สมรภูมิวงแหวน ปัจฉิมบท

ความกังวลและหวาดกลัวของเจ้าหญิงสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการรบที่ผ่านมา สิ่งเหล่านั้นมันมาอยู่ต่อหน้าเจ้าหญิง เธอสัมผัสได้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้านั้นแข็งแกร่งกว่าเธอเป็นอย่างมาก ถึงแม้เจ้าหญิงเจอเคยต่อสู้กลับจอมเวทย์แบบตัวต่อตัวมากมาย ก็ไม่เคยเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน เจ้าหญิงได้ตั้งสติสลัดความกลัวในใจออกไปและมองไปที่ชายคนนั้นตั้งท่าพร้อมรับการโจมตี

เซอร์รัทเทอฟอร์ดได้เข้าโจมตีชายคนนั้นก่อน ชายคนนั้นรับการโจมตีของเซอร์รัทเทอฟอร์ดได้อย่างง่ายดาย

“ผมบอกคุณไปแล้วไง การที่คุณร่ายเวทย์โล่พลาสม่าป้องกันให้องค์หญิง มันใช้พลังเวทย์มหาศาลการโจมตีของคุณเลยไม่มีพลังมากพอที่จะจัดการผม”

“หุบปาก”

“องค์หญิงอย่ามัวแต่ยืนเฉยสิ มาช่วยสู้กับอัศวินด้วย”

ชายคนนั้นได้ยั่วยุเจ้าหญิง แต่แท้จริงแล้วเจ้าหญิงไม่ได้ยินอยู่เฉยๆแต่เธอกำลังจับตามองกระบวนท่าในการต่อสู้ชายคนนั้นและพยายามหาจุดอ่อนของชายคนนั้น

ดาบของเซอร์รัทเทอฟอร์ดได้หักลงเนื่องจากพลังเวทย์ของเขาใกล้หมดทำให้เวทย์เสริมพลังของเขาอ่อนลงจนดาบรับการโจมตีไม่ไหว

จังหวะนั้นเองเจ้าหญิงได้อ้อมไปด้านหลังของชายคนนั้นและใช้ดาบเอ็กคาลิเบอร์พร้อมกับร่ายเวทย์เสริมการโจมตีไปที่ดาบฟันไปที่หลังคอของชายคนนั้น

แต่ชายคนนั้นเขาร่ายเวทย์โล่พลาสม่าได้ทันทำให้รอดจากการโจมตีไปได้

“ผมรู้อยู่แล้วว่าการที่ให้อัศวินของคุณเขามาโจมตีผมก่อนเพื่อเป็นการผลาญพลังเวทย์ของผม แล้วคุณก็จะจัดการผมในครั้งเดียว แล้วเพราะอะไรทำไมผมถึงเหลือพลังเวทย์มากพอที่จะป้องกันการโจมตีคุณได้รู้ไหม? นั้นก็เพราะพลังเวทย์ของผมมันไร้ขีดจำกัด”

“พูดมากจังนะแก...”

สิ้นเสียงของเซอร์รัทเทอฟอร์ดหัวของเขาก็หลุดออกจากบ่าโดยที่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

“เซอร์รัทเทอฟอร์ด!!!”

“เอาหล่ะ คุณน่าจะเหลือท่าไม้ตายอยู่ ผมจะนั่งรอตรงที่ๆคุณนั่ง เอาออกมาได้เลยท่าไม้ตายของคุณ”

“แก...ดูถูกกันมากเกินไปแล้ว”

เจ้าหญิงได้ร่ายเวทย์ที่เป็นท่าไม้ตายของเธอ ใช้เวลาประมาณ 5 วินาที

ท่าไม้ตายของเจ้าหญิงคือการรวบรวมอนุภาคโฟตรอนมาไว้ที่ดาบจนเกิดพลังงานความร้อนมหาศาล จากนั้นเธอก็ได้ฟันไปที่ชายคนนั้น

“ไม่มีชื่อท่าไม้ตายงั้นเหรอ?”

หลังจากชายคนนั้นพูดเสร็จดาบก็ได้ผ่าไปที่ตัวเขา

“นี่ ผมซ่อมยานให้คุณแล้ว”

เจ้าหญิงไม่ได้ทันสังเกตุการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากที่ดาบผ่าไปที่ชายคนนั้นแสงสว่างที่เกิดจากท่าไม้ตายวาบขึ้นมาไม่ถึง 2 วินาที

สระพานเดินเรือกลับมาเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าหญิงล้มตัวลงเนื่องจากพลังเวทย์หมดแต่เธอยังคงใช้ดาบพยุ่งตัวเองไว้

จากนั้นชายคนนั้นก็ได้ถอดหมวกออกทำให้เจ้าหญิงได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้น และเขาก็ได้ถอดหมวกขององค์หญิง

“ของขวัญสำหรับชัยชนะขององค์หญิงที่ผมจะมอบให้นั่นก็คือ บาดแผลแห่งชัยชนะ”

ชายคนนั้นได้ใช้ดาบของเขาฟันไปที่ตาข้างซ้ายขององค์หญิงทำให้ตาซ้ายของเธอบอดสนิท เธอหมดสติก่อนที่ชายคนนั้นจะจากไป

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ตั้งแต่ที่สระพานเดินเรือถูกทำลาย จนกระทั่งสระพานเดินเรือกลับมาเป็นปกติ ผ่านไปแค่ 4 นาที 2 วินาที

กว่าความช่วยเหลือของทหารจะมาถึงก็ใช้เวลาไป 8 นาที สภาพของสระพานเดินเรือเป็นเหมือนปกติก่อนที่จะถูกโจมตี แต่ภายในนั้นของสระพานเดินเรือนั้นเต็มไปด้วยศพของทหาร ทุกคนเสียชีวิตทั้งหมดยกเว้นเจ้าหญิงที่นอนหมดสติและได้รับบาดเจ็บที่ตาซ้าย

สถานการณ์โดยรวมคือกองยานที่ 1 ของจักรวรรดิสามารถป้องกันการโจมตีและทำลายกองยานของศัตรูได้แทบทั้งหมด

ส่วนทางฝั่งรูหนอนสมิธกองยานของสหพันธ์ถูกจักรวรรดิตั้งวงล้อมและทำลายจนกองยานของสหพันธ์แทบไม่เหลือรอดเช่นกัน

การรบในครั้งนี้สหพันธ์ได้พ่ายแพ้อย่าราบคาบ ทำให้ถูกประชาชนวิจารณ์อย่างหนัก ถึงแม้ที่ผ่านมาจะได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่องก็ตาม ทำให้แฮรี่ เฉิน ประธานาธิบดีของสหพันธ์ดาวเคราะห์และคณะรัฐมนตรีทั้งหมดลาออก เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ประชาชนกลุ่มหนึ่งออกมาชุมนุมประท้วงเพื่อให้รัฐบาลนั้นเจรจาและยุติสงครามครั้งนี้

หลังการลาออกก็ได้มีการจัดการเลือกตั้งขึ้น โดยพรรคเพื่อประชาธิปไตยของอดีตประธานาธิบดีแฮรี่ เฉิน ได้ส่ง คิม จอง อิล เป็นตัวแทนพรรคในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้ นโยบายของพรรคคือการทำลายระบอบศักดินาของจักรวรรดิให้สิ้นซาก

ส่วนพรรคแรงงานฝ่ายค้านได้ส่งมิคาอิล มาคารอฟเป็นตัวแทนพรรคในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้ นโยบาลของพรรคคือการหาทางเจรจาอย่างสันติเพื่อยุติสงคราม

พันโทสยาม เนรมิตได้ถูกสืบสวนสอบสวนจากทางกองทัพถึงเหตุการณ์ที่เกิดทั้งหมด แต่เขาไม่ได้เล่าเหตุการณ์ที่เขาไปโจมตีเรือธงกองยานที่ 1 ของจักรวรรดิ เขาไม่ได้ถูกลงโทษอะไรแถมเขายังมีส่วนช่วยให้เพื่อนทหารรอดตายจากคำให้การของทหารที่ถูกเขาช่วย ทำให้เขาได้เลื่อนยศจากพันโทเป็นพันเอก จากนั้นเขาก็ได้ขอกองทัพลาพักร้อนและทางกองทัพก็อนุญาติให้เขาได้ลาพักร้อน

**********

ทางฝั่งของจักรวรรดิ ผ่านไป 1 เดือนกว่าเจ้าหญิงแคทเทอรีนจะฟื้นจากอาการบาดเจ็บ เธอตื่นขึ้นที่ห้องนอนของตัวเองจากนั้นก็มีสาวน้อยอายุประมาณ 10 ขวบ โหมเข้ากอดเธอ

“ท่านพี่ในที่สุดท่านก็ฟื้นขึ้นสักที”

ชื่อของเธอคือเจ้าหญิงโมนิก้า รัชทายาทลำดับที่ 8

“...อืม...พี่ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”

จากนั้นหมอหลวงก็มาตรวจอาการของเจ้าหญิงแคทเทอรีน

“ฝ่าบาทตาซ้ายของท่านนั้นบอดสนิทจะให้กระหม่อมนำตาเทียมมาใส่ให้หรือไม่ขอรับ”

“ไม่ต้องหรอกหมอ ตาเดียวก็เพียงพอแล้ว”

เจ้าชายวิลเลียมได้มาเยี่ยมหลังจากนั้น

“เป็นยังไงบ้างน้องพี่...เออ...แล้วตาของน้อง...”

“ไม่จำเป็นต้องใส่ตาเทียมหรอกท่านพี่ ให้มันเป็นสัญญาลักษณ์ที่แสดงถึงความอ่อนแอ่ของน้อง”

“แล้ววันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ทหารเล่าให้พี่ฟังว่ายานของน้องถูกโจมตีทหารที่สระพานเดินเรือทั้งหมดเสียชีวิต”

“เซอร์รัทเทอฟอร์ด...”

“งานศพของเขาจบลงไปแล้วล่ะ น้องจะไปเยี่ยมเขาที่หลุมศพก็ได้นะ”

“แต่ถ้าน้องยังไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องเล่าก็ได้นะ”

“ไม่เป็นไรค่ะท่านพี่ ในวันนั้นสระพานเดินเรือถูกโจมตี เป็นฝีมือของเขาเพียงคนเดียว พันโทสยาม เนรมิต”

“พ่อมดคนนั้นสินะ”

“สิ่งที่เขาทำมันเกินความคาดหมายของน้องมาก เขาใช้เวลาแค่ 10 วินาที ก็จัดการทหารทั้งหมดบนสระพานเดินเรือ เหลือเพียงแค่น้องกับเซอร์รัทเทอฟอร์ด”

“จากนั้นเขาก็จัดการเซอร์รัทเทอฟอร์ด และใช้ดาบฟันที่ตาซ้ายของน้อง เขาจงใจไว้ชีวิตน้อง”

“ร้ายกาจจริงๆเลยนะพ่อมดคนนั้น”

“ท่านพี่ช่วยติดต่อท่านอาจารย์เทเซอร์ให้หน่อยได้ไหมค่ะ”

“ได้สิ แต่ช่วงนี้พี่ว่าน้องพักผ่อนไปก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องการฝึกกับอาจารย์เทเซอร์เอาไว้ทีหลังดีกว่า”

“ส่วนเรื่องอื่นๆไม่ต้องห่วงพี่จัดการให้หมดแล้ว”

“ขอบคุณค่ะท่านพี่”

**********

หนึ่งในหน่วยที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิมีชื่อว่า อัศวินแห่งดวงดาว หน้าที่หลักของพวกเขาคือคอยคุ้มกันเชื้อพระวงค์ เป็นหน่วยที่รวบรวมจอมเวทย์ที่เก่งที่สุด มีทั้งหมด 8 คน เรียงลำดับความแข็งแกร่งจากจำนวนดาวที่ได้รับมาจากองค์จักรพรรดิ ลำดับจะเปลี่ยนก็ต่อเมื่อมีการท้าสู้จากอัศวินที่มีดาวน้อยกว่า เช่น อัศวิน 1 ดาว ท้าสู้กับอัศวิน 2 ดาว ถ้าอัศวิน 1 ดาวชนะก็จะได้เลื่อนเป็นอัศวิน 2 ดาว อัศวิน 2 ดาวที่พ่ายแพ้ลำดับก็จะลดลงเป็น อัศวิน 1 ดาว

ณ ห้องประชุมของอัศวินแห่งดวงดาว หลังจากที่การสู้รบที่รูหนอนทั้งสองแห่งจบลงด้วยชัยชนะของจักรวรรดิ อัศวิน 8 ดาว ได้เรียกทุกคนในหน่วยมาประชุมกันเรื่องการหาอัศวิน 4 มาแทนที่เซอร์รัทเทอฟอร์ด ในตอนนี้ทุกคนก็มากันครบแล้ว

เซอร์มิเกล ยาโนโควิช อัศวิน 8 ดาว หัวหน้าหน่วย

เซอร์อลิส ชอว์ อัศวิน 7 ดาว รองหัวหน้าหน่วย

เซอร์มาร์ริบา เฮลเมอร์ อัศวิน 6 ดาว

เซอร์อเล็กซิส ซานตินา อัศวิน 5 ดาว

เซอร์เลโอ อาเตต้า อัศวิน 3 ดาว

เซอร์ฟรานซิส เลโต อัศวิน 2 ดาว

เซอร์เอลล่า ซิกรันน์ อัศวิน 1 ดาว

ทุกคนนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง การประชุมได้เริ่มขึ้น

“หัวหน้าคะ เซอร์รัทเทอฟอร์ดถูกจัดการในดาบเดียวเป็นเรื่องจริงเหรอคะ” เซอร์ซิกรันน์เริ่มบทสนทนา

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับหัวหน้า” เซอร์อาเตต้าถามด้วยความสงสัย

“งั้นให้เซอร์ชอว์อธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดล่ะกัน” เซอร์ยาโนโควิชได้ตอบกลับอัศวินทั้งสอง"

จากนั้นเซอร์ชอว์ก็ลุกขึ้น

“หลังจากการต่อสู้ที่ระบบดาวเวก้าจบลง ในขณะที่ทุกคนกำลังฉลองชัยชนะก็มีลำแสงปริศนาโจมตีที่สระพานเดินเรือของยานประจัญบานฮูด ครั้งแรกทำให้เกาะของยานจาก 75 % เหลือ 9% และครั้งที่สองทำให้สระพานเดินเรือเสียหายและทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้อง ทำให้ทหารบนยานไม่สามารถไปช่วยเหลือองค์หญิงที่สระพานเดินเรือได้ และนี้ก็คือภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่บันทึกได้จากสระพานเดินเรือ”

เซอร์ชอว์ก็ได้ฉายภาพกลางโต๊ะที่ประชุม

“ระบบไฟฟ้าขัดข้องแต่ทำไมถึงบันทึกวิดีโอนี้ได้” เซอร์อาเตต้าถาม

“เราไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน” เซอร์ชอว์ตอบกลับ

วิดีโอที่บันทึกได้เริ่มบันทึกตอนที่ทหารกำลังยืนล้อมชายปริศนาและถูกจัดการหมดในคราวเดียวภายใน 10 วินาที จากนั้นเซอร์รัทเทอฟอร์ดก็ได้เข้าไปสู้กับชายคนนั้น

กระบวนท่าของเซอร์รัทเทอฟอร์ดไม่สามารถทำอะไรชายคนนั้นได้และชายคนนั้นแทบไม่ขยับตัวเลย องค์หญิงได้อ้อมไปที่ได้หลังของชายคนนั้นและโจมตีเขา แต่เขาก็สามารถร่ายเวทย์โล่พลาสม่าทันทำให้การโจมตีขององค์หญิงไร้ผล ชายคนนั้นกันได้หันไปโจมตีเซอร์รัทเทอฟอร์ด คอของเซอร์รัทเทอฟอร์ดหลุดจากบ่าในพริบตา

จากนั้นชายคนนั้นก็ถอดหมวกของตัวเองออกมาและเดินไปถอดหมวกขององค์หญิง ใช้ดาบฟันไปที่ตาซายขององค์หญิง จู่ๆสระพานเดินเรือก็ค่อยๆกลับมาเป็นเหมือนเดิม ชายคนนั้นได้หันมายิ้มให้กล้องและหายตัวไปด้วยเวทย์ล่องหน สระพานเดินเรือถูกซ่อมทำให้ระบบไฟฟ้ากับมาเป็นปกติและทหารได้เข้าไปช่วยองค์หญิง

หลังจากวิดีโอจบลงเซอร์ซานตินาก็ได้พูดขึ้นเป็นคนแรก

“เจ้านั้นเป็นใครกัน?”

“ก่อนที่เขาจะโจมตีได้มีการติดต่อมาทางช่องสื่อสารสากลชื่อของเขาคือ พันโทสยาม เนรมิต” เซอร์ชอว์ตอบคำถามของเซอร์ซานตินา

‘พ่อมดคนนั้นงั้นเหรอ’ เซอร์เลโตพูดในใจ

“...น...น... นี่...ทำไมเจ้านั้นถึงไม่จัดการองค์หญิงล่ะ” คำพูดของเซอร์ซิกรันน์ติดขัดเล็กน้อยเพราะรู้สึกกลัวสยาม

ทุกคนนิ่งเงียบประมาณ 10 วินาทีจากนั้นเซอร์ชอว์ตอบกลับ

“ไม่มีใครรู้ คงต้องรอให้องค์หญิงฟื้นและถามองค์หญิง”

“เซอร์เฮลเมอร์จากการวิเคราะห์ของเจ้าชายคนนั้นมีความสามารถอะไรบ้าง?”

เซอร์เฮลเมอร์ลุกขึ้นยืนและอธิบายการวิเคราะห์ของตัวเอง

“เวทย์ของชายคนนั้น ลำแสงโฟตอน โล่พลาสม่า เวทย์เสริมพลังเวทย์ที่ซ่อมแซมยาน เวทย์ล่องหนและการที่กล้องตัวนี้บันทึกได้ทั้งๆที่ระบบไฟฟ้าขัดข้องก็น่าจะเป็นเวทย์ของเขาเช่นกัน”

“ปัญหาไม่ใช่จำนวนเวทย์ที่ร่ายแต่เป็นพลังเวทย์ของเขาต่างหาก ทั้งๆที่ร่ายเวทย์ที่มีขนาดใหญ่อย่างนั้นทำพลังเวทย์ของเขาไม่หมดกัน”

เซอร์ซานตินาพูดต่อจากเซอร์เฮลเมอร์

“สิ่งที่เราเห็นนี้ทำให้รู้ว่าชายคนนี้มีพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งมา ข้าคิดว่าชายคนนั้นสามารถจัดการพวกเราพร้อมกันทีเดียว 7 คนได้”

หลังจากที่เซอร์ยาโนโควิชพูดขึ้นทุกคนก็นิ่งเงียบ และตกตะลึงกับสิ่งที่ตัวเองได้รับรู้ในวันนี้

“ดังนั้นเราทุกคนจะมีการฝึกเพิ่มอย่างหนัก ส่วนตำแหน่งที่ว่างของเซอร์รัทเทอฟอร์ดให้เลื่อนลำดับเอาและตำแหน่งอัศวิน 1 ดาวให้ทุกคนช่วยกันตามหาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม”

เซอร์ชอว์ได้สรุปการประชุมครั้งนี้

“...ร... เราจะเอาชนะเจ้านั้นได้จริงๆเหรอ” เซอร์ซิกรันน์พูดขึ้นด้วยความกังวล

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เซอร์ซิกรันน์ไม่ต้องกลัวไปพวกเราต้องทำให้ได้” เซอร์เลโตพูดให้กำลังใจเซอร์ซิกรันน์และทุกคน

“งั้นก็จบการประชุมเพียงเท่านี้”

เซอร์ยาโนโควิชกล่าวปิดการประชุม

**********

เหตุการณ์ก่อนการโจมตียานประจัญบานฮูด สยามได้ออกมาจากซากยานที่เสียหายและใช้ไอพ่นของชุดอวกาศพุ่งไปที่วงแหวนของดาววี-7

สยามสัมผัสกับก้อนน้ำแข็ง

“ไม่นึกเลยว่าวงแหวนของดาวจะมีก้อนน้ำแข็งเพียวๆแบบไม่ใช้ก้อนน้ำแข็งที่เกราะกับเศษซากของดาวเคราะห์น้อย”

สยามมีเวทย์ที่สามารถเปลี่ยนอนุภาคและสสารให้เป็นพลังเวทย์ได้ก้อนน้ำแข็งนั้นมีโครงสร้างโมเลกุลที่ไม่ซับซ้อนเท่ากับเศษซากของดาวเคราะห์น้อยซึ่งมีแร่ธาตุหลายชนิด ทำให้สามารถเปลี่ยนเป็นพลังเวทย์ได้ง่ายและใช้เวลาร่ายเวทย์ได้เร็วขึ้น สยามได้ร่ายเวทย์ทำให้สามารถสะสมได้มหาศาล

ตาซ้ายของสยามคือควอนตัมคอมพิวเตอร์ เขาใช้มันวิเคราะห์โมเลกุลของสสารที่เขาสัมผัสและใช้มันในการคำนวณสูตรเวทมนตร์ทำให้ร่ายเวทย์ได้เร็วขึ้น

หลังจากรวบรวมพลังเวทย์ได้มากพอสยามจึงใช้เอนดูแลนซ์โจมตีไปที่ยานประจัญบานฮูดในระยะ 10 กิโลเมตรจากนั้นก็ใช้เวทย์ล่องหนในการพลางตัวเพื่อไม่ถูกตรวจจับ

“เกราะยังไม่ถูกทำลายอีก พลังเวทย์ 1% ของพลังเวทย์น้อยเกินไปสินะ”

“งั้นเพิ่มเป็น 2 % ล่ะกัน อ๊ะ...เกือบลืม”

สยามได้ใช้ช่องสื่อสารสากลติดต่อพวกเขา

“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมพันโทสยาม เนรมิตเป็นครั้งแรกที่เราเจอกันสินะองค์หญิง แต่ก็ไม่นึกเลยว่าฝ่ายผมจะแพ้อย่างราบคาบ ต้องแรกก็นึกว่าเอนดูแลนซ์จะยิงเข้าสงสัยพลังเวทย์คงไม่พอ ดังนั้นเพื่อเป็นการฉลองชัยชนะของคุณ ผมจะสิ่งดีๆให้”

จากนั้นสยามก็โจมตีอีกครั้ง ครั้งนี้สามารถสร้างความเสียหายกับสระพานเดินเรือของยานได้อีกทั้งยังทำให้ระบบไฟฟ้าของยานขัดข้อง

“ตอนนี้ใช้ไป 4 % แล้ว พลังเวทย์ที่เหลืออยู่ 96 % น่าจะเหลือเฟือนะ”

สยามใช้เวทย์เร่งความเร็วและพุ่งไปที่ยานประจัญบานฮูด พอไปถึงเขาแปลกใจเล็กน้อยที่ทหารทุกคนบนสระพานเดินเรือใส่ชุดอวกาศไว้พร้อมและชุดอวกาศทำให้คนที่ใส่ยึดเกราะกับยานไม่ลอยไปในอวกาศ

สยามได้ใช้เวทย์สร้างกระแสไฟฟ้าทำให้กล้องทำงานและบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้น

พอทุกอย่างจบลงสยามได้ใช้เวทย์ล่องหนและอาศัยจังหวะชลมุนไปที่กระสวยฉุกเฉิน ใช้มันในการหนีออกมา

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!