ยามเช้าในวันศุกร์วันที่ 5 ของสัปดาห์นี้มันช่างมาไวเสียเหลือเกิน อีก 2 วันแล้วหรอเนี่ยที่จะจบหน้าที่การดูแลซายะ พอนึกไปก็แอบใจหายแปลกๆ ปกติเขาเป็นซะที่ไหน จบงานก็คือจบงาน ได้พักนอนอ่านซีคิดส์
แต่รอบนี้กลับไม่ใช่ ไม่อยากให้จบเลย ไม่ได้อยากทำต่อ แต่แค่อยากให้เธออยู่ต่อ
อยู่ที่นี่ อยู่แบบสงบ ไปเที่ยวด้วยกัน ไปช็อปปิ้งด้วยกัน
“อากินจัง กับข้าวเสร็จแล้วน่อ”
จบงานนี้เขาควรซายะไปเที่ยวดีมั้ยนะเพราะซายะก็ต้องกลับอเมริกาจะมาอีกมั้ยก็ไม่รู้ ยกมือลูบคางพลางใช้ความคิด แต่เดี๋ยวนะ ทำไมเขาถึงอยากจะทำแบบนั้นกันล่ะ หรือว่าเขาจะชอบเธอแล้วจริง-
โครม!!!!!
ยังไม่ทันจะหาคำตอบให้ตัวเองคุณลูกสาวของบ้านก็กระโดดฟรีคิกใส่จนกินโทกิจนเขากระเด็นติดกำแพง
“ทำบ้าอะไรเนี่ยยัยเด็กบ้า!!!! ถ้าฉันตายขึ้นมาจะทำยังไง!!”
“ก็ช่างสิน่อ ถ้าลื้อตายพวกอั๊วก็จะได้เงินประกันชีวิตแล้วจะสร้างร้านสารพัดรับจ้างสุดไฮเทคไปเลยน่อ”
“ยัยบ้านี่!!”
ตีกันพอหนำใจทั้งคู่ก็พากันลงมาที่ร้านโอโทเสะ นั่งลงที่เคาน์เตอร์ที่ตอนนี้มีกับข้าววางเรียงรายจนเขางง
“ทำไมวันนี้กับข้าวมันเยอะแบบนี้เนี่ย”
“ก็ฉลองที่ท่านกินโทกิมีความรักไงฮ๊า” แคทเธอรีนเอ่ยพลางวางแก้วน้ำลงที่เคาน์เตอร์
“ความรัก? ฉลอง? ฉลองทำไม”
“ก็เด็กๆ พวกนี้บอกว่าอยากจะฉลองให้แกน่ะสิ บอกว่าแกอุตส่าห์มีความรักทั้งทีก็อยากจะฉลองให้ไง” กินโทกิได้แต่ถอนหายใจ “ฉันบอกตอนไหนว่ามีความรักห๊ะ”
“แหมคุณกิน มองจากดาวอังคารก็รู้ครับ เพราะสายตาที่คุณกินมองคุณซายะมันแตกต่างจากมองผู้หญิงสวยๆ คนอื่นที่คุณเคยมองนะครับ”
“ยังไงไหนลองอธิบายสิ”
ชินปาจิเกิดอึกอัก เขาก็อธิบายไม่เป็นด้วยเขาไม่เคยมีความรักแบบนั้นมาก่อน “เอ่อ…”
กินโทกิถอนหายใจ “ชินปาจิ การมองคนแค่ภายนอกมันไม่สามารถบอกได้ทุกอย่างหรอกนะ มันก็จริงที่ฉันเริ่มจะชอบยัยนั่น แต่การที่แสดงความรู้สึกชอบออกมามันไม่ได้แปลว่าจะหมายความว่าอย่างนั้นได้ตลอดหรอกนะ”
“แล้วสรุปอากินจังชอบอาซายะรึเปล่า”
“ไม่รู้สิ คงชอบมั้ง”
“ง่อวววว”
ทั้งร้านต่างพากันส่งเสียงแซว มันก็ไม่ได้ชัดขนาดนั้น เขายอมรับว่าเริ่มชอบซายะที่แปลว่าชอบจริงๆ แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่มันยังสับสนและต้องการหาคำตอบอยู่
“ดีแล้วแหละนะ แกก็จะสามสิบอยู่แล้วหาเมียได้แบบนี้ก็สักหน่อย”
“ใจเย็นยายแก่ พวกฉันยังไม่ได้คบกันเลยเถอะ”
“ว่าแต่ท่านกินโทกิจะขอเธอเป็นแฟนเมื่อไหร่ล่ะเจ้าคะ” ทามะที่กำลังถูพื้นอยู่เอ่ยถามด้วยความสนใจ
“ไม่รู้สิ ยังไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น”
“บอกช้าระวังหมาคาบไปน่อ อาซายะยิ่งสวยๆ อยู่”
“เธอสวยขนาดนั้นเลยหรอ สวยเท่าฉันรึเปล่าฮ๊า” แคทเธอรีนเอ่ยถามพลางแอ๊คท่า
“คุณแคทเธอรีนอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบเลยครับ คุณยังไม่เท่าขี้ตีนเขาเลย”
“หรอยแน่เจ้าแว่น!! คิดว่าตัวเองหล่อนักรึไงห๊ะ!!?? ตัวเองเป็นแค่แว่นแท้ๆ ยังมีหน้ามาว่าคนอืานอีก!!!”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่แว่นน่ะ!!!!”
“เอาล่ะๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว ไม่กินข้าวเดี๋ยวมันก็เซ็งกันพอดี”
ขณะที่กำลังกินข้าวกันอยู่จู่ๆ ประตูร้านก็ถูกเปิดออกพร้อมกับพวกชินเซ็นกุมิ
“อะไรของพวกแกเนี่ย คนเขากำลังกินข้าวกันอยู่หัดมีมารยาทหน่อยสิ” กินโทกิเอ่ยทักทายด้วยประโยคยาวเหยียด
“ก็ไม่อยากจะขัดการกินข้าวของพวกแกนักหรอก แต่ที่มานี่ก็เพราะมีเรื่องสำคัญยังไงล่ะ”
“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ”
“ซายะหายตัวไปน่ะ” คอนโดเอ่ยตอบ
“เมื่อไหร่” กินโทกิวางตะเกียบเอ่ยถามด้วยสีหน้านิ่งสนิท “ไม่มีใครรู้ แต่พอเมื่อเช้าจะเข้าไปคุยธุระแต่พอไปถึงกลับไม่มีใครอยู่ที่ห้องเลย”
“แล้วลองโทรหารึยัง”
“โทรแล้วครับ หาจากจีพีเอสที่คุณพี่สาวให้ไว้ด้วยแต่ก็มันขึ้นว่าอยู่ในห้อง พอไปค้นดูก็พบว่าเธอไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปเลยสักเครื่อง”
โอคิตะยื่นโทรศัพท์สองเครื่องให้กับกินโทกิ พึ่งสังเกตเห็นว่าโทรศัพท์ที่เธอเป็นโทรศัพท์ยี่ห้อดังราคาแพงด้วย
“ซายะมาหาพวกนายที่นี่บ้างมั้ย”
“ไม่เลยครับ ตั้งแต่เมื่อวานที่แยกกันก็ไม่ได้เจอเลยครับ”
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันจู่ๆ กินโทกิก็นึกถึงคำพูดของซายะเมื่อวานตอนที่ไปเล่นชิงช้าสวรรค์
“นี่คุณกิน”
“?”
“ถ้าสมมติฉันถูกจับตัวไป คุณกินจะตามหามั้ย”
“เธออยากให้ฉันตามหามั้ยล่ะ” ซายะหันมองก่อนจะพยักหน้า “อยากสิ”
“ถ้าเธออยากให้ฉันตามหาฉันก็จะตามหา แม้ว่าเธอจะถูกจับจนไปอยู่อเมริกาพวกฉันก็จะตามไปหาจนเจอ”
“สัญญานะ”
“สัญญา”
ใส่ยูกาตะ“คุณกินจะไปไหนหรอครับ” ชินปาจิเอ่ยถามเมื่อเห็นคนหัวเงินลุกพรวดออกจากที่นั่งตรงดิ่งไปลากซาดาฮารุเหมือนจะไปไหนสักที่
“ไปตามซายะ”
“งั้นพวกเราไปด้วย”
“ไม่ต้อง พวกนายรออยู่นี่แหละ”
“ไม่เอาหรอกน่อ” คางุระกับชินปาจิยืนขวางทางไม่ให้กินโทกิไป “ให้รออยู่เฉยๆ พวกอั๊วไม่เอาหรอก อีกอย่างนะ ที่สัญญากับอาซายะไม่ใช่แค่อากินจังคนเดียวสักหน่อย”
“นี่พวกนายรู้ด้วยหรอเนี่ย”
“ก็ไม่ได้รู้หรอกครับแต่แค่เดาเอาว่าพวกคุณต้องคุยกันแบบนี้แน่ๆ”
“ตอนที่เดินไปสวนสนุกพวกอั๊วก็สัญญากับอาซายะไว้ ว่าถ้าอาซายะโดนจับไปพกวเราจะเป็นคนไปช่วยเอง”
“นี่อาซายะโดนตามล่าอยู่หรอ”
“คางุระจัง ทำไมไปถามแบบนั้นล่ะ” ชินปาจิหันไปห้ามคนเล็กของบ้านเพราะเห็นว่าเธอถามไม่ดูสถานการณ์
“ไม่เป็นไรๆ ถามได้” ซายะยกยิ้มน้อยๆ “ฉันโดนมานานแล้วล่ะ ตั้งแต่เด็กๆ เลย”
“คุณซายะคงเหนื่อยน่าดูเลยนะครับ”
“อืม เหนื่อยมากๆ จนบางทีอยากหายไปเลยล่ะ”
“ไอหย๋า อาซายะห้ามหายไปนา ถ้าลื้อหายไปอากินจังมีหลังเศร้าแน่ๆ”
“ฮ่าๆๆๆ คุณกินจะมาเศร้ากับฉันทำไมเล่า”
“เศร้าสิน่อ เพราะอากินจังชอบอาซายะไงล่ะ” ซายะถึงกับเลิกคิ้วเมื่อได้ยินประโยคหนึ่งออกจากปากของคางุระ “ไม่ใช่หรอกน่า คนอย่างคุณกินน่ะนะ”
“จริงๆ นะครับ ปกติเวลาคนอื่นเศร้าคุณกินเขาไม่กอดปลอบหรอกครับ มากสุดก็แค่ลูบหัวลูบหลังเท่านั้นเอง”
พอได้ยินชินปาจิพูดแบบนั้นเธอก็เริ่มคิดตาม “บางที่เขาอาจจะแค่สงสารฉันก็ได้”
“อาซายะจัง พวกเราดูออกนา อากินจังน่ะใส่ใจลื้อจริงๆ ไม่งั้นคงไม่มาชวนลื้อไปเที่ยวหรอก อากินจังน่ะงกจะตาย ไม่ยอมออกตังค์พาคนอื่นมาเที่ยวหรอก แต่นี่อากินจังถึงกับจองบัตรเข้าสวนสนุกให้เลยนา”
“งั้นหรอ”
“ว่าแต่ มาเที่ยวกันโจ่งแจ้งแบบนี้จะเป็นอะไรมั้ยครับ”
“ไม่รู้สิ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่าอาชินปาจิ พวกเราอยู่ด้วยทั้งคนใครก็มาทำอะไรอาซายะไม่ได้หรอก”
“พวกนั้นน่ากลัวนะ” พวกอีลิธมันน่ากลัวมากๆ และคนธรรมดาอย่างพวกเด็กๆ ก็คงสู้ไม่ไหว
“น่ากลัวแล้วไงล่ะ ถ้าอาซายะโดนจับไปจริงพวกอั๊วนี่แหละจะเป็นคนไปตามกลับมาเอง”
“เอาจริงดิ”
“จริงสิ” พูดพลางฟาดมือลงที่หลังของชินปาจิจนร้องโอ๊ย “พวกอั๊วขอสัญญาด้วยเกียรติของร้านสารพัดรับจ้าง ไม่ว่าอาซายะจะโดนจับไปที่ไหนพวกอั๊วก็จะไปตามกลับมาให้จงได้เลยน่อ”
ซายะยกยิ้มพลางหัวเราะเบาๆ “งั้นก็ใากด้วยล่ะกัน”
“พวกผมรู้ครับว่าถ้าไม่มีกำไลนั่นเราก็คงสู้คนพวกนั้นไม่ได้หรอก แต่เพราะพวกเราคือร้านสารพัดรับจ้าง ไม่ว่างานจะหนักหรือน่ากลัวขนาดไหนพวกเราก็จะทำครับ”
“ฉันว่าอย่าดีกว่า พวกนั้นมันไม่ใช่คนธรรมดา อย่างพวกนายสู้พวกมันไม่ได้หรอก” ฮิจิคาตะเอ่ยเสริม
“เพราะรู้ไงน่อ อาซายะถึงให้ของเอาไว้”
“ของหรอ”
คางุระและชินปาจิโชว์อาวุธที่ซายะให้พวกเขาไว้แม้มันจะมีประสิทธิภาพไม่เท่ากับกำไลของกินโทกิแต่มันจะช่วยให้พวกเขาสู้กับพวกอีลิธได้
“ว่าไง จะให้พวกอั๊วไปด้วยมั้ย” กินโทกิยกยิ้มพลางหัวเราเบาๆ “เอาสิ ไปด้วยกันให้หมดนี่แหละ”
ในห้องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทดลองต่างๆ บนแท่นกลางห้องมีหญิงสาวที่คุ้นหน้าคุ้นตาถูกจับขึงอยู่ นัยต์ตาสวยกวาดมองรอบๆ สำรวจสถานที่ที่เธออยู่ ถ้าให้เดามันคงจะเป็นสถานที่ที่เอาไว้สำหรับการทดลองอะไรสักอย่าง แต่คาดว่าเธอก็จะเป็นหนึ่งหนูทดลองด้วย
“โอ้ว ตื่นแล้วหรอแม่สาวน้อย ฉันนึกว่าเธอจะไม่ฟื้นแล้วซะอีก”
ชายหนุ่มร่างใหญ่ยกมือสากอันสกปรกมาลูบใบหน้า ซายะสะบัดหน้าหนีนั่นทำให้ยิ่งทำให้เขาหัวเราะร่าไปใหญ่ “ให้ตายสินี่ฉันโดนสาวสวยรังเกียจหรอเนี่ย”
มือหนาพุ่เงข้าบีบแก้มก่อนความเจ็บจะค่อยๆ แล่นเข้ามา ซายะพยายามดิ้นให้หลุดออกจากพันธนาการแต่ยิ่งดิ้นกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ยิ่งทำให้เธอเจ็บและสุดท้ายก็หมดแรง
“ดิ้นไปก็เปล่าประโยชน์ซายะ ตอนนี้เธอไม่มีแรงก็ไม่ต่างกับอะไรคนธรรมดา”
“หึๆๆ” ชายคนนั้นหุบยิ้มเมื่อเห็นว่าซายะหัวเราะ “หัวเราะอะไร”
“น่ากลัวเป็นบ้าเลยว่ะ”
กระแสไฟฟ้าภายในห้องถูกดูดเข้าร่างของซายะอย่างรวดเร็วก่อนที่อุปกรณ์ภายในห้องทั้งหมดจะค่อยๆ หยุดทำงานไป
พันธาการที่เคยมัดซายะกระเด็นหลุดออกชายคนนั้นเห็นว่าท่าไม่ดีจึงเรียกอาวุธออกมาหมายจะจัดการเธอแต่กลับไม่ได้ผลเพราะทันทีที่คมดาบพุ่งถึงตัว เธอยกมือรับดาบก่อนจะทำการแปรสภาพให้เป็นหอกติดไฟฟ้าแล้วโยนกลับจนเสียบร่างของชายคนนั้นจนร่วงไป
ยันตัวลุกจากโต๊ะเดินออกจากห้องทดลองพลางกวาดสายตาสำรวจๆ รอบแต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนก็มีพวกอีลิธนับสิบตรงมาที่นี่
“อย่าขยับ!! อยู่เฉยๆ ยอมให้พวกเราจับซะดีๆ” พวกอีลิธยกอาวุธขึ้นขู่ ซายะกวาดสายตามองด้วยสีหน้านิ่ง
“ไม่”
อีกด้านหนึ่งพวกกินโทกิและชินเซ็นกุมิที่กำลังตามหาซายะกันอย่างแข็งขัน ดูเหมือนพวกเขาจะเริ่มได้เบาะแสจากกลิ่นที่ซาดาฮารุใช้ดม
“นี่เจ้าพวกนั้นจับอาซายะมาไกลขนาดนี่เลยหรอน่อ”
“นั่นสิ นี่มันเข้าเขตชนบทมาแล้วนะ”
“ครงเพราะไม่อยากให้พวกเรารู้ไง อีกอย่างยิ่งห่างไกลเมืองเท่าไหร่ยิ่งดี พวกตำรวจก็จะไม่ค่อยมาตรวจตราด้วย เรียกได้ว่าเหมาะสมสำหรับการซ่องสุมอย่างดีเลย”
วิ่งกันมาจนถึงเขตเมืองร้างซาดาฮารุค่อยๆ เบาความเร็วลงจนมาหยุดที่ลานกว้างแห่งหนึ่ง ซาดาฮารุดมกลิ่นฟุดฟิดก่อนจะเห่าส่งเสียงทำให้ทุกคนต้องหยุดตาม
“โฮ่ง! โฮ่ง!”
“มีอะไรหรอซาดาฮารุ หรือว่าเจออาซายะแล้ว”
“โฮ่ง!” ซาดาฮารุเห่าลานดินกว้าง กินโทกิหันมองพลางใช้ความคิด
“คางุระ เธอบอกว่าซายะลงเวทย์ที่ร่มให้ด้วยใช่มั้ย” กินโทกิหันไปถามคางุระ “ใช่แล้วน่อ”
“ยิงไปตรงนั้นทีสิ” กินโทกิชี้ไปที่ลานดิน “แต่คุณกินครับ นั่นมันลานดินธรรมดาๆ นะครับ”
“เอาเถอะน่า ยิงๆ ไปเหอะ”
“จัดไปน่อ”
คางุระยกร่มปืนยิงไปที่ลานดินตามคำสั่งปรากฏว่าลำแสงเวทย์ที่ออกไปนั้นมันดันไปกระทบกับบางอย่างที่ล่องหนจนเกิดแรงระปะทะจนควันขึ้น
“อะไรน่ะนั่น”
ไม่นานบาเรียก็ค่อยๆ เกิดรอยร้าวก่อนจะเริ่มเผยสิ่งก่อสร้างด้านใน สถาปัตยกรรมที่เหมือนกับศูนย์วิจัยขนาดใหญ่และกลุ่มอีลิธที่เหมือนกับพยายามวิ่งหนีตายออกมา
“จับพวกมันไว้!!!” คอนโดหันไปสั่งลูกน้องให้จับพวกคนที่วิ่งหนีตายออกมา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ฮิจาคาตะเค้นชายสติแตกที่คาดว่าน่าจะเป็นนักวิจัยของที่นี่
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ปะ-ปีศาจ…กำลังอาละวาด”
“อะไรนะ”
“ยัยปีศาจกำลังอาละวาด ยัยนั่นจะฆ่าพวกเรา”
คำพูดของนักวิจัยทำให้สมาชิกร้านสารพัดรับจ้างรู้ทันที พวกเขากระโดดขึ้นซาดาฮารุก่อนจะพากันวิ่งสวนคนที่หนีตายออกมาโดยไม่ลืมฝาก
“พวกชินเซ็นกุมิ!! ฝากทางนี้ด้วย!!”
“อากินจัง อาซายะจะปลอดภัยน่อ”
“ต้องปลอดภัยสิ ยัยนั่นแกร่งกว่าพวกเราเป็นร้อยเท่าเลยนะ”
“นั่นสิน่อ อั๊วลืมไปเลย”
ต้องปลอดภัยอยู่แล้วแหละ เพราะเธอเก่งจะตายไป
สองขาเดินไปตามทางของศูนย์วิจัยที่สภาพตอนนี้เละเทะจนไม่เหลือชิ้นดี เศษซากจากเพดานค่อยๆ ร่วงลงมากับเศษซากของพวกอีลิธที่นอนจมกองเลือดเต็มพื้น
คนที่ทำแบบนี้ได้ก็ไม่ใช่ใครหรอกนอกจากซายะ หญิงสาวเพียงคนเดียวที่อาละวาดเละเป็นจุนขนาดนี้
ก็ช่วยไม่ได้นี่ มาจับเธอเองนี่ เธอก็ไม่อยากโดนฆ่ามั้ยก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดกันหน่อย
ลำแสงปริศนาพุ่งตรงจากทางด้านหลังผ่านเฉี่ยวหน้าไปกระทบกับกำแพงอีกฟากจนเกิดเป็นรูโบ๋
โชคดีที่เธอเอียงหัวหลบทันไม่งั้นไอ้รูโบ๋คงจะเกิดที่หัวของเธอแทน
“ย๊ากกกกก!!!”
คนจากด้านหลังพุ่งตรงโจมตีซายะก่อนจะเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวใส่เกราะมีพลังเวทย์ลำแสงเลเซอร์ที่สามารถตัดขาดทุกอย่างได้แต่ซายะก็มีเหมือนกัน
แรงเตะเข้าที่ท้องให้ซายะกระเด็นไปไกลแต่สายตาดันเหลือบเห็นชายผู้หนึ่งที่เตรียมจะเอาหอกแทงที่ด้านหลังทำให้เธอต้องแปรสภาพพื้นดันตัวเองหลบขึ้นไปด้านบนก่อนจะทำการโจมตีคนมาใหม่ด้วยดาบใหญ่
ไม่พอนอกจากสองคนนี้ยังมีคนมาเพิ่มอีกสามคน คู่นึงเป็นแฝดชายที่ใช้อาวุธใหญ่กับหอกส่วนหญิงผมสั้นอีกคนใช้ธนูเวทย์พิษ
กลายเป็นว่าตอนนี้ 5 ต่อ 1 แม้ซายะจะแกร่งแค่ไหนแต่เธอก็เสียเปรียบเห็นๆ สารพัดอาวุธรุมกระหน่ำโจมตีเธอจนต้องคอยสวนคอยหลบ
“ถอยไป!”
หญิงใช้ธนูพิษเอ่ยบอกเพื่อนก่อนจะใช้จังหวะที่ซายะเหนื่อยหอบยิงธนูพิษปักเข้าทะลุไหล่ซ้ายก่อนที่จะยิงอีกสามดอกปักเข้าที่ไหล่ขวา ขาซ้ายและขาขวาเพื่อยึดเธอกับกำแพง
“ทีนี้ก็หนีไปไหนไม่ได้แล้ว”
พยายามดิ้นให้หลุดแต่แรงของเธอก็แทบจะไม่มีแล้ว หนำซ้ำพิษจากลูกธนูก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในร่างกายจนอุณหภูมิข้างในร้อนรุ่มราวกับจะแผดเผากันให้ตายไปข้าง
“อั่ก!!!”
“แต่มันจะฆ่ายัยนั่นได้หรอ ยัยนั่นมีพลังทุกรูปแบบเลยนะ”
“แล้วยัยนั่นมีพลังพิษที่ฉันพึ่งคิดค้นใหม่มั้ยล่ะ ก็ไม่มีถูกมั้ย” หญิงสาวเดินตรงมาหาซายะก่อนจะหยิบลูกดอกพิษปักเข้ากลางอกพร้อมกับกดเข้าจนลึก
“อั่ก!!!!!!!”
“ทรมานจนน้ำตาไหลเลยรึไง ฮ่าๆๆๆ อีกไม่นานแกก็จะเป็นอย่างพ่อแม่แกแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพลังของแกพวกฉันจะใช้แทนเอง”
ภาพตรงหน้าค่อยๆ มืดดับลง ก้อนในอกเต้นเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
สงสัยคงต้องตายแล้วล่ะ ก็ไม่มีแรงจะไปสู้แล้วหนิ
‘เพราะะงี้ไงแค่ถึงอ่อนแอ เพราะเป็นแบบนี้ไงทุกคนถึงได้ตายกันหมด หมดเวลาของแกแล้ว จากนี้ฉันจะจัดการเอง’
ลูกธนูที่ปักตามร่างกายจู่ๆ ก็ค่อยๆ สลายร่วงหล่นพื้น ร่างของซายะที่ค่อยๆ ยืนหยัดตรงพร้อมกับเงยหน้าและแสยะยิ้ม
“นี่มัน อะไรกะ-!!!”
ไม่ทันที่สบถพื้นดินที่ถูกแปรสภาพเป็นแท่งหินก้อนใหญ่แทงทะลุเข้าที่กลางลำตัวของหนึ่งในแฝดจนแน่นิ่งทำให้อีกสี่คนที่เหลือเข้าจู่โจมซายะทันที
“แก!!!!!”
ซายะยิ้มสยองเรียกดาบยาวออกมาแทงจ้วงชายฝาแฝดกลางอกจนทะลุก่อนจะปาดจนอกขาดแหว่งให้ชายคนนั้นนอนแน่นิ่งไป
“คุยะ!!!! ไอ้ปีศาจ ฉันจะฆ่า-”
ยังไม่ทันได้พูดจบลูกธนูอาบำษของสาวผมสั้นก็ปักเข้าที่หัวของเจ้าของก่อนที่พิษของเธอจะแล่นเข้าสู่ร่างกายจนร่างก่ายเริ่มบิดเยี้ยวแล้วระเบิดไป
“เอาล่ะ ตาใครต่อไปดีล่ะ หืม?”
เสียงระเบิดตูมตามจากอีกฟากก็ดังไม่แพ้กัน ฝั่งพวกกินโทกิก็สู่กันไม่ถอยแม้ว่าฝั่งพวกอีลิธจะเยอะกว่าแต่มันก็ไม่ได้คนามือ
“ชิส!! หมดสักที”
พูดยังไม่ทันจะขาดคำจู่ๆ ประตูห้องบานหนึ่งก็ถูกพังออกมาก่อนจะค่อยๆ ตัวแปลกประหลาดขนาดมหึมาสูงติดเพดาน
หมาสีน้ำตาลขนฟูยาวใบหน้าคล้ายมนุษย์ฟันแหลมเหมือนปลาฉลามมีสามหางและกลิ่นคล้ายศพ
“นี่มันตัวอะไรเนี่ย”
“แหวะ จะอ้วก อ้วกกกก!!” มันเหม็นไม่ไหวขนาดที่คางุระ ซาดาฮารุเดินไปประจันหน้ากับหมายักษ์พร้อมกับขู่เสียงกรรจ์
“ซาดาฮารุนี่แก”
“โฮ่ง!!”
ซาดาฮารุหันมาส่งยิ้มให้ทุกคนก่อนจะเบ่งพลังจนขนาดตัวของมันใหญ่เท่ากับหมาปีศาจ กินโทกิสังเกตเห็นที่คอของมันมีสร้อยคริสตัลแขวนอยู่
ซายะคงจะฝากเอามาให้สินะ
“เข้าใจล่ะ งั้นฉันฝากทางนี้ด้วยนะ”
“โฮ่ง!” กินโทกิยกมือลูบขาเจ้าหมาสีขาว “รีบสู้แล้วกันล่ะ จะได้กลับบ้านกินข้าวกัน”
“โฮ่ง!”
อีกด้านหนึ่งในโถงกลางซากศพของทหารเอกทั้ง 5 ของฝ่ายอีลิธถูกจัดการเละจนไม่เหลือสภาพของความเป็นมนุษย์
ดวงตาคมกวาดมองจนไปหยุดที่หญิงสาวที่ยืนอยู่กลางห้องก่อนจะเอ่ยทักทายอย่างสบายอารมณ์
“จัดการทหารเอกของพวกได้ขนาดนี้สมกับเป็นลูกสาวของทหารรับจ้างอันดับหนึ่งจริงๆ”
ซายะค่อยๆ หันไปตามเสียงพบกับชายคนหนึ่งที่คลุมหน้าคลุมตัวมิดชิดเห็นแค่เพียงลูกตาสีแดงฉ่าน
“ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยหรอคนสวย”
“ใคร” เสียงแหบแห้งเอ่ยตอบให้อีกฝ่ายรู้ดีว่านี่ไม่ใช่ซายะที่เขาเคยรู้จัก
“ไม่ใช่ซายะสินะ”
ดาร์คซายะอีกตัวตนหนึ่งของเธอ เกิดมาตั้งแต่ตอนนี้พ่อของเธอเสีย เป็นตัวตนที่ไร้ความปราณีไร้ความเมตตา ต้องการฆ่าล้างบางทุกคนไม่ว่าจะฝ่ายเดียวกันหรือฝ่ายศัตรู หนำซ้ำยังเป็นตัวตนที่ต้องการจะครองร่างจริงของซายะอีกด้วย
“หายากนะเนี่ยที่จะออกมาแล้วอยู่ยาวขนาดนี้”
ไม่รอช้าดาร์คซายะก็พุ่งตรงโจมตีอีกฝ่ายอย่างไม่รีรอ
“บอกแล้วไงว่าเร่งรีบ” มือหนายกขึ้นมาทำท่าปางห้ามให้ซายะหยุดกลางอากาศ “เพราะมันจะทำให้เธอขาดสติและมองไม่เห็นช่องโหว่”
มือหนาสะบัดบังคับให้ร่างซายะกระแทกเข้ากับกำแพงจนเธอกระอักเลือด
“แค่กๆๆๆ”
“มารื้อฟื้นกันหน่อยมา”
ชายผ้าคลุมพุ่งโจมตีด้วยความเร็วสูงเตะกระแทกเข้าที่ท้องอย่างแรงจนตัวของเธอทะลุกำแพงเป็นทอดจนทะลุไปหลายห้อง
“ฉัน…ยัง ไม่…แพ้”
“เธอแพ้ซายะ”
“ยัง ยังซักหน่อย!!!” ยังไม่ทันได้ลุกจู่ๆ ก็เหมือนหัวจะระเบิด “อ๊ากกกกก!!!”
ดาร์คซายะดิ้นทุรนทุรายอยู่ที่พื้นหัวใจของเธอเต้นถี่จนแทบจะหลุดออกมาข้างนอก ดาร์คซายะกระแทกหัวตัวเองกับพื้นให้มันหายปวดหัวแต่ไม่ว่าจะกระแทกขนาดไหนมันก็ไม่หายเลยสักนิด
‘พอสักที กลับมาที่ของเธอได้แล้ว’
“ไม่!!! ฉันไม่กลับ!!!”
ชายคลุมหน้ากากยืนมองด้วยสีหน้านิ่งเฉยแต่ทันใดนั้นเองจู่ๆ ก็มีลำแสงปริศนายิงมาทางนี้ทำให้เขาต้องกระโดดหลบ
“คุณซายะ!!!!”
แก๊งสารพัดรีบวิ่งตรงดิ่งมาหาซายะที่กำลังดิ้นทุรนทุราย กินโทกิหันมองชายสวมผ้าคลุมด้วยแววตาโกรธเกรี้ยวจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยปาก
“ใจเย็น ฉันไม่ได้ทำให้เธอเป็นแบบนั้น ซายะก็แค่กำลังตีกับตัวเองเฉยๆ”
“ตีกับตัวเองงั้นหรอ”
“ซายะมีสองตัวตน ตัวตนปกติกับตัวตนด้านมืด ตอนนี้ตัวตนด้านมืดกำลังถูกตัวตนปกติดึงกลับไปในที่เดิมเลยทำให้เธอมีอาการแบบนี้”
“พวกอั๊วไม่เชื่อหรอกน่อ”
“ก็แล้วแต่เลย”
“อ๊ากกกกกก!!!”
เสียงกรีดร้องสุดท้ายดังลั่นไปทั่วก่อนร่างบางจะค่อยๆ ล้มลงกับพื้นแล้วนอนแน่นิ่งไป
“อาซายะ!!!/คุณซายะ!!” ชินปาจิและคางุระเขย่าตัวเพื่อปลุกซายะแต่ก็ไม่ได้ผลเพราะเธอนิ่งไปแล้ว
กินโทกิจับชีพจรพบว่ามันเต้นเบาลง “พาซายะออกไปก่อน”
“แล้วอากินจังล่ะ”
“เดี๋ยวฉันขอจัดการทางนี้ก่อนแล้วจะตามไป” ทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนจะอุ้มขึ้นหลังชินปาจิ
“รีบกลับมานะครับ”
“เออ”
กินโทกิมองตามเด็กๆ จนพวกเขาลับสายตาไปก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับชายสวมผ้าคลุม
“เอาล่ะ ถึงตาพวกเรามั่งดีกว่า”
“ดูท่าอยากจะเล่นกับฉันมากเลยสินะ”
“ก็ไม่อยากหรอก แต่ลองดูก็ไม่เสียหาย!!!”
ชินปาจิและคางุระวิ่งหาทางออกกันอย่างทุลักทุเลเพราะพวกอีลิธก็ขยันมากันไม่ขาดสาย เขานึกว่าจะหมดไปแล้วซะอีก
ปัง!! ปัง!!
คางุระคอยยิงสกัดทั้งหน้าและหลังให้ชินปาจิได้วิ่งอย่าฃสะดวกแต่สภาพตึกที่พร้อมจะถล่มได้ทุกเมื่อให้พวกเขาต้องคอยวิ่งหลบเศษซากไปด้วย
ระเบียงเหล็กชั้นบนขาดผึงให้ร่วงหล่นมาจะใส่พวกเขาแต่จู่ๆ ก็มีบาซูก้าปริศนายิงให้มันกระเด็นไปทางด้านหลัง
“คุณคาซึระ! คุณอลิซาเบธ!”
“อาซัจจัง!!”
“ยังปลอดภัยดีใช่มั้ย”
“ครับ”
“รีบไปกันเถอะ ที่นี่จะถล่มอยู่แล้ว”
“แล้วกินโทกิล่ะ”
“กำลังสู้กับพวกอีลิธที่ด้านในครับ”
“อย่างงั้นหรอ รีบออกไปกันเถอะ หมอนั่นไม่เป็นอะไรหรอก”
“ครับ”
โครม!!!!!!
การปะทะกันของกินโทกิกับชายสวมผ้าคุมยังไม่จบยังคงฟาดฟันด้วยพลังทั้งหมดที่จะมี ชายสวมผ้าคลุมบัดนี้ได้ถอดผ้าออกเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง
กินโทกิที่เห็นเขาถึงกับขมวดคิ้วปม เขารู้จักชายคนนี้ ชายที่เคยมาช่วยในสงครามขับไล่ต่างแดนกับตาลุงคนหนึ่ง
“ทำหน้าแบบนั้นแสดงว่ายังจำฉันได้สินะ”
“เหอะ! ก็ไม่คิดว่าจะเป็นแกนี่” ใช้ดาบไม้ดันตัวเองจากพื้นก่อนจะตั้งท่าเตรียมพร้อม
“มาสนุกกันต่อดีกว่า ไอ้หลานชาย”
ทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกันอีกครั้งสลับกันต่อยสลับกันฟันจนต่างคนต่างกระเด็น ไซน์เลสพุ่งตรงเตะเข้ากลางลำตัวกินโทกิแม้เขาจะเอาดาบไม้กันแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล ดาบไม้แตกเป็นเสี่ยงๆ แถมตัวเขาก็กระเด็นติดกำแพงจนเลือดกระอัก
ไซน์เลสสาวเท้าตรงมาหาเขาพลางเหลือบมองกำไลเงินที่แขนก่อนจะทำการดึงมันจนขาดสะบั้น
“เพราะกำไลนี่สินะแกถึงใช้พลังซายะได้”
“แค่กๆๆ-อั่ก!!!” เตะเข้าท้องไปอีกทีจนทำให้กินโทกินอนแน่นิ่งขยับตัวแทบไม่ไหว
“ฝีมือของนายยังเก่งเหมือนเดิม แต่ว่านะ…คนไม่มีพลังก็คือไม่มีพลัง จะพยายามแค่ไหนก็ยังเป็นคนธรรมดาอยู่วันยังค่ำ”
กระทืบท้องของคนหัวเงินย้ำลงไปอีกทีจนพื้นตรงที่นอนยุบแตกเป็นเสี่ยงๆ
“อั่ก!! แค่กๆๆ!!”
คนหัวเงินยกมือที่สั่นเทาจับขาของไซน์เลส “มันก็จริงที่สุดท้ายฉันก็ยังเป็นแค่ธรรมดานั่นแหละ แค่กๆ!! แต่ว่านะ…”
มือหนาออกแรงบีบแน่นก่อนจะทำการพลิกตัวกลับหัวแล้วใช้ขาล็อคแขน “ฉันก็เป็นคนธรรมดาที่มีพวกพ้องไง!!!”
“ย๊ากกกกก!!!!”
ชินปาจิและคางุระที่ตามมาทีหลังใช้อาวุธพุ่งใส่ทะลุร่างไซน์เลสจนมีผลึกขรุขระสีขาวสองชิ้นกระเด็นออกมาก่อนที่ทั้งไซน์เลสและกินโทกิจะกระเด็นกระดอนไปคนละทาง
“คุณกิน!!/อากินจัง!!”
“แค่กๆๆๆ”
เป็นจังหวะเดียวกันที่บริเวณพวกเขาอยู่กำลังถล่มทำให้แก๊งสารพัดรับจ้างทำให้พวกเขาต้องกุลีกุจอวิ่งหนีตายออกมา
โครม!!!!
สุดท้ายพวกเขาก็ออกมาทันได้อย่างฉิวเฉียดพอออกมาก็ต่างก็นอนแผ่หรากันอย่างหมดสภาพ
“เกือบไม่ทันเลยนะพวกนาย”
กินโทกิแหงนมองคนด้านบนหัวพบว่าเป็นคาซึระ “นี่แก ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”
“เห็นพวกนายมาที่นี่ก็เลยตามมาน่ะ” เหลือมองออกไปไม่ไกลมีซารุโทบิกับอลิซาเบธยืนอยู่
“นี่ยังตามสืบเรื่องฉันอยู่อีกหรอเนี่ย”
“แม้ว่าคุณกินจะไม่เลือกฉันแล้วแต่ฉันก็ไม่อยากให้คุณตายนี่ค่ะ เขาเรียกว่ายังมีเยื่อใยให้กัน-”
“แล้วซายะล่ะ”
“นี่!!!” กินโทกิถามถังซายะโดยไม่ได้สนคำพูดอันแสนยาวเหยีดของสาวนินจาผมม่วง
“นอนสลบอยู่ตรงนั้นน่ะ”
กินโทกิยันตัวลุกเดินตรงไปหาซายะที่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะฟื้นแล้วก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ
“ไงยัยตัวแสบ ยังไม่ตายใช่มั้ยเนี่ย” ซายะยกยิ้มเล็กน้อย “ก็เกือบ”
“คุณกินเจ็บอ่ะ เป่าคาถาให้หน่อยสิ”
“เอางั้นเลย คนเยอะนะ”
“ไม่ได้หรอ” ซายะบึนปากทำสีหน้าอ้อนเหมือนเด็กนั่นยิ่งทำให้กินโทกิถึงกับเกาหัว
“เฮ้อ ก็ได้ๆ Jabula Jabula ที่รักของฉัน ความทุกข์จงหายไป ความสุขจงกลับมา”
เป่าเบาๆ พร้อมกับจุมพิตที่หน้าผาก ทุกคนที่อยู่ ณ ที่ตรงนั้นต่างพากันตกใจไม่ก็เขินอายยกเว้นซารุโทบิที่กรี๊ดกร๊าดรับไม่ได้จนอริซาเบธต้องดึงตัวเอาไว้
“นอนพักไปยัยบ้า” แอบเห็นคนหัวเงินหูแดงนิดก่อนซายะจะยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ
“อือ เฝ้าด้วยนะ” มือหนาวางลงที่หน้าผาก “เออ”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 8
Comments