ตอนที่ 6: เส้นทางของมิตรภาพ
ลมเย็นพัดผ่านผืนป่าหิมะ เสียงหวีดหวิวดังลอดผ่านต้นไม้สูงใหญ่ข้างทาง ขณะที่อาคิระและจิ้งจอกน้อย ซึ่งตอนนี้กลายร่างเป็นเด็กสาว เดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง
ยูเอะก้าวเท้าช้า ๆ ชุดกิโมโนสีขาวสะท้อนแสงสีเงินจากพระจันทร์ ขณะที่ลวดลายสีส้มทองพลิ้วไหวไปตามแรงลม หางสีขาวสองหางที่แกว่งเบา ๆ บ่งบอกถึงตัวตนที่ดูบริสุทธิ์และสง่างาม ดวงตาสีทองของเธอเหลือบมองไปที่อาคิระเป็นระยะ พร้อมความอยากรู้อยากเห็นปนความเคารพที่ซ่อนอยู่
“คุณ…มาจากที่อื่นจริง ๆ ใช่ไหม?” ยูเอะเอ่ยถามขึ้น น้ำเสียงใสแฝงความลังเลเล็กน้อย
อาคิระพยักหน้า ถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ใช่ ฉันมาจากโลกที่ไม่ใช่ที่นี่ ทุกอย่างที่นี่…มันดูแปลกใหม่ไปหมด เหมือนหลุดออกมาจากเกม RPG หรืออะไรทำนองนั้น”
ยูเอะยิ้มบาง ๆ ขณะมองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว “โลกของคุณฟังดูน่าสนุกดี” เธอเว้นจังหวะสั้น ๆ ก่อนจะพูดต่อ “แต่ฟังดูเหมือนคุณยังไม่คุ้นชินกับที่นี่เลย”
“ใครจะชินได้ล่ะ ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง” อาคิระหัวเราะแผ่วเบา แต่ก็แฝงไปด้วยความจริงจัง “ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มีอะไรบ้าง…และฉันควรทำอะไรต่อ”
ยูเอะเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองเขาด้วยสายตาจริงจังที่หาได้ยากจากเด็กสาวทั่วไป “แต่คุณช่วยฉันไว้… คุณทำสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทำ คุณเป็นคนดี”
คำพูดของเธอทำให้อาคิระชะงัก เขาเหลือบมองใบหน้าของเด็กสาวที่กำลังมองเขาด้วยแววตาใสซื่อ แต่แฝงไปด้วยความจริงใจ
“ฉันแค่ทำในสิ่งที่ฉันคิดว่าถูกต้อง” เขาตอบเสียงเรียบ “ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
ทั้งสองเดินต่อไปในความเงียบ บรรยากาศรอบตัวมีเพียงเสียงลมพัดผ่านและหิมะที่ปลิวไหว กระทั่งยูเอะหยุดเดินกะทันหัน อาคิระชะงักก่อนจะหันกลับมามองเธอ
“ยูเอะ?” เขาเรียกชื่อเธอด้วยความสงสัย
เด็กสาวหันมาหาเขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความลังเลราวกับกำลังตัดสินใจบางอย่างที่สำคัญ เธอสบตากับเขา ดวงตาสีทองที่สั่นไหวเผยความรู้สึกบางอย่างออกมา
“อาคิระ…” เธอเอ่ยเรียกชื่อเขาเบา ๆ
“มีอะไรเหรอ?” อาคิระถามพลางเลิกคิ้วมองเธอ
ยูเอะสูดหายใจลึก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังที่ต่างจากปกติ “ฉัน…มีเรื่องอยากขอร้อง แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณจะยอมรับหรือเปล่า”
อาคิระมองเธออย่างแปลกใจ “ลองพูดมาสิ ถ้าฉันช่วยได้ ฉันก็จะช่วย”
ยูเอะเงียบไปชั่วขณะ ราวกับกำลังเลือกคำพูด เธอเอามือกำชายแขนเสื้อแน่น ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหวเล็กน้อย
“ฉัน…ขอเรียกคุณว่า ‘พี่ชาย’ ได้ไหม?”
คำพูดนั้นทำให้อาคิระนิ่งไป เขาจ้องมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยความประหลาดใจปนสงสัย “พี่ชาย?”
ยูเอะพยักหน้า สีหน้าของเธอจริงจัง “ฉันไม่เคยมีพี่ชาย… ฉันอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด ไม่มีใครปกป้อง ไม่มีใครอยู่ข้างฉัน แต่ตอนนี้…คุณช่วยฉันไว้ คุณทำให้ฉันรู้สึกเหมือนฉันไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป”
เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความรู้สึก “คุณทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย และคุณก็ไม่เหมือนใครเลย… คุณเหมือนพี่ชายในแบบที่ฉันเคยจินตนาการไว้”
อาคิระมองเธอเงียบ ๆ ความรู้สึกหลายอย่างวิ่งผ่านหัวเขา ทั้งความตกใจ ความไม่แน่ใจ และความอบอุ่นที่แทรกเข้ามาในใจลึก ๆ
“เธอแน่ใจเหรอ?” เขาถาม น้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันไม่ได้สมบูรณ์แบบขนาดนั้นนะ ฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะดูแลตัวเองได้ดีแค่ไหน”
ยูเอะยิ้มบาง ๆ ดวงตาสีทองของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ฉันไม่ได้ขอให้คุณสมบูรณ์แบบ ฉันแค่อยากเรียกคุณว่าพี่ชาย… เพราะคุณทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีใครสักคนอยู่ข้าง ๆ จริง ๆ”
คำพูดนั้นทำให้อาคิระนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เขามองเด็กสาวตรงหน้า ดวงตาสีทองอ่อนโยนที่สะท้อนแสงไฟทำให้เขานึกถึงบางสิ่งที่ลึกอยู่ในใจมาตลอด
ตอนเด็ก เขาเคยเฝ้ามองเพื่อน ๆ ที่มีพี่น้องเล่นหัวกันอย่างสนุกสนาน บางครั้งก็ทะเลาะกันอย่างน่ารำคาญ แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ยังมี “คนที่อยู่ข้าง ๆ เสมอ” เขาจำได้ว่าตัวเองเคยอิจฉาแค่ไหนที่ไม่มีใครแบบนั้นในชีวิต เขาเคยคิดฝัน…หากมีน้องสักคน เขาจะปกป้องดูแลอย่างดีที่สุด
และตอนนี้ โอกาสนั้นก็มาอยู่ตรงหน้าโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว เด็กสาวคนนี้—ยูเอะ—กำลังขอให้เขาเป็น “พี่ชาย” ของเธอ ไม่ใช่เพราะความฝันในวัยเด็กของเขา แต่เพราะเธอเชื่อใจและต้องการใครสักคนจริง ๆ
คำพูดนั้นทำให้อาคิระหัวเราะออกมาเบา ๆ “ถ้าเธออยากเรียกฉันว่าพี่ชาย…ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก”
“จริงเหรอ?” ยูเอะตาเป็นประกายทันที ใบหน้าของเธอเปื้อนรอยยิ้มสดใส ก่อนจะกระโดดเข้ามากอดแขนเขาแน่น “พี่ชาย! ยูเอะดีใจมาก!”
“เฮ้ ๆ ใจเย็นก่อนสิ” อาคิระหัวเราะเบา ๆ ขณะที่พยายามแกะมือเธอออกอย่างเก้ ๆ กัง ๆ แต่ในใจกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ทั้งสองเดินต่อไปพร้อมกับเสียงหัวเราะและบทสนทนาที่ผ่อนคลาย บรรยากาศที่เย็นเฉียบของผืนป่าหิมะกลับแปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นจากความสัมพันธ์ที่กำลังเริ่มต้นขึ้น
ค่ำคืนนั้น เมื่อทั้งสองหยุดพักในกระท่อมไม้เล็ก ๆ ข้างเตาผิง ยูเอะนั่งขดตัวอยู่ใกล้เปลวไฟที่ลุกโชน ดวงตาสีทองของเธอสะท้อนแสงไฟอย่างสงบ
“พี่ชาย…” เธอเอ่ยเบา ๆ ขณะยิ้มบาง “ยูเอะดีใจที่มีพี่อยู่ที่นี่”
อาคิระเงยหน้ามองเธอ ก่อนจะยิ้มตอบ แม้ไม่ได้เอ่ยคำใด แต่ความรู้สึกในใจของเขาชัดเจนกว่าครั้งไหน ๆ เขารู้แล้วว่าการเดินทางครั้งนี้ จะไม่มีทางเดียวดายอีกต่อไป
ตอนที่ 7: แสงแห่งศรัทธา
หลังจากการเดินทางผ่านดินแดนน้ำแข็งที่แสนเหน็บหนาว อาคิระและยูเอะมาถึงเมืองใหญ่ที่ตั้งอยู่เชิงวิหารคริสตัล เมืองนี้เปรียบเสมือนโอเอซิสแห่งความอบอุ่นและความศรัทธา ท่ามกลางสภาพอากาศที่เย็นจัด อาคารทุกหลังถูกสร้างจากหินอ่อนขาวผสานกับคริสตัลโปร่งแสงที่ส่องประกายระยิบระยับ แสงสีทองจากท้องฟ้าสะท้อนลงมา ทำให้เมืองทั้งเมืองดูราวกับถูกอาบไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์
เสียงสวดมนต์แผ่วเบาดังก้องจากทุกมุมเมือง ผสานกับสายลมเบา ๆ ที่พัดผ่านมา บรรยากาศทั้งหมดอบอวลไปด้วยความสงบ ผู้คนที่สวมชุดสีขาวปักลวดลายทองเดินผ่านไปมาอย่างมีระเบียบ แต่บางครั้งก็หยุดหันมามองอาคิระและยูเอะด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
“ที่นี่คือเมืองแห่งศรัทธา” ยูเอะเอ่ยขึ้น ขณะเดินนำอาคิระไปตามถนนที่ปูด้วยหินขาว “ผู้คนที่นี่นับถือเทพแห่งเซเลส…ซึ่งแม่ของยูเอะคือหนึ่งในผู้พิทักษ์แห่งแสงที่ปกป้องพวกเขา”
อาคิระกวาดตามองรอบ ๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ “ดูเหมือนเธอจะเป็นที่รู้จักน่าดูเลยนะ” เขาพูดหยอก ขณะที่เห็นบางคนโค้งศีรษะเล็กน้อยเมื่อยูเอะเดินผ่าน
ยูเอะหัวเราะเบา ๆ “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่ในฐานะลูกสาวของผู้พิทักษ์แสง ผู้คนก็ให้ความเคารพอยู่บ้าง”
พวกเขาเดินมาจนถึงทางเข้าวิหารคริสตัลที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเมือง แสงสีทองบางเบาลอยวนอยู่รอบวิหาร ทำให้มันดูเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจแตะต้องได้ ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ถูกแกะสลักอย่างประณีตด้วยลวดลายของจิ้งจอกเก้าหางที่สง่างาม
ยูเอะหันมายิ้มให้เขา “แม่ของยูเอะคงรออยู่ข้างใน”
ทั้งสองเดินขึ้นบันไดหินขาวทีละขั้น อาคิระสัมผัสได้ถึงความเงียบสงบที่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในวิหาร อากาศอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาโอบล้อมร่างเขา ผนังคริสตัลใสราวกับกระจกสะท้อนแสงสีทองไปทั่วห้องโถง ทุกก้าวย่างของเขาดังก้องเบา ๆ แต่กลับดูสงบอย่างน่าประหลาด
ที่ปลายสุดของห้องโถง ร่างของจิ้งจอกเก้าหางขนาดใหญ่ยืนอยู่กลางแสงสีทอง ขนสีขาวบริสุทธิ์ส่องประกายราวกับแสงจากสวรรค์ ดวงตาสีทองอร่ามจ้องมองตรงมาที่อาคิระราวกับมองทะลุเข้าไปถึงจิตใจ
“นั่นคือ…แม่ของเธอเหรอ?” อาคิระกระซิบเบา ๆ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความทึ่ง
ยูเอะพยักหน้า ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับคุกเข่าลง “แม่…ยูเอะกลับมาแล้วค่ะ”
จิ้งจอกเก้าหางก้าวช้า ๆ ออกมาจากแสงสีทองที่โอบล้อมรอบตัวเธอ ความสง่างามของร่างนั้นทำให้อาคิระไม่อาจละสายตาได้ เมื่อแสงจางลง เผยให้เห็นร่างของหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ เธอสวมชุดสีขาวประดับลวดลายทองอ่อนที่ละเอียดอ่อนและวิจิตร ดุจผลงานศิลปะจากสวรรค์ ชุดของเธอพลิ้วไหวราวกับมันมีชีวิต เส้นผ้าสีทองที่คาดเอวถูกตกแต่งด้วยเครื่องประดับคล้ายดวงดารา ขับให้เธอดูยิ่งสง่างามราวกับเทพธิดา
เรือนผมสีดำสนิทไหลยาวถึงกลางหลัง ตัดกับหูจิ้งจอกสีขาวบริสุทธิ์ที่ชี้เด่นอยู่บนศีรษะ ดวงตาสีทองสุกสกาวของเธอเปล่งประกายราวกับแสงจากดวงอาทิตย์ แต่กลับอบอุ่นและอ่อนโยนจนทำให้ผู้ที่สบตารู้สึกเหมือนถูกโอบกอดด้วยความสงบ ใบหน้าของเธอประณีตงดงามไร้ที่ติ ดุจดั่งภาพวาดในตำนาน เครื่องประดับศีรษะที่ประดับด้วยดวงแก้วคริสตัลและสายโซ่สีทองสะท้อนแสงเรืองรอง ให้ความรู้สึกราวกับเธอคือผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์
แม้จะดูเปราะบางในรูปลักษณ์ แต่แสงสีทองบางเบาที่แผ่ออกมาจากตัวเธอ กลับทำให้อาคิระรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่และความน่าเกรงขามที่ยากจะเทียบเคียง
“ยินดีที่ได้พบ…” เสียงของเธอนุ่มนวลแต่หนักแน่น แว่วก้องกังวานไปทั่วห้องโถง คล้ายกับเสียงนั้นกำลังกล่อมเกลาจิตใจที่ว้าวุ่นให้สงบลง
“เจ้าคือผู้ที่ได้ช่วยลูกข้าไว้…ใช่หรือไม่?”
อาคิระยืนตัวตรง ก่อนจะโค้งเล็กน้อยอย่างสุภาพ “ครับ…ผมชื่ออาคิระ”
หญิงสาวมองเขาด้วยแววตาที่อ่านทะลุทุกอย่าง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ “ข้าคือฮิคาริ ผู้พิทักษ์แสงแห่งเซเลส และเป็นแม่ของยูเอะ”
“ข้าต้องขอบคุณเจ้าที่ช่วยชีวิตลูกข้าไว้” ฮิคาริกล่าวต่อ พลางก้าวเข้าไปใกล้
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ” อาคิระตอบ น้ำเสียงจริงใจ “ผมแค่ทำในสิ่งที่ควรทำเท่านั้นเอง”
ฮิคาริพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เจ้ามีจิตใจที่บริสุทธิ์และแข็งแกร่งเกินกว่าที่ข้าคาดไว้”
เธอหันไปมองยูเอะ ดวงตาเปล่งประกายแห่งความรักและความภูมิใจ “ลูกแม่ เจ้าจะต้องช่วยนำทางเขาไปสู่เส้นทางแห่งแสง ช่วยปกป้องเขา และช่วยให้เขาบรรลุภารกิจที่ยิ่งใหญ่”
“ยูเอะจะทำให้ดีที่สุดค่ะ!” เด็กสาวตอบเสียงหนักแน่น
ฮิคาริยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะหันกลับมาที่อาคิระ เธอยื่นมือแตะที่หน้าผากของเขา แสงสีทองสว่างจ้าละลานตาแผ่ซ่านออกจากปลายนิ้ว ความอบอุ่นไหลเวียนไปทั่วร่างเขา ราวกับพลังบางอย่างกำลังปลุกจิตใจที่สับสนให้มั่นคงขึ้น
“ขอให้แสงแห่งศรัทธานำทางเจ้า” ฮิคาริเอ่ยเสียงนุ่ม “และขอให้เจ้าพบกับความสำเร็จที่รออยู่เบื้องหน้า”
อาคิระหลับตารับพลังนั้น เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกสงบและมั่นใจแทรกซึมอยู่ในใจของเขา ฮิคาริถอยกลับไปยืนเคียงข้างยูเอะ พร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า
“คืนนี้พวกเจ้าพักที่นี่เสียก่อน” ฮิคาริกล่าวเสียงเรียบ “วันพรุ่งนี้ จงเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางไปยังดราเคน ดินแดนที่รอความช่วยเหลือ”
อาคิระพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะเหลือบมองยูเอะที่ยืนข้างเขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“แม่ของเธอน่าเกรงขามจริง ๆ” เขากระซิบกับยูเอะเบา ๆ
ยูเอะหัวเราะเสียงใส “แม่ของยูเอะเป็นแบบนี้แหละ แต่แม่ก็เชื่อมั่นในตัวพี่ชายมากนะ”
อาคิระยิ้มบาง ก่อนจะหันหลังเดินไปยังห้องพักที่เตรียมไว้ ค่ำคืนนี้ พวกเขาจะพักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้
การเดินทางครั้งใหม่นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาก็รู้แล้วว่า เขาไม่ได้เดินทางเพียงลำพัง
ตอนที่ 8: เส้นทางสู่เปลวไฟ
รุ่งเช้าของวันใหม่ แสงสีทองอ่อน ๆ ส่องลอดผ่านผนังคริสตัลของวิหารเซเลส ราวกับท้องฟ้ากำลังอวยพรให้กับการเดินทางครั้งใหม่ อาคิระและยูเอะเตรียมตัวพร้อมสำหรับการออกเดินทาง จุดหมายปลายทางของพวกเขาคือ ดราเคน ดินแดนแห่งเปลวไฟที่แสนห่างไกล และอันตรายเกินกว่าที่จะเดินทางด้วยเท้า
“เราจะนั่งรถไฟคริสตัลไปยังดราเคน” ยูเอะบอกพลางเดินนำอาคิระออกจากวิหาร ดวงตาสีทองของเธอทอประกายด้วยความตื่นเต้น “มันเป็นพาหนะที่สร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์และเทคโนโลยีโบราณ สามารถแล่นผ่านทุกภูมิประเทศ ตั้งแต่น้ำแข็งเยือกแข็งไปจนถึงลาวาที่ร้อนระอุ”
“รถไฟที่แล่นผ่านลาวาเนี่ยนะ?” อาคิระทวนคำอย่างไม่อยากเชื่อ แต่แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัยปนความตื่นเต้น
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟคริสตัล อาคิระต้องหยุดนิ่งด้วยความตะลึงตาค้าง รถไฟตรงหน้าดูราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ฐานล่างสีดำสนิท ส่องประกายราวกับโลหะที่ถูกขัดจนเงาวับ มันดูแข็งแกร่งและหนักแน่นผิดกับโครงสร้างส่วนบนที่เป็นคริสตัลโปร่งแสงระยิบระยับ แสงสะท้อนจากพื้นผิวทำให้มันดูเหมือนแสงดาวที่ถูกจับต้องได้
“นั่นมัน…รถไฟคริสตัลเหรอ?” อาคิระถามพลางเดินเข้าไปใกล้ ยื่นมือออกไปแตะผิวรถไฟที่เย็นสบายอย่างน่าประหลาด
ยูเอะพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ มันดูเหมือนบอบบาง แต่จริง ๆ แล้วฐานสีดำถูกสร้างขึ้นจาก แมกมาโซลิดิฟายด์ เป็นโลหะที่สกัดจากลาวา ทนทานต่อความร้อนสูงสุดในอาร์เคเดีย แถมยังเย็นสบายราวกับน้ำแข็ง ในหนังสือที่ยูเอะอ่านมา อธิบายแบบนี้ค่ะ”
“มหัศจรรย์ชะมัด…” อาคิระพึมพำเบา ๆ สายตายังคงจับจ้องรถไฟตรงหน้า “เหมือนสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมโลกสองขั้วเข้าด้วยกัน”
เสียงหวูดรถไฟดังขึ้น พนักงานในชุดสีทองปักลายคริสตัลเริ่มเรียกผู้โดยสารให้ขึ้นรถ อาคิระและยูเอะเดินตามเข้าไปในห้องโดยสารที่จัดไว้อย่างประณีต เก้าอี้บุผ้านุ่มสบาย พร้อมหน้าต่างบานใหญ่ที่เผยให้เห็นวิวข้างนอกได้ชัดเจน
เมื่อรถไฟเริ่มเคลื่อนออกจากสถานี เมืองแห่งศรัทธาที่เคยตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลังก็ค่อย ๆ เลือนหายไป อาคิระมองผ่านหน้าต่าง ทิวทัศน์ของทุ่งน้ำแข็งสีขาวโพลนแผ่กว้างสุดลูกหูลูกตา แต่ไม่นานก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ
“เรากำลังเข้าสู่เขตรอยต่อแล้ว” ยูเอะเอ่ยขึ้น เธอชี้ไปยังขอบฟ้าอันไกลโพ้น
สิ่งที่อาคิระเห็นตรงหน้าคือภาพที่ยากจะลืมเลือน ทุ่งน้ำแข็งขาวสะอาดแปรสภาพเป็นทะเลก่อนจะพบร่องแยกขนาดมหึมาที่เต็มไปด้วยลาวาเดือดพล่าน กลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ภูมิประเทศคล้ายแกรนด์แคนยอน ที่ถูกแต่งแต้มด้วยเปลวไฟสีส้มแดง สายตาของเขาไล่ไปตามแนวหินสีดำและแสงสีทองจากออโรร่าที่ค่อย ๆ จางหาย
“นั่นคือดราเคน…” ยูเอะกล่าวเสียงแผ่ว แต่แฝงไปด้วยความจริงจัง “ดินแดนที่ลาวาเป็นชีวิต มังกรไฟคือผู้ปกครอง และสิ่งมีชีวิตที่นี่ต่างปรับตัวให้ทนทานต่อความร้อนสุดขีด”
รถไฟแล่นข้ามสะพานที่ทอดผ่านร่องลึกเบื้องล่าง ลาวาเดือดไหลรินเป็นสาย เปลวไฟลุกไหม้เป็นระลอกคลื่น ต้นไม้แปลกตาที่ดูเหมือนมีชีวิตชูใบสีแดงสว่างขึ้นสู่ท้องฟ้า เปลือกไม้สีดำเงาของมันราวกับโลหะที่ถูกเผาจนแกร่ง
“ต้นไฟนิรันดร์” ยูเอะอธิบาย “มันเก็บพลังความร้อนจากลาวาไว้ในใบ เพื่อให้สามารถอยู่รอดได้แม้ในค่ำคืนที่มืดสนิท”
“สุดยอดจริง ๆ …” อาคิระพึมพำ เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุที่แทรกผ่านหน้าต่างเข้ามา แต่แววตาของเขากลับเป็นประกายด้วยความสนใจในโลกใหม่ที่เขาไม่เคยพบเจอ
รถไฟค่อย ๆ ชะลอความเร็วเมื่อเข้าสู่เมืองหลักของดราเคน บ้านเรือนถูกสร้างขึ้นจากหินอัคนีสีดำ ตัดกับแสงสีส้มที่ไหลรินออกมาจากปล่องขนาดเล็กบนหลังคา บรรยากาศร้อนระอุแผ่ซ่านไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครดูเดือดร้อน ผู้คนสวมชุดที่ออกแบบให้ป้องกันความร้อน ดูสงบและคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายนี้
“ถึงแล้วค่ะ” ยูเอะพูดขึ้นพร้อมลุกจากที่นั่ง “คืนนี้เราจะพักที่นี่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มสำรวจดราเคน”
อาคิระยืนขึ้น คว้ากระเป๋าของเขาไว้แน่นพลางมองไปรอบ ๆ เมืองที่เต็มไปด้วยความลึกลับและความร้อนแรง เขารู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา และข้างหน้ายังมีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่รอคอยเขาอยู่
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 21
Comments