นักรบแห่งภูผา

“ฆ่ามัน…อย่าให้พวกมันรอดไปได้แม้แต่คนเดียว” 

“อย่า…อย่าทำพวกเขา…พวกเขาแค่มาช่วย”

“ท่านพ่อท่านพ่อกลับมาแล้วท่านพ่อมีของมาฝากชิงชิง หรือไม่เจ้าคะ?”

หัวหน้าเผ่ายื่นดอกไม้ที่เก็บจากข้างทางมาให้บุตรสาวที่มีนามว่าชิงชิง หญิงสาวที่โตเต็มวัยใบหน้างดงาม แต่ว่านางทำเหมือนกับตนเองมีอายุเพียงแค่สามขวบเท่านั้น หัวหน้าเผ่าเล่าเรื่องราวให้สตรีที่อยู่ ภายในหมู่บ้านฟัง ทุกคนเข้าใจ ว่าเป็นการเข้าใจผิดและอภัยให้ แต่มีเพียงหญิงคนหนึ่งในชนเผ่าที่ไม่ยอม และเอะอะโวยวายจะเอาเรื่องให้ได้ นั่นก็คือ ซูเม่ย นางไม่สามารถยอมรับการจากไปของพี่ชายได้จากการสู้รบในครั้งนี้ และเคียดแค้นองค์ฮ่องเต้ของแคว้นฉู่

“ท่านหัวหน้า ทำไมพาพวกนี้กลับมา ในเมื่อการทำสงครามแพ้แล้ว หากแม้ท่านไม่สังหารตัวเองตามกฎข้าก็จะไม่ตำหนิท่านเลย กลับมา ดูแลครอบครัวของท่านข้าจะไม่ไม่โกรธและไม่กล่าวโทษว่าเป็นความบกพร่องของท่านเลยแม้แต่น้อย แต่ท่านคิดได้อย่างไรถึงได้พาศัตรูที่ทำร้ายบุตรสาวของท่านกลับมาด้วย”

“ สามหาวพวกข้ามิได้ทำร้ายพวกเจ้าแต่พวกเจ้าบุกไปทำร้ายพวกข้าก่อน”

“ถ้าพวกเจ้าไม่เข้ามาบุกรุกทำร้ายและ พวกข้าก่อนพวกข้าจะทำเช่นนั้นหรือการเป็นอยู่ยากแค้นแสนเข็ญในแต่ละปีนั้นผลผลิตทางการเกษตรและสมุนไพรป่าหาได้มาเท่าไหร่ก็ส่งเข้าไปให้ ในพระราชวังเพื่อเป็นเครื่องบรรณาการแก่ฮ่องเต้โลภมากไม่รู้จักพอเพียง และเพียงพอกับสิ่งที่มีอยู่เรียกเก็บเครื่องบรรณาการเพิ่มขึ้นทุกปีทุกปี เมื่อไม่ได้ตามที่กำหนดก็ส่งทหารมาทำร้าย ครอบครัวไหนไม่มีเครื่องบรรณาการส่งทหารพวกนั้นก็จับ หญิงสาวในหมู่บ้านที่พอจะมีใบหน้างดงามส่งไปขายที่หอนางโลม การกระทำของฮ่องเต้แคว้นฉู่ช่างโหดร้ายป่าเถื่อนสิ้นดี”

ในขณะที่ซูเม่ยได้พูดระบายความแค้นออกมา นั้นนางได้หยิบบางสิ่งออกมาจากเอว นางวิ่งถลาเข้ามาที่องค์รัชทายาท ทันทีในมือของนางมี มีดพกเล็กๆที่นางพกติดตัวไว้ตลอด แต่ยังไม่ทันถึงตัวขององค์รัชทายาท หลิงเอ๋อ ได้จับแขนและเตะเข้าที่ขา จนนางล้มพับลงไป

“เจ้าเป็นบุรุษ แต่กล้าทำร้ายสตรี เจ้าคนชั่วไร้ศักดิ์ศรี”

“ เจ้ารู้หรือไม่ว่า การถืออาวุธวิ่งเข้าใส่องค์รัชทายาทซึ่งเป็นพระโอรสของฮ่องเต้ นั้นมีโทษสถานใด?”

“อย่า หลิงเอ๋อ นางแค่เสียใจที่สูญเสียพี่ชายไปเท่านั้น”

ซูเม่ย ฟุบหน้า ร่ำไห้ลงกับพื้นดินพร้อมทั้งทุบกำปั้นตะบันใส่พื้นอย่างแรงหลายครั้ง จนมือเล็กๆบอบบางนั้นโชกไปด้วยเลือด ด้วยความคับแค้นและเสียใจ หลิงเอ๋อนั่งลงข้างๆ ซูเม่ย แล้วจับมือของนางที่มีบาดแผลขึ้นมาทำความสะอาดแล้วพันแผลให้นางด้วยผ้าที่คาดอยู่บนหัวของหลิงเอ๋อ

“แม่นางอย่าโกรธเคืองพวกข้าเลยพวกข้าก็แค่ทำตามหน้าที่ ส่วนพี่ชายของเจ้านั้นก็ได้ทำตามหน้าที่ของเขาอย่างกล้าหาญ จนวินาทีสุดท้าย ถ้าพวกข้ามีทางเลือก ก็คงมิต้องมาห้ำหั่น ฆ่าฟันกันจนต้องสูญเสียตั้งมากมายถึงเพียงนี้ ทหารฝ่ายข้าก็ล้มตายไปมาก ลูกเมียที่อยู่เฝ้ารอก็คงเสียใจไม่แพ้เจ้าเช่นกัน องค์รัชทายาทต้องการสืบหาความจริง เพื่อที่จะไปจัดการกับต้นเรื่อง คนพวกนั้นต่างหากที่เจ้าควรจะแค้นเคือง ฮ่องเต้มิได้รู้เรื่องอันใด ฎีกาคำร้องเรียนของพวกเจ้ามิได้ส่งถึงพระหัตถ์ของพระองค์เลยแม้สักฉบับเดียว ข้าเป็นพยานได้ ข้าคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีใครอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ และพวกข้าจะช่วยกันสืบหาเรื่องนี้เอง และจะคืนความยุติธรรมให้กับเจ้า”

ซูเม่ย เงยหน้ามองหลิงเอ๋อ ด้วยคราบน้ำตาที่ยังคงอาบเลอะอยู่บนใบหน้า หลิงเอ๋อ ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้นางก่อนที่จะก้มลงไปประคอง และกอด ซูเม่ย เพื่อเป็นการปลอบโยน ร่างกายสั่นสะท้านจากแรงสะอื้นจนตัวโยน เมื่อซูเม่ย ปล่อยความทุกข์ข่มขืนออกมาจากการร้องไห้อีกครั้ง

“ในครั้งนี้หลิงเอ๋อ พูดเยอะมากกว่าทุกครั้ง จนกระหม่อมรู้สึกทึ่ง”

การประชุมอย่างลับ ๆ ระหว่างหัวหน้าชนเผ่าและองค์รัชทายาทกับองครักษ์ทั้งสามได้ดำเนินขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อได้เห็นหลักฐานจากสมุดบันทึกที่หัวหน้าชนเผ่าขโมยเอาไปพร้อมกับทรัพย์สินที่ปล้นไปด้วยความคับแค้นใจ

“รายชื่อพวกนี้คือคนของท่านเสนาบดีหลี่ทั้งนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นข้าราชบริพารที่อยู่ภายในวังหลวงและบางส่วนก็กระจายเป็นเจ้าเมืองหลายเมืองทั่วทุกหัวเมือง อำนาจของท่านเสนาบดีหลี่ นั้นมีมากมายจนไม่สามารถที่จะควบคุมได้ คงยากที่จะกำจัดเขาในเวลาอันสั้น”

“แต่ว่าพระองค์จะทำอย่างไรดี กับพวกที่มีรายชื่อในสมุดบันทึกเล่มนี้ล่ะพะยะค่ะ?” 

“ไม่ยากถ้าจะนำสมุดบันทึกนี้ส่งให้เสด็จพ่อแล้วก็ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ไต่สวน ให้พวกเขายอมรับสารภาพ ว่าใครอยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ อาจจะไม่ได้มีเพียงชนเผ่านี้ที่โดนกระทำ แต่อาจจะมีอีกหลายพื้นที่ ทุกแคว้นที่ต้องส่งเครื่องบรรณาการ ให้กับแคว้นฉู่ ข้ารู้มาว่ามันคือธรรมเนียมสืบทอดต่อกันมาว่า ลายแคว้นที่อยู่ใต้อานัทของแคว้นฉู่ ต้องส่งเครื่องบรรณาการมาให้ฮ่องเต้ทุกๆปีนั้นมิได้มากมายเช่นนี้เพียงหนึ่งใน สิบส่วนเท่านั้นที่ฝ่าบาทต้องการเพื่อเอามาบำรุงแคว้นฉู่ แต่ในสมุดเล่มนี้ได้บันทึกจด มีทั้งรายชื่อ และรายรับจากเงินภาษีประชาชน และเครื่องบรรณาการ มากมายกว่าที่สมุดบันทึก ขอฮ่องเต้ที่เคยให้ข้าดู”

ภายในเรือนของ ซูเม่ย ซึ่งมีหลิงเอ๋อ นั่งเฝ้าดูแลนางอยู่ ซูเม่ย หลับไปแล้วเพราะคงเหนื่อยจากการร้องไห้มาทั้งวัน องครักษ์หญิง หลิงเอ๋อ ได้ยินฝีเท้าของใครบางคน อยู่หน้าเรือนของซูเม่ย นางฟ้าดาบที่วางอยู่ข้างกาย จับมันไว้ให้แน่นกระชับมือ ยังไม่ทันที่หลิงเอ๋อจะชักดาบออกมา

“ผลั๊วะ……!...ซุ…ซุ ซูเม่ย…น้องพี่”

บุรุษผู้นั้นล้มลงโลหิตไหลโชคเต็มกายของเขาแล้วแน่นิ่งไป ซูเม่ย ตกใจตื่นตั้งแต่บุรุษผู้นี้ผลักประตูเข้ามา นางถลาเข้าไปกอดร่ำให้หนักกว่าเดิม

“ท่านพี่…ท่านพี่ ซีอัน ของข้า กลับมาแล้วท่านนักรบท่านช่วยท่านพี่ของข้าด้วย”

“ถ้าคิดว่าพี่ชายของเจ้าคงสลบไปจากการเสียเลือดมาก เมื่อฟื้นขึ้นมา เห็นว่าทุกคนตายหมดแล้วและคงกระเสือกกระสนกลับมาหาเจ้าทั้ง ๆที่ร่างกายบอบช้ำ และสาหัสเยี่ยงนี้ แต่ข้ามิใช่หมอคงช่วยรักษาเขาไม่ไม่ได้หรอก องค์รัชทายาท คงมียาประจำตัวของพระองค์เป็นแน่ พวกท่านคงไม่ออกมารบโดยที่ไม่ พกยารักษาแผลและอาหารมาหรอกใช่หรือไม่?”

“ไม่ได้ข้าบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ เจ้าก็ไปหาหมอมาช่วยพี่ชายของเจ้าเองสิหมดธุระของข้าแล้ว”

“ท่านช่างไร้น้ำใจยิ่งนักเป็นบุรุษได้อย่างไร”

หลิงเอ๋อ รีบออกไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายทั้งสองโดยที่มิได้เอ่ยปากขอยาจากองค์รัชทายาท เพราะยาที่ติดตัวของพระองค์มานั้น มีไว้เพียงรักษาผู้ที่อยู่ในราชวงศ์เท่านั้น สามัญชนธรรมดาไม่มีสิทธิ์ที่จะได้แตะต้อง องค์รัชทายาทเห็นความแปลกๆลุกลนของหลิงเอ๋อ ที่แอบเข้ามาปลูก ติงลี่ แล้วชักชวนกันออกไปอย่างเงียบกริบ จึงปลุกให้ ตงหยาง ลุกขึ้นแล้วสะกดรอยตามสองคนนั้นไป

“เจ้าจะพาข้าไปไหนหลิงเอ๋อ ข้าง่วง กำลังนอนอย่างสบายใจช่างขัดใจข้าเหลือเกิน”

“เลิกบ่นแล้วตามมาเถอะ หัดทำความดีบ้างสิ มีคนบาดเจ็บอยู่ในนั้น เราจะทำเยี่ยงไร ไม่มียารักษาแผล และสมานแผลเลยหากทิ้งไว้เช่นนี้ เขาตายแน่ พี่ชายของซูเม่ย ยังไม่ตายเขาหอบสังขารกลับมาเพื่อมาหาน้องสาวท่านพี่ช่วยไปดูเขาหน่อยเถิด”

ติ่งลี่รีบเข้าไปเขาจะถอดอาภรณ์ของ ซีอัน พี่ชายของซูเม่ย อย่างร้อนรน บาดแผลฉกรรจ์จากการถูกฟันด้วยดาบที่คมกริบ ยาวจากด้านหน้าช่วงไหล่พาดยาวลงมาจนถึงหน้าท้อง ซีอัน ยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ลมหายใจของเขาเริ่มอ่อนลงเรื่อย ๆ เพราะการติดเชื้อที่บาดแผลเริ่มจะลุกลาม

“ท่านนักรบท่านช่วยพี่ชายข้าด้วย ฮือ ๆ ๆ ๆ ข้าเหลือพี่ชายเพียงคนเดียวอย่าให้เขาตายได้ไหม?”

“ข้าจะทำอย่างไรได้เล่าแม่นาง เพราะข้ามิใช่ท่านหมอ”

“พวกเจ้ากำลังทำกระไรกันอยู่”

“องค์รัชทายาท คือ คือว่า บุรุษผู้นี้คือพี่ชายของแม่นาง ซูเม่ย ที่รอดชีวิตกลับมาพะยะค่ะ เขาได้รับบาดเจ็บ แต่ดูอาการแล้วไม่น่าจะพ้นคืนนี้ ที่นี่อยู่ห่างไกลจากโรงหมอมากนัก แผลของเขาเริ่มจะติดเชื้อ ไม่มียารักษาแผล และยารักษาโรคอื่นๆในหมู่บ้านนี้เลย พวกเราคงทำได้ เพียงแค่เฝ้ามองเขาสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตา”

“พวกท่านช่างไร้น้ำใจนัก ข้าจะพาท่านพี่ไปโรงรักษาในตัวเมืองก็ได้ อึบ ๆ ๆ”

ซูเม่ยพยายามจะแบกพี่ชายไปหาโรงหมอ

“พอเถิดแม่นาง ซูเม่ย วางเขาลงเถิดกว่าเจ้าจะแบกเขาไปถึงตัวเมืองเขาก็คงขาดใจไปแล้ว ถ้าจะช่วยเขาเองแต่ว่าถ้าไม่แน่ใจว่าจะช่วยได้สักแค่ไหนนะ”

“นั่น…!...พระองค์ ยานั่น คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์ได้ใช้พะยะค่ะ”

“หากว่ามันจำเป็น ข้าก็ต้อง เลือกกระทำในสิ่งที่มันถูกต้อง และต้องช่วยชีวิตของคนเสียก่อน ยานี้เป็นของข้าแล้ว ข้ามีสิทธิ์ที่จะให้กับผู้ใดก็ได้ พวกเจ้าช่วยหาน้ำอุ่นมาชุบน้ำแล้วเช็ดคราบเลือด ที่แห้ง เกรอะกรังอยู่รอบๆแผลของเขาออกเสียให้หมด”

“พะยะค่ะ”

ยาที่ถูกบดเป็นผงถูกนำมาผสมกับน้ำอุ่นแล้วโปะไว้ที่บริเวณบาดแผลจนทั่ว และอีกหอที่เหลือนั้น เป็นยาสำหรับต้ม เพื่อแก้อาการอักเสบและช้ำใน องค์รัชทายาท ให้ ซูเม่ย นำไปต้ม เพื่อให้พี่ชายของนางได้ดื่มกิน

“ถ้าหากว่าวันรุ่ง พี่ชายของเจ้าไม่ฟื้น ผ้าก็จนปัญญา ถ้าหากว่ายาที่ดีที่สุด ไม่สามารถรักษาเขาให้หายได้ เจ้าก็คงต้องทำใจนะ”

“หม่อมฉันขอบพระทัยพระองค์เพคะ ถ้าหากว่าท่านพี่ฟื้นขึ้นมาได้ ถ้าจะยอมทำทุกอย่างที่พระองค์ต้องการ จะให้หม่อมฉันตามไปเป็นทาสรับใช้ของฉันก็ยอมเพคะ”

“ข้ามิได้หวังสิ่งใดจากพวกเจ้า ผู้ชายที่ออกไปรบได้สิ้นชีพกันหมดแล้ว เหลือเพียงเด็กๆที่กำลังจะเติบโตรุ่นต่อไป ค่าจัดส่งทหารที่ข้าไว้ใจมาฝึกฝน และคอยคุ้มกัน เจ้าเด็กพวกนี้ เพื่อที่จะได้คอยปกป้องดินแดนที่พวกเจ้าอาศัยอยู่ให้สืบต่อไป และต่อไปภายภาคหน้า เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”

“ครืดดด …ครอก ๆ ๆ ฟี๊….”

สายตาของคนทั้งห้ามองไปยังเจ้าของเสียงกรนนั้น

“ท่านพี่ ติงลี่ มิใช่เพลามานอนหลับนะ”

“อือ…ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าเหนื่อยและเพลียมากๆเลยขอนอนก่อนแล้วนะ”

“ปล่อยให้เขานอนอยู่ที่นี่แหละเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจักดูแลเขาเอง”

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะอยู่กับแม่นางซูเม่ย ส่วนท่านพี่ ตงหยาง ก็ไปเฝ้าอารักษ์ขาองค์รัชทายาทเถิด”

ภายในห้องพักที่หัวหน้าชนเผ่าจัดไว้ให้องค์รัชทายาท ฟางจิง นั้นเป็นเพียงห้องเล็กๆตามอัตภาพ แต่องค์รัชทายาท ฟางจิง ก็มิได้ขัดข้องแต่อย่างใด บุรุษที่นั่งขัดสมาธิ กอดอกนั่งเฝ้า องค์รัชทายาท ได้เผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ เขารู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลียมาก ร่างใหญ่กำยำของเขา เอนพิงกับผนังห้องจนหลับไป ดาวประจำกายยังคงกอดไว้แน่น เพื่อปกป้ององค์รัชทายาทรูปงามและมีกลิ่นกายที่หอมหวาน ดั่งดอกไม้ ด้วยชีวิตของเขา องค์รัชทายาทฟางจิง ลืมตาขึ้นมาในตอนเกือบรุ่งสาง เขาขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ จับศีรษะขององครักษ์พาดพิงกับไหล่ของเขา ก่อนที่จะนำผ้าห่มมาคลุมให้องครักษ์ ตงหยาง ความสุขและความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่ว หัวใจขององค์รัชทายาทนั้นเต้นแรง มือนิ่มเอื้อมไปคว้ามือที่ใหญ่และสาก มีแต่ร่องรอยบาดแผล และรอยด้านจากการใช้ดาบ องค์ราชทายาท ฟางจิง แอบขโมยจูบเบาๆที่ริมฝีปากหยักได้รูปของ ตงหยาง ในขณะที่เขาหลับสนิท

“ข้าต้องขออภัยต่อเจ้า แต่ข้ามิอาจต้านทานความน่ารักของเจ้าได้ไหวจริงๆ”

ดวงตาที่ปิดสนิทของตงหยาง เริ่มกระพริบและค่อยๆลืมตาขึ้นมาเมื่อปรับกับแสงสว่างที่อยู่ภายนอก ได้ ผ้าคลุมที่อยู่บนร่างกายของเขานั้น เขามองแล้วยิ้มออกมา ตงหยาง ผลุนผลันลุกขึ้นออกไปโดยเร็วเพื่อตามหาองค์แล้วจะทายาท แสงสว่างทำให้บรรยากาศที่สดใสบนภูเขาแห่งนี้ ช่างสดชื่นและสวยงามจนนักรบทั้งสี่ไม่อยากกลับวังหลวงที่วุ่นวายอีกต่อไป

“พระองค์ทรงมายืนมองกระไรอยู่บนนี้พะยะค่ะ หน้าผาที่สูงชันเช่นนี้มันอันตรายมากพลาดเพียงนิดเดียวก็อาจจะตกลงไปได้”

“ถ้าหากว่าข้ามิได้ อยู่ในวังหลวงแล้วข้าจะมาอยู่ที่นี่ ข้าชอบที่แห่งนี้ เจ้าจะมาอยู่กับข้าหรือไม่?”

“หากมีพระองค์อยู่ที่ใด ก็ต้องมีกระหม่อมอยู่ที่ตรงนั้นพะยะค่ะ กระหม่อมเคยให้คำมั่นสัญญากับพระองค์แล้วว่า ชีวิตของกระหม่อม จะเป็นของพระองค์เพียงผู้เดียว”

“แล้วเจ้ามิเคยคิดอยากออกเรือนบ้างเลยเหรอ?”

“ ไม่พะยะค่ะ เพราะกระหม่อมดีคนที่สำคัญที่สุดอยู่ตรงหน้าของกระหม่อมนี้แล้ว”

คำพูดที่กำกวม ทำให้องค์รัชทายาทรูปงามแอบคิดเข้าข้างตนเองว่า ตงหยาง อาจจะมีใจตรงกันกับพระองค์ก็เป็นได้ แต่พระองค์ก็ทำท่าทางบ่ายเบี่ยงพูดไปในเรื่องอื่น เพราะไม่อยากคิดอะไรไปไกลกว่านั้น

“เจ้าคงยังไม่เจอใครที่ถูกใจของเจ้าเจ้าถึงพูดเช่นนี้ได้ แต่เมื่อเจ้าได้เจอนางแล้วเจ้าอาจจะลืมคำพูดที่เจ้าได้เอ่ยกับข้าในวันนี้ไปสิ้น”

“องค์รัชทายาท ท่านพี่ ไปดูอะไรบางอย่างนี้สิเร็วๆ มีกองกำลัง หนึ่งกลุ่มใหญ่ กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ไม่รู้ว่าเป็นพวกโจรป่าหรือผู้ใด ก็ไม่รู้ได้พวกเราคงต้องพาพวกเด็กๆและผู้หญิงหลบซ่อน”

ติ่งลี่วิ่งหน้าตาตื่นเรียกบุรุษทั้งสองที่กำลังชมนกชมไม้อย่างสบายใจให้ไปดูอะไรบางอย่างที่น่าตื่นตระหนก

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!