บทที่ 1: จุดเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา
ตอนที่ 7: ความอบอุ่นในคืนที่เงียบสงบ
เสียงนาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มดังก้องในความเงียบของบ้าน อาคิระนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอน ท่ามกลางแสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียง เขามองสร้อยคอที่วางอยู่ตรงหน้า สายตาเต็มไปด้วยความคิดที่วนเวียน ทั้งเสียงกระซิบแปลก ๆ เสียงกระจกแตกในฝัน และคำพูดคลุมเครือของพ่อแม่ ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังแบกความลับที่ใหญ่เกินตัว
เขาเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างลังเล ก่อนกดโทรหาเมย์ เพื่อนสนิทที่เขาเชื่อใจที่สุด
เสียงสัญญาณดังเพียงไม่กี่ครั้ง ก่อนจะได้ยินเสียงนุ่มนวลของเมย์จากปลายสาย
“อาคิน? มีอะไรหรือเปล่า โทรมาดึกขนาดนี้”
“เรามีเรื่องอยากคุยด้วย…” อาคิระหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง “ขอเจอเธอได้ไหม? ที่สวนข้างบ้านเธอ”
“ได้สิ เดี๋ยวเราออกไปเจอ”
เมย์วางสายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับรู้ว่าอาคิระต้องการเธอจริง ๆ ในคืนนี้
สวนเล็ก ๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมรั้วบ้านเมย์เป็นจุดนัดพบประจำของทั้งคู่ตั้งแต่เด็ก เมย์นั่งอยู่ที่ม้านั่งไม้ เธอสวมเสื้อกันหนาวสีครีมที่ปลิวเบา ๆ ตามสายลม รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเธอทำให้อาคิระรู้สึกสบายใจในทันทีที่เดินมาถึง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เมย์ถาม ขยับตัวเปิดที่ว่างบนม้านั่งให้เขานั่ง “ดูเหมือนนายมีเรื่องหนักใจ”
อาคิระนั่งลงข้างเธอ ก่อนหยิบสร้อยคอจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมา แสงสีฟ้าอ่อนจากอัญมณีทำให้เมย์เบิกตากว้างเล็กน้อย
“สร้อยนี่…สวยมากเลย” เมย์พูดพร้อมเอื้อมมือไปแตะมันอย่างเบามือ “แต่มันดูไม่เหมือนของธรรมดา”
“มันไม่ใช่แค่สร้อยธรรมดา” อาคิระตอบเสียงเบา ก่อนเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง ตั้งแต่เสียงกระซิบที่เขาได้ยิน ความฝันแปลกประหลาดที่เหมือนจริง ไปจนถึงคำพูดของพ่อแม่ที่ฟังดูเหมือนปริศนา เมย์นั่งฟังเงียบ ๆ ดวงตาแสดงถึงความตั้งใจรับฟังอย่างเต็มที่
“เราไม่เข้าใจเลย” อาคิระพูดพลางถอนหายใจ “พ่อกับแม่ทำเหมือนรู้บางอย่าง แต่กลับไม่ยอมบอกเรา”
“บางที…” เมย์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พวกเขาอาจอยากให้เธอค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง”
อาคิระหันไปมองหน้าเธอ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน “แต่เรายังไม่พร้อม…เรารู้สึกว่ามันยากเกินไปสำหรับเรา”
เมย์ยิ้มเล็ก ๆ “ไม่เป็นไรนะ อาคิน เธอไม่ต้องรีบร้อนหรอก พ่อกับแม่ของเธอฝึกเธอมาตั้งแต่เด็ก พวกเขารู้ว่าเธอทำได้ สิ่งสำคัญคือการเชื่อมั่นในตัวเอง และในสิ่งที่พวกเขาสอนมา”
เมย์เอื้อมมือไปจับมือเขา “ไม่ต้องรีบร้อนหรอกนะ อาคิน ปู่ของนายเคยพูดอะไรดี ๆ ไว้ใช่ไหม? เรื่องที่ว่า…ทุกปัญหามีทางแก้ เพียงแค่เราต้องมองมันจากอีกมุม”
อาคิระนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนพยักหน้าเบา ๆ “ปู่เคยพูดแบบนั้น…เขามักมีข้อคิดดี ๆ เสมอ และทุกครั้งที่เราสงสัยในอะไร เขาจะบอกให้เราเชื่อในสิ่งที่เรามองไม่เห็น…”
“ใช่” เมย์ยิ้ม “ปู่ของเธอเป็นคนที่เก่งในการมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองข้าม บางทีนี่อาจเป็นอีกครั้งที่เธอต้องเชื่อในคำพูดของเขา ค่อย ๆ มองหาคำตอบ อย่ากดดันตัวเอง”
คำพูดของเมย์ช่วยให้อาคิระรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วพยักหน้า “ขอบใจนะ เมย์ เราดีใจจริง ๆ ที่มีเธออยู่”
เมย์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “เราก็เหมือนกันนะ อาคิน นายคือเพื่อนที่สำคัญที่สุดของเรา”
หลังจากพูดคุยเรื่องหนัก ๆ พวกเขาเริ่มเดินเล่นรอบสวน เสียงหัวเราะเบา ๆ ค่อย ๆ กลับมา เมย์หยุดมองสนามเด็กเล่นเก่า ๆ ใกล้บ้าน
“จำได้ไหม?” เมย์พูดพร้อมชี้ไปที่หลุมทราย “ตอนเด็กนายเคยช่วยดึงเราออกจากหลุมทรายนั่น แล้วนายบอกว่า ‘เราจะไม่ทิ้งเมย์ไว้คนเดียวแน่ ๆ’ ”
อาคิระหัวเราะเบา ๆ “จำได้สิ ตอนนั้นเธอร้องไห้ใหญ่เลย แล้วเราก็โดนแม่เธอดุเพราะทำให้เธอเลอะเทอะไปหมด”
“แต่เรากลับรู้สึกดีนะ” เมย์พูดพร้อมมองหน้าเขา “นายทำให้เรารู้สึกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นายจะอยู่ข้างเราเสมอ”
อาคิระนิ่งไป ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เราก็แค่ทำในสิ่งที่เราควรทำ…และเราจะทำแบบนั้นเสมอ”
พวกเขาเดินเล่นจนมาหยุดที่สะพานไม้เล็ก ๆ ริมลำธาร สายลมเย็นพัดผ่าน เสียงน้ำที่ไหลเอื่อย ๆ สร้างบรรยากาศที่สงบและอบอุ่น
“เราดีใจนะ ที่ได้เจอเธอในชีวิตนี้” อาคิระพูดเบา ๆ
เมย์หันมามองเขา เธอแอบซ่อนรอยยิ้มเล็ก ๆ ไว้ในแววตา “เราก็ดีใจเหมือนกัน อาคิน…นายสำคัญสำหรับเราเสมอ”
เมื่อถึงหน้าประตูบ้านของเมย์ เธอหันกลับมามองเขาด้วยสายตาอบอุ่น
“อย่าคิดมากเกินไปเลยนะ อาคิน พรุ่งนี้อาจมีคำตอบที่นายตามหาอยู่ก็ได้”
“อืม…ขอบใจมากนะ เมย์”
“พรุ่งนี้เจอกัน” เธอโบกมือให้ ก่อนเดินเข้าบ้านไป
อาคิระมองตามจนลับสายตา ก่อนเดินกลับบ้านของตัวเอง เสียงลมยามค่ำคืนยังคงพัดแผ่วเบา สร้อยคอในกระเป๋าเสื้อของเขาดูเหมือนจะเปล่งแสงอ่อน ๆ ราวกับกำลังเตรียมตัวสำหรับบทบาทที่สำคัญในชีวิตของเขา…
————————
บทที่ 1: จุดเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา
ตอนที่ 8: แสงแห่งการเริ่มต้น
คืนนั้น แสงจันทร์ยามค่ำคืนลอดผ่านหน้าต่างห้องนอนของอาคิระ สาดส่องลงมาบนโต๊ะไม้ข้างเตียงที่มีสร้อยคอวางอยู่อย่างเด่นชัด อัญมณีสีฟ้าตรงกลางยังคงเปล่งแสงอ่อน ๆ ราวกับมีชีวิต ขณะที่เสียงลมพัดผ่านใบไม้ด้านนอกห้อง อาคิระนอนอยู่บนเตียง พลิกตัวไปมาด้วยความรู้สึกว้าวุ่น
เขาเอื้อมมือไปหยิบและมองสร้อยคอที่อยู่ในมือ ความคิดเกี่ยวกับคำพูด ของพ่อแม่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว “พร้อมสำหรับอะไร?” คำถามนี้เหมือนติดอยู่ในใจเขา
ในความเงียบสงัดของค่ำคืน จู่ ๆ แสงจากสร้อยคอก็สว่างวาบขึ้น ราวกับกำลังตอบสนองต่อบางสิ่ง อาคิระสะดุ้งเฮือก ลุกขึ้นนั่งพร้อมจ้องมองอัญมณีในมือ แสงสีฟ้าที่เจิดจ้าขึ้นเรื่อย ๆ แผ่กระจายไปทั่วห้อง
“เกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย!” เขาพึมพำ ขณะที่พยายามวางสร้อยลง แต่กลับพบว่ามือของเขาเหมือนถูกตรึงไว้
แสงจากสร้อยเริ่มดึงดูดร่างของเขาอย่างช้า ๆ อาคิระพยายามต้านแรงดึงนั้น แต่ก็ไร้ผล ร่างของเขาถูกห่อหุ้มด้วยแสงสว่างจ้าจนทุกอย่างรอบตัวเลือนหายไป เสียงลมและความมืดกลืนกินทุกสิ่ง
เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง อาคิระพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องนอนอีกต่อไป
เขายืนอยู่ในวิหารกว้างใหญ่ที่สร้างขึ้นจากหินสีขาวและคริสตัลใส ผนังสูงตระหง่านประดับด้วยลวดลายดวงดาวที่ละเอียดอ่อน ราวกับสะท้อนแสงจากท้องฟ้ายามค่ำคืน แม้จะงดงาม แต่สถานที่แห่งนี้กลับให้ความรู้สึกแปลกประหลาดและเย็นยะเยือก
พื้นหินที่เขายืนอยู่เต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้ รอยขีดข่วน รอยแตก และเศษอาวุธที่ดูเหมือนจะถูกทิ้งร้างมานาน แต่ยังคงทิ้งเงาของความขัดแย้งไว้
เมื่อมองขึ้นไปบนเพดาน อาคิระเห็นลวดลายดวงดาว 12 ดวงที่ล้อมรอบดาวดวงใหญ่ตรงกลาง พื้นหลังเป็นสัญลักษณ์ขาวดำคล้ายเซน ในดาวเล็ก ๆ รอบนั้น มีดวงหนึ่งที่คล้ายโลกมากอย่างน่าประหลาด และดูเหมือนจะมีลายเส้นที่ชี้ไปยังประเทศอังกฤษอย่างเด่นชัด
“ที่นี่มัน…อะไรกัน?” อาคิระพึมพำขณะก้าวเดินไปข้างหน้า
เขาหยุดยืนมองภาพสลักบนกำแพงที่เล่าเรื่องราวของการต่อสู้และการล่มสลาย ผู้คนที่ถือดาบคู่ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ดูเหมือนจะมาจากอีกโลกหนึ่ง ภาพเหล่านี้สร้างความหวาดหวั่นในใจเขาอย่างบอกไม่ถูก
ลมหนาวพัดกรรโชกเข้ามาจากประตูไม้บานใหญ่ที่เปิดออกครึ่งหนึ่ง อาคิระเดินไปที่ประตู ก่อนจะผลักมันเปิดออกจนสุด
สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ ทุ่งน้ำแข็งสีขาวที่ทอดยาวสุดสายตาปกคลุมไปด้วยหิมะที่สะท้อนแสงออโรร่าสีทองบนท้องฟ้าไกลโพ้น ผืนดินรอบตัวดูรกร้างไร้ชีวิต แต่ท้องฟ้าที่เปล่งประกายกลับให้ความรู้สึกราวกับเป็นดินแดนแห่งเทพนิยาย
ลมหนาวที่พัดมากระทบผิวทำให้อาคิระตัวสั่น ความเย็นจัดเหมือนจะกัดกินถึงกระดูก เขากอดตัวเองเพื่อบรรเทาความหนาว แต่ก็ยังไม่อาจทนอยู่ด้านนอกได้นาน
“เราต้องหาทางไปต่อ…” เขาพูดกับตัวเอง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในวิหาร
ขณะที่เดินสำรวจรอบ ๆ เขาสังเกตเห็นทางเดินเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่หลังเสาหินสูง มันเป็นช่องลับที่ดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปกปิดบางสิ่ง
“หรือว่านี่จะเป็นคำตอบ?” เขาก้าวเข้าไปใกล้ทางเดินนั้น ความมืดที่ปกคลุมสร้างความรู้สึกทั้งหวาดหวั่นและตื่นเต้น
จู่ ๆ เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้น ราวกับมาจากทุกทิศทาง
“อาคิน… มานี่เถิด… มันถึงเวลาแล้ว… อาร์เคเดียต้องการเจ้า…”
เสียงนั้นทำให้อาคิระชะงัก เขาจำได้ว่าคำว่า “อาร์เคเดีย” เคยหลุดออกมาจากบทสนทนาของพ่อและแม่เมื่อวันก่อน
“พวกเขารู้เรื่องนี้…” เขาพึมพำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย
ทางเลือกมีเพียงสองทาง เขาจะเดินเข้าไปในความมืดที่รออยู่เบื้องหน้า หรือถอยกลับไปยังพื้นที่ที่ดูปลอดภัยกว่า
แต่ความสงสัยในใจและคำพูดของพ่อแม่ที่ว่า “จงพร้อมสำหรับทุกสิ่ง” ทำให้เขาตัดสินใจก้าวเข้าไปในทางเดินลับ
“บางที…คำตอบทั้งหมดอาจอยู่ที่ปลายทางนี้”
เสียงฝีเท้าของเขาดังก้องในความมืด ขณะที่แสงจากสร้อยคอในมือเริ่มเปล่งประกายสว่างขึ้นเรื่อย ๆ นำทางเขาสู่ความลึกลับที่รออยู่เบื้องหน้า…
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 21
Comments