ตอนที่ 4 ร่วมงาน #ชินจัง
ผมตื่นมาเพราะเสียงโวยวายของโทโอรุคุง ไม่สิ ถ้าจะให้ผมพูดจริงๆ ล่ะก็ ผมตื่นตั้งแต่ที่เขาขยับตัวดุกดิกในผ้าห่มแล้ว ก็แค่หลับตาต่อไม่ลืมตามองเขาเท่านั้นเอง สำหรับผม โทโอรุก็ยังเหมือนเดิม ยังเป็นคนที่ขี้โวยวาย ขี้เกรงใจ และที่สำคัญเป็นพวกคิดมากแถมยังไม่ค่อยพูดความรู้สึกจริงๆ ของตัวเองออกมาด้วย
น่าหงุดหงิดเนอะ...แต่ว่านั่นก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของเขาที่ผมหลงรัก เพราะเขาเป็นแบบนี้มันทำให้ผมอยากจะเข้าไปปลอบไปโอ๋ อยากให้ทุกๆ วันของเขาเป็นวันที่สนุกสนาน เป็นวันที่เต็มไปด้วยความสดใส ยอมให้เขาโวยวายระบายมันออกมา ดีกว่าปล่อยให้เขาเก็บความรู้สึกไว้ในใจเป็นไหนๆ
“พี่สาวคนสวยชอบกินนมสดรึเปล่าครับ เย็นวันนี้เราไปดื่มนมด้วยกันไหม?” ผมเอ่ยทักทันทีที่เจอเภสัชสาวสวยในร้านขายยา ก็แค่พูดไปอย่างนั้น ยิ้มไปเฉยๆ เอาเข้าจริงผมก็ไม่คิดจะไปกับหล่อนหรอก
“เย็นนี้ฉันไม่ว่างค่ะ เป็น...เอ่อ...” ใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย พลางหันซ้ายทีหันขวาที ให้ตายสิ ช่วยเมินๆ คำพูดของผมไม่ได้รึไงนะ
“แย่จังเลยนะครับ ผมอยากได้ยาแก้อักเสบหน่อยครับ” ผมเปลี่ยนเรื่องทันทีและยังคงส่งยิ้มให้เธอ สาวเจ้ายิ่งเลิ่กลั่ก เธอก้มมองผมหัวจรดเท้า ใบหน้าตื่นๆ ของสาวๆ ก็ดูน่ารักอยู่หรอก แต่มันยังไม่โดนใจผมจังๆ สักครั้งเลย
“คุณเจ็บตรงไหนคะ?!” มือบางแสนอ่อนนุ่มรีบคว้ามือผมไว้ อาการแบบนี้ทำให้ผมนึกถึงคุณครูสมัยอนุบาลคนหนึ่งเลยแฮะ ถึงอย่างนั้นมือนี้ก็ยังนุ่มไม่เท่ามือของคนบนเตียงผมอยู่ดี
“เปล่าครับ ขอยาให้ผมก็พอ” ผมตอบยิ้มๆ เอาล่ะ ได้เวลาจบเกมแล้ว
“แต่ว่า...”
“พอดีผมหนักมือกับแฟนมากไปหน่อย เขาเลยเจ็บสะโพก เจ็บช่อง...อยากให้จัดยาด้วยน่ะครับ แล้วก็ขอเจลหล่อลื่นอีกสองหลอดนะครับ” นั่นไงล่ะ ฮ่าๆ เธอรีบปล่อยมือจากผมก่อนจะหันกลับไปจัดยาด้านหลังอย่างเร่งรีบ
ก็ไม่ได้อยากจะแกล้งหรือให้ความหวังอะไรแบบนั้นหรอกนะ จะทำไงได้ล่ะมันติดเป็นนิสัยไปแล้ว บางทีก็อยากจะแก้นิสัยบ้าๆ นี้ให้หายไปเหมือนกันนะ
“ทั้งหมด....เยนค่ะ...” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาจนผมไม่ได้ยินเสียงตัวเลขเลย ผมเลือกที่จะเงียบแล้วหันไปมองตัวเลขยอดเงินบนหน้าจอเคาน์เตอร์เสียแทน ก่อนจะหยิบเงินในกระเป๋าออกมาจ่ายเธอ จริงสิ ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว ซื้ออะไรกลับเข้าไปดีกว่า
เมื่อคืนดันทำเกินไปหน่อย แถมยาที่ต้องกินยังเป็นยาหลังอาหารด้วย โชคดีที่โทโอรุไม่ได้เป็นพวกเลือกกิน ถึงเขาจะทำตัวเหมือนพวกคุณหนู พวกอวดดี แต่กลับเป็นคนกินง่ายยิ่งกว่าผมเสียอีก มีอะไรเจ้าตัวก็กินหมด ไม่บ่นสักคำ น่ารักใช่ไหมล่ะ
ผมเลือกซื้ออาหารสำเร็จง่ายๆ มาสองสามอย่าง และเมื่อกลับบ้านมา คนที่ควรจะนอนหลับพักผ่อนต่อบนเตียงของผม ไม่สิ ต้องเรียกว่าเตียงของเราต่างหาก...อะแฮ่ม! นั่นแหละ...เขากลับนอนคุยโทรศัพท์เสียงดังอยู่ยกใหญ่
“แม่ครับ แบบนั้นมัน...เฮ้อ! นี่แม่เชื่อใจเจ้าชินจังนั่นมากกว่าผมอีกใช่ไหม? ผมน้อยใจแล้วนะ...อะ...ไม่ใช่แบบนั้นครับ” เสียงใสเอ่ยออกมา น้ำเสียงติดอ้อนนิดๆ ฟังแล้วอยากกัดแก้มสักคำสองคำ
ถ้าให้ผมเดาเจ้าตัวคงรีบโทรไปหาที่บ้าน แล้วผมก็คงเป็นประเด็นหลักของบทสนทนาระหว่างสองคนแม่ลูกอย่างแน่นอน ถึงจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาน้อยใจแม่ก็เถอะ แต่มันก็ดีกว่าตอนที่เขาไม่พูดถึงเป็นไหนๆ ไม่ใช่เหรอ? แบบนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีนะ
“โทรุคุง ฉันซื้อข้าวมาเผื่อด้วยนะ” ผมตะโกนบอกเจ้าตัว คนตัวเล็กสะดุ้งตัวโหยง ก่อนจะหันหน้ามามองผมเล็กน้อย พลางยกมือขึ้นปิดปากทำเสียงเบาซุบซิบกับแม่ของเขาต่อ นี่ไม่รู้จริงๆ เหรอว่าต่อให้ทำแบบนั้น ผมก็ยังได้ยินอยู่ดี
“ก็ได้ๆ ผมยอมแม่แล้ว...ครับ เรื่องที่ทำงาน...อ้อ...ครับใช่ครับ ตามที่ชินจังบอกเลย...ครับแม่...ครับ ผมรักแม่นะ...ครับ ไว้วันหยุดผมจะกลับไปหา ครับ”
“...” ผมส่งยิ้มให้เขา แล้วเดินเข้าไปหาพร้อมอาหารในมือ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เขา ทำเป็นไม่เห็นสายตาคู่สวยยามจ้องมองผม แววตาคู่นั้นดูจะเต็มไปด้วยคำถามและความสงสัย แถมใบหูของเขาก็แดงเป็นริ้วๆ ด้วย น่ารักแฮะ...
“นายบอกแม่ฉันเรื่องงานเหรอ?” ผมได้แต่ร้องอ๋ออยู่ในใจ ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง นึกว่าประทับใจในความหล่อของผมซะอีก
“ใช่ ฉันบอกแม่ของนายเอง” ผมตอบสั้นๆ หยิบอาหารสำเร็จรูปออกจากถุงส่งให้เขา ก่อนจะหยิบของตัวเองออกมา
“ขอบใจ...แล้วนายบอกแม่ว่ายังไงบ้างล่ะ?” เจ้าตัวรับข้าวกล่องไปถือไว้ ดวงตาคู่สวยก้มมองกล่องข้าวในมือแทนที่จะสบตาผม
“แม่นายไม่ได้เล่าเหรอ?” มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะไม่รู้ ผมแอบสังเกตท่าทางเขาอีกหน่อย ได้แต่ส่ายหัวน้อยๆ พร้อมส่งยิ้มแสนอบอุ่นให้เขากลับไปเท่านั้น
“...”
“ฉันบอกว่า ธุรกิจของฉันมันกำลังไปได้ด้วยดี แต่ไม่มีใครที่ฉันพอจะไว้ใจให้ดูแลทุกอย่างได้ เจอนายพอดีเลยขอให้นายมาช่วย ส่วนที่ทำงานเก่าของนายฉันก็เป็นฝ่ายจัดการให้ทั้งหมด” ผมตอบแบบเดียวกับที่ผมตอบแม่ของเขา
“เหรอ...แต่ฉันยังไม่รู้เลยว่าฉันต้องทำอะไรบ้าง” เขาไม่รู้หรอกว่าคำพูดของเขามันทำให้ผมดีใจมากขนาดไหน ผมเอื้อมมือขยี้หัวเขาเบาๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาให้กับความน่ารักน่าเอ็นดูของเขา
“การเงิน การตลาด ฉันให้นายดูแลทั้งหมดเลย บรรดาลูกค้ามีพนักงานคอยดูแลอยู่แล้ว นายแค่ชี้นิ้วสั่งก็พอ” ผมตอบพร้อมรอยยิ้ม
“เดี๋ยว การเงิน? นี่มัน?”
“เอาน่า ยังไงพวกเราก็อยู่ด้วยกัน นายควรทำให้ชินไว้ตอนแต่งจะได้ไม่วุ่นวาย จริงสิ ฉันลืมหยิบน้ำเข้ามาด้วย” ผมลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะรีบสาวเท้าเตรียมเดินออกจากห้องไป
...ขืนอยู่ต่อ มีหวังได้กินเขาอีกรอบแน่ ใบหน้าแบบนั้นผมสู้ไม่ไหวจริงๆ นั่นแหละ มีแต่จะเพิ่มความต้องการให้ผม นี่สินะข้อเสียของการไม่ได้พบเจอกันมานาน ความผิดของโทโอรุเต็มๆ เพราะเขาเอาแต่หลบหน้าผมแท้ๆ เลย
“อีกอย่างนะโทรุคุง...ช่วยเลิกหลบหน้าฉันได้แล้ว ทรมานฉันมาหลายปีแล้วนะ อ้อ อีกเรื่องหนึ่ง หลังจากนี้ไปฉันจะรุกนายเยอะๆ เลย เพราะงั้นช่วยซื่อตรงกับความรู้สึกด้วยล่ะ” ผมเอ่ยขึ้นโดยไม่หันหลังกลับไปมอง ทิ้งให้เขาคิดถึงคำพูดของผมเมื่อครู่
แบบนี้แหละดีแล้ว คนดื้อคนหัวแข็งอย่างเขามีแต่ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้นแหละ...
ผมถึงห้องครัวได้พักใหญ่ แต่ไม่สามารถหยุดความคิดไม่ดีในหัวได้เลย เวรแล้วไง น้องชายตัวดีของผมดันขึงขังอยากจะรังแกเขาอีก ให้ตายสิ! ผมไม่อยากถูกเขาตีหน้าว่าเป็นพวกหื่นหน้าม่อหรอกนะ แถมโทโอรุคุงก็ยังไม่หายเจ็บด้วย...เอาไงดีวะ
สุดท้ายผมก็ได้แต่หยิบขวดน้ำแร่ในตู้เย็นออกมาสองขวด แล้วรีบเดินเข้าไปในห้อง โดยไม่มองหน้าหรือพูดคุยอะไรกับชายร่างเล็กคนนั้น ก่อนจะส่งน้ำและยาให้เขา พลางรีบคว้าข้าวกล่องของตัวเองแล้วรีบเดินออกมาทันที
“นายจะไปไหน!” เสียงใสตะโกนถามเมื่อเห็นท่าทีรีบร้อนของผม ผมหยุดเดินเล็กน้อยก่อนจะปรายตามองเขา
“ทำงาน ส่วนนายนอนพักไปก่อน...ไว้ฉันจะเข้ามาดูอีกที ส่วนเรื่องงาน นายค่อยเริ่มตอนนายเดินไหว” อ่า!!! ให้ตายสิ ผมอยากจะหันกลับไปดูหน้าของเขาตอนนี้แล้วอะ แต่เจ้าน้องชายมันไม่ยอมสงบเนี่ยสิ ไว้รวบยอดทีเดียวก็แล้วกัน ถึงจะดูใจร้ายกับเขาในอนาคตก็เถอะ แต่มันก็ดีกว่าตอนนี้ไม่ใช่รึไง!
“เจ้าบ้าชินโนซึเกะ!”
“ครับที่รัก!!!” ไม่มีใครทำให้ผมมีความสุขและยิ้มได้มากเท่าเขาอีกแล้วล่ะ
ถ้าพูดถึงความตื่นตัวของร่างกายที่ผมกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ หลายๆ คนคงเลือกวิธีจัดการมันด้วยตัวเองใช่ไหม ให้ความขึงขังอึดอัดนี้หายไป อย่างน้อยก็สบายตัวไม่เจ็บใช่รึเปล่า? แต่สำหรับผม...ผมไม่มีความคิดอยากจะทำแบบนั้นเลย อยากจะใช้ทุกอย่างให้คุ้มค่า สู้เก็บไว้ให้โทรุคุงดีกว่า
เอาเถอะ จริงๆ แล้วผมมีงานที่ต้องรีบจัดการต่างหากล่ะ...ผมเหลือบมองเจ้ามือถือคู่ใจของตนที่สั่นกระทบโต๊ะทำงานของผมไม่ได้หยุด ไม่คิดว่าสิ่งแรกที่เข้ามาในห้องทำงานจะเจอเจ้ามือถือสั่นเพราะมีคนโทรเข้ามา แค่เห็นชื่อก็ไม่อยากรับแล้วแฮะ
“ฮัลโหล” ผมตอบกลับสั้นๆ ใบหน้าราบเรียบไร้ความรู้สึก ไม่ว่าจะยินดี หรือไม่ยินดีก็ตาม
(บอส!!! กว่าจะรับได้นะครับ!) ปลายสายตะโกนเสียงดังทำอย่างกับไม่เคยใช้มือถือ นี่มันไม่รู้รึไงว่าพูดเบาๆ ผมก็ได้ยิน?
“หนวกหู ถ้าแกยังพูดเสียงดังอีกฉันจะวางแล้วนะ” ผมขู่
(บอส นี่เลขาบอสเองนะ...เฮ้อ บอสก็เป็นอย่างนี้ตลอดนั่นแหละ คงไม่รู้สินะครับว่าผมโดนลูกค้าตามงานกี่รอบแล้ว) อีกฝ่ายโวยวายเสียงดังตามแบบฉบับของเขา
“คนไหนล่ะ” ผมถามพลางเอื้อมมือหยิบสมุดจดเก่าๆ ของตัวเองขึ้นมาดู ปากก็ถามเขา แต่ตาก็มองหารายชื่อในสมุดอย่างใจเย็น
(อายุซาวาซังยังไงล่ะครับ ผมนัดส่งเขาวันนี้)
“แต่ฉันไม่ได้นัด...” ผมกดเสียงเข้ม จำได้ดีว่าลูกค้าคนนี้ผมนัดไว้อีกสามวันข้างหน้า
(บอส คือเขาขอเร่งมา ผมบวกค่างานเพิ่มเป็นสองเท่า เงินเขาก็โอนเข้าบัญชีบอสแล้วด้วย)
“ฉันไม่ได้นัด” ผมยังย้ำคำเดิม เพราะแบบนี้ไงล่ะผมถึงอยากได้คนช่วยจัดการเรื่องงานพวกนี้ และโทโอรุคือคนที่ผมคิดว่าดีที่สุด โชคดีที่เขาเองก็กำลังตกงานพอดีด้วย
(ขอล่ะครับบอส!!)
“ช็อกโกบีห้ากล่องแบบจัมโบ้ น้ำผลไม้แท้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์อีกห้ากล่อง เนื้อวัวหนึ่งกิโล”
(ได้ครับบอส จะให้ผมไปซื้อให้ใช่ไหม) เลขาของผมอารมณ์ดีขึ้นมาทันที ต่างจากผมที่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“จ่ายด้วยเงินของนาย มาส่งภายใน...” ผมเงยหน้ามองนาฬิกาในห้องเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองชุดที่ลูกค้าต้องการ
“ภายในสองชั่วโมง” จากนั้นก็กดวางสาย ไม่คิดจะฟังเสียงโวยวายน่ารำคาญของเลขาอีกต่อไป เลขาของผมมันก็มีดีแค่อย่างเดียวนั่นก็คือทำงานเก่งเท่านั้นแหละ นอกนั้นก็ไม่ได้เรื่อง ทั้งเสียงดัง ยอมลูกค้ามากจนน่าเบื่อ
ผมไม่รอช้า รีบจัดการแก้ทรงเสื้อผ้าต่อให้เสร็จ ก่อนจะแต่งชายกระโปรงด้วยลูกไม้คอตตอนสีผ้าดิบ ตัดกับตัวชุดที่เป็นผ้าสีน้ำเงิน พลางนึกถึงรูปร่างของลูกค้าอยู่ในหัวและความต้องการของลูกค้าซ้ำไปซ้ำมา
ยังต้องเพิ่มลายปักตรงนี้ด้วย...ตัวผ้าซับด้านในเรียบร้อยดีแล้ว ผมจับหุ่นลองหมุนไปมาสำรวจความเรียบร้อย เรานี่มันฝีมือดีจริงๆ
ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเห็นผลงานของตัวเองที่สำเร็จเป็นรูปเป็นร่างแบบนี้อีกแล้ว ผมหยิบป้ายคล้องมาใส่ตรงป้ายผ้าแบรนด์เสื้อผ้าของผม จากนั้นก็ได้เวลาลงลายเซ็นของผมด้วยด้ายสีแดงตรงชายกระโปรงให้มันกลืนไปกับลวดลายดอกไม้ที่ผมบรรจงปักลงไปกับมือ
กว่าจะปักเสร็จก็กินเวลาไปไม่น้อย ผมค่อยๆ ดึงชุดออกจากหุ่น ก่อนจะพับมันเอาไว้มุมโต๊ะ แล้วเดินไปหยิบกล่องของขวัญสีแดง พร้อมริบบิ้นสีน้ำเงินเส้นใหญ่ออกมา ไม่ลืมที่จะรองกระดาษสาสีแดงเอาไว้ในตัวกล่อง จากนั้นจึงหยิบชุดที่เพิ่งทำเสร็จวางลงไป
“บอส! ผมมาแล้ว! บอสใจร้ายมากเลยนะที่สั่งของผมเยอะแบบนี้” ผมบอกแล้วว่ามันเป็นพวกเสียงดัง ทันทีที่เข้าบ้านมามันก็ตะโกนเรียกผมแล้ว
“บอส! ผมแช่ของในตู้นะ” เสียงมาก่อนตัวเสียอีก ผมได้แต่ส่ายหัวเอือมๆ กับลูกน้องคนนี้ สองมือยังทำงานต่อไม่ได้หยุด
“บอส!”
“ในห้องทำงาน” ผมตอบกลับไม่ดังมาก แต่เจ้าบ้านั่นดันได้ยิน มันเปิดประตูห้องสุดแรงจนผมได้ยินเสียงบานประตูกระแทกกับผนัง ถ้ามันพังผมจะหักเงินเดือนมันมาซ่อม
“รู้ไหมครับว่าผมจ่ายไปกี่เยน” มาถึงก็พูดเรื่องเงิน ไม่มีการถามว่าผมสบายดีไหม ทำงานเหนื่อยรึเปล่า ทันไหม หรือมีอะไรให้ช่วยไหม แต่เป็น ‘จ่ายไปกี่เยน?’ ช่างเป็นลูกน้องที่รักเจ้านายอย่างผมมากจริงๆ
“เหรอ แล้วนายได้เงินพิเศษมาเท่าไรละ กับการมัดมือชกฉัน จำได้ว่าลูกค้าคนนี้เธอไม่เร่งงาน และฉันเองก็ไม่รับงานเร่ง” ผมหันกลับไปมองลูกน้องตัวดีของผมหลังผูกโบบนกล่องเสร็จ เป็นอย่างที่คิด เจ้าลูกน้องมันไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ
“ไม่มาก...พอบอสสั่งให้ไปซื้อมันก็เหลือไม่มากแล้ว” เจ้าตัวตอบเสียงแผ่ว จนผมต้องเลิกคิ้วมองเมื่อสังเกตเห็นแขกแปลกหน้าด้านหลังของเขา
“ใคร?” ผมถามกลับสั้นๆ ก่อนจะเซไปด้านหลังเล็กน้อย เมื่อแขกแปลกหน้าที่ผมถามถึงกระโดดเข้ามากอดผม นี่มันเรื่องเวรอะไรวะเนี่ย?
“...ชินจัง?”
ทำอย่างไรดีล่ะครับ...ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตอนที่พ่อถูกแม่จับได้ว่าไปนั่งกินเหล้ากับพวกพี่สาวคนสวยอย่างไรอย่างนั้นเลย มาได้ถูกจังหวะจริงๆ นะโทโอรุคุง ผมได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ มองคนที่ผมคิดว่าเขาควรจะพักอยู่บนเตียง ก่อนจะพ่นลมร้อนเมื่อก้มมองหญิงสาวที่สวมกอดร่างผมอยู่
เออ...เอาเข้าไป
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 23
Comments
lobya🎶🎵
โอ้ยย น่ารักกก
2023-12-25
1