ตอนที่ 5: ภูเขาไฟสุริยะคำราม
เส้นทางที่นำไปยังภูเขาไฟสุริยะคำรามเต็มไปด้วยไอร้อนและลาวาที่ปะทุเป็นระยะ พวกเขาเดินลัดเลาะไปด้วยความระมัดระวัง ความเงียบรอบตัวทำให้ทุกย่างก้าวของพวกเขาแฝงไปด้วยความตึงเครียด
เสียงข่วนเบาๆ ดังขึ้นจากด้านข้าง ก่อนที่ร่างเล็กๆ ของ ซาลาแมนเดอร์ไฟ จะปรากฏตัว มันมีเปลวไฟลุกโชนรอบตัว เคลื่อนไหวรวดเร็วจนมองตามแทบไม่ทัน
“มาแล้ว!” ยูเอะร้องขณะเตรียมพลังแสงของเธอ
ขณะที่ทีมของอาคิระเจอกับ ซาลาแมนเดอร์ไฟ ตัวเล็กที่มีเปลวไฟโอบล้อมร่าง พวกเขาพบว่ามันเคลื่อนที่ได้รวดเร็วกว่าที่คาดไว้ และพ่นไฟโจมตีได้ในระยะไกล ซาลาแมนเดอร์เคลื่อนไหวฉับพลัน และเปลี่ยนตำแหน่งโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำให้การโจมตีสวนกลับยากกว่าที่คิด
“ระวัง! มันไม่ได้แค่เร็ว แต่มันรู้จักสร้างเส้นทางหลอกเรา” ดราโก้ร้องเตือน เมื่อสังเกตเห็นว่ามันวิ่งวนในรูปแบบคล้ายวงกลม ก่อนพ่นไฟใส่ทีมจากมุมที่คาดไม่ถึง
ยูเอะ พยายามปล่อยแสงรบกวนการเคลื่อนไหวของมัน แต่แสงที่เธอยิงออกไปกลับพลาดเป้าหมายบ่อยครั้ง เพราะซาลาแมนเดอร์ไฟสามารถเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศได้อย่างอิสระ
“มันเหมือนลมไฟ มันเร็วเกินไป!” ยูเอะอุทาน
ดราโก้ ลองใช้แรงโน้มถ่วงกดรอบพื้นที่ แต่ซาลาแมนเดอร์หลบหลีกได้อีกครั้ง เปลวไฟรอบตัวมันยิ่งลุกโชนขึ้น พร้อมกับพ่นไฟโจมตีในรัศมีกว้าง ทำให้ทีมต้องแยกย้ายกันหลบ
“เราต้องตัดกำลังมันก่อนที่จะหมดแรงกันเอง” อาคิระพูดเสียงดัง เขาใช้ดาบขาวสร้างแสงสะท้อนให้มันชะลอจังหวะ พร้อมพุ่งเข้าไปใกล้
ขณะเดียวกัน ยูเอะรวบรวมสมาธิและเล็งยิงแสงไปที่ดวงตาของซาลาแมนเดอร์ไฟในจังหวะที่มันหยุดชั่วครู่เพื่อพ่นไฟ การยิงแสงนั้นไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่ทำให้มันสะดุ้งและเสียสมดุล
“ตอนนี้แหละ!” ดราโก้ใช้แรงโน้มถ่วงเพิ่มน้ำหนักรอบตัวของซาลาแมนเดอร์ ทำให้มันเคลื่อนไหวช้าลงในที่สุด
อาคิระ ฉวยโอกาสนี้ ใช้ดาบดำดูดซับพลังไฟที่ลุกโชนรอบตัวมัน และใช้ดาบขาวปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์โจมตีสวนกลับ แม้จะไม่สามารถทำลายมันได้ในครั้งเดียว แต่แรงสะท้อนทำให้ซาลาแมนเดอร์อ่อนแรงลง
ในที่สุด พวกเขาใช้จังหวะที่มันล้มลงเพราะแรงกดดันซ้ำๆ และพลังของยูเอะช่วยเสริมทีมจนสำเร็จ ซาลาแมนเดอร์ไฟค่อยๆ สลายไป ทิ้งกลิ่นอายความร้อนที่ยังคงลอยวนในอากาศ
หลังจากผ่านซาลาแมนเดอร์ไฟไปได้ไม่นาน เสียงคำรามกึกก้องก็ดังขึ้น ลาวารอบตัวพุ่งขึ้นจากพื้นดิน พวกเขาเผชิญหน้ากับ ลาวาเร็กซ์ สัตว์ร่างใหญ่ที่มีเกราะหนาห่อหุ้ม มันเคลื่อนไหวอย่างมั่นคง แต่เต็มไปด้วยพลังที่น่ากลัว
เมื่อเจอ ลาวาเร็กซ์ ขนาดมหึมา พวกเขาพบว่ามันไม่ใช่แค่มีเกราะหนา แต่ยังสามารถทนต่อการโจมตีด้วยพลังธาตุไฟได้เป็นอย่างดี หางที่แข็งแรงของมันเหวี่ยงไปมา ทำให้พื้นที่รอบๆ เต็มไปด้วยหินแตกกระจาย
“มันเหมือนรถถังเคลื่อนที่ได้เลย!” อาคิระพูดขณะพยายามใช้ดาบโจมตีเกราะด้านข้าง แต่กลับไม่มีผลใดๆ
ดราโก้ เข้าไปประชิดตัวเพื่อโจมตีจุดอ่อนของมัน แต่ลาวาเร็กซ์กลับสะบัดหางใส่ ทำให้เขาต้องถอยกลับอย่างรวดเร็ว
“หางของมันทำลายสมดุลทุกอย่าง!” ดราโก้ตะโกน พลางใช้แรงโน้มถ่วงเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้มันเคลื่อนไหวได้ยากขึ้น แต่ลาวาเร็กซ์กลับยังสามารถเหวี่ยงหางโจมตีได้แม้เคลื่อนที่ช้าลง
ยูเอะ ใช้พลังแสงสร้างบาเรียป้องกันทีม แต่ลาวาเร็กซ์พ่นลาวาโจมตีในระยะกว้าง บาเรียเริ่มแตกร้าวจากแรงปะทะ
“ถ้าป้องกันแบบนี้เราจะไม่รอด! ฉันจะยิงแสงรบกวนมัน!” ยูเอะกล่าว ก่อนปล่อยแสงจ้าสะท้อนเข้าดวงตาของลาวาเร็กซ์
ลาวาเร็กซ์สะดุ้ง และเริ่มเคลื่อนไหวช้าลงชั่วคราว ดราโก้ ใช้โอกาสนี้เพิ่มน้ำหนักในจังหวะที่มันพยายามเคลื่อนตัว ทำให้มันเสียสมดุลและล้มลง
“ตอนนี้แหละ!” อาคิระพุ่งเข้าประชิด เขาใช้ดาบดำดูดซับพลังลาวาบางส่วนออกจากเกราะของมัน พร้อมกับใช้ดาบขาวโจมตีด้านข้างที่เกราะอ่อนแอที่สุด
ดราโก้เสริมด้วยหมัดที่เต็มไปด้วยพลังแรงโน้มถ่วงเพื่อกดน้ำหนักของลาวาเร็กซ์ไว้ ไม่ให้มันลุกขึ้นมาได้อีก
ในที่สุด การโจมตีประสานกันของทั้งสามคนทำให้ลาวาเร็กซ์อ่อนแรงลง จนกระทั่งร่างของมันสลายไป เปลวไฟในดวงตาของมันค่อยๆ มอดดับ
หลังจากจบการต่อสู้ทั้งสองครั้ง ทีมของอาคิระแทบหมดแรง พวกเขาใช้เวลารวบรวมพลังในขณะที่มองเส้นทางข้างหน้า
“นี่แค่จุดเริ่มต้นเองเหรอ… แล้วสิ่งที่รอเราอยู่บนยอดเขาจะขนาดไหนกัน?” ยูเอะพูดด้วยน้ำเสียงกังวล
ดราโก้ พยักหน้า “มันจะยากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตราบใดที่เรายังสู้ด้วยกัน เราจะผ่านไปได้”
อาคิระ ยืนขึ้น แม้จะเหนื่อยล้า แต่ดวงตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “เรามาไกลเกินกว่าจะถอยแล้ว เราต้องทำให้ได้”
ทั้งสามมองหน้ากันอย่างแน่วแน่ ก่อนจะเริ่มก้าวเท้าไปสู่เส้นทางที่เต็มไปด้วยความท้าทายเบื้องหน้า…
ตอนที่ 6: บททดสอบแห่งความโกรธ
เส้นทางที่ทอดลึกเข้าสู่ภูเขาไฟสุริยะคำรามเปรียบเหมือนบันไดที่พาไปสู่ขอบเหวแห่งจิตใจ ท้องฟ้าสีแดงฉานเหนือหัวดูราวกับกำลังลุกไหม้ พื้นผิวขรุขระของลาวาที่แข็งตัวส่งเสียงกรอบแกรบทุกครั้งที่ย่ำเท้า เสียงสะท้อนของพวกเขาดังก้องในความเงียบ และอุณหภูมิที่ร้อนระอุทำให้การเดินทางยิ่งหนักหน่วงขึ้น
“นี่คือสถานที่ที่บาปแห่งความโกรธอาศัยอยู่ใช่ไหม?” อาคิระถาม ขณะมองไปยังปากถ้ำเบื้องหน้า ที่ซึ่งเปลวไฟลุกโชนราวกับลมหายใจของปีศาจ
ดราโก้พยักหน้า สีหน้าของเขาจริงจัง “ใช่ นี่คือที่ที่พลังคาออสครอบงำ ถ้ำแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่อาจควบคุมได้”
ยูเอะยืนใกล้ ๆ พี่ชายของเธอ ความกังวลฉายชัดในดวงตา “พี่คะ… เราต้องระวังตัวนะคะ บาปแห่งความโกรธไม่ใช่สิ่งที่จะประมาทได้เลย”
เมื่อทั้งสามก้าวเข้าสู่ปากถ้ำ อุณหภูมิรอบตัวเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ไฟจากกำแพงหินอัคนีสาดแสงสีส้มแดงที่ดูเหมือนจะมีชีวิต แสงนั้นส่องให้เห็นลวดลายที่ถูกแกะสลักบนผนัง ลวดลายเหล่านั้นแสดงถึงภาพสงคราม การต่อสู้ที่ดุเดือด และเปลวไฟที่เผาผลาญทุกสิ่ง
“นี่มัน… เหมือนคำเตือน” ดราโก้พูดขณะเพ่งมองลวดลายบนผนัง
ขณะที่พวกเขาเดินลึกเข้าไปในถ้ำ เสียงกระซิบแผ่วเบาเริ่มดังก้องในหัวของพวกเขา มันไม่ใช่เสียงจากภายนอก แต่เหมือนเป็นเสียงจากจิตใจของพวกเขาเอง อาคิระรู้สึกถึงแรงกดดันที่หนักหน่วงราวกับอากาศรอบตัวแปรเปลี่ยนเป็นพันธนาการที่มองไม่เห็น
“เสียงนี่มัน…” อาคิระพึมพำ ก่อนจะรู้สึกถึงความร้อนที่เหมือนจะลุกไหม้ภายในใจ
ทันใดนั้น เปลวไฟสีแดงฉานก็ลุกท่วมรอบตัวพวกเขา แยกทุกคนออกจากกัน ภาพตรงหน้าของแต่ละคนเปลี่ยนแปลงไปในทันที
บททดสอบของอาคิระ
อาคิระพบว่าตัวเองยืนอยู่ในสนามเด็กเล่นที่คุ้นเคย แต่แทนที่จะมีเสียงหัวเราะ ทุกอย่างกลับเต็มไปด้วยความโกลาหล เพื่อน ๆ ของเขากำลังโต้เถียงกันอย่างรุนแรง ใบหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เสียงตะโกนของพวกเขาดังก้องจนแสบแก้วหู
“หยุด! พวกนายกำลังทำอะไรกัน!” อาคิระตะโกนออกไป แต่ไม่มีใครฟัง
เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นข้างหลังเขา อาคิระหันไปพบร่างที่ดูเหมือนตัวเขาเอง ร่างนั้นมีเปลวไฟลุกโชนในดวงตาและแสยะยิ้มเยาะ “นี่แหละความโกรธที่เจ้าซ่อนไว้ เจ้าเคยโกรธที่ถูกมองข้าม โกรธที่ไม่สามารถทำอะไรได้เมื่อคนอื่นทำผิด!”
“ไม่จริง!” อาคิระตอบกลับ แต่เสียงของเขาสั่นไหวเล็กน้อย “ฉันไม่ได้โกรธ!”
“ไม่โกรธ? แล้วทำไมเจ้าถึงรู้สึกเจ็บปวดในใจแบบนี้ล่ะ?” ร่างนั้นพูดเสียงเย็นชา “ยอมรับมันสิ ว่าความโกรธอยู่ในตัวเจ้ามาตลอด”
อาคิระหลับตาลง สูดลมหายใจลึก คำพูดของแม่ผุดขึ้นมาในใจเขา “อย่ากลัวความโกรธ แต่จงเข้าใจมัน”
“ฉันอาจเคยโกรธ…แต่ฉันจะไม่ยอมให้มันควบคุมฉัน” อาคิระพูดออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นคงที่ดูสุขุม
เปลวไฟรอบตัวค่อย ๆ มอดดับ ร่างของเขาที่มีเปลวไฟในดวงตาสลายไป
บททดสอบของดราโก้
ดราโก้พบว่าตัวเองยืนอยู่กลางลานฝึกซ้อม เสียงของอาจารย์ดังลั่นในหัว “เจ้ามันอ่อนแอเกินไป เจ้าไม่มีวันคู่ควรกับวิชาของข้า!”
คำพูดเหล่านั้นทำให้ดราโก้รู้สึกถึงความกดดันในใจ ความโกรธที่สะสมมานานพลุ่งพล่านขึ้นมา
“ฉันจะพิสูจน์ให้เห็น…ว่าฉันคู่ควร!” ดราโก้คำราม
แต่ทันใดนั้นเขาก็หยุดตัวเองได้ เขามองไปรอบ ๆ และเห็นว่าความโกรธของเขากำลังแผดเผาทุกอย่างรอบตัว
“ไม่…ถ้าฉันปล่อยให้ความโกรธควบคุม ฉันจะเป็นเพียงเปลวไฟที่เผาผลาญตัวเอง”
เขาหลับตาลง นึกถึงคำสอนของอาจารย์อีกด้านหนึ่ง “ความแข็งแกร่งที่แท้จริงคือการรู้จักควบคุมจิตใจของเจ้าเอง”
เขาเรียกความสงบในใจกลับคืนมา เมื่อเขาเปิดตาอีกครั้ง เปลวไฟรอบตัวเขาก็ดับลง ภาพลานฝึกซ้อมหายไป
บททดสอบของยูเอะ
ยูเอะพบว่าตัวเองยืนอยู่กลางหมู่บ้านของเธอ ไฟลุกโชนอยู่รอบตัว ชาวบ้านที่เธอรักชี้หน้าตำหนิเธอ “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้า! เจ้าคือจิ้งจอกที่นำภัยพิบัติมาให้เรา!”
ยูเอะก้มหน้าลง น้ำตาไหลริน “ไม่…ฉันไม่ได้ตั้งใจ…”
เสียงของพี่อาคิระดังก้องในใจเธอ “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่เชื่อในตัวเธอ”
“ฉันไม่สามารถเปลี่ยนอดีตได้…แต่ฉันจะไม่ยอมให้มันทำร้ายฉันอีกต่อไป” ยูเอะเงยหน้าขึ้นด้วยจิตใจที่สงบเยือกเย็น เปลวไฟรอบตัวค่อย ๆ มอดลง
กลับสู่ความเป็นจริง
ทั้งสามกลับมาพบกันอีกครั้งตรงหน้าประตูหินขนาดใหญ่ พวกเขาหอบหายใจ ใบหน้าของแต่ละคนเปื้อนเหงื่อ แต่แววตากลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น
“เราผ่านมันมาได้แล้ว…” อาคิระพูดเบา ๆ
ดราโก้ยิ้มบาง ๆ “แต่สิ่งที่รออยู่ข้างหน้ายังยากกว่านี้แน่”
ยูเอะจับมือพี่ชายไว้ “พี่คะ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน…ใช่ไหมคะ?”
“ใช่” อาคิระตอบ เขาหันไปสบตากับดราโก้ “พร้อมไหม?”
“พร้อมเสมอ” ดราโก้ตอบ
ทั้งสามก้าวเข้าหาประตูหิน เตรียมตัวเผชิญหน้ากับบาปแห่งความโกรธที่แท้จริง…
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 21
Comments