Time
กิจกรรมรับน้องเป็นกิจกรรมที่ปี 1 ทุกคนต้องเคยเจอ ในแต่ละคณะหรือสาขากิจกรรมก็จะแตกต่างกันออกไป ‘ไทม์’ เด็กปี 1 สาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ก็ต้องเจอเหตุการณ์รับน้อง บอกตามตรงว่าเขาไม่ได้อยากเข้าเลยสักนิดแต่ก็ไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนหรือรุ่นพี่เลยจำเป็นต้องจำใจ
“อยากกลับบ้านจังโว้ย”
บูม เพื่อนใหม่ของไทม์เอ่ยพร้อมกับเอนหลังพิงเสาทิ้งความเหนื่อยล้าจากการทำกิจกรรมรับน้อง ไทม์ที่เห็นเพื่อนเหนื่อยยื่นขวดน้ำให้เขา
“เอาน่า เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้วทนอีกหน่อยสิ”
พูดพลางเอื้อมมือไปบีบพุงอ้วนๆ ของคนข้างๆ เล่น พวกเขานั่งพักระหว่างที่รอทำกิจกรรมรับน้องต่อ
เอาจริงๆ ไทม์ก็ไม่ได้อยากทำกิจกรรมพวกนี้หรอกมันทั้งเหนื่อยทั้งเลิกเย็นแถมยังต้องคอยห้อยป้ายนี่ตลอดอีกด้วย รำคาญจะตาย
“ปีหนึ่งรวม!!” เสียงเรียกรวมของรุ่นพี่ให้ปีหนึ่งทุกคนที่นั่งกันอยู่ลุกพรวดออกจากที่นั่งไปยืนเข้าแถวเรียงหนึ่งก่อนรุ่นพี่จะให้นั่งลงกับพื้นปูน
“พี่จะแจ้งเรื่องกิจกรรมนะคะเรื่องแรกกิจกรรมล่าลายเซ็นน้องๆ ทุกคนจะต้องมีสมุดสำหรับล่าลายเซ็นสองเล่ม เล่มแรกเล่มสีฟ้าสำหรับของรุ่นพี่ เล่มที่สองเล่มสีเหลืองสำหรับเพื่อนในสาขา พี่จะให้เวลาสองอาทิตย์นะคะโดยลายเซ็นของเพื่อนจะต้องครบตามจำนวนรายชื่อในสาขา ส่วนของรุ่นพี่จะต้องมีลายเซ็นของรุ่นพี่อย่างน้อยร้อยสามสิบลายเซ็นต์นะคะ…”
รุ่นพี่ยังคงอธิบายกิจกรรมต่อจนเสร็จและในที่สุดก็ถึงเวลาปล่อยเสียที หลังจากไทม์อำลาและแยกย้ายกับบูมเขาก็ตรงไปอาคารร้อยปี
อาคารร้อยปีเป็นอาคารที่เรียกได้ว่าเก่าแก่ที่สุดในมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้ เมื่อก่อนมันถูกใช้เป็นตึกเรียนแต่ปัจจุบันนี้มันถูกบูรณะให้เป็นอาคารสำนักงานวิชาการและห้องสมุดแล้ว
ไทม์เดินเข้าตึกขึ้นไปยังชั้นสามที่เป็นชั้นห้องสมุด ทำการแตะบัตรนักศึกษาgเพื่อเข้าไปด้านใน ทันที่เข้ามาขั้นแรกก็กวาดสายตาผ่านเลนส์แว่นมองไปยังรอบๆ ห้องดูเหมือนว่าวันนี้คนจะใช้บริการไม่เยอะ แต่ก็ดีแล้วแหละมันดูสงบดีแล้วอีกอย่างเขาก็ไม่ชอบที่ที่มีคนเยอะๆ ด้วย
สองขาเดินตรงไปยังล็อคที่ 11 ล็อคสำหรับหนังสือนวนิยายสืบสวนสอบสวนเดินไปตามทางเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดที่กลางล็อค ใช้สายตากวาดมองหาหนังสือที่ต้องการในที่สุดก็เจอมัน ทำการเอื้อมมือจนสุดหมายจะหยิบหนังสือที่อยู่ด้านบนแต่ไม่ว่าจะเอื้อมยังไงก็เอื้อมไม่ถึง
“สูงแฮะ”
แม้จะพยายามเอื้อมมืออีกครั้งคราวนี้เขย่งเท้าด้วยและในที่สุดเขาก็หยิบมันได้สำเร็จ แต่ก็ได้ดีใจได้เพียงเสี้ยววิเพราะหนังสือที่อยู่ติดกับหนังสือที่ดึงมามันดันร่วงให้หัว และด้วยความตกใจบวกกับความซุ่มซ่ามดันเผลอขยับตัวไปกระแทกกับชั้นหนังสือทำให้หนังสือที่อยู่ด้านบนร่วงลงมาใส่นับไม่ถ้วนจนล้มกับพื้น
“โอย~เจ็บ”
เจ้าตัวมองเพดานสูงพร้อมเบ้หน้าด้วยความเจ็บจากเหล่าหนังสือที่หล่นมาใส่ ให้ตายเถอะนี่มันวันซวยอะไรวะเนี่ย
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
ใบหน้าของใครบางคนยื่นเข้ามาในกรอบสายตาให้เห็นผู้หญิงผมบลอนด์ทองกับใบหน้าที่ออกแนวเซ็กซี่เหมือนสาวลูกครึ่งกำลังยืนมองจากบนหัวด้วยสีหน้าที่งงสุดๆ
“คุณคะ”
“ครับๆ!!”
เสียงสวยเรียกดึงสติให้ไทม์กุลีกุจอลุกพรวดจากกองหนังสือที่หล่นทับแต่ด้วยความรีบเกินไปเลยทำให้ตอนยืนเซเกือบจะล้มไม่เป็นท่าแต่โชคดีที่ได้ผู้หญิงผมบลอนด์ช่วยดึงเอาไว้ทำให้เขากลับมายืนตรงได้ดังเดิม
“ขอบคุณครับ”
ไทม์ก้มขอบคุณพร้อมกับยืนเต็มความสูงทำให้ได้เห็นใบหน้าของเธอชัดๆ อีกครั้ง ริมฝีปากรูปกระจับสีแดงอ่อนรับกับใบหน้าที่คมคายออกไปทางลูกครึ่งมองดูแล้วเธอสวยราวกับพวกดาราฮอลลีวูดเลยก็ว่าได้
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
เธอแสดงสีหน้าสงสัยพร้อมกับปั้นคิ้วขมวดเล็กน้อย ดันเผลอไปจ้องเขาเสียได้ “เอ่อ…ป่าวครับ คือ ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” ไทม์ก้มขอบคุณเธออีกครั้ง
“เหมือนเธอจะมีแผลที่หัวนะ”
“เอ๊ะ?” ยกมือแตะๆ ที่หน้าผากแต่ก็ไม่เห็นจะมี คนตรงหน้าส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะวิสาสะเอื้อมมือมาแตะที่หน้าผากเบาๆ
“ตรงนี้ต่างหาก” นิ้วเรียวสวยแตะลงที่แผลบนหน้าผากเบาๆ
“อ่อ ขอบคุณครับ”
“เจ็บรึป่าว” เธอเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นห่วงพร้อมกับจิ้มๆ แผลเบาๆ เพื่อเช็คแผลบนหน้าของคนซุ่มซ่าม
“ไม่เจ็บครับ คงจะโดนตอนหนังสือหล่นใส่” ได้แต่ยิ้มแห้งกลับไป เอาจริงมันก็เจ็บแหละแต่ตอนนี้รู้สึกอายมากกว่า ดันมาซุ่มซ่ามต่อหน้าคนอื่นซะได้โคตรจะซวยเลย!
“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ” รุ่นพี่บรรณารักษ์วิ่งหน้าตาตื่นมาทางพวกเขา
“อ่อ พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ ต้องขอโทษด้วย”
“งั้นเดี๋ยวผมช่วยนะครับ” รุ่นพี่บรรณารักษ์เหมือนจะเดินเข้าทางที่พวกเขายืนอยู่แต่จู่ๆ รุ่นพี่คนสวยก็พูดดักเอาไว้
“นายกลับไปดูแลด้านหน้าเถอะ เดี๋ยวทางนี้พวกเขาจัดการเอง”
“แต่..”
“ไปเถอะ”
รุ่นพี่สาวคนสวยเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบทำให้รุ่นพี่บรรณารักษ์คนนั้นยอมแพ้และก็เดินจากไปอย่างช่วยไม่ได้
ไทม์หันกลับมาจัดการกับกองหนังสือบนพื้นค่อยๆ หยิบมันเข้าชั้นดังเดิมโดยมีรุ่นพี่สาวสวยผมบลอนด์คอยช่วย พวกเขาใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่ในการเก็บหนังสือทั้งหมดเข้าชั้นจนในที่สุดก็เหลือเล่มสุดท้าย
ขณะที่กำลังก้มตัวลงหยิบเป็นเวลาเดียวกันที่รุ่นสาวตรงหน้าก็เอื้อมมือมาหยิบด้วยเหมือนกันทำให้เขาต้องชะงักออกพร้อมกับก้มหัวขอโทษอีกคนอย่างไม่ตั้งใจ
“ขะ-ขอโทษครับ”
“ขอโทษเรื่องอะไรคะ” เธอทำหน้าสงสัยพลางสอดหนังสือเล่มสุดท้ายในมือเข้าชั้น
“ก็เรื่องที่ผมซุ่มซ่ามจนทำให้คุณลำบากน่ะครับ” ไทม์พูดพลางเกากางเกงตัวเองด้วยความเขิน
“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง” เธอยกยิ้มน้อยๆ อย่างเป็นมิตร
“ยังไงก็ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” ไทม์ก้มหัวขอบคุณเธออีกครั้งไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไหร่แต่ก็ขอบคุณไปก่อน
“ขอบคุณบ่อยเกินไปแล้วนะเนี่ย”
“เอ๊ะ?อ่อ พอดีผมติดนิสัยมาตั้งแต่เด็กแล้วน่ะครับ”
“อ๋อ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมของตัวนะครับ” ไทม์ก้มหัวลาเธออีกครั้งก่อนจะรีบหมุนตัวเดินออกมาแต่ก็ยังไม่ทันที่จะก้าวเธอก็เรียกรั้งไว้ “เดี๋ยวก่อน”
“ครับ?” เธอก้มหยิบอะไรบางอย่างที่พื้นก่อนจะยื่นมาให้ “ให้ผมหรอครับ” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเป็นการถามแต่เหมือนว่าเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป
“กระเป๋าตังค์ตก” พอบอกว่าเป็นกระเป๋าตังค์ตกไทม์ก็รีบค้นกางเกงของตัวเองทันที
เออใช่ กระเป๋าตังค์มันไม่อยู่ที่ตัวนี่ว่า “อ่อ ของผมเอง ขอบคุณครับ” เขายื่นมือไปรับพร้อมกับยิ้มแห้งก่อนพูดขอบคุณครั้งที่ร้อย
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เธอพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่ไทม์จะรีบหมุนตัวเดินออกจากตังค์นั้นทันที
โอ๊ย ซุ่มซ่ามไม่พอแล้วยังจะทำตัวเด๋อด๋าอีกแล้วแบบนี้เธอจะมองเขาเป็นคนยังไงวะเนี่ย
ไทม์เดินมายังอาคารตึกข้างๆ อาคารสำนักงานวิชาการก่อนจะหย่อนตัวลงที่เก้าอี้ไม้ใต้ตึกและจะเอาหนังสือที่ยืมมาออกมาวางแต่ก็ดันเกิดมือไม้อ่อนจนเกือบทำหนังสือร่วง
“ฟู่ว~ เกือบไปแล้ว”
ถ้าหนังสือร่วงขึ้นมาจริงๆ นี่ยุ่งเลย
จัดการเปิดหนังสือไล่หาข้อมูลที่อาจารย์สั่งงานวันนี้ ขณะนั้นเองสายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนไกลๆ ผมสีบลอนด์สะดุดตายาวกลางหลัง ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นพี่สาวคนสวยเมื่อกี้นะ
สายตาจดจ้องมองเธอ ขนาดมองจากข้างหลังจากไกลๆ ยังออร่าจับเลย ว่าแต่เธอชื่ออะไรนะ
“ทำไรอ่ะ!!!”
“เฮือก!!”
เสียงตะโกนทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ รีบหันไปหาต้นเสียงจนพบว่าคือติมนั่นเอง
ติมเป็นเพื่อนสนิทอีกคนที่อยู่กลุ่มเดียวกัน แต่เขาไม่ค่อยจะมาเข้ารับน้องสักเท่าไหร่เพราะหมอนี่เตรียมตัวจะเป็นนักกีฬาฟุตบอลของมหาลัยน่ะสิ
“ยังไม่ไปคัดตัวหรอ”
“ยัง รอพี่เขาเรียก” อีกคนพูดพร้อมกับนั่งลงฝั่งเดียวกัน “เมื่อกี้ส่องสาวหรอ”
“บ้า ไม่ได้ส่อง” รีบหันกลับไปสนใจหนังสือตรงหน้าเพื่อกลบเกลื่อน “หรอ ไหนบอกจะทำเรื่องคดีเฮช เฮช โฮมไม่ใช่หรอ แต่ไอ้หน้าที่มึงเปิดอยู่มันเป็นของเอ็ดกีนนะ”
เอ๊ะ?มองหน้าหนังสือพบว่ามันเป็นคนละเรื่องที่จะหาข้อมูลจริงๆ ชิบล่ะ
“เห~~ นี่ล่กขนาดเปิดเรื่องผิดเลยหรอเนี่ย ไหนว่าไม่ได้ส่องไงเพื่อน”
หนอยแน่เจ้าติม มันจะรู้มากเกินไปแล้วนะ
“ละ-แล้วไงล่ะ คนเรามันก็ต้องมีส่องๆ บ้างแหละน่า” พยายามพูดกลบเกลื่อน ติมน่ะเป็นคนฉลาดแล้วก็เจ้าเล่ห์มากบวกกับว่าเขาป็นคนโกหกใครไม่เป็นด้วยเลยไม่แปลกที่เรื่องแค่นี้ที่ติมจะดูออก
“แต่พี่สาวคนนั้นก็สวยจริงนะ ดูสิพวกตัวผู้แถวนี้มองตาเป็นมันเลย”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ เดี๋ยวก็โดนด่าหรอก” ไม่พูดเปล่าพลางยกมือตีแขนคนข้างๆ ไปทีนึง ถ้าคนอื่นมาได้ยินเข้าเดี๋ยวจะเป็นเรื่องเอาได้
“กลัวไรเล่า ไม่มีใครเขาทำไรหรอก นี่ในมหาลัยนะมีเรื่องขึ้นมาได้โดนทัณฑ์บนหรอก”
พูดเสร็จเจ้าตัวก็หันไปเล่นเกมส์ในมือถือต่อ แต่ขณะที่กำลังจะหันสายตากลับไปทำงานก็ต้องชะงักอีกรอบเมื่อเห็นว่าพี่สาวคนสวยคนนั้นกำลังยืนคุยกับรุ่นพี่ผู้ชายคนนึงดูสูงหุ่นมีกล้ามเนื้อดูกลายๆ น่าจะเป็นคนที่ฮอตน่าดู
“ไอบูมไปไหนอ่ะ” ติมที่กำลังจดจ่อกับมือถือเอ่ยถามผม
“เห็นว่าไปทำธุระมั้ง เดี๋ยวก็คงมาแหละตอนบ่ายสองต้องเข้ารับน้องอีกนี่”
“นี่แก นั่นใช่ผู้หญิงคนนั้นป่ะ”
“คนไหนอ่ะ”
“ก็คนที่แฟนเก่าแกไปจีบไง”
เสียงสนทนาของคนใกล้เคียงดังจนทำให้เขาต้องหยุดฟังก่อนจะมองตามที่ผู้หญิงหนึ่งในนั้นชี้แต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่รู้สักทีว่าคนที่พวกเธอคือใครกัน
ว่าแต่นินทากันโต้งๆ แบบนี้เลยหรอเนี่ย
“อ๋ออีนั่นน่ะหรอ ใช่ ว่าแต่ทำไมมันมาเสนอหน้าที่ตึกนี้ล่ะ”
“จะไปรู้มั้ยละ คงมาเดินอ่อผู้ชายล่ะมั้ง”
“เหอะ แรดซะไม่มี”
สองสาวนั่นนินทาเสร็จก็เดินจากไปได้แต่ทิ้งปมความสงสัยให้ไทม์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว
“มึงกำลังสงสัยใช่มั้ยว่าสองคนนั่นกำลังนินทาใครอยู่”
ติมพูดขึ้นขณะที่สายตายังคงจดจ่อกับเกมส์ในมือถือ
“มึงรู้ได้ไงอ่ะ” ทั้งที่มันกำลังรวมสมาธิไปที่เกมส์ในมือถือแท้ๆ แถมยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองด้วยแต่กลับมารู้ความคิดของเขาเฉย
“หน้ามึงมันบอกไง”
“หน้ากูหรอ” ผมยกมือจับหน้าไปพลาง
“เออ”
“งั้นมึงรู้หรอว่าสองคนนั้นนินทาใคร”
“มึงกวาดสายตามองดิ แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้ว”
หัวคิ้วขมวดปมก่อนจะทำการกวาดสายตาไปรอบๆ ตามที่ติมบอกอยู่สองสามรอบ
“ใครอ่ะ”
พอไทม์ตอบไอติมก็ถึงกับเงยหน้าขึ้นพร้อมกับทำหน้าราวกับกำลังด่าว่า นี่มึงยังไม่รู้อีกเรอะ
ก็เขาไม่รู้จริงๆ นี่
“เมื่อกี้สองคนนั่นมองไปทางไหน”
“ตรงโน้น” ไทม์พูดพร้อมกับชี้ไปบริเวณด้านหน้า “แล้วตรงนั้นมันมีผู้หญิงกี่คน”
ไทม์หันไปมองอีกรอบพบว่าบริเวณตรงที่เขาชี้มีผู้หญิงเพียงแค่คนเดียวคือพี่สาวผมบลอนด์ที่ช่วยเขาในห้องสมุดเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
อย่าบอกนะว่าคนที่สองคนนั้นนินทาคือพี่สาวคนนั้นน่ะ
“ก็ตามนั้นแหละ”
“แล้วทำไมต้องนินทาพี่สาวคนนั้นด้วยอ่ะ”
“มีสองอย่าง สิ่งพูดเป็นจริงยอมรับไม่ได้เลยนินทากับสอง แค่เขาสวยกว่าเด่นกว่ามองแล้วขัดใจก็เลยนินทา”
แค่เนี้ยะนะ
“งั้นพี่สาวคนนั้นก็ไม่ได้ผิดน่ะสิ”
“อืม”
และดูเหมือนมันจะยังไม่จบเริ่มมีเสียงซุบซิบของกลุ่มผู้หญิงที่ถัดจากโต๊ะของพวกเขาไม่ไกลพูดถึงพี่สาวคนนั้นในทางที่ไม่ดี
ขมวดคิ้วของเขาเริ่มเป็นปมอีกครั้ง แค่เธอเด่นกว่ามันต้องขนาดนี้กันเลยหรอ อยากจะรู้จริงๆ ว่าพี่สาวคนนั้นทำอะไรผิดทำไมถึงต้องนินทากันขนาดนี้ด้วย
“มึงกำลังสงสัยอยู่ใช่มั้ยว่าทำไมพี่สาวคนนั้นถึงโดนนินทา” มันรู้ความคิดผมอีกแล้ว
“ใช่”
“ก่อนมึงจะไปสงสัยเรื่องเขามึงสงสัยเรื่องตัวเองก่อนว่าเมื่อไหร่งานมึงจะเสร็จ เอาแต่เสือกเรื่องชาวบ้านอยู่นั่นแหละงานการไม่เดินสักที”
“แหะๆ ลืมเลย”
ไทม์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้เพื่อนคนข้างๆ ยุ่งเรื่องชาวบ้านเพลินไปหน่อย
สายตาทอดมองแผ่นหลังเล็กที่อยู่ไกลๆ ที่กำลังเดินออกจากตึกนี้ ถ้าเป็นเขาแล้วต้องทนอยู่กับเสียงนินทาพวกนี้ทุกวันคงไม่ไหวหรอก อึดอัดแย่
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 46
Comments