หลังจากที่ทั้งสองเผชิญหน้ากันภายใต้ฉากเบื้องหลังเป็นดาวเคราะห์แก๊สสีน้ำเงินและวงแหวนอันงดงามกองยานของจักรวรรดิได้ตั้งขบวนป้องกันรออยู่แล้วที่วงแหวนของดาว พลเอกมูฮัมมัด อาบีรก็ได้สั่งให้กองยานที่ 31 ของตนจัดรูปขบวนเป็นแบบลูกศรและพุ่งโจมตีกองยานของเจ้าหญิงแคทเทอรีนทันที
“คุณรอดูอยู่เฉยๆก็ได้” มูฮัมมัดพูดกับสยาม
เหตุผลที่ทุกคนเรียกพลเอกมูฮัมมัด อาบีรว่าตัวปัญหาเป็นเพราะว่าเขาคนที่ยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้ผลรับที่ตนเองต้องการ ถึงแม้การรบของเขาส่วนใหญ่จะได้รับชัยชนะ แต่เขาก็มักจะสูญเสียทหารในการบังคับบัญชาของตนเป็นจำนวนมาก ถึงแม้เขาจะนำชัยชนะมาให้แต่ก็แลกด้วยความสูญเสียมากกว่าศัตรูเสียอีก มันมากเกินจนกองทัพและรัฐบาลมองเขาว่าเป็นตัวปัญหา ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วทั้งกาแล็คซี่ มูฮัมมัดนั้นเป็นคนที่ไม่ฟังใคร เขามักจะคิดว่าตัวเองนั้นถูกต้องเสมอ การที่สยามมาประจำการที่กองยานของเขา เป็นสิ่งที่เขายินดีเป็นอย่างมากถึงแม้เขาจะพูดชมสยามและแสดงท่าที่ต้องการให้สยามช่วยนั้น แท้จริงแล้วเขามองสยามเป็นเพียงแค่ตุ๊กตานำโชคเท่านั้น เขาตั้งใจที่จะไม่ฟังคำแนะนำของสยามตั้งแต่แรก
ชัยชนะทั้งสองครั้งของสยามนั้นมูฮัมมัดเชื่อว่าเป็นเพราะเขาโชคดีเพียงเท่านั้น มุกตลกที่เขาเล่นเป็นเพียงแค่การข่มตัวของสยามเท่านั้น คำชื่นชมและยินดีเป็นแค่ขั้นตอนในการขอพรต่อยักษ์จินนี่
กองยานของจักรวรรดิค่อยๆถอยร่นไปจนใกล้จะชนกับวงแหวนของดาววี-7 กองยานของจักรวรรดิแตกกระเจิงไปสองทาง ถึงแม้ในตอนแรกนั้น มูฮัมมัดจะรู้สึกหวังเกรงต่อชื่อเสียงของเจ้าหญิงบ้าง แต่สิ่งที่เกิดตรงหน้าทำให้เขารู้สึกมั่นใจเป็นอย่างมาก มันเหมือนทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เขาคิดและตอนนี้กองยานของเขาสูญเสียไปเพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน
‘ก็ไม่เห็นจะเก่งสักเท่าไหร่เลยนะองค์หญิง ต้องขอบคุณตุ๊กตานำโชคจริงๆ’ มูฮัมมัดคิดอยู่ในใจ
**********
2 ชั่วโมงก่อนการเผชิญหน้ากัน เจ้าหญิงรู้อยู่แล้วว่าตัวของมูฮัมมัดนั้นเน้นโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวแล้วทุ่มสุดกำลังโดยไม่คำนึงถึงความสูญเสียของฝ่ายตัวเอง แผนของเจ้าหญิงคือ จะมีการแบ่งกองยานเป็นสองกอง กองยานแรกนั้นเป็นตัวล่อให้ศัตรูเข้ามาใกล้ๆกับวงแหวงของดาววี-7และกองยานสองซุ่มโจมตีอยู่ที่วงแหวน และได้ติดตั้งไอพ่นไว้ที่ก้อนน้ำแข็งที่รวมกันเป็นวงแหวนของดาววี-7 เพื่อที่จะใช้โจมตีกองยานของศัตรู
“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าศัตรูไม่น่าจะติดกับของเราง่ายๆน่ะขอรับ”
เซอร์รัทเทอร์ฟอร์ดถามด้วยความกังวลใจ
“มันขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนสั่งการกองยานของศัตรู ตามนิสัยส่วนตัวของมูฮัมมัด เราเชื่อว่าเชาจะเป็นคนสั่งการเองอย่างแน่นอน”
“ฝ่าบาทพ่อมดคนนั้นก็อยู่ด้วยนะขอรับ”
“พ่อมดน่าจะได้แค่นั่งดูอยู่เฉยๆ ไม่ต้องกังวลไปเซอร์รัทเทอร์ฟอร์ด”
‘นั้นสินะเซนส์ขององค์หญิงมักจะถูกเสมอไม่อย่างนั้นก็คงไม่ชนะติดต่อกัน 30 ครั้งหรอก’ เซอร์รัทเทอร์ฟอร์ดคิดอยู่ในใจ
“เข้าใจแล้วขอรับ ฝ่าบาท”
**********
สถานการณ์ในตอนนี้ฝ่ายสหพันธ์กำลังได้เปรียบสยามก็พูดขึ้น
“ท่านไม่ต้องฟังผมก็ได้ แต่ตอนนี้เรากำลังเดินหน้าไปหากับดัก”
“ไม่ต้องห่วง พันโทมันจะจบลงก่อนที่กับดักจะทำงาน”
สยามไม่เข้าใจสิ่งที่มูฮัมมัดพูด ‘ไม่ได้เป็นแค่ตัวปัญหาธรรมดา ท่าทางจะมีปัญหาทางจิตด้วย’ สยามคิดในใจ พร้อมกับคิดถึงเหตุผลที่กองทัพส่งเขามาประจำการที่กองยานนี้ สยามใช้มือกำไปที่จีหอยขอแล้วบ่นพึมพำกับตัวเอง
‘คงต้องให้เอมมี่สืบประวัติของเขาย้อนหลังแล้วล่ะ’
‘ทำไมผู้บัญชาการถึงมีท่าทางประหลาด อย่างกับถูกควบคุมอยู่เลยเหมือนไม่ได้พูดออกมาจากใจ’
คำพูดและท่าทางของมูฮัมมัดมันทำให้สยามคิดไปในทางนั้น
**********
ดาวเอมเมอร์รัล ฟิลิปส์ได้นัดเจอกับเอมิลี่ที่ดาวดวงนี้ เพื่อคุยถึงแผนการก่อตั้งสถาบันห้องสมุด ที่ที่พวกนัดเจอกันเป็นโรงแรมนอร์ม่า เป็นโรงแรมที่หรูที่สุดของดาวดวงนี้
ฟิลิปส์ได้นั่งดื่มกาแฟรอเจอกับเอมิลี่ ผ่านไป 15 นาที เอมิลี่ก็มาถึง
“ขอโทษที่มาสาย”
“ไม่เป็นไร”
“นายมีความคืบหน้ายังไงบ้าง”
“มีอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกฉันได้เจอกับดอกเตอร์เอริก ฮิวมังกาซอ เขาเป็นคนที่ได้รับสืบทอดความรู้และเจตนารมณ์ของเรเซอร์ มารีน่า ข้อมูลของเขาทำให้ตอนนี้ฉันสามารถเขียนหนังสือประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติได้แล้วล่ะ”
“เรื่องที่สอง นิกายมอริสและนิกายคาร์รินนั้นกำลังร่วมมือกันทำบางอย่างอยู่ และพวกเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดสงครามครั้งนี้ด้วย”
“ข้อมูลที่ฉันได้ มีความขัดแย้งกับข้อมูลของนาย”
“ว่ามาสิ”
“ต้นเหตุของสงครามครั้งนี้คือบริษัทเปเรซ บริษัทที่ผลิตอาวุธให้กับสหพันธ์”
“ข้อมูลของเธอดูน่าเชื่อถือกว่าฉันอีกนะ แล้วการก่อสร้างโครอสเสร็จรึยัง”
“เสร็จแล้วละ ย้ายบ้านได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย”
“กว่าจะไปถึงตั้ง 46 ล้านล้านปีแสง ไปสร้างซะไกลเลยนะ”
“จะได้ไม่ต้องรับอิทธิพลแรงโน้มถ่วงจากหลุมดำมวลยิ่งยวดไง”
“ต้องใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะเดินทางไปถึง”
“5 ชั่วโมง”
“มุกปะเนี่ย”
“ฉันเตรียมรูหนอนไว้แล้ว ไม่งั้นคงไปสร้างที่นั้นไม่ได้หรอก”
“แล้วสมาชิกของเราล่ะ”
“1216 คน เพียงพอแล้วล่ะ”
“พร้อมทุกอย่างแล้วสินะ”
“ฟิลิปส์ ตอนนี้มีสิ่งที่เราต้องระวังมีอยู่สามอย่าง”
“ศาสนจักร บริษัทเปเรซและสหพันธการค้าลูเซียน”
ฟิลิปส์ถอนหายใจ
“ทำลายมันทิ้งให้หมดไปเลยน่าจะดีกว่า”
“ไม่ล่ะฟิลิปส์ ต่อให้ทำลายไปรากเหง้าของมันก็ยังเหลืออยู่”
“งั้นต้องรอให้น้องทรายสุดที่รักทำลายรากเหง้าของมันสินะ”
“ความฝันของพวกเราเหลือขั้นสุดท้ายแล้ว ฟิลิปส์”
ฟิลิปส์ลุกขึ้นก่อนที่เขาจะเดินจากไปเขาก็ได้หันมาพูดกับเอมิลี่
“แล้วเจอกันเอมิลี่ ฝากความคิดถึงไปให้น้องทรายด้วย”
สถานการณ์ปัจจุบันตอนนี้กองยานของสหพันธ์ได้ไล่ตอนกองยานจักรวรรดิจนถึงหลุมพลางที่เจ้าหญิงแคทเทอรีนวางไว้ เศษซากก้อนน้ำแข็งที่ถูกติดตั้งจรวดไอพ่นก็ได้พุ่งใส่กองยานของสหพันธ์พร้อมกับการยิงตอบโต้ของกองยานจักรวรรดิ กองยานของสหพันธ์ไม่สามารถตอบโต้ได้เนื่องจากมีก้อนน้ำแข็งเป็นโล่ที่ป้องกันกองยานจักรวรรดิอยู่
“อะไรกัน” มูฮัมมัดอุทานด้วยความประหลาดใจ
“ผมเข้าใจหมดทุกอย่างแล้วล่ะ ท่านผู้บัญชาการ” สยามตอบกลับ
“หมายความว่ายังไง”
“คุณหน่ะ เป็นตัวหมากที่ถูกทิ้งแล้ว”
ทุกคนในสระพานเดินเรือต่างอึ้งกับคำพูดของสยาม
“คำพูดของท่าน วิธีการพูดท่าน สิ่งที่ท่านคิดอยู่ ขาขวาที่สั่นอย่างประหลาดแต่ขาซ้ายกับไม่ขยับ ตอนนี้คุณถูกควบคุมสมองอยู่”
จากนั้นสยามก็ใช้ปืนพกยิงเข้าที่หัวของมูฮัมมัด ทุกคนในสระพานเดินเรือต่างสับสนต่อสิ่งที่สยามกระทำไป
“ทุกคนฟัง ตอนนี้พวกเราแพ้อย่างราบคาบ สิ่งที่พวกคุณต้องทำตอนนี้คือใส่ชุดอวกาศแล้วขึ้นกระสวยหลบหนีซะ”
ทุกคนยังรู้สึกมึนงง จากนั้นก้อนน้ำแข็งได้พุ่งชนกับปืนใหญ่ของยานจนยานได้รับความเสียหาย
“เร็วเข้าก่อนที่พวกเราจะตายกันหมด”
ทหารทุกคนในสระพานเดินเรือต่างก็รีบไปที่กระสวยหลบหนี จากนั้นสยามก็ประกาศให้ทุกคนในกองยานสละยานของตนและขึ้น
กระสวยหลบหนี แต่ตัวของสยามเองนั้นก็ยังคงยืนดูความพังพินาศของกองยานที่ 31 อยู่ที่สระพานเดินเรือต่อ
“นั่งคิดนานไปหน่อยสินะ เห้อ...เราน่าจะเอะใจได้ตั้งแต่แรกแท้ๆ สงสัยดวงของเราคงหมดไปแล้วสินะ”
**********
บางอย่างเหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ง่าย ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปตาที่คิดแท้ๆแต่กับไม่เป็นอย่างนั้น สิ่งที่เราเข้าใจใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจ ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลจนแทบจะไม่เห็นขอบเขตของมัน สิ่งที่มนุษย์ต้องการนั้นก็สามารถคว้ามันมาได้ทั้งหมดแล้ว นี่รุ่นพี่ปารีสเพราะอะไรทำไมมนุษย์ยังคงต่อสู้กันอยู่ทั้งๆที่จักรวาลก็มีทรัพยากรและที่อยู่เพียงพอให้กับมนุษยชาติ
น้องทรายที่รักเหตุผลง่ายๆไม่ว่าจะมนุษยชาติหรือสิ่งมีชีวิตทั้งจักรวาลที่พวกเขาสู้กันเพราะพวกเขาไม่เหมือนกันไง
หน้าตา รูปร่าง สีผิว วิธีคิดและภาษาที่ต่างกัน ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งมวลต้องต่อสู้กัน เพราะแตกต่างจากตนเลยรู้สึกหวาดกลัวและเป็นภัย สาเหตุที่แตกต่างกันเพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน
ในตอนนี้ปัจจัยภายนอกนั้นเหมือนกันทุกอย่าง เหลือแต่เพียงจิตใจนั้นยังคงแตกต่างกัน
งั้นถ้าเราเหมือนกันทั้งร่างกายและจิตใจ
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงจักรวาลก็ถึงคราวดับสูญ
นั่นสินะขนาดดวงดาวในจักรวาลยังแตกต่างกันเลย
สงครามนั้นจะยังไม่มีวันจบสิ้นจนกว่ามนุษย์จะดับสูญ
มีความสุขแล้วก็ต้องมีความทุกข์ มีความมืดแล้วก็ต้องมีแสงสว่าง
ถ้าขาดอย่างใดอย่างนึงไปสมดุลของจักรวาลก็จะจบสิ้นสินะรุ่นพี่ปารีส
นี่รุ่นพี่ปารีสแล้วเราควรทำยังไงต่อดี
เราต้องนำพามนุษย์สู่หนทางใหม่ที่หลุดออกจากวัฏจักรของจักรวาล
แล้วหลังจากนั้นล่ะ
ไม่รู้เหมือนกัน
แต่ฉันเชื่อว่ามีสิ่งอื่นที่หลุดจากวัฏจักรไปแล้วและกำลังเฝ้ามองจักรวาลอยู่
สรุปแล้วเราก็ไม่มีจุดหมายที่แท้จริงเลยหน่ะสิ
ใช้แล้วมันเป็นไปตามภาษาคณิตศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น
จำนวนนับ
จำนวนเต็มบวก
จำนวนเต็มลบ
จำนวนเฉพาะ
พวกมันก็ไม่มีจุดหมายปลายทางเหมือน
ในเมื่อไม่รู้จุดหมายปลายทางแล้วเราจะคิดหามันทำไม
เราก็แค่เดินไปเรื่อยๆเท่านั้น
ไม่มีจุดหมายปลายทางแล้วมีจุดเริ่มต้นหรือเปล่า
มีแต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนและเมื่อเดินผ่านมันไปแล้วไม่สามารถเดินย้อนกลับไปได้
งั้นเราอยู่กับที่ได้ไหม
ได้แต่เมื่อสิ่งไหนหยุดอยู่กับที่แปลว่าสิ่งนั้นมันสูญสิ้นไปแล้ว
งั้นบางทีการอยู่กับที่อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หรือเปล่า
ตามแต่ที่เราจะปรารถนา
“จะว่าไปสีน้ำเงินของดาวดวงนี้ก็สวยดีเหมือนกัน เอาไงต่อดีเรา”
สยามยังคงเฝ้ามองสิ่งที่อยู่ข้างหน้าต่อไป
**********
ชัยชนะของจักรวรรดิกำลังจะมาถึง แต่สิ่งที่เจ้าหญิงแคทเทอรีนคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ทุกอย่างมันเหมือนเป็นไปได้ด้วยดี แต่ภายในใจก็ยังรู้สึกกังวล
“เซอร์รัทเทอฟอร์ด”
เจ้าหญิงหันหน้าไปหาองครักษ์ของเธอ ในเสียงของเธอที่พูดออกไปมีความรู้สึกกังวลใจบางอย่าง มันแสดงให้เซอร์รัทเทอร์ฟอร์ดเห็นได้อย่างชัดเจน
“ขอรับฝ่าบาท”
“ทำไมมือของเราถึงสั่นล่ะ ทั้งๆที่ชัยชนะกำลังอยู่ต่อหน้าแท้ๆ ตลอดที่เราเข้าร่วมสงครามมา เราไม่เคยรู้สึกกังวลและหวาดกลัวขนานนี้มาก่อน”
“ไม่ต้องห่วงขอรับ ถ้ามีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นกระหม่อมจะปกป้ององค์หญิงอย่างสุดความสามารถ ในฐานะอัศวิน 4 ดาวของจักรวรรดิ”
กองยานของสหพันธ์ถูกทำลายจนแทบหมดสิ้น
ทหารในสระพานเดินเรือคนนึงได้เข้ามารายงานผลของสงครามต่อเจ้าหญิงแคทเทอรีน
“ฝ่าบาท ตอนนี้กองยานของศัตรูถูกทำลายหมดสิ้น แต่ก็ยังมีทหารของศัตรูบางส่วนที่หลบหนีไปกลับกระสวยหลบหนี ให้ตามไปไหมขอรับ”
“มันจบแล้วขอรับฝ่าบาท ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วขอรับ”
เซอร์รัทเทอร์ฟอร์ดพูดแทรกขึ้นก่อนที่เจ้าหญิงจะตอบกลับทหารที่รายงานผลของสงครามมา
“นั้นสินะ ไม่ต้องตามไป ชัยชนะเป็นของพวกเราแล้ว”
ทหารทุกคนต่างส่งเสียงเชียร์หลังจากที่เจ้าหญิงแคทเทอรีนประกาศชัยชนะ
“ขอบใจนะ เซอร์รัทเทอฟอร์ด”
เจ้าหญิงได้หันไปกล่าวขอบคุณ
“ไม่เป็นไรขอรับฝ่าบาท”
“ขอไวน์หน่อย เซอร์รัทเทอฟอร์ด”
“ได้ขอรับ”
เซอร์รัทเทอฟอร์ดก็ได้นำไวน์มารินใส่แก้วและถวายให้แก่เจ้าหญิง
ในขณะที่ทหารทุกคนกำลังฉลองชัยชนะ มีลำแสงประหลาดพุ่มมาจากก้อนน้ำแข็งที่โคจรกันเป็นวงแหวน โดนเข้าที่ยานประจัญบานฮูดแต่เกราะป้องกันของยานยังป้องกันได้
“ทหารทุกนายเตรียมพร้อมรบ ประจำตำแหน่งและตรวจสอบที่มากับความเสียหาย”
เซอร์รัทเทอฟอร์ดสั่งการอย่างรวดเร็ว
“ทหารทุกนายใส่ชุดอวกาศให้พร้อม”
เจ้าหญิงได้สั่งการต่อจากเซอร์รัทเทอฟอร์ด
“ฝ่าบาท...”
“เซอร์รัทเทอฟอร์ดเตรียมตัวให้พร้อมซะ”
“ตอนนี้เกราะของยานเหลือ 9% ศัตรูโจมตีมาจากทางทิศ 12 นาฬิกา”
“ข้างหน้างั้นเหรอทำเราถึงไม่เห็น”
“ตอนนี้เรายังตรวจจับสัญญาณของศัตรูไม่ได้เลยขอรับ”
“ฝ่าบาทมีสัญญาณติดต่อมาจากทางช่องสื่อสารสากล”
“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมพันโทสยาม เนรมิตเป็นครั้งแรกที่เราเจอกันสินะองค์หญิง แต่ก็ไม่นึกเลยว่าฝ่ายผมจะแพ้อย่างราบคาบ ต้องแรกก็นึกว่าเอนดูแลนซ์จะยิงเข้าสงสัยพลังเวทย์คงไม่พอ ดังนั้นเพื่อเป็นการฉลองชัยชนะของคุณ ผมจะสิ่งดีๆให้”
การสื่อสารจบไปทุกคนในสระพานเดินเรือรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ค้นหาให้ทั่ว”
หลังจากที่สิ้นเสียงคำสั่งของเซอร์รัทเทอฟอร์ด ก็ไม่ลำแสงพุ่งมาจากทางเดิมครั้งนี้เกราะป้องกันไม่สามารถป้องกันได้ลำแสงได้ทำลายสระพานเดินเรือจนเสียหาย มีทหารบางส่วนถูกดูดออกจากยานไปนอกอวกาศ แต่ฟังก์ชั่นของชุดอวกาศนี้สามารถยึดเกราะกับวัตถุได้ ทำให้ทหารที่เปิดฟังก์ชั่นนี้ทันทำให้ไม่ถูกดูดออกไปนอกอวกาศ
“ฝ่าบาทเรารีบออกจากที่นี่ก่อนเถอะขอรับ”
“อย่าพึ่งรีบสิ ผมยังไม่ได้มอบของขวัญให้เลย”
หลังจบประโยค ก็ได้มีชายคนนึงสวมชุดอวกาศสีฟ้า ซึ่งเป็นของสหพันธ์
“ทหารจัดการมัน”
หลังการปรากฎตัวของชายคนดังกล่าวเซอร์รัทเทอฟอร์ดก็ได้สั่งให้ทหารที่เหลือโจมตีไปที่ชายคนนั้น
เขาร่ายเวทย์โล่พลาสม่าทำให้การโจมตีทั้งหมดไม่เป็นผล มีทหารสองคนอ้อมไปที่ด้านหลังและใช้ดาบฟันที่หลังของชายคนนั้น แต่เขาใช้ดาบคู่สีส้ม ฟันไปที่ทหารสองคนนั้นตัวขาดเป็นสองท่อน
“องค์หญิงนับ 1 ถึง 10 แล้วผมจะไปยืนอยู่ตรงหน้าคุณ”
เซอร์รัทเทอฟอร์ดได้ชักดาบออกมาพร้อมกับร่ายเวทย์โล่พลาสม่าป้องกันไว้ก่อน ส่วนเจ้าหญิงก็ได้ใช้เวทย์เรียกดาบของตนออกมาชื่อของมันคือ เอ็กคาลิเบอร์
พอนับครบ 10 ทหารที่เหลืออยู่ 14 นาย ถูกฟันทั้งหมดเลือดสาดกระเซ็นร่องลอยอยู่เต็มสระพานเดินเรือ ยังไม่ทันได้ยินเสียงร้องของทหารด้วยซ้ำ ชายคนนั้นก็ยืนอยู่ตรงหน้าของเจ้าหญิงห่างจากเธอประมาณ 4 เมตร
“ผมจะบอกอะไรให้รึไม่พวกคุณอาจจะรู้อยู่แล้ว โล่พลาสม่ามันกินพลังเวทย์มหาศาล แต่ก็สามารถกันได้ทุกอย่างขอบจักรวาล ดังนั้นถ้ามัวแต่ร่ายเวทย์โล่พลาสม่าจะไม่มีพลังเวทย์เหลือพอที่จะโจมตีผมนะ”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments