บทที่ 1: จุดเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา
ตอนที่ 4: การฝึกฝนจากพ่อและแม่
แสงแดดยามบ่ายลอดผ่านแนวต้นไม้ใหญ่กลางป่าละเมาะ เสียงนกร้องแว่วมากับสายลม กลิ่นดินชื้นและใบไม้แห้งลอยมาแตะจมูก ครอบครัววัฒนกุลใช้เวลาวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ในกิจกรรมที่พวกเขารัก นั่นคือการตั้งแคมป์ในป่าที่อยู่ห่างจากตัวเมืองไม่ไกล รถกระบะคันเล็กของปริญจอดนิ่งอยู่ริมทางเดินเข้าป่า ขณะที่อาคิระและไอรีนช่วยกันขนสัมภาระลงมา
“ลูกอาคิน หยิบเต็นท์นั่นมาด้วยนะ” ไอรีนบอกพลางชี้ไปที่กระเป๋าสีเขียวเข้ม
“ครับแม่” อาคิระตอบพลางยกกระเป๋าเต็นท์ขึ้นบ่า แม้จะหนักแต่เขาก็ทำอย่างคล่องแคล่ว
ปริญเดินนำหน้าด้วยท่าทีสุขุม สายตาเขากวาดมองหาเหมาะสำหรับการตั้งแคมป์ หลังจากเดินลึกเข้าไปในป่าได้ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงลานโล่งเล็ก ๆ ที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่
“ตรงนี้แหละ เหมาะที่สุดแล้ว” ปริญเอ่ยพร้อมวางกระเป๋าสัมภาระลง
ทั้งสามคนช่วยกันกางเต็นท์ ขนฟืนสำหรับก่อไฟ และจัดพื้นที่สำหรับทำอาหาร อาคิระที่กำลังขมวดคิ้วพยายามประกอบเต็นท์อย่างเก้ ๆ กัง ๆ ต้องพึ่งคำแนะนำของพ่อ
“ค่อย ๆ จับเสาให้มั่น แล้วดึงเชือกให้ตึงแบบนี้” ปริญพูดพลางแสดงวิธีให้ดู
“มันยุ่งยากกว่าที่คิดนะ” อาคิระบ่น แต่เขาก็ทำจนสำเร็จ
“ชีวิตจริงยากกว่านี้เยอะลูก” ปริญตอบพร้อมรอยยิ้ม
หลังจากเตรียมที่พักเสร็จ พวกเขาก็เริ่มกิจกรรมที่คุ้นเคย ไอรีนสอนลูกชายเกี่ยวกับพืชในป่า ขณะที่ปริญจัดการเตรียมฟืนและลับมีดล่าสัตว์ ทุกคนดูสนุกสนานกับธรรมชาติรอบตัว แต่ในใจของอาคิระกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ปกติ
เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ ปริญชวนลูกชายไปฝึกการต่อสู้ในลานเล็ก ๆ ข้างแคมป์ไฟ อาคิระรับดาบไม้สองเล่มที่พ่อยื่นให้ และตั้งท่าประจันหน้ากับพ่อ
“ลูกยังจำที่พ่อเคยสอนตอนเด็ก ๆ ได้ไหม?”
“พอจำได้ครับ แต่ไม่ได้ฝึกมานานแล้ว”
ทั้งสองเริ่มต้นด้วยการฝึกท่าพื้นฐาน เสียงดาบไม้กระทบกันดังสะท้อนอยู่ในป่า ปริญมีท่าทีสุขุมและควบคุมจังหวะอย่างแม่นยำ ขณะที่อาคิระยังคงเสียจังหวะอยู่บ่อยครั้ง
“จำไว้นะลูก การต่อสู้ไม่ใช่เรื่องของการเอาชนะ แต่คือการเอาตัวรอด บางครั้ง การถอยคือทางเลือกที่ดีที่สุด” พ่อพูดพลางบุกเข้าโจมตี
อาคิระพยายามตั้งรับอย่างเต็มที่ เขาใช้เทคนิคดาบคู่ที่เขาคิดค้นขึ้นในตอนฝึกกับซายากะ โฮชิคาวะ อาจารย์สอนดาบที่เป็นเพื่อนสนิทของแม่ แม้จะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่พ่อก็พยักหน้าอย่างพอใจ
“วิชาดาบนี่…ดูน่าสนใจขึ้นนะ” ปริญพูดพลางลดดาบลง “อาจารย์ซายากะช่วยปรับให้ใช่ไหม?”
“ครับ เธอบอกว่ามันดูมีโครงสร้างดี แล้วก็ช่วยขัดเกลาให้ใช้ได้จริง” อาคิระตอบด้วยน้ำเสียงภูมิใจ
ไอรีนที่กำลังเตรียมอาหารเดินเข้ามาสมทบ พร้อมถือดาบไม้ในมือ “ลูกอาคิน ลองสู้กับแม่ดูสิ”
“กับแม่เหรอครับ?” อาคิระถามพลางยิ้มเจื่อน
“อย่าดูถูกแม่นะ” ไอรีนพูดพร้อมตั้งท่าพร้อมรบ
การซ้อมครั้งนี้เต็มไปด้วยความท้าทายยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ไอรีนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและแม่นยำ สลับกับการโจมตีจากปริญที่แข็งแกร่งดุดัน ทำให้อาคิระต้องตั้งรับอย่างสุดกำลัง แม้เขาจะใช้เทคนิคดาบคู่ที่คิดค้นขึ้นเอง แต่ก็ยังไม่อาจเทียบกับการประสานงานที่ลงตัวของพ่อและแม่ได้
หลังจากการฝึกอันหนักหน่วงจบลง อาคิระทรุดตัวลงนั่งข้างกองไฟ หอบหายใจแรง แต่ในแววตากลับเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น เขามองพ่อและแม่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแฝงความสงสัยที่เขาเก็บไว้มาเนิ่นนาน
“พ่อครับ…แม่ครับ” อาคิระเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงลังเล “ผมสงสัยมาตลอด… ทำไมตอนนั้นถึงยอมให้ผมไปเรียนดาบล่ะครับ ทั้งๆ ที่มันน่าจะเป็นแค่ความจูนิเบียวในวัยเด็กของผมแท้ๆ”
ไอรีนยิ้มออกมาเล็กน้อยขณะจัดผมที่เปียกเหงื่อให้เข้าที่ “เพราะแม่รู้จักกับโฮชิคาวะซังพอดีน่ะสิ เธอเป็นคนที่แม่ไว้ใจได้ แล้วก็คิดว่า…จะลองให้ลูกไปเรียนกับเธอดู รู้ไหม ตอนนั้นลับหลังลูก เธอชมลูกใหญ่เลยนะ”
อาคิระเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ชมผมเหรอครับ? ทั้งๆ ที่เซนเซเข้มงวดกับผมมากจนผมแทบจะร้องไห้ทุกครั้งที่ฝึก โดยเฉพาะวิชาดาบดาวที่ผมคิดสนุกๆ ขึ้นมา เธอกลับสอนมันอย่างจริงจังจนผมเองยังแปลกใจ แต่ของคนอื่นกลับถูกต่อว่าซะจนหมดกำลังใจ…”
“ก็อาจจะเป็นเพราะเธอเห็นแววบางอย่างในตัวลูกก็ได้นะ” ไอรีนพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ดวงตาเป็นประกายแห่งความภูมิใจ “แม่ว่าบางที…เธอคงรู้ว่าลูกมีความตั้งใจจริง และเธอก็อยากให้มันผลิบานออกมา”
อาคิระยิ้มบางๆ แม้จะดีใจ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามต่อ “แต่แม่ครับ… ทำไมเราถึงยังฝึกดาบกันอยู่ล่ะครับ? ในเมื่อโลกนี้สู้กันด้วยปืน รถถัง หรือนิวเคลียร์กันไปหมดแล้ว การฝึกดาบมันดูเหมือนไม่จำเป็นเลย…”
ปริญที่เงียบฟังอยู่นาน หยิบกิ่งไม้เล็กๆ ขึ้นมาเขี่ยกองไฟก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งสุขุม “สิ่งที่เราสอนไม่ใช่เพื่อให้ลูกไปประหัตประหารใครหรอก อาคิระ… แต่มันคือวิชาที่ปกป้องตัวลูกเอง”
“ปกป้องตัวเอง…” อาคิระพึมพำอย่างสงสัย
ปริญมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยนแต่แฝงความจริงจังและหยิบกิ่งไม้เล็กๆที่ติดไฟนั้นขึ้นมา “ลองคิดดูสิ ถ้าลูกฝึกปืน แต่วันหนึ่งปืนขัดข้อง หรือกระสุนหมด ลูกจะทำยังไง? กลับกัน ถ้าลูกไม่มีดาบ ลูกก็อาจจะมีท่อนไม้ หรืออย่างเลวร้ายที่สุด ลูกก็ยังมีแขนของตัวเองเป็นอาวุธ สิ่งที่เราสอนคือการให้ลูกยืนหยัดได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าลูกจะมีอะไรอยู่ในมือหรือไม่ก็ตาม”
คำพูดของปริญทำให้อาคิระนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “ผมไม่เคยมองแบบนั้นมาก่อนเลยครับ… แต่ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้ว ขอบคุณครับพ่อ”
ไอรีนยิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นสีหน้าที่ผ่อนคลายของลูกชาย เธอยื่นผ้าขนหนูส่งให้อาคิระ “การฝึกดาบไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่มันเป็นการขัดเกลาจิตใจด้วยนะลูก แม่เชื่อว่า…วันหนึ่งลูกจะเข้าใจมากกว่านี้”
อาคิระรับผ้าขนหนูมาเช็ดเหงื่อ เขามองพ่อและแม่ด้วยความรู้สึกอบอุ่นที่ยากจะบรรยาย ก่อนจะพูดติดตลก “แต่คราวหน้าขอซ้อมเบากว่านี้หน่อยนะครับ ไม่งั้นผมคงได้ลงไปนอนแผ่กับพื้นจริงๆ แน่”
เสียงหัวเราะของไอรีนและปริญดังขึ้นเบาๆ ใต้แสงดาว การพูดคุยครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการสนทนา แต่เป็นการเติมเต็มความเข้าใจและสายใยระหว่างครอบครัวที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น…
ตกค่ำ เขาตัดสินใจเล่าให้พ่อกับแม่ฟังถึงอีกความกังวลที่กวนใจเขาหนักมากขึ้นเรื่อยๆในช่วงหลังมานี้
“พ่อครับ แม่ครับ ผมอยากเล่าอะไรบางอย่าง… ช่วงนี้ผมได้ยินเสียงแปลก ๆ เหมือนเสียงกระจกร้าว หรือไม่ก็เสียงใครกระซิบเรียกชื่อผม มันเกิดขึ้นบ่อยจนผมเริ่มคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
ไอรีนที่กำลังเติมชาในแก้วของปริญชะงักไปชั่วครู่ สีหน้าของเธอซีดลงเล็กน้อย แต่พยายามปกปิดไว้
“อาจจะเป็นแค่จินตนาการของลูกเองก็ได้นะ” ปริญพูดพลางยิ้มบาง ๆ
“แต่เสียงมันชัดเจนมากนะครับ เหมือนมันกำลังพยายามบอกอะไรผม…” อาคิระพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อาคิน” ไอรีนวางมือบนไหล่ลูกชาย สายตาเต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่แฝงความกังวลบางอย่าง “ไม่ต้องคิดมากไปหรอกลูก ทุกอย่างมีเหตุผลของมัน”
คำตอบนั้นทำให้อาคิระรู้สึกค้างคาใจ แม้เขาจะไม่ได้ถามต่อ แต่ความสงสัยก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
หลังจากนั้น พ่อแม่เปรยถึงสิ่งที่พวกเขาฝึกสอน “จำไว้นะลูก สิ่งที่เราสอนวันนี้ อาจจะมีความหมายในอนาคต” ปริญพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่หนักแน่น
อาคิระพยักหน้าช้า ๆ เขามองแสงไฟจากกองไฟที่ลุกโชนอยู่ตรงหน้า ความอบอุ่นจากครอบครัวทำให้เขารู้สึกปลอดภัย แต่ความลับที่พ่อแม่ดูเหมือนจะปิดบังไว้ กลับทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาเจออาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ซับซ้อนกว่านี้
เมื่อแสงจันทร์เริ่มทอประกายเหนือยอดไม้ อาคิระนอนลงในเต็นท์ ดวงตาที่กำลังจะปิดลงยังคงนึกถึงเสียงกระจกร้าวที่ดังสะท้อนอยู่ในหัว ความเงียบงันของป่ายามค่ำคืนไม่ได้ทำให้เขาสงบลง แต่มันกลับเติมเต็มความรู้สึกว่า อะไรบางอย่างกำลังจะเปลี่ยนแปลง… และมันอาจไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างที่พ่อแม่บอกไว้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 21
Comments
ella ellie
รู้สึกตื่นเต้น
2024-12-23
1