day 4

เสียงนกร้องในตอนเช้ามันดังเข้าโสตประสาทหูจนนอนแทบไม่ได้ ซายะขยี้ตาพลิกตัวไปมาเพื่อคลายความง่วง แต่ปวดหัวชะมัดเลย สงสัยคงแฮงค์จากเมื่อคืนแน่ๆ

ค่อยๆ ยันตัวลุกจากที่โซฟากวาดตาสำรวจมีผ้าห่มคลุมตัวกับหมอนหนึ่งใบที่ไม่รู้ว่ามันมาได้ยังไง

กริ๊ง~

เสียงโทรศัพท์ภายในห้องพักดังขึ้นเรียกความสนใจของซายะก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์ “ค่ะ”

[มีคนมารอพบที่รีเซปชั่นครับ]

“ใครหรอคะ”

[ร้านสารพัดรับจ้างน่ะครับ] พอได้ยินชื่อคิ้วทั้งสองข้างก็ขมวดปม ใครอ่ะ คุ้นๆ นะแต่นึกไม่ออก

[ขอคุยหน่อย ฮัลโหลซายะ นี่ฉันเองนะ] เสียงคุ้นเคยดังเข้ามาในโทรศัพท์พร้อมกับเสียงคุยจ๊อกแจ๊กของคนอื่นดังเข้ามาด้วย

“คุณกินหรอ”

[ใช่]

“แล้วมีอะไรหรอ”

[ไปเที่ยวสวนสนุกกัน]

“ห๊ะ?” คำชวนของกินโทกิทำเอาซายะขมวดคิ้ว “ตอนนี้เนี่ยนะ”

[ใช่ ฉันให้เวลาห้านาที แล้วก็…แต่งตัวสวยๆ ด้วยล่ะ]

จู่ๆ สายก็ตัดไปโดยที่ซายะยังยืนงงอยู่ อะไรของเขาเนี่ยมาสั่งแล้วก็ไป แต่ถึงจะงงไปหน่อยแต่เธอก็เดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ดี

ไปก็ได้ คงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้ง

ใช้เวลากว่า 5 นาทีกว่าจะจัดการตัวเองเสร็จ ลงลิฟต์ก็เจอกับพวกกินโทกิที่นั่งรออยู่หน้าล็อบบี้แล้ว

“ช้านะ”

“โทษที”

ซายะเหลือบมองเด็กอีกสองคนที่ยืนส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “สวัสดีน่อ อั๊วชื่อคางุระส่วนเจ้านี่คือเจ้าแว่น”

“ชื่อชินปาจิต่างหากล่ะ!!”

“อ๋อ” เธอยกยิ้มให้เล็กน้อย พวกเขาเป็นมิตรจนเธอเกร็งทำตัวไม่ถูกเลย

“ทีนี้ก็ไปกันได้แล้วไป”

เดินไปตามทางพลางกวาดมองทิวทัศน์รอบๆ พวกเขาเดินไปคุยไประหว่างทางความจริงก็มีแค่คางุระกับชินปาจิที่ชวนซายะคุยนั่นแหละ แต่เธอก็ไม่ได้ตอบอะไรเยอะคงเพราะไม่ชินและก็ไม่อยากให้พวกเขามาเกี่ยวข้องด้วย

จู่ๆ กินโทกิก็หยุดเดินทำให้คนข้างหลังต้องหยุดตาม นัยต์นาสีแดงมองคนตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ให้คนที่เด็กกว่าที่อยู่ด้านหลังชะเง้อคอมอง

หญิงสาวผมม่วงแว่นแดงในชุดกิโมโนแสนสวยเปิดไหล่ให้เห็นนิดๆ “ฉันน่ะ รอคุณกินมาตลอดเลยนะคะ รอมาตลอด เลยพยายามจะรักษาตัวเองให้หาย…”

“ไปกันเถอะ”

“เดี๋ยวก่อน!!!” ซารุโทบิพุ่งเข้าเกาะขาของเขาเมื่อเห็นว่ากินโทกิทำท่าจะเดินหนี “คุณกินจะมาทิ้งฉันแบบนี้ไม่ได้น้า!! ฉันอุตส่าห์พยายามรักษาตัวเองให้หายก็เพื่อคุณ แต่คุณกลับมาทำแบบนี้แล้วไปหานังนั่นอย่างหรอ!!!”

“อะไรของเธอเนี่ยปล่อยนะเว้ย” กินโทกิพยายามดึงตัวซารุโทบิออกแต่เธอกอดขาแน่นมากจึงต้องใช้แรงมากกว่าจึงจะดึงเธอออกจากขาได้

“ใครหรอ” ซายะชะโงกหน้ามองคนหัวม่วงที่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่กับพื้น

“อาซัจจังเป็นสโตกเกอร์ของอากินจังน่อ”

“ห๊ะ? แล้วตำรวจไม่จับหรอ”

ประโยคคำถามของซายะทำเอาชินปาจิกับคางุระถึงกับมองหน้ากัน จะบอกว่าเธอว่ายังไงดี เพราะเธอเป็นเพื่อนพวกเราเลยปล่อยงั้นหรอ เธอจะช็อคมั้ย

“ช่างมันเถอะครับคุณซายะ เราไปกันเถอะครับ ตรงนี้ปล่อยให้คุณกินจัดการเถอะครับ” ชินปาจิดันหลังซายะให้เดินโดยมีคางุระเดินตาม

“เฮ้ยเดี๋ยวดิ มาช่วยกันก่อนสิเฮ้ย!! นี่!!”

มาถึงสวนสนุกซายะก็กวาดสายตาสำรวจ สวนสนุกของที่ไม่ได้ต่างอะไรกับที่บ้านเกิดของเธอเลย  แม้มันจะไม่ได้ใหญ่มากเท่าที่ดีทรอยต์แต่มันก็คงดีกว่าไปเที่ยวคนเดียวเหงาๆ นั่นแหละ

กินโทกิยืนหอบระหว่างรอต่อคิวเล่นเครื่องเล่น ซายะเอื้อมมือมาแตะแขนของเขาเบาๆ “โอเคมั้ย”

“ไม่เป็นไรน่า แค่นี้เอง” พยายามเก็กแต่ก็คงไม่มิด “เอาจริงมันก็เหนื่อยแหละ แต่แค่นี้เอง ฉันเล่นได้”

เสียงร้องวี๊ดว๊ายจากคนบนเครื่องเล่นดังสนั่นลั่นจนจับเสียงใครไม่ได้ หลังจากเครื่องเล่นหยุดทุกคนก็พาตัวเองลงมาจากเครื่องเล่นด้วยสภาพที่หลากหลาย

“อ้วกกกก!!!”

พอลงมากินโทกิก็วิ่งตรงหาถังขยะแล้วอ้วกใส่ทันที คนอื่นเป็นไงไม่รู้แต่เขาไม่ไหว คงเพราะใกล้จะเข้าเลขสามร่างกายเลยไม่ได้ดีดเท่าเด็กๆ หรือเพราะเขาไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้กันนะ

“น้ำมั้ย” เงยหน้ามองคนข้างๆ ที่กำลังยื่นน้ำก่อนจะเอื้อมมือไปรับ “ขอบใจ”

เปิดขวดกรอกน้ำเข้าปากมันช่วยล้างคอเขาได้มากเลย หันไปยื่นขวดน้ำให้เธอเผื่อหิวกระหาย “กินมั้ย” ซายะมองขวดน้ำในมือก่อนจะรับมาแล้วดื่มจนหมด

“ไม่อิ่มอ่ะ” กินโทกิยกยิ้มพลางหัวเราะเบาๆ “โทษที ล้างคอเยอะไปหน่อย”

พวกเขายังคงเล่นเครื่องเล่นต่อโดยมีคางุระและชินปาจิคอยลาก เล่นไปเล่นมาจนร่างกายเริ่มเหนื่อย กินโทกินั่งเอนกับพนักพิงสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเอาออกซิเจนเข้าปอด

พึ่งเล่นเครื่องเล่นไปแค่ไม่กี่อย่างเองนะเนี่ย นี่เขาก็เริ่มหอบแล้ว ยกมือแตะหน้าผากดูท่าจะมึนหัวด้วย

“นอนพักก่อนมั้ย” ซายะเอ่ยพลางหย่อนตัวลงที่ว่างข้างๆ

“จะให้นอนยังไงล่ะ” ซายะตบตักตัวเอง กินโทกิมองครุ่นคิดอยู่ครู่ก่อนจะเอนตัวนอนลงที่ตักนุ่มแต่โดยดีพลางยกมือก่ายหน้าผาก

“สักหน่อยก็แล้วกัน”

เมื่อเห็นว่าอีกคนหลับตาซายะก็หยิบพัดลมมือถือที่ซื้อมาเมื่อกี้เอามาจ่อเป่าให้กินโทกิจะได้คลายร้อน

นิ้วเรียวค่อยๆ ลูบตามสันจมูกสวยพลางสังเกตมองใบหน้าของคนที่อยู่บนตัก พอพิจารณาดีๆ กินโทกิมีใบหน้าที่ดูดีเอามากๆ จมูกโด่งคมสัน สันกรามสวยคมอย่างเพอร์เฟค ดวงตาปลาตายที่มีเสน่ห์อีกแบบ พอดูรวมๆ เขาก็หน้าตาดีไม่น้อยเลย

แต่ติดอย่างเดียวคือนิสัยขี้เกียจชอบแคะขี้มูกแล้วก็ปากหมานี่ล่ะ แต่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ

“แอบแตะอั๋งคนอื่นตอนนอนแบบนี้นิสัยไม่ดีนะเนี่ย” คนบนตักเอ่ยขณะที่ยังหลับตาอยู่

“ก็คุณกินหล่อ”

“ชมกันตรงๆ แบบนี้เลยรึไง”

“ทำไมอ่ะ ไม่ได้หรอ”

“เปล่า ช่างเถอะจะนอนล่ะ แล้วก็อย่าซนด้วยเดี๋ยวจะโดนดีไม่ใช่น้อย” ไม่พูดเปล่ากินโทกิเอื้อมมาจับมือซายะไปวางไว้บนอกเพื่อล็อคไม่ให้ซน

“เชอะ” ช่วยไม่ได้ เธอจะยอมนั่งอยู่เฉยๆ ก็แล้วกัน

“อ่าว อากินจังน็อคไปแล้วหรอน่อ” คางุระที่พึ่งกลับมาจากเข้าห้องน้ำเอ่ยถามก่อนชินปาจิจะเดินมาสมทบ

“อือ ดูท่าจะไม่ไหว”

“คนแก่ก็งี้แหละน่อ เล่นนิดเล่นหน่อยก็เดี้ยงซะล่ะ”

“ฉันยังไม่แก่เว้ย เขาเรียกวัยรุ่นตอนปลายต่างหาก”

“แก่ก็คือแก่น่อไอ้หัวขาว”

“แล้วจะเอาไงดีครับ ยังเล้นไม่หมดเลย”

“พวกนายไปเล่นกันเลย เดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณกินเอง”

“คุณซายะไม่เล่นหรอครับ เหลือเครื่องเล่นอีกตั้งเยอะ”

ซายะส่ายหัวเบาๆ เธอก็ใช่ว่าจะไหวเหมือนกัน เธอก็เริ่มมึนๆ เวียนหัวนิดหน่อยถ้าให้ไปเล่นอีกได้สภาพไม่ต่างกับคนบนตักแน่ๆ

“เออใช่” หันไปหยิบเงินจำนวนหนึ่งในกระเป๋าก่อนจะส่งให้เด็กๆ “เอาไปกินขนมไป”

“ไม่เป็นไรครับ”

ชินปาจิรู้สึกเกรงใจต่างกับคางุระที่ดีใจจนอยากจะเข้าไปหยิบเต็มทนแต่ติดตรงที่ชินปาจิล็อคแขนเอาไว้

“เอาไปเถอะ ฝากซื้อเบอร์เกอร์มาให้ด้วย”

“นี่อาชินปาจิ อาซายะให้ก็รับๆ ไปเหอะ อีกอย่างนา อาซายะก็บอกให้ซื้อเบอร์เกอร์มาให้ด้วยเราไม่ได้เอาไปใช้แค่กันเองสักหน่อยน่อ”

“นั่นสินะครับ” สุดท้ายก็รับเอาไว้ก่อนจะโค้งขอบคุณอีกที “ถ้างั้นพวกเราขอตัวก่อนนะครับ แล้วก็ฝากดูแลคุณกินด้วยนะครับ” ซายะพยักหน้าตอบก่อนจะเด็กๆ จะเดินออกจากตรงนั้นไป

ซายะแหงนหน้ามองท้องฟ้าพลางหลับเพื่อรับลมเย็น ญี่ปุ่นนี่มันดีจริงๆ รู้สึกเหมือนกำลังโดนฮีลเลย ไม่อยากกลับเลย อยากอยู่ที่นี่

เสียงร้องจากการยืดเส้นยืดสายให้ซายะหันไปมอง กินโทกิยันตัวลุกขยับตัวเพื่อคลายความเมื่อย

“ดีขึ้นแล้วหรอ”

“อา ก็นะ แล้วเจ้าพวกนั้นยังเล่นกันไม่เสร็จอีกรึไง”

“อือ คงงั้น”

กินโทกิกวาดสายตามองรอบๆ จนไปหยุดที่นาฬิกาที่ตอนนี้กำลังบอกว่าบ่ายโมงแล้ว

“เธออยากเล่นอะไรมั้ย” ซายะหันมองคนข้างๆ เครื่องเล่นที่อยากเล่นหรอ “มีนะ คุณกินจะเล่นด้วยมั้ย”

“ถ้าเธอเล่นฉันก็เล่น”

“เล่นได้หรอ อันนี้มันน่ากลัวกว่าทุกอันเลยนะ”

“มันจะน่ากลัวสักแค่ไหนกันเชียว เครื่องเล่นมันก็เหมือนๆ กันทั้งนั้นแหละน่า”

“แน่ใจนะ มันน่ากลัวมากๆ เลยะนะ” เธอยังคงถามย้ำเพราะเธอก็กลัวว่ากินโทกิจะเล่นไม่ได้

“แน่ใจสิ ไปได้แล้วไป”

แน่ใจก็บ้าแล้ว!!! ไอ้ที่บอกว่าเล่นได้เมื่อตอนแรกขอถอนคำพูดเลย!! ไอ้เขาก็คิดว่าเครื่องอย่างพวกรถไฟเหาะไม่ก็โรเลอร์โคสเตอร์ แต่ที่ไหนได้ นี่มันบ้านผีสิงชัดๆ

“ไหวมั้ย” ซายะที่ยืนต่อแถวอยู่ด้านหน้าหันมาถามเมื่อเห็นว่าอีกคนดูหน้าซีดๆ

“ว-ไหวสิ แค่นี้เอง” ไหวก็บ้าแล้ว เขาอยากจะร้องไห้แล้วเนี่ย

“ดูท่าเหมือนจะไม่ไหวนะ งั้นออกมั้ย”

“ไม่ต้องๆๆๆ” กินโทกิรีบห้ามเมื่อเห็นว่าซายะทำท่าจะเดินออก “ฉันแค่ตื่นเต้นเฉยๆ น่า ไม่มีอะไรหรอก”

“แน่นะ”

“แน่สิ ไปๆๆ ถึงคิวเราแล้ว” ดันคนตัวเล็กให้เดิน ใจจริงก็อยากจะออกหรอก แต่เธออยากเล่นก็ไม่อยาดขัด อีกอย่างเขาไม่อยากเสียหน้าด้วย เสียตังได้แต่เสียหน้ามันไม่ใช่คติของซากาตะ กินโทกิ

เดินเข้าประตูความมืดด้านในทำเอาความรู้สึกมันหดหู่ยิ่งกว่าเดิม มือหน้าจับไหล่ของอีกคนแน่นจนซายะหันมาดึงมือเขาให้มาเดินขนาบข้าง

“แบบนี้โอเคกว่ามั้ย”

“อ-อือ ดีกว่าเยอะ” กินโทกิตอบขณะที่สายตายังคงมองรอบๆ อย่างหวาดระแวง

“ไม่ไหวก็บอกนะ”

“อ่า-แย๊ก!!” เสียงปิดประตูดังปังทำให้กินโทกิสะดุ้งโหยงจนเผลอกอดแขนซายะแน่น แต่เธอก็ไม่ได้ดึงออกหรือโวยวายแต่อย่างใด แถมยังคอยลูบแขนเขาเพื่อให้อีกคนผ่อนคลายอีกด้วย

กลั้นใจเดินกันจนมาถึงห้องๆ หนึ่งมันเป็นห้องกว้างๆ ขนาดใหญ่มีเตียงนับสิบวางเรียงรายแถมแต่ละเตียงก็มีศพนอนนิ่งอยู่บนเตียงแล้วคลุมด้วยผ้า

ซายะหยิบกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ ขึ้นมาอ่านดูมันคือภารกิจสำหรับห้องนี้ ต้องแก้ปริศนาให้ได้ถึงจะสามารถออกจากห้องนี้ได้

“มันคืออะไรอ่ะ”

“ภารกิจน่ะ ต้องทำให้ผ่านถึงจะออกจากห้องนี้ได้”

“โอ๊ย~ จะให้ทำภารกิจอะไรอีกละเนี่ย! แค่นี้ก็จะแย่อยู่แล้ว-แว๊ก!!” ยังพูดไม่ทันจะจบก็สะดุ้งโหยงจากของที่หล่นลงพื้น

“เดี๋ยวจะหาคำใบ้ก่อน คุณกินไปด้วยกันมั้ย”

“ปะ-ไปสิ”

พากันเดินหาคำใบ้ภายในห้องเดินไปก็สะดุ้งไปโชคดีที่เขาไม่ได้อยู่คนเดียวเลยเบาใจไปได้เยอะ

นัยต์ตาสีแดงอำพันกวาดมองแทบจะทุกซอกเพื่อหาคำใบ้จนไปหยุดที่กระดาษแผ่นหนึ่งที่อยู่ในซอกโต๊ะ

“ซายะฉันหาได้แล้ว…นะ” หวังดีใจที่หาคำใบ้อันสุดท้ายเจอเพราะจะได้รีบไขแล้วรีบออกจากห้องแต่พอเงยขึ้นมาก็ต้องช็อคเมื่อตอนนี้ซายะไม่อยู่แล้ว

“ซายะ เธออยู่ไหน” กินโทกิกวาดสายตามองหาทั่วห้อง ใจเขาตอนนี้ร่วงไปอยู่ตาตุ่มแล้ว พยายามก้าวขาเดินหาเดินไปก็ระแวงไปสะดุ้งไปแต่ก็ต้องหาเธอให้เจอ

“ซายะ เธออยู่ไหน ออกมาเถอะ อย่าเล่นแบบนี้นะเว้ย” เสียงปึงปังยังคงต่อเนื่องจนเขาเริ่มจะหงุดหงิด “จะทำเสียงปึงอะไรกันนักหนาวะเนี่ย ฝีมือเธอใช่มั้ยซายะ ตอบมาสิว่าเธอทำน่ะ”

ไร้เสียงวี่แววการตอบกลับแถมดูเหมือนพวกศพที่อยู่บนเตียงจะเริ่มสั่นด้วย สองขาค่อยๆ ถอยจนแผ่นหลังติดกำแพงก้อนเนื้อในอกเต้นระส่ำจนแทบจะหลุดออหมาข้างนอก

และวินาทีนั้นพวกศพที่อยู่บนเตียงก็พากันเด้งตัวก่อนจะวิ่งพุ่งมาหากินโทกิทันที  ร่างกายอ่อนแรงอัตโนมัติกรีดร้องจนเสียงหลงแล้วนั่งยองทรุดตัวเอามืออุดหูหลับตาอย่างหวาดกลัว

“นะโมตัสสะ นะโมตัสสะ ปล่อยฉันไปเถอะ จะไปเอาตังไปซื้อซีคิดส์อีกแล้ว-แว๊ก!!!!!!!”

“คุณกิน! คุณกิน!” ซายะวิ่งแหวกพวกผีที่รุมกินโทกิขนมาถึงตัวก่อนเข้าไปเขย่าตัวเพื่อให้เขาได้สติ

“มาแล้วๆ ฉันมาแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”

กินโทกิเงยหน้าทั้งน้ำหน้าก่อนจะค่อยๆ เอามือที่อุดหูออก “ยัยบ้า หายไปไหนมาห๊ะ”

“ขอโทษ มาแล้วๆ ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”

ขยับตัวเข้าไปกอดปลอบพลางยกมือลูบหลังให้อีกคนได้หายกลัว ความอบอุ่นที่ไม่เคยได้สัมผัสแผ่ซ่านออกมา มันอบอุ่นและทำให้เขาหายกลัวในเวลาเดียวกัน

มือหนายกกอดตอบก่อนจะซุกหน้าลงไหล่สวยถ้าเป็นปกติเขาก็คงบอกว่าไม่ได้กลัวหรือทำแอ๊คว่าตัวเองไม่กลัวหรอก แต่ไม่รู้ทำไมพอเป็นยัยเด็กคนนี้เขากลับยอมรับดื้อๆ แถมยังเผยความอ่อนแอของตัวเองออกมาจนหมด

“กลับกันเถอะ”

ซายะหยิบหมวกแก๊ปที่เหน็บอยู่กระเป๋าใส่ให้อีกคนเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมองสิ่งหน้ากลัว

“อย่าปล่อยมือนะ เดี๋ยวโดนผีหลอกอีก”

“เธอนั่นแหละอย่าปล่อย ห้ามทิ้งฉันไว้อีกเข้าใจมั้ย” ซายะหันมายกยิ้มน้อยๆ “รู้แล้วๆ”

เด็กสาวยืนมองสาวนินจาในยุดเย้ายวนสีแดงเต็มยศพลางเลียไอติมในมืออย่างเอร็ดอร่อย ส่วนชินปาจิก็พยายามอธิบายให้เธอฟังแต่ก็ไม่ได้ผลจนตอนนี้จะท้อแล้ว

“นี่อาซัทจัง ลื้อปล่อยๆ อากินจังไปเถอะ อากินจังก็อายุปูนนี้แล้วให้เขามีแฟนเถอะ”

“คางุระ ฉันจะบอกอะไรให้นะ แฟนตัวจริงของคุณกินน่ะก็คือฉันต่างหาก ผู้หญิงคนนั้นมันก็แค่มิจฉาชีพหน้าสวยที่จะมาหลอกปอกลอกคุณกินต่างหากล่ะ”

“ผมว่าไม่มีทางหรอกครับ”

“นายนี่มันไม่รู้อะไรเลยนะเจ้าแว่น เพราะอย่างงี้ไงนายถึงยังเป็นแค่แว่นที่ไม่มีใครอยากจะใส่ยังไงล่ะ”

“แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนล่ะครับ!!! แล้วผมก็ไม่ใช่แว่นด้วย”

“อั๊วเห็นด้วยกับอาแว่นนา” คางุระเอ่ยก่อนจะสวบไอติมจนหมดโดยไม่สนคำโวยวายของชินปาจิ

“อากินจังกับพวกอั๊วไม่มีตังไปให้อาซายะปอกลอกหรอก จะมีก็แต่พวกอั๊วไปปอกลอกอาซายะนั่นแหละ”

“หมายความว่าไง”

“ก็หมายความว่าอาซายะรวยมากๆ เลยน่อ วันนี้ที่มาเที่ยวอาซายะก็ออกให้ทั้งหมดแถมยังให้ตังค์พวกอั๊วไปซื้อขนมอีกน่อ”

พอได้ยินแบบนั้นซารุโทบิก็ถึงกับไปไม่ถูก “กะ-ก็แค่รวยมั้ย แต่นิสัยก็ว่าจะดีสักหน่อย อีกอย่างพวกเธอก็พึ่งจะรู้จักกับยัยนั่นด้วยบางทียัยนั่นอาจจะใช้เงินหลอกล่อพวกนายก็ได้”

“ไม่รู้สิครับ แต่เท่าที่เห็นคุณซายะก็ไม่ได้หลอกล่อหรืออะไรเลยนะครับ แต่ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง คุณคงไม่ปล่อยไว้แน่ๆ”

พวกเขารู้ดีว่ากินโทกิไม่ปล่อยให้ใครมาหลอกง่ายๆ หรอก เพราะถ้าโดนหลอกจริงป่านนี้คงไม่รอดมาจนถึงวันนี้ได้หรอก

“อ๊ะ อากินจังกับอาซายะออกมาแล้วน่อ”

“คุณกิน-” ยังไม่ทันที่ซารุโทบิจะวิ่งพุ่งเข้าใส่เธอก็ต้องชะงักเสียก่อน

ภาพของกินโทกิกับซายะที่จูงมือกันออกมา ภาพของกินโทกิกับซายะที่กำลังพูดคุยและยิ้มให้กัน มันช่างเป็นภาพที่เจ็บปวดใจเสียเหลือเกิน

รับไม่ได้ ซารุโทบิ อายาเมะคนนี่รับไม่ได้

“อ่าว นี่เธอมาอีกแล้วหรอเนี่ย” กินโทกิเอ่ยทักแต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังทำหน้าเศร้าปาดน้ำตาเหมือนนางเอกที่กำลังโดนหักอกตามละครหลังข่าว

“อะไรของยัยนั่นเนี่ย”

“รักของเรามันคงจบลงเพียงเท่านี่สินะคะ”

“ห๊ะ?”

“ฉันน่ะ อุตส่าห์รักษาตัวเองให้หายดี อุตส่าห์หาชุดสวยๆ ใส่มาหาคุณ แต่คุณกลับทำแบบนี้กับฉันเนี่ยนะ ฮึก!”

“โทษนะ เขาเป็นอะไรของเขาน่ะ” กินโทกิเอ่ยถามพลางมองสาวนินจาที่กำลังแอ๊คติ้งเล่นใหญ่ลงไปทำหน้าเศร้ากับพื้น

“คุณกิน ดูท่าว่าคุณจะหลงรักผู้หญิงคนนี้มากเลยสินะ ถ้าคุณอยากจะไปจากฉันมากนักฉันก็จะไม่ห้าม เอาเลย! คุณอยากทำอะไรก็ทำเลย! ส่วนเธอ!”

“หือ?” ซายะเลิกคิ้วพลางชี้เข้าหาตัวเองเป็นเชิงถามว่าคุยกับเธอหรอ

“ถ้าเธอทำให้เขาเสียใจเมื่อไหร่ ฉันจะมาฆ่าเธอทิ้งแน่ หึ่ย!” พูดจบซารุโทบิก็สะบัดหน้ากระโดดหนีจากไปทิ้งให้อีก 4 คนได้แต่มองและยืนงง

“สรุปฉันเป็นคนผิดหรอเนี่ย ฉันไม่ใช่สามียัยนั่นนะทำไมต้องมาทำเหมือนฉันทิ้งแล้วไปหาคนใหม่ด้วยเนี่ย” กินโทกิบ่นกระปอดกระแปด คางุระเดินมาตบบ่าเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ

“เดี๋ยวก็ชินเองน่อ”

“คนเมืองนี้มีแต่คนบ้ารึไงกัน!!!”

หลังจบเรื่องอันแสนจะปวดหัวแก๊งสารพัดรับจ้างกับซายะก็พาหาข้าวกินโดยมีซายะเป็นผู้ออกค่าอาหารให้

“นี่ๆ เราไปนั่งชิงช้าสวรรค์กันดีมั้ยน่อ” คางุระชี้ไปชิงช้าสวรรค์ที่อยู่ห่างจากตรงที่พวกเขานั่งเป็นกิโล

“ก็เอาสิ ไหนๆ ก็มาทั้งทีเล่นให้มันคุ้มๆ สมกับที่จ่ายไปหน่อย” กินโทกิเอ่ยพลางตักพาเฟ่ต์เข้าปาก เอาจริงเขาก็อยากกลับไปอ่านซีคิดส์ที่บ้านอ่ะแหละ แต่ไหนๆ ซายะก็อุตส่าห์ออกตังค์ขนาดนี้จะเล่นทิ้งขว้างมันก็เกรงใจอยู่

“งั้นไปกันเลยมั้ยครับ นี่ก็เย็นมากแล้วเดี๋ยวมันจะค่ำเอา”

“ไปสิ”

พอมาถึงคางุระก็จัดการแบ่งกลุ่มสำหรับนั่งชิงช้าสวรรค์ทันที คางุระขึ้นกับชินปาจิส่วนกินโทกิขึ้นกับซายะ ซึ่งคนอายุมากกว่าก็ไม่ได้ติตวงอะไรเพราะเห็นว่าคุณลูกสาวอยากเล่นก็เลยตามใจ

ขึ้นชิงช้ามาไม่มีบทสนทนาใดๆ ระหว่างคนทั้งคู่ ดวงตาสีแดงอำพันเหลือบมองคนฝั่งตรงข้าม แสงสีส้มสาดส่องเข้ามาภายในกระทบกับใบหน้าส่งให้เธอดูสวยสง่าราวกับมมีใครมาหยุดเวลาเอาไว้

“มองอะไรหรอ” ซายะหันมองเมื่อเห็นว่าอีกคนเอาแต่จ้องไม่วางตา “เธอนี่ สวยจริงๆ แฮะ”

“ห๊ะ?” ประโยคของกินโทกิทำเอาซายะถึงกับทำตัวไม่ถูก ก็เขาเล่นพูดออกมาหน้าตาเฉยแถมยังจ้องเธอด้วยสีหน้านิ่งใครมันจะไม่เลิ่กลั่กบ้างล่ะ

“เมื่อกี้ฉันบอกว่าเธอสวยไง”

“ทำไมชมกันตรงๆ อย่างนี้ล่ะ ทำตัวไม่ถูกนะ” กินโทกิเลิกคิ้วน้อยๆ “อะไรกันๆ เขินรึไงฮี”

“ป่าวสักหน่อย” คนอายุน้อยกว่าเม้มปากแน่น เอาจริงเธอก็เขินนิดหน่อยนั่นแหละ “ก็ตลอดทั้งชีวิตที่ผ่านมานอกจากคนในคครอบครัวกก็มมีแแค่เขาแหละที่ชมว่าเธอสวยน่ะ

ชิงช้าสวรรค์ค่อยๆ หมุนจนถึงยอดแต่จู่ๆ มันก็หยุดกึกจนซายะสะดุ้งเฮือก

“เป็นอะไรน่ะ ทำไมทำหน้าซีดแบบนั้น” สีหน้าของซายะจู่ๆ ก็เปลี่ยนไปจากเดิม เธอดูกังวลและเกร้งเป็นพิเศษ

“นี่ ไหวมั้ยเนี่ย”

ซายะส่ายหัวรัว เธอไม่ไหว ไม่ไหวเลยสักนิด ก้อนเนื้อข้างซ้ายเต้นระส่ำจนแทบจะหลุดออกมาร่างกายก็สั่นกลัวไม่ไหว

“หรือว่าเธอ…กลัวความสูง?” พยักหน้าตอบ ซายะกลัวความสูงเอามากๆ แค่ตึกสองชั้นก็แทบขาสั่นแล้ว “เดี๋ยวนะ แล้วเวลาเธอทำงานเธอไม่กลัวรึไง”

“อันนั้นมันคนละโหมด” มีแบบนี้ด้วยเรอะ

ชิงช้าขยับอีกครั้งก่อนจะหยุดกึกจนโอนเอน ซายะยกมือจับชิงช้าแน่นกินโทกิเห็นว่าเธอเริ่มว่าเธอท่าไม่ดีเขาจึงดึงเธอมานั่งที่ด้านเดียวกับเขาก่อนจะเอื้อมไปคว้ามือของเธอมาจับเอาไว้

“ดีขึ้นรึยัง”

“มันเอนกว่าเดิมอีก”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นิดเดียวเอง”

“จริงนะ”

“จริง”

ชิงช้าสวรรค์ค่อยๆ ขยับอีกครั้งก่อนจะเคลื่อนตัวช้าๆ ซายะหลับตาสูดหายใจลึกพร้อมกับหลับตา ดูเหมือนว่าก้อนเนื้อในอกจะกลับมาเต้นเบาลงแต่ก็ยังระแวงอยู่ดี

แอบเหลือบมองมือหนาที่ยังคงจับมืออยู่มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกระชับข้างที่จับให้แน่นขึ้น “กระชับมือกันนี่หลงเสน่ห์ฉันแล้วรึไงฮี”

“คงงั้นมั้ง” คำตอบของซายะทำเอากินโทกิถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “ให้ตายเธอเนี่ย เฮ้อ~ แบบนี้ฉันก็เขินแย่เลยสิ”

ถึงแบบนั้นคนข้างๆ ก็ยังคงทำหน้าตาปลาตายแค่มีรอยยิ้มเล็กๆ ประดับจนเธอเริ่มสงสัยว่าไอ้ที่เขาบอกว่าเขินเนี่ยเขาเขินจริงๆ ใช่มั้ย

“นี่คุณกิน”

“?”

“ถ้าสมมติฉันถูกจับตัวไป คุณกินจะตามหามั้ย”

“เธออยากให้ฉันตามหามั้ยล่ะ” ซายะหันมองก่อนจะพยักหน้า “อยากสิ”

“ถ้าเธออยากให้ฉันตามหาฉันก็จะตามหา แม้ว่าเธอจะถูกจับจนไปอยู่อเมริกาพวกฉันก็จะตามไปหาจนเจอ”

“สัญญานะ”

“สัญญา” ซายะยกยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเอนหัวซบไหล่ของคนข้างๆ

วันนี้ช่างเป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิตเลย

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!