รอยยิ้มที่เจ็บปวด

ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม เมื่อรักนั้นอยู่ถูกที่ถูกทาง และถูกจังหวะของมัน แต่ทว่า ไม่มีสิ่งนี้ที่เอ่ยมา กับความรักขององค์รัชทายาท ความรักที่ต้องเก็บงำมันไว้ เรือนกายที่กำลังขยับไปมา ฟาดฟันหุ่นฝึกนั้นช่างน่ากอดและสัมผัส ความคิดที่อยู่ภายในจิต สั่งการ ทำให้ตัวตนความเป็นชาย ตึงชันขึ้นเมื่อเห็นองครักษ์ ตงหยาง ปลดอาภรชั้นนอกออก เพื่อความคล่องตัวในการฝึกการต่อสู้ มวลกล้ามเนื้อหน้าท้องสีแทนมันเงา และมีเม็ดอยู่เต็มกายนั้น ทำให้องค์รัชทายาทคิดอะไรไปไกลมากมาย เมื่อตงหยาง หันมาเห็น องค์รัชทายาทฟางจิง จ้องมองมาตาไม่กระพริบ เขาก็หยุดซ้อมแล้วเดินตรงเข้ามาหา ด้วยท่าที่สง่า พาให้ผู้แอบมองยิ่งหลงไหล หัวใจนี้เต้นแรงเลือดในกายและหัวใจสูบฉีดส่งผลให้ตัวตนทางกายเริ่มเรียกร้องความปรารถนา

“ พระองค์ต้องกระหม่อมเช่นนั้นกระหม่อมทำกระไรผิดพลาดไปหรือพะยะค่ะ?”

“ปะ…ปล่าว ข้าเพียงแต่ชื่นชมฝีมือของเจ้าที่เก่งขึ้นทุกวันทุกวันจนข้ารู้สึกทึ่งมาก”

“กระหม่อมต้องการเก่งกว่านี้ อยากเก่งเท่าท่านพ่อเพื่อปกป้องพระองค์พระยะค่ะ”

“เจ้ากับหนูของเจ้าทั้งสองฝีมือก็เก่งได้อยู่แล้วไม่เห็นจะต้องพยายามให้เหน็ดเหนื่อยเยี่ยงนี้เลยพ่อเป็นห่วงเจ้า อย่าหักโหมจนเกินไป”

“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเป็นห่วงกระหม่อม”

“ ท่านพี่ตงหยาง ซ้อมดาบและมวยทุกวันกระหม่อมรู้สึกเหนื่อยแทนพะยะค่ะ เอาเวลาซ้อมไปนอนหลับพักผ่อนดีกว่าเก็บแรงไว้ใช้กำลังจริงตอนออกรถน่าจะดีกว่านะจริงไหมหลิงเอ๋อ”

องครักษ์สาวที่มีมาดดั่งบุรุษนางพยักหน้าอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าและแววตาราบเรียบ

“เพราะว่าเจ้าย่ามใจเยี่ยงนี้อย่างไรล่ะ ม้าหายแล้วค่อยล้อมรั้ว”

“ม้าที่ใดหาย….ม้าประจำพระองค์หรือพะยะค่ะ?”

“โป๊ก…!...กะล่อนท่านพ่อสั่งให้ข้าคอยอบรมความเกียจคร้านของเจ้าที่ละทิ้งการฝึกซ้อมเตรียมร่างกายให้พร้อมอยู่เสมอแต่เพราะเจ้ามัวแต่เที่ยวเล่นร่างกายขาดการได้ออกพละกำลังกาย ความสามารถในการต่อสู้จะลดถอยลง หลิงเอ๋อเป็นสตรีแท้ๆ ยังออกมาฝึกกับข้าทุกวัน แต่เจ้าข้าไม่เคยได้เห็นหน้าเห็นหาง”

“ท่านพี่ ข้าไม่มีหางสักหน่อย”

“โป๊ก…!...เจ้าคนเจ้าเล่ห์พูดไม่เคยฟัง แถไปข้างๆคูๆ นอกเรื่องไปเรื่อยถ้าเจ้าไม่ทำให้ร่างกายของเจ้าแข็งแรงอยู่เสมอถ้าจะไปมีความสามารถสู้ใครได้ เมื่อต้องออกรบแล้วโชคร้ายไปเจอผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเจ้า เจ้ามีหน้าที่คอยอารักขา องค์รัชทายาท ไม่ใช่เป็นตัวถ่วงให้พระองค์ต้องมาคอยช่วยเหลือเมื่ออยู่ในสนามรบและสิ่งที่สำคัญที่สุดหากแม้ว่าเจ้าถูกข้าศึกจับตัวเจ้าไปได้เพื่อเป็นตัวประกันนั่นหมายถึง องค์รัชยาท ทายาทจะต้องมีภัยอันตราย เพราะข้าศึกจะต้องนำตัวเจ้ามาเพื่อเป็นการต่อรองกับฝ่าบาทอย่างแน่นอน”

“เมื่อถึงเวลานั้นถ้าจะไม่มีวันให้มันได้ทำเช่นนั้นกับองค์รัชทายาทได้”

“พอเถอะอย่าถกเถียงกันเลย ถ้าจะไม่มีวันทิ้งให้เจ้าทั้งสองต้องตาย ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของข้า พวกเจ้าทั้งสองคือสหายรัก และเราทั้งสี่จะไม่มีวันทิ้งกัน มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน”

“กระหม่อมรับพระองค์จังเลยพะยะค่ะ”

ติงลี่น้องชายจอมกะล่อนของตงหยาง กอดแขนพะเน้าพะนอองค์รัชทายาททำตัวเทียบเสมอจน ตงหยาง ต้องปรามด้วยการเขกกะโหลก ไปอีกหนึ่งครั้ง

“โป๊ก โอ๊ย สามครั้งแล้วนะท่านพี่ข้าเจ็บนะ องค์ชายดูท่านพี่สิรังแกข้าตั้งแต่เด็กจนโตเขาอิจฉาข้าตลอด คงเห็นว่าพระองค์รักกระหม่อมมากกว่าเขาแน่ ๆ ใช่ไหมพะยะค่ะ?”

“ฮึ ๆ ๆ ข้ารักหลิงเอ๋อมากกว่าผู้ใดต่างหาก โต๊ะหน้าเหมือนกับก้อนหินที่เดินได้ ไม่มีความรู้สึก ไม่พูดจาและถกเถียงกับผู้ใด ตั้งแต่เล็กจนโต ข้าชอบนางยิ่งนัก เอาอย่างนี้ ข้ามีอะไรบางอย่างให้เจ้าเล่น ถ้าหากว่าเจ้าสามารถทำให้นางหัวเราะได้ ถ้าจะให้รางวัลแก่เจ้า”

“ไม่พะยะค่ะ ให้หมูออกลูกเป็นวัวแก่ยังจะง่ายกว่า แต่ว่าพระองค์จะให้กระไรเป็นรางวัลหรือพะยะค่ะ?”

“ให้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกได้ สามวันโดยไม่ต้องกลับมาซ้อม”

“ถ้าเยี่ยงนั้น มามะ ให้พี่จับเสียดีๆน้องสาว พี่จะทำให้เจ้าหัวเราะให้จงได้ ท่านพี่ช่วยข้าจับนางหน่อยสิ ถ้าจะจี้เอวมาเพื่อให้นางหัวเราะ แค่อยากได้รางวัล ที่ฝ่าบาทเสนอให้ข้า”

“เจ้าทำไปคนเดียวเถอะ หลิงเอ๋อ มีฝีมือในการใช้ดาบและอาวุธของนางไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้ ข้ามิขอเสี่ยงภัยกับเจ้า”

“ แต่ว่าองค์ชายอยากได้ยินนางหัวเราะนะขอรับเราต้องทำตามความประสงค์ขององค์รัชทายาทสิท่านพี่”

“ เพียงแค่คิดเจ้าก็ขี้โกงแล้ว องชายอยากให้เจ้า พูดหรือแสดงอะไรก็ได้เพื่อให้นางหัวเราะด้วยความขบขัน มิใช่บังคับโดยการจี้ในจุด ที่นางรู้สึกจั๊กจี้จนหัวเราะออกมามันคือการบังคับมิใช่ความสามารถ”

“ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกนะท่านพี่”

เสียงหัวเราะที่ดังแว่วมาจากสนามฝึกทำให้พระชายาที่กำลังเดินตามหาองค์รัชทายาทได้ยิน พระนางเดินตามเสียงหัวเราะนั้นมาจนถึงสนามฝึก 

“ องครักษ์ทั้งสามนั่นคงมีความสำคัญมากกว่าหม่อมฉัน หรือเยี่ยงไรพวกนั้นถึงได้มีความสามารถทำให้พระองค์ทรงพระสรวลได้ หรือว่าสตรีที่พระองค์พอพระทัยคือนักรบหญิงคนนั้น คนที่พระองค์กอดคอนางอยู่นั่น แต่นางก็ไม่ได้มีความงดงามอันใดเทียบเท่ากับหม่อมฉันได้เลย ร่างกายก็ใหญ่เท่ากับบุรุษ”

พระชายาจ้องเขม็งไปที่หลิงเอ๋อ ที่มีเพียงรอยยิ้มบางๆในขณะที่บุรุษทั้งสามกำลังหัวเราะจนท้องแข็ง องค์รัชทายาทกอดคอหลิงเอ๋อ นั่นทำให้พระชายาเข้าใจว่า องค์รัชทายาท ฟางจิง ทรงมีพระทัยชอบพอหลิงเอ๋อ เป็นแน่ เวลาผ่านไปนานหลายเดือนแล้ว หลังจากที่องค์รัชทายาทและพระชายา เยว่หลิง เข้าพิธีอภิเษก ผู้ที่โหยหาในอำนาจอย่างเสนาบดีหลี่ ได้แต่เฝ้ารอวันที่จะเห็นบุตรสาวของตนเองตั้งครรภ์ แต่ก็ไม่มีวี่แววจนกระทั่ง องค์รัชทายาทฟางจิง ออกไปรบกับเหล่าทหารรวมถึงองครักษ์สามทหารเสือคู่กายของเขา เสนาบดีรู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก ที่จะป่านนี้ข่าวดีจากพระชายายังไม่มีสักที เขาจึงต้องกดดันและบังคับพระชายา

“ท่านพ่อ จะให้ทำอย่างไรได้เจ้าค่ะในเมื่อข้าไม่อาจตั้งครรภ์ได้”

“แล้วพระนางทรงร่วมเตียงกับพระองค์กี่ครั้งแล้วพะยะค่ะ?”

“ท่านพ่อ…!...ข้าไม่ใช่แม่พันธุ์นะเจ้าคะถึงได้คอยคาดคั้นแต่เรื่องนอนกับพระองค์อยู่ได้ทุกวัน”

“มิใช่เช่นนั้น หากว่าพระชายายังมิทรงตั้งครรภ์ เมื่อเรามาถึงจุดนี้แล้วแต่ยังไม่สามารถทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ จะเป็นที่ครหา และข้ออ้าง เพื่อจะได้หานางสนมมาให้องค์รัชทายาท อีกหลายคนเป็นแน่ เมื่อมันจะเป็นพระนางที่จะต้องทรงพระทัย และสุดท้ายแล้วอำนาจจะตกไปอยู่ในมือของนางสนมคนใดคนหนึ่งที่สามารถให้กำเนิดองค์ชายได้”

พระชายา เยว่หลิง นิ่งงันไปชั่วขณะเมื่อได้คิดไตร่ตรองตามคำอธิบายของท่านเสนาบดีผู้เป็นบิดา ภาพของหลิงเอ๋อก็ปรากฏขึ้นมาจากความคิดในทันที ที่นางเห็นนั้น คือความสนิทสนมระหว่างหลิงเอ๋อและองค์รัชทายาท แววตาพลัน ลุกวาวแข็งกร้าวขึ้นมาในทันที ดังเปลวไฟจะลุกออกมาทางดวงตาของนาง เมื่อคิดได้ว่า หลิงเอ๋อคือศัตรูหัวใจของนาง

“ข้าจะไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ท่านพ่อทำเยี่ยงไรก็ได้ที่ไม่ต้องให้องค์รัชทายาทออกไปรบอีก ทหารก็มีตั้งมากมายฝีมือดีทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องให้พระองค์ออกหน้าก็ได้”

“เรื่องนั้น อาจจะเป็นไปไม่ได้หากไม่มีผู้นำออกหน้า องค์รัชทายาทจะต้องออกไปรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเราทหาร จะได้ไม่มีคนดูแคลนพระองค์ว่าขลาดเขลารักตัวกลัวตายส่งทหารไปตายแทนพระองค์”

“ก็ได้ข้าจะหาวิธีที่จะร่วมเตียงกับพระองค์ บ่อยๆ”

ท่านเสนาบดีออกไปหลังจากพูดธุระเสร็จแล้วแต่พระชายายังคงคิดหาทางออกเรื่องนี้อยู่ ดวงตาร้อนดั่งไฟเมื่อคิดถึง ว่าป่านนี้องค์รัชทายาท ฟางจิง ที่ออกรบ เคียงคู่กับหลิงเอ๋อ จะมีความสุข กันมากเพียงใด ภาพในจินตนาการขององค์รัชทายาท กับหลิงเอ๋อ ที่กำลังเล่นบทรักเร่าร้อน ระหว่างพักอยู่ที่ค่ายของทหารในสนามรบ จิตคิดปรุงแต่งขึ้นมาเองของสตรีถ้วนทั่วไปที่เป็นภรรยา ต่างระแวงผู้เป็นสวามี

“ป่านนี้แม่นางผู้นั้น ไปถึงไหนต่อไหนกับพระองค์แล้ว เมื่อถึงเวลากับข้าพระองค์ไม่มีอารมณ์ แต่กับนาง….พระองค์มีความสุขทุกครั้งที่อยู่ข้าง ๆ นาง หม่อมฉันจะไม่ปล่อยนางไว้แน่”

ที่สนามรบ

ชนเผ่าจะต่างแดนที่เข้ามาบุกรุกดินแดนของฮ่องเต้ กำลังวิ่งบุกเข้ามาในมือของแต่ละคนมีอาวุธครบครัน และด้วยฝีมือในการรบที่แข็งแกร่งนั้น ทำให้ทหารฝ่ายขององค์รัชทายาท ฟางจิง ที่จะต่อกรและควบคุมสถานการณ์ ทหารฝ่ายตรงข้ามล้มตายกันไปมาก องค์รัชทายาท ฟางจิง ยังคงถือดาบฟาดฟันศัตรูจนโลหิตท่วมท้นอยู่บนเรือนกายที่สวมชุดเกราะเหล็กป้องกัน สามทหารองครักษ์ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ไม่ห่างพระองค์เลยแม้แต่ก้าวเดียว 

“หน้าที่ของพวกเจ้ามีเพียงอย่างเดียวคือทำอย่างไรก็ได้เพื่อปกป้ององค์รัชทายาท”

นี่คือคำสั่งของหัวหน้าองครักษ์ซุนเต๋อ ผู้เป็นบิดาขององครักษ์ทั้งสาม การสู้รบดำเนินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งฝ่ายศัตรูพ่ายแพ้ไปเหลือเพียงหัวหน้าเผ่าที่กำลังจะ สังหารตัวเองให้ตาย ตามลูกน้องไป ด้วยความละอายใจและรู้สึกอัปยศเป็นอย่างมาก แต่ทว่า องค์รัชทายาทได้ห้ามและหยุดการกระทำนั้นของเขาเสียก่อน 

“เจ้า มีสิ่งใดอยากจะบอกกับองค์รัชทายาท หรือไม่?...เพราะเท่าที่ข้าได้รู้มาว่า ชนเผ่าของพวกเจ้ารักความสงบ ไม่ชอบสงครามและการต่อสู้ แต่เพราะเหตุใด พวกเจ้าถึงได้บุกมากระทำสิ่งร้ายแรงเช่นนี้”

“พวกเจ้า น่าจะรู้อยู่แล้ว ว่าพราะเหตุใด ข้าเคยส่งฎีกา ของลดหย่อน เครื่องบรรณาการที่พวกเจ้าร้องขอเพิ่มขึ้น ทุกปี ๆ จนกระทั่งพวกข้า ไม่สามารถหามาให้ได้ เมื่อไม่ได้ตามที่ต้องการ พวกเจ้า ก็มาทำร้ายพวกข้า หากถูกใจสตรีนางใดก็ฉุดคร่าข่มขืน บุตรสาวเพียงคนเดียวของข้า ต้องมีสติฟั่นเฟือนเพราะพวกเจ้าข่มเหงนาง ข้ามิอาจทนได้อีกต่อไปแล้ว เมื่อข้าพ่ายแพ้ต่อพวกเจ้า ข้าก็มิอาจกลับไปมองหน้าชาวบ้านในชนเผ่าของข้าอีกต่อไป”

“ช่วยพาพวกข้าไปที่ชนเผ่าของท่านได้หรือไม่?...ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายคนของท่าน แต่ ข้าจะขอสืบเรื่องราวความชั่วร้ายของเจ้าเมืองชั่วนั่นด้วยตัวของข้าเอง แล้วถ้าข้าได้หลักฐานเพียงพอแล้วข้าจะแก้แค้นให้ท่านเอง เจ้าเมืองชั่วนั่นหนีข้าศึกหัวหดไปอยู่ในวัง ข้านึกแคลงใจไว้ได้สักพักแล้ว ว่าต้องมีอะไรบางอย่าง มันก็เป็นจริงดังที่คาดการณ์ไว้เช่นนั้น” 

“ข้าจะเชื่อพวกเจ้าได้เยี่ยงไร?...พวกเจ้าแค่หลอกล่อหวังเพื่อจะบุกไปสังหารคนในชนเผ่าของข้า ไม่มีทาง”

“สมุดบันทึกของเจ้าเมืองนั่นอยู่กับท่านใช่หรือไม่?มันจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญว่าเจ้าเมืองนั่นทำชั่วอะไรไว้บ้าง”

“ท่านหัวหน้าเผ่า เชื่อเถอะบุรุษที่กำลังพูดคุยอยู่กับท่านนั้นคือ องค์รัชทายาท ฟางจิง แห่งแคว้นฉู่”

หัวหน้าเผ่าตกใจรีบหมอบลงกราบ องค์รัชทายาท ฟางจิง โดยเร็ว และเชื่อสนิทใจว่าพระองค์จะสามารถแก้แค้นให้เขาได้และคืนความยุติธรรมให้กับชนเผ่าของ เขา

“กระหม่อมสมควรตายพะยะค่ะแต่ความโกรธมันบังตาจนไม่รู้ว่าพระองค์จะเสด็จมาเอง หากพระองค์รับปากว่าเมื่อได้สมุดบันทึกนั่น จากกระหม่อมแล้วพระองค์จะช่วยแก้แค้น ให้กับพวกเรา กระหม่อมจะยอมพาพระองค์ไปยังชนเผ่าของกระหม่อมด้วยกันพะยะค่ะ”

ทหารที่เหลือทั้งกองทัพได้ล่วงหน้าเดินทางกลับไปยังพระราชวังและเพื่อรายงานกับองค์ฮ่องเต้ถึงเรื่องชัยชนะในการรบครั้งนี้ มีเพียงองครักษ์ทั้งสามและองค์รัชทายาทเท่านั้นที่เดินทางตามหัวหน้าเผ่าไปยังหมู่บ้านของเขาที่ตั้งอยู่บนยอดภูเขาสูงชัน การเดินทางแสนจะลำบากยากเข็ญทุรกันดาร ใช้เวลาเดินทางหลายวันจนกระทั่ง

“ถึงแล้วพะยะค่ะ พวกท่านนำหน้าไปก่อนข้าจะเก็บดอกไม้พวกนี้ไปให้บุตรสาวของข้า”

บนยอดภูเขาสูงชัน มีพื้นที่ว่างเปล่าที่กว้างใหญ่สายลมที่เย็นเนื้อเยื่อพัดผ่านปะทะกับ เรือนกายทำให้รู้สึกหนาวสะท้าน ชาวบ้านที่เหลืออยู่ภายในหมู่บ้าน ที่มีเพียงเด็กและสตรี เห็นทหารของทางการมา ก็รู้ได้ทันทีว่า ญาติพี่น้องที่ออกไปรบคงตายกันหมดแล้ว ทั้งหมดหยิบจับอาวุธคนละอย่างที่พอจะหาได้ทั้งไม้จอบเสียมและมีดที่ทำครัว เข้ามาล้อมองครักษ์ ทั้งสามและองค์รัชทายาทไว้

“ฆ่ามัน อย่าให้มันรอดไปได้…!...”

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!