บทที่ 4: ดินแดนอันดีน ตอนที่ 1: ดินแดนแห่งคริสตัลใต้สมุทร
รถไฟคริสตัลแมกม่าเคลื่อนตัวออกจากดราเคน เส้นทางที่เต็มไปด้วยลาวาและไอร้อนค่อย ๆ เลือนหายไปจากสายตา แทนที่ด้วยเส้นขอบฟ้าสีครามและกลิ่นอายของมหาสมุทรที่กำลังรออยู่เบื้องหน้า
ภายในตู้โดยสาร อาคิระนั่งมองวิวข้างทางด้วยแววตาครุ่นคิด ดราโก้เอนตัวพิงพนักเบาะพลางเอามือไขว้หลังศีรษะ ส่วนยูเอะกำลังวางมือลงบนกระจก ดวงตาสดใสของเธอจับจ้องไปที่ภาพวิวภายนอก พลางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนหวาน
“พี่คะ…” เธอหันกลับมามองอาคิระ “หนูยังคิดถึงเรื่องสิงโตเพลิงอยู่เลยค่ะ เขาเหมือนคนที่ถูกความโกรธครอบงำจนลืมตัว ลืมว่าทำไมถึงโกรธตั้งแต่แรก…”
อาคิระนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความหนักแน่น “นั่นแหละคืออันตรายของความโกรธ ถ้าเราไม่ควบคุมมัน มันจะควบคุมเราแทน”
“แต่มันน่ากลัวจริง ๆ นะ อาคิระ” ดราโก้พูดแทรกขึ้นมา เสียงของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง “ภาพติดตาฉันตอนนี้คือดาบเพลิงที่ระเบิดภูเขาไฟจนพังไปทั้งลูก… จะให้ฉันเห็นใจเขาน่ะเหรอ? ยังไงก็ไม่ไหว”
อาคิระยิ้มบาง ๆ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงสุขุม “ปู่เคยบอกไว้ว่า… ‘ความโกรธเป็นเหมือนเปลวเพลิง มันเผาทำลายทุกอย่าง แม้กระทั่งคนที่จุดมันขึ้นมา’ ถ้าเราปล่อยให้มันควบคุมเรา เราก็จะไม่มีวันเห็นแสงสว่างที่อยู่ข้างหน้า”
ยูเอะพยักหน้าเบา ๆ ดวงตาเป็นประกาย “พี่พูดเหมือนปู่เลยค่ะ หนูชอบคำพูดของปู่พี่จัง…”
ทั้งสามคนพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ รวมถึงพรจากอิกนิสที่แต่ละคนได้รับ ดราโก้หยิบสนับมือขึ้นมาดู รูนที่ถูกสลักไว้เป็นวงแหวนเปลวเพลิงดูเหมือนดอกโบตั๋นที่แฝงไปด้วยพลังอันอบอุ่น
“สนับมือนี่โคตรเจ๋งเลยว่ะ” ดราโก้เอ่ยขึ้นพร้อมกับยกขึ้นดู “พลังเพลิงไม่มีวันหมด ถึงจะไม่ได้แรงเว่อร์เหมือนนักเวทย์ แต่ฉันไม่ต้องกังวลเรื่องไฟหมดอีกต่อไป”
อาคิระมองไปที่กำไลสีแดงที่ข้อมืออีกข้างของตัวเอง ต่างจากกำไลหกสีที่เขาสวมใส่ พรแห่งเพลิงชิ้นนี้ช่วยเพิ่มพลังชีวิตและการฟื้นฟู ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจแม้ในยามต่อสู้
ยูเอะเองก็ยกมือขึ้นลูบเครื่องประดับผมเล็ก ๆ ที่สวมอยู่ รูนแห่งเพลิงของเธอแตกต่างจากของคนอื่น มันเปล่งประกายสีฟ้า ดูอ่อนโยนเหมือนแสงจันทร์ในยามค่ำ
“เครื่องประดับนี้น่ารักมากเลยค่ะ พี่อาคิระ” เธอยิ้มหวาน “แถมยังช่วยให้หนูใช้เวทย์แสงได้ดีขึ้นด้วย… พี่คิดว่ามันเหมาะกับหนูไหมคะ?”
“เหมาะมาก” อาคิระตอบทันทีพร้อมรอยยิ้ม “มันน่ารักมาก… เหมือนยูเอะเลย”
ยูเอะยิ้มกว้าง ใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อยก่อนรีบหันไปมองวิวข้างทางแทน
เมื่อมาถึงสถานีเซเรน่า จุดเชื่อมต่อระหว่างโลกบนพื้นดินและอันดีน ทั้งสามคนตื่นตากับสถานีใหญ่ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ร้านค้า และเสียงประกาศจากลำโพง สถานีนี้คือศูนย์กลางสำหรับการเปลี่ยนเส้นทางไปยังเรือดำน้ำที่จะพาพวกเขาสู่เมืองใต้น้ำ
หลังจากเลือกซื้ออาหารทะเลเป็นมื้อกลางวัน ยูเอะตื่นเต้นจนอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “พี่อาคิระคะ ปลาหมึกนี่สดมากเลย! หนูไม่เคยกินอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน”
“อย่ากินจนหมดเงินเดินทางล่ะ” ดราโก้พูดพลางหัวเราะ
เมื่อมาถึงท่าเรือ พวกเขาได้เห็นเรือดำน้ำที่น่าทึ่ง รูปลักษณ์ของมันเหมือนปลาวาฬสีน้ำเงินขนาดใหญ่ ทำจากคริสตัลที่เปล่งประกาย พวกเขาเดินผ่านทางเข้าที่ดูเหมือนปากปลาวาฬ ก่อนจะพบกับภายในที่หรูหราดุจโรงแรมห้าดาว
“นี่มันสุดยอดไปเลยค่ะ!” ยูเอะเอ่ยอย่างตื่นเต้น
“อันดีนต้องมีอะไรน่าสนใจกว่านี้อีกแน่” อาคิระตอบพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อเรือเริ่มดำลงใต้น้ำ ภาพของฝูงปลาสีสันสดใสเริ่มปรากฏในสายตา ยูเอะเอามือทาบกระจก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประทับใจ “พี่อาคิระคะ ดูปลาตัวนั้นสิคะ! เกล็ดของมันเหมือนรุ้งเลยค่ะ!”
“เหมือนเราดำอยู่ในสายรุ้งจริง ๆ” ดราโก้เสริม
ชั้นปะการังที่เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวาทอดยาวสุดสายตา ยูเอะหันมองรอบ ๆ และชี้ให้ทุกคนดูปลากระเบนที่ซ่อนตัวบนพื้นปะการัง ก่อนจะเห็นมันโจมตีปลาตัวเล็กด้วยหางแหลมคม ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย
“นั่นมัน…” ยูเอะพูดไม่ออก
“มันคือธรรมชาติ” อาคิระกล่าวเสียงเบา “แม้แต่ความสวยงามก็มีด้านที่โหดร้าย”
ไม่นานพวกเขาก็เดินทางมาถึงเมืองอันดีน ทิวทัศน์ที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้ทุกคนแทบลืมหายใจ เมืองใต้น้ำที่เปล่งประกายด้วยแสงคริสตัล แมงกระพรุนที่เปล่งแสงระยิบระยับดั่งดวงดาวใต้ทะเลและปะการังหลากสีสันต้อนรับพวกเขาอย่างงดงาม
“พี่คะ…” ยูเอะพูดพลางจับแขนอาคิระ “ที่นี่สวยมากเลยค่ะ”
อาคิระพยักหน้า รอยยิ้มบางแต้มบนใบหน้า “ใช่… มันเหมือนฝันเลย”
ดราโก้ยืนนิ่ง มองภาพเบื้องหน้าก่อนเอ่ยขึ้น “นี่แหละที่ฉันอยากเห็น มันคุ้มค่าจริง ๆ”
ทั้งสามคนพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่เมืองอันดีน โลกใต้น้ำที่เต็มไปด้วยความงามและความลับที่รอการค้นพบ…
เรือดำน้ำคริสตัลค่อย ๆ ลดความเร็วลงเมื่อพวกเขาเริ่มเห็นเงาราง ๆ ของเมืองอันดีนในระยะไกล เส้นสายของโครงสร้างที่ส่องแสงเรืองรองใต้มหาสมุทรปรากฏขึ้นทีละน้อย มันเป็นเมืองที่เหมือนหลุดมาจากความฝัน
“พี่อาคิระ นั่นใช่เมืองอันดีนหรือเปล่าคะ?” ยูเอะเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น มือเล็ก ๆ ชี้ไปที่เงาอาคารที่ใหญ่โตกลางมหาสมุทร
อาคิระมองตามที่ยูเอะชี้ก่อนจะพยักหน้า “นั่นแหละ…ดูเหมือนสถานีอวกาศใต้น้ำเลย ไม่คิดว่าจะอลังการขนาดนี้”
ดราโก้ยืนกอดอก มองภาพตรงหน้าอย่างพินิจ “โครงสร้างพวกนี้…มันซับซ้อนกว่าที่ข้าเคยเห็นในดราเคนมาก เหมือนพวกเขาสร้างมันขึ้นมาจากแก้ว”
เมืองอันดีนถูกออกแบบให้เป็นกระเปาะแก้วขนาดใหญ่หลายใบเชื่อมถึงกันด้วยอุโมงค์โปร่งแสงที่เปล่งแสงฟ้าระยิบระยับ ใจกลางเมืองมีอาคารรูปทรงโอเปร่าเฮาส์ตั้งตระหง่าน โครงสร้างของมันคล้ายดอกไม้ยักษ์ที่กำลังบานในท้องทะเลลึก
“เหมือนโอเปร่าเฮาส์ที่ซิดนีย์เลย…แต่ใหญ่กว่ามาก” อาคิระพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่เรือจะจอดเทียบท่า
หลังจากแสดงเอกสารรับรองจากอิกนิสที่สถานีต้อนรับ พนักงานของเมืองรีบพาพวกเขาไปยังอาคารโอเปร่าเฮาส์ที่ตั้งตระหง่านตรงกลางเมือง ภายในโอเปร่าเฮาส์นั้นดูหรูหราและสง่างามอย่างไม่อาจบรรยาย ผนังแก้วเปล่งแสงระยิบระยับด้วยประกายแสงที่สะท้อนจากน้ำพุในห้องโถงใหญ่
ประตูบานใหญ่ค่อย ๆ เปิดออก เผยให้เห็นร่างของเลวีธาอาน เธอเป็นสตรีที่งดงามราวกับเทพธิดาแห่งมหาสมุทร ผิวสีขาวประดุจไข่มุก ผมสีเงินที่ตกแต่งด้วยอัญมณีสีน้ำเงินเปล่งประกายระยิบระยับราวกับกระแสน้ำ ร่างกายของเธอประดับด้วยเกล็ดบางเบาเหมือนชุดราตรีแห่งท้องทะเล
“ยินดีต้อนรับ สหายแห่งอิกนิส” เสียงของเลวีธาอานอ่อนโยน แต่แฝงด้วยอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธ
ยูเอะมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง “พี่อาคิระคะ…เธอสวยเหมือนนางฟ้าเลยค่ะ!”
อาคิระยิ้มบาง ๆ พลางพยักหน้า “ใช่…เหมือนราชินีแห่งมหาสมุทร”
เลวีธาอานมองทั้งสามคนอย่างอบอุ่น “พวกเจ้าได้ผ่านบททดสอบอันยากลำบากมาแล้ว ข้าขอขอบคุณที่ช่วยชำระล้างพลังคาออสในดราเคน”
เธอเล่าถึงสถานการณ์ในอันดีน และเหตุผลที่เธอต้องอาศัยความช่วยเหลือจากพวกเขา “ข้ามีพลังมหาศาล แต่พลังนั้นต้องใช้ในการคงสภาพของประตูมิติ ทำให้ข้าไม่สามารถออกไปจัดการคาออสด้วยตัวเองได้ ข้าจึงต้องพึ่งพาพวกเจ้า”
เธออธิบายเพิ่มเติมว่าพวกเขาจะได้พบกับจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดของอันดีนในวันพรุ่งนี้เพื่อร่วมปฏิบัติภารกิจสำคัญ “คืนนี้ พักผ่อนเถิด และเพลิดเพลินกับความงดงามของเมืองอันดีน ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะพบแรงบันดาลใจและความสงบในเมืองแห่งนี้”
หลังจากที่เลวีธาอานจัดการเรื่องที่พักให้เรียบร้อย อาคิระ ยูเอะ และดราโก้ก็ออกสำรวจเมือง พวกเขาเดินผ่านอุโมงค์แก้วที่ทอดยาวเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงแต่ละส่วนของเมืองไว้ด้วยกัน แสงระยิบระยับจากกระแสน้ำและปลาสีสันสดใสด้านนอกสะท้อนเข้ามาในอุโมงค์ ทำให้ทุกย่างก้าวดูเหมือนอยู่ในโลกแห่งความฝัน
“นี่มัน…เหมือนอยู่ในอควาเรียมขนาดยักษ์เลยนะ” อาคิระพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาเดินมองไปรอบ ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความทึ่ง “ใหญ่จนเราสามารถเดินอยู่ในนี้ได้จริง ๆ แบบไม่ใช่แค่ชมจากด้านนอก”
“อควาเรียม? นั่นคืออะไรเหรอคะ พี่อาคิระ?” ยูเอะเอียงคอมองเขาด้วยความสงสัย
“เอ่อ…มันเป็นที่ ๆ เราเลี้ยงปลาน่ะ เป็นกระจกใส ๆ เหมือนแบบนี้ แต่มันเล็กกว่านี้มาก” อาคิระอธิบายพลางชี้ไปยังกระจกแก้วที่เผยให้เห็นฝูงปลาด้านนอก
“นั่นสินะ ข้าก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน” ดราโก้พยักหน้าเห็นด้วย “ที่นี่ดูเหมือนโลกอีกใบที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำจริง ๆ”
เมื่อพวกเขามาถึงตลาดใต้น้ำ ชีวิตชีวาของชาวเมืองก็ยิ่งทำให้อาคิระประหลาดใจ กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารทะเลสดลอยมาเตะจมูก เสียงพูดคุยของผู้คนที่กำลังต่อรองราคาสินค้า ผสมกับเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ชาวอันดีนที่มีท่อนล่างเป็นหางปลาและท่อนบนคล้ายมนุษย์พะยูนกำลังจัดเรียงของสดบนถาดคริสตัล บ้างกำลังย่างปลาบนแผ่นร้อนที่มีกลิ่นหอมกรุ่น
“นี่กลิ่นอะไรน่ะ หอมจังเลย?” อาคิระถามพลางสูดกลิ่นที่ลอยมาตามลม
ยูเอะชี้ไปยังแผงขายปลา “ดูสิคะ พวกเขากำลังย่างปลาอยู่ แต่มันดูแปลกกว่าที่หนูเคยเห็นนะ”
ดราโก้เดินเข้าไปใกล้แผงนั้นและมองอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะเบิกตากว้าง “ไม่อยากเชื่อเลย! พวกเขาใช้ใบไม้จากต้นไฟนิรันดร์ของดราเคนมาย่างปลา!”
“ต้นไฟนิรันดร์?” อาคิระหันมามองดราโก้อย่างสงสัย “มันคือต้นอะไร?”
“มันเป็นต้นไม้ที่เติบโตในลาวาของดราเคน พวกมันสามารถเผาไหม้ทุกอย่างได้โดยไม่ต้องใช้ไฟ ข้าเคยเห็นต้นไม้พวกนี้มาก่อน แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีคนตัดใบไม้มันมาใช้แบบนี้” ดราโก้ตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความทึ่ง
“แบบนี้ปลาก็เหมือนถูกย่างด้วยพลังจากลาวาเลยนะคะ!” ยูเอะพูดพลางยิ้มกว้าง “แปลกมากเลยค่ะพี่อาคิระ หนูอยากลองชิมดูจัง”
พวกเขาหยุดซื้อปลาย่างและขนมทะเลมานั่งลิ้มลองตรงมุมหนึ่งของตลาด อาหารสดใหม่ทำให้ทั้งสามคนเงียบไปชั่วขณะ มีเพียงเสียงเคี้ยวที่ดังขึ้นแทนคำพูด
“อร่อยมากค่ะ!” ยูเอะพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง “หนูไม่เคยกินอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”
“ข้าก็ไม่เคยเหมือนกัน” ดราโก้ตอบพร้อมพยักหน้า “รสชาติของมันเหมือนกับมีกลิ่นอายของลาวาอยู่จริง ๆ นะ”
อาคิระมองดูอาหารตรงหน้า ก่อนจะพึมพำเบา ๆ “แค่ใบไม้จากต้นไม้ในลาวาก็ทำให้อะไร ๆ เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ…”
พวกเขาเดินต่อผ่านตลาดและอุโมงค์แก้วที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทิวทัศน์ของเมืองอันดีนยังคงตราตรึงในใจอาคิระ ท้องทะเลที่เขาเคยมองว่าเป็นเพียงแผ่นน้ำกว้างใหญ่ กลับซ่อนเมืองแห่งความมหัศจรรย์ไว้เบื้องล่าง…
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 21
Comments