วันแล้ววันเล่า ฉันยังคงเดินอยู่ในเส้นทางที่พ่อแม่เลือกให้ โดยไม่ได้ถามความคิดเห็นของฉันเลย ความรู้สึกในตัวฉันมันยังคงขัดแย้งระหว่างสิ่งที่พ่อแม่อยากให้ฉันเป็นกับสิ่งที่ฉันต้องการเป็น ฉันพยายามเก็บทุกความรู้สึกไว้ในใจ พยายามบังคับตัวเองให้ยอมรับสิ่งที่ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง
ในวันหนึ่งระหว่างที่ฉันนั่งอยู่ในห้องเรียน มองออกไปนอกหน้าต่าง มองดูต้นไม้ที่เขียวขจี รู้สึกถึงความเงียบสงบที่แฝงอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายรอบตัว เหมือนเป็นช่วงเวลาที่ฉันได้แยกตัวออกจากโลกแห่งความจริงที่เต็มไปด้วยข้อกำหนดต่างๆ
โทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น เสียงที่คุ้นเคยทำให้ฉันต้องหยิบมันออกมา มองเห็นข้อความจากแม่ที่ส่งมา
“เรียนหนักๆ นะลูก อย่ามัวแต่ฝันไปวันๆ คิดถึงอนาคตตัวเองบ้าง”
ฉันอ่านข้อความนั้นแล้วใจหาย รู้สึกเหมือนถูกบังคับให้เลือกทางที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่สิ่งที่ฉันอยากได้กลับยังคงถูกกักขังไว้ในใจ ความฝันของฉันที่อยากจะเป็นนักร้อง นักแสดง หรือแม้กระทั่งการทำ YouTube กำลังถูกทิ้งไว้อย่างไร้ค่าในมุมมืดของหัวใจ
หลังจากเรียนเสร็จ ฉันกลับมาที่บ้าน ในบ้านที่เงียบเหงา มีเพียงเสียงโทรทัศน์จากห้องนั่งเล่นที่ดังอยู่ตลอดเวลา พ่อกับแม่ยังคงนั่งอยู่ที่มุมเดิม แม่ถามฉันอย่างเคยชิน
“วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง? คิดถึงอนาคตตัวเองบ้างไหม?”
ฉันรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ความรู้สึกผิดเริ่มเข้าครอบงำ จึงตอบไปเพียงแค่ “ก็พอได้ค่ะ”
“ทำไมถึงยังไม่ตั้งใจเรียน? ที่เรียนอยู่นี้มันสำคัญมากนะ” แม่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ
ในใจของฉันเต็มไปด้วยความสับสน ฉันอยากจะพูดออกไปว่า “แม่ครับ/ค่ะ ฉันไม่ชอบมันเลย ฉันอยากทำอย่างอื่นที่ฉันรัก” แต่ว่ามันเหมือนกับคำพูดนั้นจะติดอยู่ในลำคอ ฉันไม่สามารถพูดออกไปได้เลย
ตอนนั้นเองที่พ่อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม “พวกเรามีความหวังกับลูกนะ เราอยากเห็นลูกมีอนาคตที่ดี อย่าทำให้พวกเราเสียใจ”
ฉันมองหน้าพ่อและแม่ แล้วตอบกลับไปในน้ำเสียงที่เบาหวิว “ผม/ฉันจะพยายามครับ/ค่ะ” แต่ในใจกลับรู้สึกเหมือนถูกบีบคั้นอย่างหนัก
หลังจากนั้น ฉันเดินขึ้นไปในห้องของตัวเอง พยายามจะหาทางหลบหนีจากคำพูดของพ่อแม่ ความคิดที่วกวนอยู่ในหัวก็คือ การใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความกดดันและคาดหวังจากคนรอบตัว
“แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้เป็นตัวของตัวเอง?” ฉันถามตัวเองเบาๆ ขณะนั่งอยู่บนเตียง มองไปนอกหน้าต่างที่ตอนนี้เริ่มมืดไปแล้ว
ในขณะที่กำลังนั่งอยู่ในความเงียบของห้องนอน จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเป็นข้อความจากเพื่อนคนหนึ่งที่ฉันเคยคุยเรื่องการทำ YouTube และการเดินตามความฝัน
“เฮ้! สู้ๆ นะ! เราเชื่อในตัวเธอ อย่าหยุดฝันเด็ดขาดนะ”
ข้อความนั้นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีใครสักคนที่เข้าใจและเชื่อในตัวฉัน ความรู้สึกที่ขาดหายไปนานกลับมาอีกครั้ง ฉันเริ่มคิดถึงสิ่งที่อยากทำจริงๆ แล้วหันไปมองกระดาษที่ฉันเคยเขียนแผนการทำงานเกี่ยวกับการทำ YouTube ไว้หลายเดือนก่อน
เสียงในใจดังขึ้นอีกครั้ง "ถ้าไม่เริ่มตอนนี้จะเริ่มเมื่อไหร่?"
คำถามนั้นทำให้ฉันเริ่มคิดอย่างจริงจัง ฉันรู้ดีว่าการเลือกที่จะเดินตามความฝันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากยังไม่ลองเริ่มในวันนี้ วันพรุ่งนี้อาจจะไม่มีโอกาสให้เริ่มอีกแล้ว
คืนนี้ฉันจึงตัดสินใจในใจว่า ถึงเวลาที่ฉันจะต้องเผชิญหน้ากับความกลัว และเริ่มทำตามสิ่งที่ตัวเองอยากทำอย่างจริงจังเสียที แม้จะต้องเสี่ยงกับการต่อต้านจากพ่อแม่และความไม่เข้าใจจากคนรอบข้าง แต่ฉันเชื่อว่าการได้ทำในสิ่งที่รัก จะทำให้ฉันมีความสุขและสามารถมีชีวิตที่เป็นตัวของตัวเองได้ในที่สุด
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments