ตอนที่ 7: บาปแห่งความโกรธ (1)
เส้นทางสู่ภูเขาไฟสุริยะคำรามเต็มไปด้วยอันตรายและแรงกดดันในทุกย่างก้าว อากาศร้อนระอุและกลิ่นกำมะถันอบอวลจนแทบหายใจไม่ออก ลาวาไหลเอื่อยอยู่ใต้พื้นหินแตกเป็นริ้วราวกับลำธารแห่งเปลวเพลิง เสียงลมร้อนที่พัดผ่านหุบเขาดังก้องราวกับคำเตือน
“พี่…” ยูเอะเอ่ยเบา ๆ ขณะเดินเคียงข้างอาคิระ ใบหน้าของเธอซีดลงเล็กน้อยจากความร้อนที่แผ่ซ่านรอบตัว
อาคิระหันมามองน้องสาวก่อนจะยิ้มบาง ๆ “ไม่ต้องห่วงนะ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน”
ดราโก้ที่เดินนำหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เราต้องเตรียมพร้อมให้ดี สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่แค่ร้อน แต่มันกำลังส่งสัญญาณถึงบางสิ่งที่ทรงพลังรออยู่”
ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงปากทางเข้าสู่วิหารลาวา ลวดลายเปลวเพลิงที่แกะสลักบนกำแพงวิหารดูเหมือนจะมีชีวิต แสงสะท้อนจากลาวาเบื้องล่างสร้างเงาเคลื่อนไหวราวกับเปลวไฟเต้นระบำ
เมื่อก้าวเข้าสู่วิหาร อากาศรอบตัวหนักอึ้งขึ้นทันที ราวกับมีบางสิ่งกำลังจ้องมองพวกเขา ความเงียบงันที่ปกคลุมถูกทำลายด้วยเสียงคำรามต่ำ ๆ ที่ดังมาจากเบื้องลึก ทุกคนหยุดนิ่งทันที
“เสียงนั่น…” ยูเอะพึมพำ ขณะจับแขนเสื้อพี่ชายแน่น
“มันไม่ใช่แค่เสียงสัตว์ร้าย” อาคิระพูดด้วยน้ำเสียงเครียด “มันเหมือนกับเสียงของบางสิ่งที่เต็มไปด้วยความโกรธ”
ทันใดนั้น เปลวไฟสีส้มแดงก็ปะทุขึ้นรอบวิหาร ราวกับเปลวเพลิงได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิต เสียงคำรามลึกก้องสะท้อนสะเทือนพื้นหิน เงาร่างอันมหึมาปรากฏในเปลวไฟ รูปโฉมของมันเป็นสิงโตยักษ์รูปร่างสูงใหญ่ สวมเกราะซามูไรที่เต็มไปด้วยร่องรอยของการต่อสู้อันดุเดือด ดวงตาขวาที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงดั่งโทสะที่ไร้จุดสิ้นสุด ส่วนดวงตาซ้ายเป็นรอยแผลที่ทำให้มันยิ่งดูน่ากลัวราวกับปีศาจในตำนาน
แผงคอของมันลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงที่ไม่มีวันมอดดับ ส่องแสงร้อนแรงราวกับดวงอาทิตย์ที่ถูกปลดปล่อยจากพันธนาการ มือขวาของมันกุมดาบยาวสีเพลิงซึ่งปลดปล่อยความร้อนราวกับสามารถหลอมละลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าได้
ทุกครั้งที่มันก้าวเดิน พื้นดินใต้เท้าสั่นสะเทือน เปลวไฟที่ลุกท่วมรอบตัวมันทำให้รู้สึกถึงความโกรธที่ไม่มีขอบเขต คลื่นพลังอันเกรี้ยวกราดแผ่ซ่านออกมาทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนถูกตรึงอยู่ในที่ แม้เพียงสายตาของมันที่หันมามอง ก็เหมือนกับเปลวไฟที่พร้อมจะเผาผลาญจนไม่มีชิ้นดี
เสียงคำรามอีกครั้งดังกึกก้อง สะท้อนไปทั่วบริเวณ ราวกับคำเตือนว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือภัยอันตรายที่ไม่ควรแม้แต่จะคิดท้าทาย ความโกรธของมันราวกับจะกลืนกินทุกสรรพสิ่งให้ดับสูญในเปลวเพลิงแห่งความแค้นนั้น…
“ผู้ใดกล้าบุกรุกเข้ามาในเขตของข้า!” เสียงของมันดังสะท้อนไปทั่ววิหาร
“มันคือบาปแห่งความโกรธ…” อาคิระพึมพำ เขาจับดาบแน่น ขณะดราโก้ตั้งท่าพร้อมปะทะ ยูเอะสร้างบาเรียแสงปกป้องทีมทันที
สิงโตคำรามพร้อมเหวี่ยงดาบยาวที่ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงออกไป พลังมหาศาลพุ่งเป็นคลื่นกระแทก อาคิระและดราโก้กระโดดหลบได้ทัน แต่พื้นดินเบื้องหลังพวกเขากลับแยกออกเป็นรอยร้าว
“แรงมาก…” ดราโก้กล่าวพลางลุกขึ้นยืน เขาพยายามเข้าประชิดตัวสิงโต ใช้พลังโน้มถ่วงชะลอการเคลื่อนไหวของมัน แต่แผงคอที่ลุกไหม้ของสิงโตปล่อยเปลวเพลิงออกมาป้องกัน ดราโก้จึงต้องถอยกลับ
ยูเอะพยายามปล่อยพลังแสงโจมตีจากระยะไกล หวังชะลอพลังของมัน แต่แผงคอที่ปกคลุมด้วยเปลวไฟกลับป้องกันพลังของเธอได้ทุกครั้ง
“พวกเราต้องหาทางลดพลังที่แผงคอนั่น!” อาคิระตะโกน
ทั้งสามพยายามประสานพลังกัน โจมตีจากทิศทางที่แตกต่างเพื่อหาจุดอ่อน แต่ทุกครั้งที่พวกเขาเข้าใกล้ สิงโตก็จะสวนกลับด้วยความเร็วที่เหนือความคาดหมาย
แรงกดดันจากการต่อสู้ทำให้ทั้งทีมเริ่มเหนื่อยล้า เปลวเพลิงที่แผ่ซ่านออกมารอบตัวสิงโตนั้นไม่เพียงแต่ร้อนระอุ แต่ยังส่งผลกระทบต่อจิตใจของพวกเขา คล้ายกับว่าความโกรธของมันกำลังแผ่เข้ามาครอบงำจิตใจ
“ข้าคือความโกรธที่ไม่มีที่สิ้นสุด!” สิงโตคำราม เปลวเพลิงรอบตัวมันลุกโชนรุนแรงขึ้น
อาคิระหอบหายใจพลางมองเพื่อนร่วมทีม เขาพยายามคิดหาทางจัดการ “พวกเรายังมีโอกาส…ต้องหาทางลดเปลวไฟนั่นให้ได้ก่อน!”
สิงโตจ้องมองพวกเขาด้วยดวงตาที่ลุกไหม้ มันก้าวเข้ามาใกล้ทุกที เสียงคำรามของมันทำให้ทีมรู้ว่าสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าจะหนักหนาแค่ไหน…
สิงโตเพลิงคำรามอีกครั้ง เปลวไฟที่แผงคอของมันลุกโชนขึ้นราวกับตอบสนองความโกรธที่เพิ่มขึ้น มันพุ่งตัวเข้าหาดราโก้ด้วยความเร็วเหนือคาดหมาย ดราโก้เบี่ยงตัวหลบได้ทัน แต่วงรอบของเปลวไฟที่ตามมาทำให้เขาต้องถอยไปด้านหลังทันที
“เราจะโจมตีมันไม่ได้ ถ้าไม่หาทางหยุดเปลวไฟพวกนั้นก่อน!” ดราโก้พูดขณะที่พยายามตั้งหลัก
ยูเอะเร่งสร้างกำแพงแสงขึ้นมาป้องกันอาคิระและตัวเธอเองจากเปลวไฟที่แผ่กระจาย “พี่คะ เปลวไฟของมันเหมือนมีชีวิต…เราต้องทำลายมันที่แหล่งพลัง!”
อาคิระจับดาบคู่ของเขาแน่น เขาก้าวถอยหลังเพื่อประเมินสถานการณ์ ก่อนจะพยายามหาทางโจมตีจากระยะปลอดภัย “แหล่งพลังของมัน…อาจอยู่ที่แผงคอ”
เขาพุ่งตัวเข้าหาด้านข้างของสิงโต หวังจะใช้ดาบดำดูดซับพลังจากเปลวไฟ แต่ทันทีที่ดาบสัมผัสกับเปลวไฟที่ล้อมรอบตัวของมัน พลังร้อนมหาศาลก็ผลักเขากลับไป เขาล้มลงกับพื้นก่อนจะลุกขึ้นอีกครั้งอย่างยากลำบาก
“มันป้องกันตัวได้ดีมาก!” อาคิระพึมพำ
สิงโตเพลิงยกดาบเพลิงขึ้นก่อนจะฟาดลงมาสร้างคลื่นพลังที่พุ่งออกไปทั่วทั้งวิหาร ยูเอะเร่งสร้างเกราะป้องกันให้ทีม แต่มันก็แทบจะรับแรงกระแทกไม่ไหว ดราโก้ใช้พลังโน้มถ่วงดึงตัวเองออกจากพื้นที่โจมตีในขณะที่พยายามโจมตีจากด้านบน แต่การโจมตีของเขากลับไม่อาจทะลุเกราะเพลิงที่ล้อมรอบตัวสิงโตได้
“แรงป้องกันของมันมหาศาล!” ดราโก้กล่าวพร้อมกับถอยกลับมาตั้งหลัก
ยูเอะเริ่มปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์เพื่อรบกวนการเคลื่อนไหวของสิงโต แต่เปลวไฟที่แผงคอของมันดูเหมือนจะดูดซับพลังงานส่วนหนึ่งไป ทำให้การโจมตีแทบไม่มีผล
“พวกเราต้องหาวิธีล่อให้มันเปิดจุดอ่อน!” ยูเอะพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
ในขณะที่พวกเขาพยายามหาวิธีต่อกร สิงโตก็ปล่อยแรงกดดันออกมามากขึ้น มันคำรามเสียงดังจนพื้นหินสั่นสะเทือน ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนเสาหินสูงและใช้เปลวไฟสร้างกำแพงล้อมรอบตัวมันไว้
“มันกำลังเตรียมอะไรบางอย่าง…เราไม่มีเวลามากแล้ว!” อาคิระพูดพร้อมกับมองไปที่ดราโก้และยูเอะ
ตอนที่ 8: บาปแห่งความโกรธ (2)
ทันใดนั้น เปลวไฟที่โหมกระหน่ำรอบตัวบาปแห่งความโกรธก็พลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้ง ราวกับตอบสนองต่อความโกรธแค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุดของมัน สิงโตยักษ์คำรามด้วยเสียงที่สะท้านไปทั่วทั้งวิหาร เปลวเพลิงที่แผงคอและดาบในมือของมันลุกโชนรุนแรงขึ้นจนทำให้บรรยากาศรอบตัวร้อนระอุยิ่งกว่าเดิม
“ความโกรธของข้าคือพลังแห่งการทำลายล้าง!” เสียงของมันดังก้องราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงบนแผ่นดิน ดาบเพลิงในมือของมันชูขึ้นสูง ก่อนที่มันจะฟาดลงมาด้วยพลังอันเกรี้ยวกราด เกิดเป็นคลื่นพลังเพลิงที่พุ่งไปยังทีมของอาคิระ
“ระวัง!” อาคิระร้องเสียงดัง พยายามพุ่งเข้ามาขวาง แต่คลื่นเพลิงรุนแรงเกินกว่าจะรับมือได้ บาเรียของยูเอะที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องทีมแตกสลายไปในทันที ทั้งสามคนถูกคลื่นพลังเพลิงซัดกระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง
ดราโก้พยายามลุกขึ้น มือข้างหนึ่งจับบาดแผลที่ไหล่ของเขา “มันรุนแรงเกินไป! เราไม่มีทางสู้มันได้ตรงๆ แบบนี้!” เขาเค้นเสียงพูด ขณะสายตามองไปยังสิงโตที่ยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง
ยูเอะยืนขึ้นช้าๆ แม้จะดูอ่อนล้าจากการใช้พลังป้องกันก่อนหน้า แต่สายตาของเธอยังคงมุ่งมั่น “เราต้องหาทางหยุดมัน ไม่อย่างนั้นพี่…เราอาจไม่มีทางรอด!”
สิงโตคำรามอีกครั้ง ดวงตาข้างขวาที่เปล่งแสงเพลิงเรืองรองมองลงมาด้วยความโกรธจัด “พวกเจ้าคิดจะสู้กับความโกรธของข้า? มันไม่มีทางสิ้นสุด!”
มันก้าวเข้ามาใกล้อีกครั้ง ร่างของมันสั่นสะเทือนด้วยพลังที่ปลดปล่อยออกมา ดาบในมือถูกเงื้อขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เปลวไฟที่ปลดปล่อยออกมาดูเหมือนจะรวบรวมพลังทั้งหมดของมันเข้าไว้ด้วยกัน
อาคิระกัดฟันแน่น ขณะที่ยืนขึ้นอีกครั้ง แม้ร่างกายจะเจ็บปวด แต่เขายังคงยึดดาบคู่ไว้ในมือ “เราจะไม่ยอมแพ้! ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เราจะไม่ถอยหลัง!”
ยูเอะขยับเข้ามาใกล้พี่ชายของเธอ พยายามรวมพลังแสงอีกครั้งเพื่อสร้างเกราะป้องกัน แต่พลังของเธอดูเหมือนจะไม่เพียงพอสำหรับรับมือกับสิ่งที่กำลังจะมาถึง “พี่…หนูจะปกป้องพี่เอง!”
ดราโก้ยืนขึ้นอีกครั้ง แม้บาดแผลจะหนัก แต่เขาก็ยังคงมุ่งมั่น “เราจะต้องหาทางเอาชนะมันให้ได้!”
ทันใดนั้น สิงโตก็เงื้อดาบขึ้นสูง เปลวไฟที่ปลดปล่อยออกมารอบตัวของมันกลายเป็นเสาหลักที่พุ่งทะลุเพดานของวิหาร พลังอันมหาศาลนั้นสร้างแรงกดดันจนพื้นหินสั่นสะเทือน
“จงมอดไหม้ไปในเพลิงแห่งความโกรธของข้า!” สิงโตคำรามเสียงดัง ก่อนจะเตรียมปลดปล่อยพลังครั้งสุดท้ายที่ดูเหมือนจะไม่มีใครสามารถต้านทานได้…
ในช่วงเวลาที่ทุกอย่างดูเหมือนจะสิ้นหวัง เปลวไฟที่รุนแรงนั้นก็พลันชะงักไปชั่วขณะ เหมือนกับพลังบางอย่างได้ขัดขวางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปทันที แสงสีทองอันเจิดจ้าปรากฏขึ้นกลางอากาศ เสียงที่สงบนิ่งแต่เปี่ยมไปด้วยอำนาจดังก้องทั่วทั้งวิหาร “จงหยุดความโกรธของเจ้าไว้ตรงนี้…”
ทุกสายตาหันไปมอง ร่างของวัลคีรีย์ปรากฏขึ้นกลางแสงสีทอง เธอยืนสง่าด้วยหอกศักดิ์สิทธิ์ในมือ ดวงตาสีทองของเธอจับจ้องไปยังสิงโตเพลิงที่ยังคงลุกโชนด้วยพลังแห่งความโกรธ แสงที่เปล่งออกมาจากตัวเธอทำให้เปลวไฟของสิงโตลดลงอย่างชัดเจน สิงโตเพลิงชะงักไปชั่วครู่ ดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นแต่แฝงไว้ด้วยความสับสน
“จงปล่อยวาง…และฟังเสียงของหัวใจเจ้าอีกครั้ง” วัลคีรีย์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยพลังที่สามารถสะกดดวงวิญญาณให้หยุดนิ่ง
“เจ้าเป็นใคร! อย่ามายุ่งกับข้า!” สิงโตคำราม
“ข้าคือผู้เฝ้าดูดวงวิญญาณ และข้าจะไม่ยอมให้ความโกรธที่ไร้สิ้นสุดนี้ครอบงำเจ้าอีกต่อไป” วัลคีรีพูด น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความหนักแน่นและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน
เธอชี้หอกไปยังร่างของสิงโต เปลวไฟบนแผงคอเริ่มมอดลงเล็กน้อย ขณะที่แสงสีทองจากหอกสาดส่องไปยังดวงตาที่เต็มไปด้วยความแค้นของสิงโต
“จงดูเหตุแห่งความทุกข์อันร้อนรนในจิตใจของเจ้า” วัลคีรีกล่าว
สิงโตเพลิงชะงัก ดวงตาข้างเดียวที่เหลืออยู่ของมันสั่นไหวเหมือนกำลังถูกปลุกให้ตื่นจากบางสิ่ง ทันใดนั้น เปลวไฟที่ลุกโชนบนแผงคอของมันเปลี่ยนเป็นภาพของอดีตที่สะท้อนออกมา
ในแสงแห่งความทรงจำที่ลอยวนรอบตัวสิงโต ภาพแรกปรากฏขึ้น เป็นภาพของชายผู้หนึ่งในชุดนักรบที่สง่างาม เขายืนอยู่ท่ามกลางสนามหญ้าเขียวขจี ข้างกายเขาคือหญิงสาวที่งดงาม ใบหน้าของเธอเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน
เสียงหัวเราะของพวกเขาดังก้องในความทรงจำ ร่างทั้งสองยิ้มให้กันภายใต้แสงแดดอ่อนๆ ความสงบสุขนี้ช่างแสนไกลจากความเคียดแค้นที่สิงโตรู้สึกในตอนนี้
“ข้า…ข้าจำได้…” สิงโตพึมพำเบาๆ ดวงตาที่เคยลุกโชนด้วยความโกรธเริ่มอ่อนลง แต่ทันใดนั้น ภาพเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
ภาพของสงครามที่ดุเดือด ชายคนเดิมถือดาบคู่ที่เปล่งประกายด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่น เขาต่อสู้กับศัตรูนับไม่ถ้วนเพื่อปกป้องบางสิ่งที่สำคัญ แต่ใบหน้าของเขาเริ่มเต็มไปด้วยบาดแผลและความเหนื่อยล้า
“เจ้าสละทุกสิ่งเพื่อปกป้อง… แต่เหตุใดเจ้ากลับสูญเสียทุกอย่างไป?” น้ำเสียงของวัลคีรีย์ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาก่อนที่ร่างของเธอจะค่อยๆเลือนหายไป
ภาพเปลี่ยนอีกครั้ง หญิงสาวที่เคยยิ้มแย้มถูกจับมัด ปีกของเธอถูกพรากออกไปทีละข้าง เสียงกรีดร้องของเธอดังก้องในความทรงจำ เสียงของชายคนนั้นตะโกนเรียกเธอด้วยความสิ้นหวัง
“เอเลนาร์! ข้าจะไม่ยอมให้พวกมันทำร้ายเจ้า!” เสียงของเขาสั่นเครือด้วยความโกรธ แต่กลับไร้ซึ่งพลังที่จะช่วยเหลือ
ดวงตาของสิงโตเบิกกว้าง มันก้มหน้าลง น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “เอเลนาร์…ใครกัน? ข้าจำไม่ได้…”
เสียงคำรามของสิงโตดังสะท้อนก้องไปทั่ววิหาร เปลวไฟบนแผงคอที่เคยมอดลงกลับลุกโชนขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันมีความรุนแรงและเข้มข้นจนเกินจะต้านทานได้
“ข้า…จะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าหยุดข้า!” สิงโตเพลิงตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวดและความแค้น ดวงตาข้างเดียวของมันลุกวาว แผงคอเพลิงลุกไหม้รุนแรงจนพื้นหินลาวาเริ่มละลาย
อาคิระสังเกตการเคลื่อนไหวของสิงโตที่กำลังสงบนิ่งผิดปกติ ร่างของมันก้มต่ำ มือขวากำดาบซามูไรแน่น ใบดาบลุกเป็นเปลวเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นราวกับเปลวไฟที่ไม่อาจควบคุมได้
“นี่มัน…ท่าอิไอ!” อาคิระเบิกตากว้าง ความทรงจำเกี่ยวกับซายากะ โฮชิคาวะ ครูสอนดาบของอาคิระผุดขึ้นในหัวของเขา ภาพของเธอที่เคยใช้ท่านี้ในการต่อสู้กลับมาชัดเจน เขารู้ดีว่าท่านี้ทรงพลังแค่ไหน และในมือของศัตรูระดับนี้ มันเป็นอันตรายถึงชีวิตแน่นอน
“ทุกคน หลบให้เร็วที่สุด!” อาคิระตะโกนสุดเสียง
ยูเอะและดราโก้หันมองเขาด้วยความตกใจ “เกิดอะไรขึ้น พี่อาคิระ?” ยูเอะถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“มันกำลังจะปล่อยท่าไม้ตาย!” อาคิระตะโกนอีกครั้ง “เราไม่มีทางป้องกันมันได้ รีบหลบไปให้ไกลที่สุด!”
สิงโตชาร์จพลังของมันในท่าที่นิ่งสนิท เปลวไฟลุกโชนรอบตัวจนกลายเป็นพายุเพลิง เสียงคำรามของมันสะท้อนถึงความเจ็บปวดที่สะสมไว้ในจิตใจ และมันระบายทุกอย่างออกมาในการฟันเพียงครั้งเดียว
“อิไอ…เพลิงพิโรธ!” สิงโตคำราม พร้อมกับพุ่งตัวไปข้างหน้าในเสี้ยววินาที ใบดาบของมันเปล่งแสงเพลิงสีแดงเข้ม ฟาดฟันออกไปด้วยพลังทำลายล้างที่รุนแรงที่สุด
แรงฟันนั้นสร้างคลื่นพลังทำลายล้างที่มหาศาลจนพื้นวิหารแยกออก เสาหินรอบตัวถูกตัดขาด และภูเขาไฟสุริยะคำรามบางส่วนพังทลาย เปลวไฟพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับภูเขาไฟระเบิด เสียงดังสนั่นจนแม้แต่ผู้ที่อยู่ไกลออกไปหลายกิโลเมตรยังได้ยิน
ทีมของอาคิระกระโดดหลบกันอย่างหวุดหวิด ยูเอะใช้พลังแสงสร้างบาเรียป้องกันตัวเองและพี่ชาย ดราโก้กระโดดถอยหลังก่อนจะใช้พลังโน้มถ่วงช่วยลดแรงกระแทกจากคลื่นพลังที่พุ่งเข้าหาเขา
โชคดีที่ พรแห่งอัคคีสุริยะ ของอิกนิสยังคงปกป้องพวกเขาจากเปลวไฟที่ร้อนแรง ไม่เช่นนั้น พวกเขาคงไม่รอดจากการโจมตีครั้งนี้
หลังจากปล่อยอัลติเมทออกมา สิงโตก็หยุดนิ่งราวกับหมดเรี่ยวแรง มันหอบหายใจหนัก แผงคอเพลิงที่เคยลุกโชนเริ่มมอดลง ดวงตาข้างเดียวที่เหลืออยู่เริ่มสั่นไหว เปลวไฟรอบตัวเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“นี่แหละโอกาสของเรา!” ดราโก้พูดพร้อมกับกำหมัดแน่น
อาคิระมองสภาพของสิงโตด้วยความลังเล ก่อนจะตัดสินใจตั้งท่าอีกครั้ง “ทุกคน! รวมพลังกัน เราจะต้องจบเรื่องนี้ให้ได้!”
ยูเอะพยักหน้า แม้จะเหนื่อยล้า แต่เธอเรียกพลังแห่งแสงขึ้นมาอีกครั้ง “พี่คะ หนูพร้อมแล้ว!”
ทั้งสามประสานพลังกันอีกครั้ง ดราโก้พุ่งเข้าโจมตีด้วยหมัดที่เสริมด้วยพลังโน้มถ่วง ลดสมดุลของสิงโตลงจนมันเสียหลัก อาคิระกระโดดขึ้นเหนือหัวของสิงโต พร้อมกับใช้ดาบดำดูดซับพลังคาออสที่หลงเหลืออยู่ และดาบขาวปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ลงไปที่แผงคอของมัน
“ข้าจะไม่ยอมให้ความโกรธครอบงำเจ้าอีกต่อไป!” อาคิระตะโกน พร้อมปล่อยพลังสุดท้ายจากดาบทั้งสอง
เสียงคำรามสุดท้ายของสิงโตดังลั่น ก่อนที่ร่างของมันจะค่อยๆ โปร่งแสง เปลวไฟรอบตัวมันมอดดับ น้ำเสียงสุดท้ายของมันแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเศร้า
“ขอบคุณ…พวกเจ้าได้ปลดปล่อยข้าจากความโกรธอันไร้สิ้นสุด…”
ในขณะที่ร่างของสิงโตเริ่มสลาย ภาพแห่งความทรงจำของมันกลับปรากฏขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ชัดเจนกว่าครั้งก่อน เป็นภาพชายหญิงคู่หนึ่งที่เคยยิ้มแย้มและมีความสุข ภาพของชายผู้หนึ่งที่ยืนต่อสู้กับศัตรูมากมายเพื่อปกป้องสิ่งที่สำคัญ และภาพสุดท้าย หญิงสาวถูกพรากปีกและชายคนนั้นกรีดร้องด้วยความโกรธแค้น
“ข้า…ข้าเคยมีสิ่งสำคัญ แต่ข้า…ข้าลืมไปแล้ว…” น้ำเสียงสุดท้ายของสิงโตดังก้องในความเงียบ
เมื่อร่างของสิงโตสลายไป ทิ้งไว้เพียงเกราะสีเงินที่เปล่งแสงเรืองรองกลางวิหาร ยูเอะเข้ามาประคองพี่ชายของเธอ ขณะที่ดราโก้ยืนหอบหายใจอยู่ไม่ไกล
“พี่…เราทำได้แล้วใช่ไหมคะ?” ยูเอะถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโล่งใจ
อาคิระมองไปที่เกราะด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “เราอาจชนะครั้งนี้… แต่สิ่งที่เราเห็นยังมีคำตอบที่เรายังไม่รู้”
ดราโก้พยักหน้า “ไปกันต่อเถอะ สิ่งที่รอเราอยู่ข้างหน้าคงยิ่งใหญ่กว่านี้”
ทั้งสามหันไปมองเกราะที่ส่องแสงอยู่ พร้อมรู้ว่าภารกิจของพวกเขายังไม่จบสิ้น…
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 21
Comments