บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 8-9

บทที่ 4: ดินแดนอันดีน ตอนที่ 8 : เงาสะท้อนของความริษยา

เสียงกรีดร้องขององค์หญิงนากาเรียยังคงดังก้องไปทั่ว ร่างของเธอสั่นไหวราวกับกำลังจะแตกสลาย หัวงูที่เหลืออยู่หายไปหมดแล้ว เธอคุกเข่าลงกับพื้นน้ำตื้นๆ เบื้องหน้าทีมของอาคิระ น้ำตาของเธอไหลพรั่งพรูราวกับทำนบที่พังทลาย

“ข้า…ไม่ได้ตั้งใจ…” เธอเอ่ยเสียงสั่น ดวงตาสีฟ้าของเธอเปล่งประกายเจือด้วยความเสียใจ “ข้าเพียง…อยากได้ความรักกลับคืนมา… แค่นั้นเอง…แค่นั้นเองจริงๆ…”

ยูเอะก้าวเข้ามาอย่างระมัดระวัง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสาร “เจ้าหญิง… พวกเราเข้าใจท่านค่ะ…”

“ไม่!” นากาเรียส่ายหน้ารุนแรง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “พวกเจ้าไม่มีทางเข้าใจหรอก! ข้าเคยเป็นที่รักของทุกคน แต่พวกเขากลับละทิ้งข้า หันไปชื่นชมคนอื่น! ข้าไม่ต้องการอะไรเลยนอกจาก…ข้าแค่อยากให้พวกเขาชื่นชมข้าเหมือนเดิม แม้เขาจะไม่รักข้า…ก็ไม่เป็นไร…แต่อย่าทิ้งข้าไปเลย…” น้ำเสียงเธอขาดห้วงไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลไม่หยุด

ยูเอะคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ เอื้อมมือไปจับมือขององค์หญิงเบาๆ “ท่านไม่ได้ผิดทั้งหมดนะคะ… ความรักและความชื่นชมที่ท่านเคยได้รับมันยิ่งใหญ่ แต่เมื่อพวกเขาไม่มอบมันให้…ท่านไม่สมควรแบกรับความเจ็บปวดนี้เพียงลำพังค่ะ”

มิเรลที่ยืนอยู่ไม่ไกลพยักหน้า “แม้ท่านจะทำผิดพลาดไป… แต่การขอโทษและสำนึกผิดคือสิ่งที่มีค่า ท่านสามารถเริ่มต้นใหม่ได้”

ดราโก้ก้าวเข้ามา เอ่ยเสียงหนัก “ใช่… แต่สิ่งที่ท่านทำก็เลวร้ายมาก ท่านควร…” เขาสะดุ้งและหยุดพูดทันทีเมื่อสายตาของทีมที่เหลือจ้องมาที่เขาอย่างไม่พอใจพร้อมกับเกาหัวแก้เก้อ

แต่คำพูดของเขานั้นเหมือนจะจุดไฟในใจของนากาเรียอีกครั้ง เธอลุกขึ้น น้ำตาหยุดไหล แววตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาและโกรธเกรี้ยวกลับมาอีกครั้ง “พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตัดสินข้า!?” เธอตะโกน เสียงของเธอดังก้อง ร่างของเธอแผ่พลังคาออสออกมาอีกครั้ง

กลุ่มควันสีดำพุ่งออกมาจากด้านหลังของเธอ กลายเป็นรูปหัวงูเจ็ดหัวที่ขยับอย่างรวดเร็ว ราวกับมีชีวิต มันเริ่มหมุนวนและดูดน้ำรอบๆ เข้าไป ความมืดมิดเข้าปกคลุมพื้นที่อีกครั้ง

“เธอกำลังชาร์จพลัง!” อาคิระตะโกน “นี่มันเหมือนอัลติเมตของสิงโตเพลิงที่ดราเคน! ถ้าเธอปล่อยออกมา พวกเราจะไม่มีทางรอดแน่!”

ทีมรีบว่ายหนี ยูเอะและดราโก้เข้าใจสถานการณ์ทันที แต่มิเรลที่ไม่เคยเจอกับพลังแบบนี้ตั้งตัวไม่ทัน เธอพยายามว่ายหนี แต่หัวงูเจ็ดหัวกลับพุ่งเป้าหมายตรงไปที่เธอ

“มิเรล ระวัง!” อาคิระตะโกน ก่อนจะว่ายไปหามิเรลอย่างรวดเร็ว

เสียงของปืนใหญ่น้ำดังก้องอีกครั้ง คราวนี้รุนแรงจนแผ่นดินใต้ทะเลสั่นสะเทือน ลำแสงน้ำแรงดันสูงพุ่งตรงไปยังมิเรล อาคิระเข้ามาขวางไว้ได้ทัน เขาชักดาบคู่ขึ้น ดาบขาวและดำของเขาส่งพลังออกมาต้านการโจมตี แต่ลำแสงนั้นรุนแรงเกินไป แม้เขาจะเบี่ยงทิศทางได้เล็กน้อย แต่มันก็ยังพุ่งไปทำลายเกาะแอตแลนติโน่ครึ่งหนึ่ง และยังพุ่งต่อไปจนทะลุขึ้นไปบนผืนน้ำอย่างรุนแรง เผยให้เห็นช่องว่างในทะเลราวกับถูกแหวกออกเป็นสองส่วน

ร่างของอาคิระถูกลำแสงกระแทกจนกระเด็น เขาล้มลงกับพื้นด้วยสภาพบาดเจ็บสาหัส ยูเอะรีบว่ายเข้ามาหาพี่ชาย น้ำตาของเธอไหลอาบแก้ม “พี่! พี่อย่าเป็นอะไรนะ!”

อาคิระพยายามยิ้มทั้งที่เจ็บปวด “พี่…ไม่เป็นไร ยูเอะ…” เขาพึมพำพยายามประคองตังเองไว้ไม่ให้หมดสติ

ทีมเตรียมจะโจมตีสวนกลับ แต่ร่างของนากาเรียเริ่มร้าวเป็นเสี่ยงๆ เธอมองไปยังทีมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา “พวกเจ้า…จะให้อภัยข้าได้ไหม?”

ทีมนิ่งอยู่หักหนึ่งขณะที่กำลังตกตะลึงกับภาพที่ทะเลถูกแยกเป็นสองส่วน ก่อนจะมีน้ำเสียงใสๆดังขึ้น ยูเอะพยักหน้า น้ำตายังคงไหล “เราให้อภัยท่านค่ะ ท่านไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้”

มิเรลเดินเข้ามาใกล้ “ท่านมีความผิด แต่ข้ารู้ว่าท่านเสียใจกับมัน ข้ายินดีให้อภัยท่าน”

ดราโก้พูดเสียงอ่อนด้วยความระมัดระวังขณะที่ยังไม่หยุดเกาหัวแก้เก้อ “เอ่อ...เราทุกคน...เคยผิดพลาด…”

นากาเรียมองไปที่อาคิระใกล้จะหมดสติ ดวงตาเธอสั่นไหว “แล้วเขาเล่า… เขาจะให้อภัยข้าได้ไหม…แม้ว่าข้าจะทำร้ายเขาจนเจ็บหนักแบบนี้…”

อาคิระลืมตาอย่างช้าๆ ยิ้มอ่อน “ผมให้อภัยครับ… เพราะไม่มีใครสมควรถูกปล่อยให้จมอยู่ในความมืดมิดเพียงลำพัง”

คำพูดนั้นทำให้นากาเรียหลั่งน้ำตาอีกครั้ง เธอเงยหน้ามองวิญญาณของชาวเมืองที่ค่อยๆปรากฏขึ้นรอบๆ พวกเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้ววิญญาณของเด็กเล็กคนหนึ่งก็ก้าวออกมาพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มสดใส “เรายกโทษให้ท่านค่ะ…”

เมื่อเด็กน้อยพูดจบ วิญญาณอื่นๆ ก็เริ่มพยักหน้า พวกเขากลายเป็นกลุ่มแสงสว่างที่ลอยขึ้นไปเบื้องบน ราวกับหิ่งห้อยที่ลอยล่องไปยังท้องฟ้าใต้ทะเล

ร่างของนากาเรียแตกสลาย เผยให้เห็นร่างดั้งเดิมของเธอ เธอเดินมาหาอาคิระ ละอองแสงรอบตัวเธอรวมตัวกันเป็นทรงกลมที่งดงามเหมือนกาแล็กซี เธอมอบมันให้อาคิระ “นี่คือพรของข้า… เพื่อขอบคุณเจ้าที่มอบความกรุณาให้กับข้า…”

อาคิระรับไว้ แสงนั้นรักษาร่างกายเขาจนหายเป็นปกติ นากาเรียมอบพลังเล็กๆ ให้กับยูเอะ ดราโก้ และมิเรล ก่อนที่ร่างเธอจะกลายเป็นแสงหิ่งห้อยลอยไป พร้อมรอยยิ้มที่สงบสุขที่สุดที่เธอเคยมี…

“ขอบคุณ...ขอบคุณพวกเจ้าที่ปลดปล่อยข้า...ขอบคุณจริงๆ...“

บทที่ 4: ดินแดนอันดีน

ตอนที่ 9: บันทึกแห่งความทรงจำ ชิ้นที่ 2

หลังจากการต่อสู้กับองค์หญิงนากาเรียสิ้นสุดลง ความสงบเงียบเริ่มกลับคืนมาสู่ใต้ผืนน้ำอีกครั้ง ต่างหูปริศนาสีทองที่เปล่งแสงเรืองรองลอยนิ่งอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังและฝุ่นคาออสที่ค่อยๆ สลายตัว

“ต่างหูนี้… มันต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่” มิเรลพูดพลางว่ายเข้าไปใกล้ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย

“แต่ของแบบนี้น่าจะมีเงื่อนไข” ดราโก้เสริมขณะมองต่างหูด้วยความระแวง “ของพวกนี้ไม่เคยได้มาง่ายๆ หรอก”

“ฉันจะลอง” มิเรลพูดขึ้น น้ำเสียงของเธอหนักแน่น เธอหยิบต่างหูขึ้นมาด้วยมือที่มั่นคง แม้จะมีร่องรอยความลังเลในแววตา

ยูเอะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “พี่มิเรล แน่ใจนะคะ?”

มิเรลสูดหายใจลึกก่อนพยักหน้า “ถ้ามันจะช่วยให้เราก้าวต่อไปข้างหน้า ฉันพร้อมลอง”

เธอค่อยๆ สวมต่างหูนั้น และในวินาทีที่ต่างหูสัมผัสใบหู แสงสีทองอ่อนโยนกลับเปลี่ยนเป็นสีหม่นเข้ม ร่างกายของมิเรลสะดุ้ง เธอกุมศีรษะทันทีพร้อมกับทรุดลง

เสียงกระซิบดังขึ้นรอบตัวเธอ มันเริ่มเบาๆ แต่ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเสียงตะโกน เสียงเหล่านั้นฟังดูยุยงและเสียดแทง

“เธอไม่มีวันดีพอ! เธออิจฉาคนอื่นอยู่เสมอ!”

“เธอไม่มีคุณค่า! ทุกคนในทีมนี้ไม่เห็นเธอสำคัญเลย!”

เสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมีคนนับร้อยพูดพร้อมกัน เสียงนั้นดังจนแยกแยะไม่ได้ว่ากำลังพูดว่าอะไร มันเป็นแค่เสียงโกลาหลที่อัดแน่นไปด้วยความอิจฉา

“ไม่… หยุด!” มิเรลตะโกน เธอเอามือปิดหูพยายามต้านทาน แต่เสียงเหล่านั้นไม่หายไป

“เธออิจฉา! เธออิจฉา!” เสียงเหล่านั้นตอกย้ำ ราวกับจะแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของเธอ

อาคิระและยูเอะเห็นท่าทีของเธอก็ตกใจทันที ยูเอะเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน “พี่อาคิระ! นี่มันเหมือนกับตอนที่พี่ดราโก้ลองเกราะ!”

“ใช่…” อาคิระตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาชักดาบคู่ที่เปล่งแสงสีขาวออกมา พร้อมกับว่ายไปใกล้มิเรล “ยูเอะ ช่วยฉันด้วยเวทย์แสงของเธอ!”

ยูเอะพยักหน้า ก่อนจะร่ายเวทย์แสงที่เปล่งประกายอ่อนโยนออกมาจากมือของเธอ แสงสีขาวสว่างวาบห่อหุ้มร่างของมิเรล

“หยุดฟังมัน มิเรล! เธอรู้ความจริงในใจของเธอ!” อาคิระตะโกนพร้อมใช้ดาบขาวปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์

เสียงตะโกนที่ยุยงค่อยๆ เบาลง ความอบอุ่นจากแสงทำให้มิเรลเริ่มได้สติ เธอกุมต่างหูที่ยังคงติดอยู่กับตัวและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฉัน…ไม่อิจฉา… ฉันไม่เคยอิจฉาพวกเธอ!”

ทันใดนั้น เกราะแห่งความสุขุมของอาคิระที่อยู่ใกล้ๆ เริ่มเรืองแสงอ่อนๆ พลังของเกราะแผ่ขยายออกมาเป็นออร่าสงบเย็น มันสัมผัสถึงพลังที่แฝงในต่างหู ต่างหูเริ่มคลายตัวและหลุดออกจากมิเรลในที่สุด ยูเอะรับต่างหูนั้นไว้

เธอทรุดลงกับพื้น หายใจหอบหนัก ใบหน้าของเธอซีดเซียว ยูเอะรีบเข้าไปช่วยประคอง “พี่มิเรล! คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”

มิเรลพยักหน้าอ่อนๆ “ฉัน…ไม่เป็นไร…แต่…มันรุนแรงกว่าที่คิดไว้มาก”

อาคิระมองดูต่างหูด้วยท่าทางระมัดระวัง เขาจ้องมองมันอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้น “ต่างหูนี้…มันเหมือนกำลังทดสอบความอิจฉาในจิตใจ… และใครที่ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ จะต้องเผชิญกับความทรมานแบบนั้น”

ดราโก้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลพยักหน้า “มันเหมือนกำลังบอกเราว่า ใครที่เหมาะสมที่สุดถึงจะครอบครองมันได้”

อาคิระมองต่างหูในมือของเขา และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “บางที…ผมควรลองดู”

“นายแน่ใจเหรอ?” มิเรลถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า แต่เต็มไปด้วยความกังวล

“ถ้ามันจะบอกอะไรบางอย่างให้เราเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ผมยินดีที่จะลอง” อาคิระตอบ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

ยูเอะยิ้มให้กำลังใจ “พี่อาคิระ ถ้าใครจะผ่านมันได้ ก็ต้องเป็นพี่แน่นอนค่ะ”

อาคิระสูดลมหายใจลึก ก่อนจะค่อยๆ แตะต่างหู ทันใดนั้น แสงสีทองสว่างวาบ ร่างของเขาหายวับไปในมิติแห่งความทรงจำ…

ภาพเลือนหายไป เหลือเพียงอาคิระที่ลืมตาขึ้นในมิติความทรงจำ เขายืนนิ่ง สายตาเต็มไปด้วยคำถามและความมุ่งมั่นที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ เขารู้แล้วว่าเรื่องราวนี้ยังไม่สิ้นสุด… มันคือเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

เมื่ออาคิระสัมผัสต่างหู แสงสีทองสว่างวาบปกคลุมร่างของเขา รู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่มิติอื่น ความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ดวงตาของเขาเบิกโพลง ขณะที่ภาพรอบตัวเปลี่ยนจากความมืดมิดเป็นแสงจันทร์ที่เลือนราง

เสียงลมหนาวพัดผ่าน ทำให้บรรยากาศดูเย็นยะเยือก อาคิระพบว่าตัวเองยืนอยู่ในห้องเล็กๆ ที่ดูเก่าคร่ำคร่า เฟอร์นิเจอร์ไม้เรียบง่ายถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ แต่ในบรรยากาศนั้นกลับมีบางสิ่งที่บีบคั้นหัวใจ

ชายคนหนึ่งในชุดเกราะสีดำยืนอยู่กลางห้อง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยความเครียด และดวงตาคมกริบจ้องมองไปยังหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอคือเอเลนาร์ ไวท์ฟอร์ด ผู้มีดวงตาสีฟ้าและใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“กาเอล…ฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณ” เอเลนาร์พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เธอยื่นกระดาษแผ่นเล็กในมือให้ชายตรงหน้า

กาเอล วาร์เดน รับกระดาษนั้นมาอ่าน ดวงตาของเขากวาดมองข้อความบนกระดาษอย่างระมัดระวัง

“พวกเขาจับตัวอาจารย์ของฉันไป… พวกเขากล่าวหาว่าท่านสมรู้ร่วมคิดกับผู้ทรยศ ทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย!” น้ำเสียงของเอเลนาร์เต็มไปด้วยความโกรธและเจ็บปวด “ฉันมั่นใจว่าพวกนั้นวางแผนร้าย… ฉันต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยท่าน!”

กาเอลพับกระดาษและมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน แต่แฝงด้วยความหนักใจ “เธอแน่ใจแค่ไหนว่าเรื่องนี้มีเบื้องหลัง? การเผชิญหน้าพวกเขาอาจทำให้เธอถูกลากเข้าสู่อันตราย”

“ฉันไม่มีทางเลือก” เอเลนาร์ตอบ น้ำเสียงหนักแน่น “ความจริงต้องถูกเปิดเผย ไม่ว่ามันจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม”

กาเอลถอนหายใจหนัก เขามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะช่วยเธอ”

ภาพเปลี่ยนไป ทั้งสองกำลังเดินทางในยามค่ำคืน แสงจันทร์ส่องลงมาบนทางเดินที่ปกคลุมด้วยเงามืด พวกเขามุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ระบุไว้ในกระดาษ

เสียงฝีเท้าดังก้องในความเงียบงัน จนกระทั่งพวกเขามาถึงประตูไม้เก่าคร่ำ พวกเขาผลักประตูเปิดออก เผยให้เห็นห้องลับที่เต็มไปด้วยบันทึกและอุปกรณ์การทดลอง

“นี่มัน…” เอเลนาร์พึมพำ ขณะที่เธอกวาดสายตามองสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า

“หลักฐานทั้งหมดที่พวกเราต้องการ…” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “นี่คือการทดลองไข่ดันเจี้ยนจากพลังคาออส… และแผนการยึดครองศรัทธา 12 ดวงดาว!”

กาเอลยืนเฝ้าประตู ขณะที่เอเลนาร์รีบเก็บบันทึกที่จำเป็น เธอจับเอกสารชิ้นหนึ่งที่เต็มไปด้วยร่องรอยการสมรู้ร่วมคิดของผู้มีอำนาจ

“เราต้องรีบออกไปจากที่นี่ ก่อนที่พวกมันจะรู้ตัว” กาเอลเอ่ยพร้อมกับเตรียมดาบในมือ

ทันใดนั้น เสียงทุบประตูดังลั่น จากด้านนอก

“เปิดประตูเดี๋ยวนี้! เรามีหมายค้น!”

เอเลนาร์เบิกตากว้าง เธอหันไปมองกาเอลด้วยความตื่นตระหนก เขาพยักหน้าให้เธอ “หนีไป ฉันจะถ่วงเวลาให้”

“แต่คุณ…” เอเลนาร์ลังเล

“ไปซะ!” กาเอลพูดเสียงหนักแน่น

เอเลนาร์คว้ากระเป๋าเอกสารและหนีออกไปทางหน้าต่างด้านหลัง เธอวิ่งหายไปในความมืด ขณะที่กาเอลยืนหยัดอยู่ที่ประตู ดาบในมือของเขาเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ประตูถูกพังลงด้วยแรงกระแทก กองกำลังในชุดเกราะทองคำกรูเข้ามา กาเอลยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“ยอมจำนวนซะ เธอหนีไม่รอดหรอก เจ้าคนทรยศ!” หนึ่งในพวกนั้นตะโกน

กาเอลพุ่งเข้าปะทะ เขาฟาดดาบในมือด้วยความแข็งแกร่ง แม้จะมีคู่ต่อสู้มากมาย แต่เขาไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว

“ข้าจะไม่ยอมให้ใครแตะต้องเธอ!” เสียงของเขาดังก้อง

แต่ในที่สุด กำลังของเขาก็หมดลง เขาถูกรุมจับและถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศ น้ำตาไหลลงมาบนใบหน้าเมื่อเขามองเงาของเอเลนาร์ที่วิ่งหายไปในความมืด

“เรื่องราวนี้จะไม่จบลงที่ฉัน… ความจริงต้องถูกเปิดเผย” เขาพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

ภาพค่อยๆ เลือนหายไป อาคิระลืมตาขึ้นในมิติความทรงจำ หัวใจของเขาหนักอึ้งกับสิ่งที่ได้เห็น ความเจ็บปวดของกาเอล ความมุ่งมั่นของเอเลนาร์ ทั้งหมดนี้ทำให้เขารู้ว่ามีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่รอให้เขาค้นพบ

เมื่อเขากลับมาสู่ความเป็นจริง เพื่อนร่วมทีมมองเขาด้วยสายตาสงสัย “นายเห็นอะไร?” มิเรลถาม

อาคิระสูดหายใจลึก ขณะที่คำพูดเริ่มหลุดออกมาจากปากเขาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่หนักแน่นในความรู้สึก

“ผมเห็นผู้คนที่ต่อสู้เพื่อความจริง… พวกเขาแบกรับความเจ็บปวดและเสียสละทุกอย่างเพื่อปกป้องสิ่งสำคัญ แม้แต่ในยามที่โลกทั้งใบหันหลังให้พวกเขา”

ดราโก้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าไง? พวกนั้นเกี่ยวอะไรกับเราหรือเปล่า?”

อาคิระพยักหน้าเบาๆ “ผมยังไม่แน่ใจทั้งหมด แต่คนที่ผมเห็น… พวกเขาเหมือนกำลังบอกอะไรบางอย่างกับเรา ความจริง… บางสิ่งที่ถูกซ่อนเร้นอยู่”

มิเรลฟังแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ เธอมองไปที่ต่างหูที่ยังคงเรืองแสงอยู่ในมือของอาคิระ “บางทีต่างหูนี้อาจเป็นกุญแจที่พาเราเข้าใกล้คำตอบของสิ่งที่เรากำลังตามหา”

“แต่มันก็น่ากลัวเกินไปเหมือนกัน” ยูเอะเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับแขนมิเรล “พี่มิเรล คุณไม่เป็นอะไรแน่ๆ ใช่ไหมคะ?”

“ฉันไม่เป็นไร” มิเรลยิ้มบางๆ แม้สีหน้าเธอจะยังดูอ่อนล้า “แต่ฉันคิดว่าอาคิระ…อาจจะเป็นคนเดียวที่เหมาะกับสิ่งนี้”

อาคิระมองต่างหูในมือของเขาอีกครั้ง เขารู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ไหลเวียนอยู่ในมัน มันไม่ใช่แค่เครื่องประดับธรรมดา แต่มันคือชิ้นส่วนของปริศนาอันยิ่งใหญ่ที่กำลังรอให้เขาเปิดเผย

ทีมจ้องมองเขาเงียบๆ พวกเขารู้ดีว่าความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังต่างหูนี้อาจเปลี่ยนทุกสิ่งที่พวกเขาเคยรู้ และเส้นทางของพวกเขาอาจจะยากลำบากยิ่งกว่าเดิม…

เลือกตอน
1 บทที่ 1: จุดเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา ตอนที่ 1 - 3
2 บทที่ 1 จุดเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา ตอนที่ 4
3 บทที่ 1 จุดเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา ตอนที่ 5 - 6
4 บทที่ 1: จุดเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา ตอนที่ 7 - 8
5 บทที่ 2 โลกที่ไม่รู้จัก ตอนที่ 1-2
6 บทที่ 2: โลกที่ไม่รู้จัก ตอนที่ 3-5
7 บทที่ 2 :โลกที่ไม่รู้จัก ตอนที่ 6-8
8 บทที่ 3 ดินแดนแห่งเปลวไฟ ตอนที่ 1-2
9 บทที่ 3: ดินแดนแห่งเปลวไฟ ตอนที่ 3-4
10 บทที่ 3 ดินแดนแห่งเปลวไฟ ตอนที่ 5-6
11 บทที่ 3 ดินแดนแห่งเปลวไฟ ตอนที่ 7-8
12 บทที่ 3 ดินแดนแห่งเปลวไฟ ตอนที่ 9-11
13 บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 1
14 บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 2
15 บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 3-4
16 บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 5
17 บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 6
18 บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 7
19 บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 8-9
20 บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 10
21 บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 11
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 21

1
บทที่ 1: จุดเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา ตอนที่ 1 - 3
2
บทที่ 1 จุดเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา ตอนที่ 4
3
บทที่ 1 จุดเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา ตอนที่ 5 - 6
4
บทที่ 1: จุดเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา ตอนที่ 7 - 8
5
บทที่ 2 โลกที่ไม่รู้จัก ตอนที่ 1-2
6
บทที่ 2: โลกที่ไม่รู้จัก ตอนที่ 3-5
7
บทที่ 2 :โลกที่ไม่รู้จัก ตอนที่ 6-8
8
บทที่ 3 ดินแดนแห่งเปลวไฟ ตอนที่ 1-2
9
บทที่ 3: ดินแดนแห่งเปลวไฟ ตอนที่ 3-4
10
บทที่ 3 ดินแดนแห่งเปลวไฟ ตอนที่ 5-6
11
บทที่ 3 ดินแดนแห่งเปลวไฟ ตอนที่ 7-8
12
บทที่ 3 ดินแดนแห่งเปลวไฟ ตอนที่ 9-11
13
บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 1
14
บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 2
15
บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 3-4
16
บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 5
17
บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 6
18
บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 7
19
บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 8-9
20
บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 10
21
บทที่ 4 ดินแดนแห่งอันดีน ตอนที่ 11

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!