Magic Energy And Particle : Galactic War II
แนะนําตัวละคร
ฝ่ายสหพันธ์ดาวเคราะห์
สยาม เนรมิต ทหารใหม่ที่ได้สร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยมจนได้รับฉายาพ่อมดแห่งปฏิหาริย์
เอมิลี คราวน์ แฟนเก่าของสยามสมัยที่เรียนอยู่โรงเรียนเวทมนตร์แอสทิสที่ 1 และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสถาบันห้องสมุด
ฟิลิปส์ หลุยส์ ปารีส รุ่นพี่ของสยามสมัยที่เรียนอยู่โรงเรียนเวทมนตร์แอสทิสที่ 1 เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสถาบันห้องสมุดและเป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล
คริสติน่า บอสตัน เพื่อนสมัยเด็กของสยาม ครอบครัวของสยามรับอุปการะเธอตอนอายุ 6 ปี เนื่องพ่อแม่ของศริสติน่าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ความสัมพันธ์ของเธอและสยามจึงดูเหมือนพี่น้องมากกว่าเพื่อนสมัยเด็กเสียอีก
นาเวีย นอร์วิช เป็นแฟนของคริสติน่าและอดีดประธานนักเรียนของโรงเรียนเวทมนตร์แอสทิสที่ 1
ยูมิ นากามูระ รุ่นน้องของสยามสมัยที่เรียนอยู่โรงเรียนเวทมนตร์แอสทิสที่ 1 ตอนนี้เธอกำลังเรียนอยู่โรงเรียนนายร้อย
แฮรี่ เฉิน ประธานาธิบดีของสหพันธ์ดาวเคราะห์
บัดเรย์ วอร์เชสเตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมของสหพันธ์ดาวเคราะห์
จอมพลปีเตอร์ สมิธ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของสหพันธ์ดาวเคราะห์
คาร์ลรอส เวเนเซีย ศาสดาคนปัจจุบันของนิกายมอริส
ฝ่ายจักรวรรดิกาแล็คซี่
จักรพรรดิชาร์ลที่ 12 กษัตริย์องค์ปัจจุบันของจักรวรรดิกาแล็คซี่
วิกเตอร์ คาร์ริน ศาสดาคนปัจจุบันของนิกายคาร์ริน
เจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทลำดับที่ 1 และนายกรัฐมนตรีของจักรวรรดิกาแล็คซี่
เจ้าหญิงแคทเทอรีน รัชทายาทลำดับที่ 2 และรัฐมนตรีกลาโหมของจักรวรรดิกาแล็คซี่
จอมพลอเล็กซานเดอร์ มิวนิก ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของจักรวรรดิกาแล็คซี่
ฝ่ายสหพันธการค้าลูเซียน
จิล ลูเซียน ผู้นำสหพันธการค้าลูเซียนคนปัจจุบัน
เซบาสเตียน ผู้ช่วยของจิล
...****************...
ปี ค.ศ.2032 มีดาวเคราะห์น้อยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 500 เมตร กำลังพุ่งชนโลก รัฐบาลทั้งโลกจึงร่วมมือกันสร้างยานอวกาศที่ใช้พุ่งชนดาวเคราะห์น้อยเพื่อให้มันเปลี่ยนทิศทางแต่กลับไม่ได้ผล สุดท้ายก็เลยปล่อยให้ชนโลกนักวิทยาศาสตร์ได้คาดการจุดตกไว้ว่ามันจะตกลงที่ชายฝั่งตอนเหนือของออสเตรเลีย และทำให้เกิดคลื่นสึนามิถล่มชายฝั่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความเสียหายน่าจะไม่มากนักถ้ามีการเตรียมตัวอย่างดีเพราะตั้งแต่ที่ค้นพบมันนักวิทยาศาสตร์คาดการว่ามันน่าจะใช้เวลาประมาณ 45 วัน ในการเดินทางมาถึงโลก ทุกอย่างเตรียมพร้อมประชาชนอพยพเรียบร้อยคาดการว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะไม่มากนัก แต่ไม่ใช่อย่างที่คิดพอมันกระทบกับพื้นโลกแรงระเบิดของมันรุนแรงมากกระจายไปทั่วโลก โลกรุกเป็นไฟสีแดงทั้งดาวจากที่มันเคยเป็นสีน้ำเงิน คนที่ไม่ได้เตรียมพร้อมเพราะคิดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบพวกเขาคิดผิดแรงระเบิดทำให้สิ่งมีชีวิต 99.5% ของโลกตายทันที ครั้งนี้มันรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว ถึงแม้ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้จะมีขนาดเล็กกว่าเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้วก็ตาม ประชากรมนุษย์จาก 8200 ล้านคน คาดการว่าเหลือประมาณ 40000 คน
นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานอยู่บนดวงจันทร์ต้องกลับโลกเพราะอาหารไม่พอและสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นบนโลก
ผ่านไป 300 ปี สิ่งมีชีวิตก็กลับมาเติบโต ทุกอย่างเริ่มกลับมาเป็นปกติ หลังจากที่พวกเขาได้ออกมาจากหลุมหลบภัย พวกเขารู้สึกมีพลังบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกเขา มันคือสิ่งมหัศจรรย์ที่พวกเขาเรียกว่า เวทมนตร์ มันมาจากดาวเคราะห์ที่ชนโลกและตัวดาวเคราะห์น้อยนี้มันไม่แตกกระจายตอนกระแทกกับพื้นโลก คนที่ค้นพบมันคนแรกคือ เรเซอร์ มารีน่า
หลักการของเวทมนตร์คือต้องรู้ส่วนประกอบและวิธีสร้างจะทำให้ใช้เวทมนตร์ได้สำเร็จ เช่น หากต้องการสร้างน้ำขึ้นต้องรู้ว่าโมเลกุลน้ำมีอะไรบ้าง กรณีที่จะสร้างบ้านขึ้นมาด้วยเวทมนตร์หากไม่รู้ว่าโครงสร้างโมเลกุลของบ้านคืออะไรก็สามารถสร้างบ้านได้โดยต้องมีวัสดุที่ใช้สร้างบ้านแต่ผู้ใช้เวทมนตร์ต้องรู้วิธีการสร้างบ้าน เช่น วิธีการตั้งเสา วิธีติดตั้งผนังบ้าน วิธีติดตั้งหลังคา เป็นต้น พลังเวทย์ของแต่ละคนนั้นขึ้นอยู่กับพละกำลังของร่างกาย ยิ่งแข็งแรงยิ่งมีพลังเวทย์เยอะ ผู้ใช้เวทมนตร์สามารถสืบทอดกันผ่านสายเลือดได้ถึงแม้จะเกิดบนดาวเคราะห์ดวงอื่นที่ไม่ใช้โลกโดยไม่จำต้องสัมผัสกับพลังเวทย์ของเรเวนที่เกิดขึ้นครั้งแรกๆบนโลก เพื่อให้ตัวเองเป็นผู้ใช้เวทมนตร์
เข้าได้ก่อตั้งศาสนจักรเรเวน ตั้งตามชื่อดาวเคราะห์น้อย ชื่อของดาวเคราะห์น้อยถูกตั้งตามชื่อผู้ค้นพบคนแรกก่อนที่มันจะพุ่งชนโลก พลังงานบางอย่างที่ออกมาจากดาวเคราะห์น้อยทำให้มนุษย์สามารถใช้เวทมนตร์ได้ แต่มีมนุษย์เพียง 30% ของมนุษย์ทั้งหมดบนที่ใช้เวทมนตร์ได้ หรือประมาณ 3 ล้านคน จาก 10 ล้านคนที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลก
หลังจากที่มารีน่าได้ก่อตั้งศาสนจักรขึ้น เขาก็ได้ก่อตั้งสหพันธ์โลกขึ้นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยโดยเขาให้เหตุผลว่า ‘ต่อไปนี้เวทมนตร์จะทำให้มนุษย์กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งและสามารถเดินทางไปอยู่ดาวเคราะห์อื่นได้’ ในขณะที่เรเวนกำลังวิจัยเวทมนตร์นั้นเข้าก็ค้นพบวิธีที่จะให้มนุษย์เดินทางระหว่างดวงดาวโดยใช้สิ่งที่เรียกว่า วาปไดฟ์ อารยธรรมของมนุษย์กลับมารุ่งเรืองพร้อมกับการไปตั้งอาณานิคมบนดาวต่างๆทั่วทั้งกาแล็คซี่ หลังจากที่มนุษย์ได้ตั้งอาณานิคมบนดาวต่างๆ ในปีค.ศ.2389 พวกเขาก็เปลี่ยนชื่อจากสหพันธ์โลกเป็นสหพันธ์ดาวเคราะห์ และได้เริ่มนับศักราชใหม่แทนการใช้ค.ศ. เริ่มนับที่ปีอวกาศที่ 1
หลังจากนั้นในปีอวกาศที่ 521 เจมส์ มอริส เขาได้คิดค้นสิ่งที่เรียกว่า กำไลมอริส มันทำให้คนที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้สามารถใช้เวทมนตร์ได้ สิ่งนี้มันทำให้มนุษย์เกิดความขัดแย้งขึ้น เพราะเวทมนตร์เป็นสิ่งที่ผู้ถูกเลือกเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ มีสองแนวคิดที่เกิดขึ้น กลุ่มแรกคือลัทธิคาร์ริน ก่อตั้งโดย เคนนี่ คาร์ริน เป็นกลุ่มคนที่มองว่าผู้ที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้เป็นแค่พลเมืองชั้นสอง การที่ทุกคนใช้เวทมนตร์ได้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง กลุ่มที่สองคือลัทธิมอริส ก่อตั้งโดย เจมส์ มอริส ผู้ที่สร้างกำไลมอริส ถึงแม้สหพันธ์จะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย คนที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ก็ยังถูกมองเป็นพลเมืองชั้นสอง เขาเชื่อมั่นว่ามนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน และกำไลมอริสจะทำให้ความเท่าเทียมเกิดขึ้น
ปีอวกาศที่ 529 ความขัดแย้งเริ่มบานปลายจนทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้นและรุนแรงจนเป็นสงครามใหญ่
ปีอวกาศที่ 530 ทั้งสองฝ่ายประกาศสงคราม สงครามครั้งนี้เรียกว่า Galactic War I
ปีอวกาศที่ 842 สงครามที่สู้รบกันมา 300 ปี จบลงด้วยชัยชนะของลัทธิมอริส ส่วนลัทธิคาร์รินพวกเขาก็หนีไปอีกฝั่งนึงของกาแล็คซี่ และก่อตั้งจักรวรรดิกาแล็คซี่
ปีอวกาศที่ 1054 สหพันธ์ก็บังเอิญค้นพบรูหนอนซึ่งนำทางพวกเขาสู่ดินแดนของจักรวรรดิกาแล็คซี่ พวกเขาไม่ได้ต่อสู้กันและทำการเจรจาการค้าขึ้น พวกเขาไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งเหมือนเมื่อ 500 ปีที่แล้ว
ปีอวกาศที่ 1673 เจ้าหญิงแอนนารัชทายาทลำดับที่ 3 ของจักรวรรดิกาแล็คซี่ได้เดินทางมาเจริญสัมพันธไมตรีกับสหพันธ์ดาวเคราะห์ที่ดาวโลกซึ่งเป็นดาวหลวงของสหพันธ์ เป็นครั้งที่มีราชวงค์จากจักรวรรดิมาเยือนที่สหพันธ์ ในขณะที่กำลังเจรจากันนั้น มีกลุ่มคนปริศนาเข้ามารอบสังหาญเจ้าหญิง การเสียชีวิตของเจ้าหญิงทำให้จักรวรรดิโกรธเป็นอย่างมากและประกาศสงครามกับสหพันธ์จึงเกิดเป็น Galactic War II
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 16
Comments