยินเสียงนกทยอยกลับรังบนยอดไม้ที่ผมนอนเบื้องล่าง และเมื่อผมลุกขึ้นนั่งมองไปรอบๆ ทำให้ผมรู้ว่าผมไม่ได้อยู่ที่แห่งนี้เพียงผู้เดียว

เด็กชายในชุดนักเรียนกำลังนั่งจับจ้องรูปวาดของผมอยู่ และผมกำลังนั่งมองแผ่นหลังของเขาด้วยเช่นกัน คำถามเข้ามาในความคิด ผมควรจะเอ่ยทักเขาดีรึเปล่า?

"เธอสวยจังเลยนะครับ" เขาหันมายิ้มให้กับผมเล็กน้อย ผมไม่ทันได้ตอบอะไร เขาก็เดินจากไปเสียแล้ว

เด็กชายวัยแรกรุ่นสูงห้าฟุตกับอีกห้านิ้วกว่าๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ผมสีดำขลับ นามเขานั้นชื่อ ธีมีโอ ผมเจอเขาครั้งแรกด้วยความงวยงง และการจากลาต่อจากนี้ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-

และตั้งแต่วันนั้น...ผมก็ไม่รู้ว่าธีมีโอเข้ามาในชีวิตผมได้ยังไง และเมื่อไหร่ ผมรู้ตัวอีกที เด็กชายก็นั่งที่บนตักของผม และผมก็สอนเขาวาดรูปแล้ว

ธีมีโอชอบวาดรูปมาก แต่เขาเกิดในบ้านที่พ่อเป็นทนายความ และแม่เป็นพยาบาล ทางครอบครัวอยากให้รับราชการเหมือนปู่ของเขา ความกดดันและตึงเครียดเข้ามาในวงสนทนาทุกครั้งเมื่อพูดถึงเรื่องที่บ้าน แต่ถึงอย่างไรก็ตามธีมีโอดูมีความสุขทุกครั้งที่ได้จับพู่กัน และกลับกลายเป็นว่าโรงนาเล็กๆท้ายไร่กลายเป็นที่พักพิงใจของผมและธีมีโอไปเสียแล้ว

ผมจ้องมองเด็กชาย และอดคิดในใจไม่ได้ว่า...ไม่รู้สิ...ผม..อืม...บางครั้งผมก็คิดว่าเด็กชายคนนี้ช่างเหมือนกับคนรักของผมเหลือนเกิน ไม่ว่าจะรอยยิ้ม ดวงตา การพูดจา ธีมีโอเหมือนกับเบลล่าไม่มีผิด นั่นทำให้ผมอดที่จะนึกถึงเรื่องราวของผมไม่ได้จริงๆ หากในจินตนาการของผม เบลล่ายังมีชีวิตอยู่...ลูกของผมและเธอคงจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา และนั่นทำให้ผมรู้สึกรักและเอ็นดูเขาราวกับลูกคนหนึ่ง

\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-

ธีมีโอ พาร์ท

          ผมเจอเขาที่นอนบนเปลที่ผูกไว้ระหว่างต้นปาล์มสองต้น ชายหนุ่มใหญ่วัยกลางคนชาวฝรั่งเศสแสนแปลกหน้า เหมือนเพิ่งจะย้ายเข้ามาใหม่ ผมพบเขาขณะจะไปบ้านเพื่อน อันที่จริงผมเองก็สะดุดตากับรูปวาดหญิงสาวแสนสวยของเขาก่อนจะเหลือบมองเขาเสียอีก แต่เมื่อผมได้ก้มมองเขาแล้ว...ราวกับทหารเสือที่สง่ากำลังพักผ่อนจากการเดินทาง และผมก็ไม่คิดเลยว่าสายตาอยากรู้อยากเห็นของตัวเองที่กำลังสำรวจเขาอยู่นั้น มันจะทำให้หัวใจของเด็กชายวัยสิบสี่ปีโลดแล่นราวกับกำลังโต้คลื่น และใช่...ชายคนนี้กำลังทำให้เด็กชายวัยแรกรุ่นมีความรัก และกำลังทำให้ความรู้สึกของผมเปลี่ยนจากความไร้เดียงสากลายเป็นเด็กหนุ่มผู้มีความรู้สึกรักอันเปี่ยมล้น รู้สึกรักแต่แรกเห็น ความรู้สึกแสนฉาบฉวย ไร้ซึ่งการพัฒนาเป็นลำดับขั้น เป็นอารมณ์รักที่ก้าวกระโดด หาความหนักแน่นแน่นอนยังไม่ได้

          ผมหยุดปลายพู่กันของตัวเอง เมื่อผมเงยหน้าขึ้นไปมองฮานส์ที่กำลังนอนพิงเก้าอี้โยก ในมือของเขาทั้งสองข้างยังคงจับหนังสือพิมพ์ที่กางออกอยู่ ฮานส์มักจะนอนอยู่ตรงนั้น ที่ประจำของเขา...ที่ริมหน้าต่าง หลังจากวาดรูปเสร็จ รูปหญิงสาวนามว่าเบลล่าหรือเบลล์ ฮานส์ไม่เคยพูดถึงผู้หญิงคนนี้เลย แต่เขาก็วาดเธอได้ทุกวี่วัน ตั้งแต่ผมรู้จักกับเขา และเรียนวาดรูป...รูปทุกรูปของเขามักจะมีผู้หญิงคนนี้เสมอ...ช่างเถอะ! ผมไม่อยากรู้ด้วยซ้ำ!

            แต่จะว่าไปผมเองก็จำแทบไม่ได้เหมือนกันว่าผมมาอยู่ตรงนี้กับเขาได้ยังไง ผม่แค่รับรู้ว่าตอนนี้ผมมีความสุขมากแค่นั้น...

            คิดแล้วก็หัวเราะตัวเอง ผมอ้างกับที่บ้านว่าจะมาเล่นกับฟลิตเพื่อนของผม แต่กลับพาตัวเองมาคลุกอยู่กับคนงานบ้านฟลิตแทนเสียอย่างงั้น แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนงานในไร่ธรรมดา เขาดูดีเกินไป

             ผมขอร้องให้ฟลิตช่วยพูดให้เขาสอนวาดรูปให้พวกเรา แรกๆฟลิตก็ตามมาเรียนด้วย แต่หลังๆเขากลับหนีไปตกปลา แต่นั่นก็ดี ดีมากทีเดียว ผมจะได้มีเวลาอยู่กับเขาสองต่อสอง

             

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 1

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!