ตอนที่ 1: บททดสอบแรกในดินแดนดราเคน
แสงสีส้มอมแดงจากแมกม่าที่เดือดพล่านสะท้อนท้องฟ้าราวกับผืนดินถูกหลอมละลาย เสียงลมร้อนพัดผ่านไปมา และเสียงไอน้ำที่ปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่องสร้างบรรยากาศที่เคร่งขรึมและน่าเกรงขาม อาคิระและยูเอะยืนอยู่บนชานชาลาของสถานีรถไฟคริสตัลในดราเคน พื้นที่ล้อมรอบด้วยภูเขาไฟและเปลวไฟที่ไม่เคยดับ
สถานีถูกสร้างขึ้นจากหินอัคนีที่แกะสลักด้วยลวดลายเปลวเพลิง เส้นสายที่ดูแข็งแกร่งและสง่างามสะท้อนแสงจากลาวาไหลเอื่อย ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูราวกับงานศิลปะที่ยังมีชีวิต
“พี่… ที่นี่มันสวยแปลกตาจังเลยนะ” ยูเอะพูดพร้อมมองไปรอบ ๆ ดวงตาสีทองของเธอเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
อาคิระมองตาม เผลอยิ้มบาง ๆ “มันดูเหมือนอะไรบางอย่างที่พี่เคยเห็นในหนังสือประวัติศาสตร์…หรือไม่ก็ในเกม” เขากวาดตามองทิวทัศน์เบื้องหน้า ร่องลึกของแผ่นดินที่เหมือนแกรนด์แคนยอนถูกเติมเต็มด้วยลาวาสีส้มแดงที่ส่องประกายระยิบระยับ
“อะไรนะ? หนังสือประวัติศาสตร์?” ยูเอะเอียงคอด้วยความสงสัย
อาคิระหัวเราะเบา ๆ “ก็ที่โลกของพี่มีสถานที่ชื่อแกรนด์แคนยอน มันเป็นหุบเขาลึกเหมือนที่นี่ แต่ไม่มีลาวาไหลผ่านหรอกนะ”
ทั้งสองเดินข้ามสะพานหินอัคนีที่เชื่อมต่อไปยังตัวเมืองดราเคน ที่นี่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา แม้จะดูเป็นสถานที่ที่ไม่น่าอยู่อาศัยเพราะความร้อนจัด แต่ผู้คนกลับดูร่าเริงและแข็งแกร่ง
บ้านเรือนที่เรียงรายรอบตัวสร้างขึ้นจากหินลาวาและหินอัคนี รูปทรงของอาคารบางแห่งทำให้อาคิระอดไม่ได้ที่จะนึกถึงบ้านญี่ปุ่นโบราณที่เคยเห็นในภาพยนตร์หลังข่าว “บ้านพวกนี้…เหมือนบ้านในยุคเอโดะของญี่ปุ่นเลย” เขาพูดกับตัวเอง
“บ้านในยุค…อะไรนะ?” ยูเอะถามพลางจ้องหน้าเขาอย่างสงสัย
“ยุคเอโดะ เป็นช่วงหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น บ้านแบบนี้พี่เคยเห็นในหนังประวัติศาสตร์” อาคิระอธิบาย
“ญี่ปุ่นเหรอ…เป็นสถานที่ในโลกของพี่อีกใช่ไหม?” ยูเอะถามพร้อมรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว พี่ชอบวัฒนธรรมที่นั่นมาก เพราะมันดูมีเอกลักษณ์ แต่ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นของจริงที่พี่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น”
พวกเขาเดินผ่านตลาดที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา คนบางคนแต่งกายคล้ายซามูไร มีอาวุธดาบที่ดูทรงพลังพาดอยู่บนหลัง และบางคนสวมชุดที่ประดับลวดลายเปลวไฟซึ่งเข้ากับบรรยากาศของดราเคน
“พี่! ดูตรงนั้นสิ!” ยูเอะชี้ไปยังสระลาวาที่อยู่ใจกลางลานกว้าง
ในสระนั้นมีปลาคราฟลักษณะพิเศษว่ายอยู่ เกล็ดของมันเปล่งประกายราวกับอัญมณีสะท้อนแสงจากลาวา อาคิระหยุดมองด้วยความทึ่ง “เหมือนปลาคราฟที่โลกของพี่เลย…แต่ที่นั่นมันว่ายอยู่ในน้ำไม่ใช่ลาวา”
“ปลาคราฟ?” ยูเอะถามอย่างฉงน “ที่โลกของพี่มีปลาที่คล้ายแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“ใช่ แต่พวกมันไม่ทนร้อนขนาดนี้แน่” อาคิระตอบพร้อมหัวเราะ “ที่นั่นปลาคราฟคือสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและความมุ่งมั่น แต่ที่นี่…มันคงเป็นปลาคราฟแห่งเปลวเพลิงล่ะมั้ง”
เมื่อพวกเขาเดินลึกเข้าไปในลานกลางเมือง เสียงโห่ร้องดังลั่น ผู้คนจำนวนมากยืนล้อมวงรอบสนามประลองขนาดใหญ่ บางคนถือธง บางคนตะโกนเชียร์ด้วยความกระตือรือร้น
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” ยูเอะถามพลางขยับเข้ามาใกล้
อาคิระหันไปมองก่อนจะสังเกตเห็นป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนว่า “การประลองแห่งเปลวไฟเพื่อวัดความแข็งแกร่ง!”
เสียงผู้ประกาศดังขึ้นก้องสนาม “ใครที่กล้าหาญที่สุดในดราเคน เชิญลงชื่อเข้าร่วมการประลอง! นี่คือโอกาสของท่านในการพิสูจน์ตนเอง!”
อาคิระอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะชอบการประลองจริง ๆ”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็มีคนในฝูงชนผลักดันเขาเข้าไปยังแถวลงชื่ออย่างไม่ได้ตั้งใจ
“เอ่อ… เดี๋ยวก่อน! ผมไม่ได้จะ—” อาคิระพยายามอธิบาย แต่กลับถูกดันจนไปยืนหน้ากระดานลงชื่อ
“ชื่อ?” เจ้าหน้าที่ถามพลางจ้องมองเขาด้วยสายตาที่จริงจัง
อาคิระอ้าปากค้าง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “อาคิระ…”
เจ้าหน้าที่พยักหน้าและยื่นป้ายหมายเลขให้ “ยินดีต้อนรับสู่การประลอง เจอกันในสนาม!”
ยูเอะที่ยืนมองอยู่ด้านหลังถอนหายใจ “พี่อาคิระ… นี่พี่ต้องลงแข่งจริง ๆ แล้วสินะ”
“พี่ไม่ได้ตั้งใจเลยนะ!” อาคิระพูดพร้อมเกาหัวอย่างงุนงง
“งั้นพี่ต้องสู้ให้เต็มที่นะคะ!” ยูเอะยิ้มขำพลางตบไหล่เขา
อาคิระมองไปยังสนามประลองที่เต็มไปด้วยเสียงเชียร์และบรรยากาศดุดัน ในใจเขารู้สึกได้ถึงความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจเข้าร่วมตั้งแต่แรก แต่ความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหายไปจากหัวใจกลับทำให้เขาพร้อมจะพิสูจน์ตัวเอง
“ถ้าพี่ต้องลงแข่ง…ก็เอาให้เต็มที่ไปเลยละกัน” เขาพูดพลางสูดลมหายใจลึก เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่กำลังจะมาถึง…
ตอนที่ 2: การเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่ง
เสียงโห่ร้องจากฝูงชนรอบสนามยังคงดังลั่น อาคิระยืนพิงกำแพงสนามประลอง หอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าหลังจบการต่อสู้รอบที่สาม เขายกมือลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อก่อนจะมองไปยังยูเอะที่กำลังส่งเสียงเชียร์อยู่จากขอบสนาม
“พี่อาคิระ สู้ต่อไปนะคะ! ยูเอะเชื่อว่าพี่ทำได้!” เสียงใสของเธอดังก้องในความวุ่นวาย
อาคิระพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองรอบสนาม ที่นี่ยังคงเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและเสียงเชียร์อย่างไม่มีทีท่าจะเบาบางลง การประลองในวันนี้เป็นบททดสอบที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ทั้งการต่อสู้และกฎเกณฑ์ที่บีบบังคับให้เขาใช้เพียงร่างกายและทักษะที่เคยฝึกฝนมาในโลกของเขาเท่านั้น
รอบแรก: นักสู้คาราเต้
คู่ต่อสู้คนแรกของเขาคือชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ที่ดูเหมือนภูผา ใบหน้าที่เรียบนิ่งและดวงตาคมกริบของเขาบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ อาคิระไม่ต้องใช้เวลาคิดนานก็จำได้ว่าท่าทางของคู่ต่อสู้คล้ายกับ “คาราเต้” ในโลกของเขา
เสียงกลองสามจังหวะเริ่มต้นการต่อสู้ ชายผู้นั้นยืนตั้งท่าแบบคาราเต้ดั้งเดิมก่อนจะพุ่งเข้าหาอาคิระด้วยหมัดตรงที่รวดเร็วและรุนแรง อาคิระหลบได้ทัน แต่แรงลมนั้นกลับทำให้เขาเสียสมดุล
“พลังหมัดแบบนี้… ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย” อาคิระคิดในใจ ก่อนจะพยายามหาจังหวะสวนกลับ
ชายคนนั้นเดินเกมบุกอย่างไม่หยุดยั้ง ใช้ทั้งหมัดตรง ศอก และเตะสูงสลับกันอย่างแม่นยำ อาคิระใช้ทักษะหลบหลีกที่เขาฝึกมาจากการฝึกต่อสู้ในวัยเด็ก เขาอาศัยความเร็วและความยืดหยุ่นของร่างกายช่วยป้องกันการโจมตีที่รุนแรงเหล่านั้น
เมื่อชายคนนั้นเปิดช่องว่างเล็กน้อย อาคิระใช้แรงทั้งหมดในหมัดของเขาสวนเข้าที่สีข้างของคู่ต่อสู้เต็มแรง เสียงคำรามของอีกฝ่ายดังขึ้นก่อนจะเสียหลักล้มลง กรรมการตัดสินให้อาคิระเป็นฝ่ายชนะ
รอบสอง: นักยูโด
คู่ต่อสู้คนต่อมาคือหญิงสาวร่างเล็ก แต่ท่าทางของเธอกลับแฝงไปด้วยพลังที่น่าประหลาด เธอเดินขึ้นสู่สนามประลองอย่างสง่างามก่อนจะยืนตั้งท่าเตรียมพร้อม อาคิระรู้ได้ทันทีว่าเธอเชี่ยวชาญศิลปะ “ยูโด” จากการยืนและการจับล็อกของเธอ
“การโจมตีแบบตรง ๆ คงไม่เหมาะกับคนนี้” อาคิระพึมพำขณะตั้งท่ารับมือ
เมื่อเสียงกลองเริ่มขึ้น หญิงสาวพุ่งเข้าหาอาคิระอย่างรวดเร็ว เธอจับแขนเขาในจังหวะเดียวแล้วใช้แรงของตัวเองเหวี่ยงอาคิระลงกับพื้น แม้จะไม่ได้เจ็บหนัก แต่การถูกเหวี่ยงเช่นนี้ก็ทำให้อาคิระเสียจังหวะไปชั่วขณะ
“ถ้าเธอจับตัวฉันได้อีกครั้ง ฉันคงไม่รอดแน่” อาคิระคิด ก่อนจะปรับแผนการต่อสู้ เขาเปลี่ยนมาใช้ความเร็วและระยะห่างเป็นอาวุธ เขาหลบหลีกการจับล็อกของเธออย่างคล่องตัว ขณะเดียวกันก็ใช้การโจมตีที่รวดเร็วและแม่นยำเข้าที่จุดอ่อนของเธอ
หลังจากต่อสู้กันอย่างดุเดือด อาคิระสามารถหาช่องว่างในการโจมตีจนหญิงสาวพลาดล้มลงกับพื้น เสียงเชียร์จากผู้ชมดังลั่นเมื่อกรรมการประกาศชัยชนะของเขา
รอบรองชนะเลิศ: นักไอกิโด
คู่ต่อสู้คนนี้ทำให้อาคิระรู้สึกถึงความกดดันที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ ชายหนุ่มผู้สง่างามเดินขึ้นมาบนสนามพร้อมกับสายตาที่นิ่งสงบและมั่นคง การยืนและการเคลื่อนไหวของเขาดูราวกับเป็นกระแสน้ำที่ไหลลื่นแต่ทรงพลัง อาคิระจำได้ทันทีว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ “ไอกิโด”
เมื่อเสียงกลองเริ่ม ชายหนุ่มไม่ได้พุ่งเข้าหาเหมือนคู่ต่อสู้ก่อนหน้า แต่เขายืนรอให้อาคิระโจมตีก่อน อาคิระจึงต้องบุกเข้าไปด้วยหมัดตรงที่รวดเร็ว
แต่เพียงเสี้ยววินาที หมัดของเขากลับถูกเบี่ยงออกไปด้วยการปัดเบา ๆ ของชายหนุ่ม ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกดึงเสียสมดุลและเกือบล้มลง
“หมอนี่ใช้พลังของฉันเองเพื่อต่อกรกับฉัน…” อาคิระคิดพร้อมกับพยายามตั้งหลักใหม่
การต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญไอกิโดเป็นเหมือนการต่อสู้กับเงาของตัวเอง ทุกการโจมตีของอาคิระถูกตอบโต้ด้วยการเบี่ยงเบนหรือจับล็อกที่ดูเหมือนไม่ต้องใช้แรงใด ๆ เขาเริ่มเหนื่อยล้าจากการพยายามบุกแต่ไร้ผล
“ฉันต้องใจเย็นกว่านี้…” อาคิระสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเปลี่ยนกลยุทธ์ เขาเลิกบุกโดยไม่คิด และเริ่มสังเกตจังหวะและการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้
เมื่อชายหนุ่มพยายามจับล็อกอีกครั้ง อาคิระใช้การเคลื่อนไหวที่คล่องตัวหลบหลีก และใช้หมัดสวนกลับไปที่ไหล่ของอีกฝ่ายเต็มแรงจนชายหนุ่มเสียหลักไปชั่วครู่
อาคิระอาศัยโอกาสนั้นบุกต่อ ใช้การโจมตีต่อเนื่องจากเพลงดาบดาวที่ดัดแปลงเป็นมือเปล่า แต่ละหมัดสร้างจังหวะที่คาดเดาได้ยากจนชายหนุ่มไม่สามารถตอบโต้ได้ในที่สุด
เสียงประกาศชัยชนะของอาคิระดังขึ้น พร้อมกับเสียงโห่ร้องจากฝูงชน อาคิระหอบหายใจหนักขณะที่เขามองคู่ต่อสู้ที่กำลังยิ้มบาง ๆ และพยักหน้าให้
“เจ้าทำได้ดี… ข้าจะคอยดูเจ้าในรอบชิง” ชายหนุ่มพูดก่อนจะเดินออกจากสนาม
อาคิระยืนอยู่กลางสนามด้วยความรู้สึกทั้งเหนื่อยล้าและพอใจ เขาเงยหน้ามองยูเอะที่กำลังส่งเสียงเชียร์จากขอบสนามด้วยรอยยิ้ม
“พี่อาคิระสุดยอดมากค่ะ! ยูเอะรู้ว่าพี่ต้องชนะได้แน่ ๆ!”
เขายิ้มตอบกลับก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “แค่รอบชิงอีกหนึ่งรอบ… ฉันจะทำให้ได้”
การต่อสู้ในแต่ละรอบทำให้อาคิระได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง แม้จะเหนื่อยล้า แต่หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น การเดินทางในสนามประลองครั้งนี้ยังไม่จบ และเขารู้ว่ารอบชิงชนะเลิศจะเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด…
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 21
Comments