รัฐประหาร

วันที่ 19 เดือน 1 ปีอวกาศที่ 2015 แผนการทำรัฐประหารของเจ้าชายวิลเลียมเริ่มขึ้น 7.00 น. เจ้าชายวิลเลียมได้ส่งกำลังทหารไปโจมตีโบสถ์ลูมินัสซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนจักรนิกายคาร์ริน ตั้งอยู่ดาวเอบัม อยู่ห่างจากดาวโอลิมปัส 12 ปีแสง ทหารได้สังหารนักบวชและจอมเวทย์ทั้งหมดพร้อมกับรวบรวมเอกสารที่เป็นข้อมูลลับทั้งหมดที่ศาสนจักรเก็บไว้

หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ใช้ระเบิดนิวเคลียร์ถล่มดาวเอบัมทั้งดวงจนดาวเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีแดงทั้งดาว ปฏิบัติการนี้ใช้เวลา 5 ชั่วโมง

12.00 น. วันที่ 19 เดือน 1 ปีอวกาศที่ 2015 ณ ท้องพระโรงของพระราชวังเอ็มพีเรียล มีทหารองครักษ์ได้เข้ามารายงานเหตุการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้นแด่องค์จักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบังลังก์

“ฝ่าบาทเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วพะยะค่ะ”

“มีอะไรงั้นรึ?”

จากนั้นเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงแคทเทอรีนพร้อมกับทหารอีก 15 นาย เดินเข้ามาในท้องพระโรง

“กระหม่อมจะเล่าให้ฟังเองท่านพ่อ”

“เกิดอะไรขึ้นวิลเลียม”

จักรพรรดิตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จู่ๆลูกทั้งสองก็เข้ามาในท้องพระโรงพร้อมกับทหารที่จ่อปืนเล็งมาที่องค์จักรพรรดิ

เจ้าชายวิลเลียมได้นำหัวของวิกเตอร์ คาร์รินมาโยนลงพื้น

“ถึงเวลาที่ท่านต้องลงจากบังลังก์แล้ว”

เซอร์มิเกล ยาโนโควิช อัศวิน 8 ดาว ได้เข้าไปที่ด้านหลังขององค์จักรพรรดิและปาดคอ ผลักองค์จักรพรรดิลงจากบังลังก์ ทหารที่มากับเจ้าชายวิลเลียมได้ยิงทหารองครักษ์

ทหารองครักษ์ถูกสังหารทั้งหมดโดยไม่ทันได้ตอบโต้ ท้องพระโรงเต็มไปด้วยเลือด เจ้าชายวิลเลียมได้หยิบมงกุฎที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมที่หัวของตนและเดินขึ้นไปนั่งที่บังลังก์ที่มีเลือดของจักรพรรดิองค์ปัจจุบันชโลมอยู่ บังลังก์สีทองที่ถูกยอมด้วยสีแดง

จากนั้นเจ้าชายวิลเลียมก็ได้ถ่ายทอดสดไปทั้งจักรวรรดิ ภาพที่ประชาชนเห็นอยู่คือเจ้าชายวิลเลียมสวมมงกุฎและนั่งอยู่บนบังลังก์ที่เต็มไปด้วยเลือด โดยมีเจ้าหญิงแคทเทอรีนยืนอยู่ด้านขวาของเจ้าชายวิลเลียมและเซอร์มิเกล ยาโนโควิช อัศวิน 8 ดาว ยืนอยู่ทางด้านซ้าย

“ถึงประชาชนในจักรวรรดิทุกคน เป็นเวลามากกว่า 300 ปีแล้วที่เราต่อสู้กับสหพันธ์ดาวเคราะห์ แต่ทั้งที่จักรวรรดิได้เปรียบแต่กับไม่สามารถเอาชนะสหพันธ์ดาวเคราะห์ได้อย่างเด็ดขาด สาเหตุนั้นมาจากศาสนจักรที่ต้องการให้สงครามยืดเยื้อไปเรื่อยๆ เพราะต้องการที่จะปกครองจักรวรรดิจากด้านหลังและจักรพรรดิองค์ปัจจุบันก็เป็นหุ่นเชิดของศาสนจักรดังนั้นเราจึงได้ลงทัณฑ์เป็นที่เรียบร้อย”

“จากนี้ไปเราจะสืบต่อบังลังก์นี้ในนามของจักรพรรดิวิลเลียม โดนเราได้แต่งตั้งเจ้าหญิงแคทเทอรีนเป็นนายกรัฐมนตรี เราและน้องของเราจะทำให้สงครามที่ยืดเยื้อนี้จบด้วยชัยชนะของจักรวรรดิให้ได้”

หลังจากการประกาศขึ้นครองอำนาจของจักรพรรดิวิลเลียมจบลงในสภาขุนนางทั้งหมด 350 คน มีคนที่ยอมรับจักรพรรดิวิลเลียมเพียงแค่ 125 คน ส่วนขุนนางทีเหลือไปเข้าร่วมกับดยุกนอร์มังดีซึ่งเป็นเครือญาติของราชวงค์แบล็กโรส ดยุกนอร์มังดีนั้นไม่ยอมรับการขึ้นครองราชของจักรพรรดิวิลเลียม เขาได้ประกาศสงครามกับจักรพรรดิวิลเลียมพร้อมกับกล่าวหาว่าจักรพรรดิวิลเลียมเป็นสปายของสหพันธ์ดาวเคราะห์

ณ ดาวสแตนลีย์ดาวหลวงของแคว้นวิกตันซึ่งเป็นเขตปกครองของดยุกนอร์มังดี หลังจากที่เจ้าชายวิลเลียมประกาศขึ้นครองอำนาจ ตัวของดยุกนอร์มังดีก็ได้ประกาศต่อต้านการขึ้นของครองราชของเจ้าวิลเลียม สาเหตุที่ดยุกนอร์มังดีต่อต้านนั้นก็เพราะตัวของดยุกนอร์มังดี มีผลประโยชน์ร่วมกันกับศาสนจักร และอยากใช้จังหวะนี้ในการยึดครองจักรวรรดิ ยูเลียน นอร์มังดีลูกชายของดยุกนอร์มังดีได้แต่งงานกับเจ้าหญิงยูรินัสราชทายาทลำดับที่ 3 ทำให้ดยุกนอร์มังดีสามารถอ้างสิทธิ์ในการขึ้นครองบังลังก์ให้แก่ลูกชายได้

ในตอนนี้มีขุนนางใหญ่ที่มีสิทธิ์ในสภาขุนนางทั้ง 225 คน ได้เข้าร่วมกับดยุกนอร์มังดี ทำให้กองกำลังทหารของดยุกนอร์มังดีมีมากกว่าจักรพรรดิวิลเลียมถึงสองเท่า ดยุกนอร์มังดีจึงมองว่าตนเองนั้นมีโอกาสชนะมากกว่า นี่คือโอกาสเพียงครั้งเดียวที่จะยึดครองจักรวรรดิ

**********

หลังจากการพักร้อนจบลง สยามได้มารายงานตัวที่ศูนย์บัญชาการใหญ่กองทัพสหพันธ์ที่ดาวโลก ในตอนนี้กองทัพสหพันธ์ได้มีการจัดระเบียบใหม่ ยานทั้งหมดที่กองทัพสหพันธ์มีอยู่ประมาณ 400000 ลำ ได้ทำการแบ่งเป็นกองยานละ 25000 ลำ ทำให้มีกองยานประจำการอยู่ทั้งหมด 16 กองยาน สยามได้ถูกส่งไปประจำการที่กองยานที่ 8 ผู้บัญชาการกองยานที่ 8 คือ พลเอกลินดา แอชฟอร์ด

ข่าวการรัฐประหารของเจ้าชายวิลเลียมได้มาถึงสหพันธ์แล้ว ถึงแม้นี่จะเป็นโอกาสสำคัญในการโต้กลับจักรวรรดิแต่ไม่สามารถทำได้ และจากแพ้สงครามในการรบที่รูหนอนทั้งสอง ทำให้กองทัพสหพันธ์เสียหายอย่างหนัก และไม่มีกำลังมากพอที่จะตอบโต้อีกทั้งนโยบายของรัฐบาลใหม่ต้องการลดขนาดกองทัพและเจรจาสงบศึกกับจักรวรรดิตอนนี้ทำได้แค่รอให้สงครามกลางเมืองนั้นจบลง รัฐบาลปัจจุบันของสหพันธ์ไม่ได้แทรกแซงและทำการสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถึงแม้นี่จะเป็นโอกาศที่สำคัญก็ตาม

**********

ในทางด้านของสหพันธ์การค้าลูเซียนนั้นถึงแม้จะสนับสนุนทางด้านการเงินให้แก่จักรวรรดิอย่างลับๆ แต่ในสงครามกลางเมืองครั้งนี้พวกเขาไม่ได้สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายนึง พวกเขากำลังดูท่าทีและผลลัพธ์ของสงครามกลางเมืองครั้งนี้

**********

หลังการล่มสลายของศาสนจักรนิกายคาร์ริน เหล่านักบวชและจอมเวทย์ของนิกายคาร์รินที่รอดชีวิตจากการกวาดล้างของจักรพรรดิวิลเลียมบางส่วนก็หนีไปพึ่งดยุกนอร์มังดีที่เป็นหุ่นส่วนของศาสนจักร และบางส่วนก็หนีมาที่ศาสนจักรนิกายมอริส สถานการณ์ของนิกายมอริสหลังสงครามครั้งที่หนึ่งก็ตกต่ำ ถึงแม้จะสร้างกำไลมอริสขึ้นมาได้แต่ก็ใช้งานได้ยากทำให้ไม่เป็นที่นิยม เพราะอำนาจของนิกายมอริสลดลงพวกเขาจึงร่วมมือกับนิกายคาร์รินศาสนจักรทั้งสองนิกายอยู่เบื้องหลังของสงครามครั้งที่สอง

ที่ทั้งสองร่วมมือกันเพราะว่ารากฐานของพวกเขาเหมือนกัน พออำนาจที่เคยมีหมดไป ทำให้อยากที่จะคว้าสิ่งที่เคยมีกลับมา หลังสงครามครั้งที่สองเริ่มขึ้นผู้คนที่สิ้นหวังก็ไปพึ่งศรัทธา เมื่อได้อำนาจกลับมาพวกเขาก็ได้ทำการแทรกซีมเขาไปในรัฐบาลและกองทัพของสหพันธ์ แต่ก่อนหน้านี้มีมือที่สามเขามาจัดการกับเส้นสายของศาสนจักรนิกายมอริส แต่รัฐบาลสหพันธ์ไม่ได้กวาดศาสนจักรเหมือนอย่างทางจักรวรรดิ แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้ที่ศรัทธานั้นลดลงเป็นอย่างมาก นักบวชและจอมเวทย์ของศาสนจักรนิกายมอริสที่ยังคงศรัทธาอยู่ได้ทั้งหมดไปรวมตัวกันดาวมอเรียสที่เป็นที่ตั้งของวิหารมอเรียสศูนย์กลางของศาสนจักรตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง

ในตอนนี้ไม่มีใครที่สนใจดาวชายขอบอย่างดาวมอเรียสทำให้นักบวชและจอมเวทย์ที่เหลือรอดจากการกวาดล้างได้หนีมาที่ดาวดวงนี้ เหตุผลที่ศูนย์กลางของศาสนจักรอยู่ที่ดาวมอเรียสซึ่งเป็นดาวชายขอบของสหพันธ์ ในอดีตตอนที่มีการก่อตั้งศาสนจักรขึ้นเรเซอร์ มารีน่าต้องการให้ศาสนจักรในอยู่ห่างจากการเมืองให้มากที่สุดและเป็นที่ศรัทธาของเหล่าผู้คนที่มีจิตใจเปราะบางและต้องการที่พึ่งทางใจ

นักบวชและจอมเวทย์ที่ยังศรัทธารวมถึงที่หนีมาจากจักรวรรดิมีอยู่แค่ 320000 คนเท่านั้น ทั้งที่เมื่อไม่นานมานี้มีผู้ที่ศรัทธาประมาณ 2 พันล้านคน พอผู้คนเริ่มตาสว่างและเห็นความจริงทำให้ปัจจุบันแทบไม่เหลือผู้ศรัทธา

นักบวชและจอมเวทย์ที่เหลืออยู่ทั้งหมดได้ร่ายเวทย์ที่ปิดบังการมีอยู่ของดาวมอเรียส รอจังหวะและโอกาสที่จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ความเชื่อของพวกเขาในตอนนี้มันขัดกับหลักการในอดีต ในตอนนี้ไม่มีใครสักคนในศาสนจักรที่ทำตามวัตถุประสงค์ของผู้ก่อตั้ง พวกเขาเชื่อมั่นในพลังอำนาจและเชื่อว่าตนอยู่เหนือกว่ามนุษยชาติทั้งปวง

“ท่านคาร์ลรอสต่อจากนี้เราจะเอายังไงดีครับ”

“ครั้งนี้มีหลายขั้วอำนาจที่พยายามจะแทรกแซงกัน ต้องให้พวกเขาสู้กันและทำลายล้างกันจนหมดสิ้น”

“ถึงเวลานั้นศาสนจักรจะกับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง”

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!