ณ เกาะเอลบัฟ – สถานที่ผนึกเจ้าชายโลกิ
บรรยากาศที่ตึงเครียดยังคงแผ่กระจายไปทั่วรอบตัว ทุกสายตาจับจ้องไปที่ มูหลิง และ เจ้าชายโลกิ มูหลิงยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าชายโลลิ ดวงตาของเธอสงบนิ่ง ไม่มีความโกรธหรืออารมณ์ใดๆ ปรากฏให้เห็น เธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้ทุกคนหยุดนิ่ง
“ถ้านายคิดจะออกจากกลุ่มจริงๆ ฉันก็ไม่ห้ามหรอกนะ...” เสียงของเธอราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น “ถึงฉันจะเป็นกัปตัน ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนนายหรอก...ทุกคนมีทางเลือกของตัวเอง”
คำพูดนั้นทำให้ ชิม่อน และ ซีรีน ถึงกับนิ่งอึ้ง สีหน้าของชิม่อนเปลี่ยนไปทันที เขากำหมัดแน่นจนได้ยินเสียงข้อนิ้วลั่น ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจและไม่เชื่อ
ณ เกาะเอลบัฟ – จุดผนึกเจ้าชายโลกิ
บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความกดดันหลังจากคำพูดของมูหลิง คำพูดที่ว่าเธอจะไม่ห้ามโลกิ แม้เธอจะเป็นกัปตันก็ตาม เสียงลมที่พัดผ่านเงียบงันราวกับทุกอย่างหยุดนิ่ง มีเพียงความสับสนและความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ปกคลุมทั่วทั้งสถานที่
“มูหลิง!” ชิม่อนโพล่งขึ้น เสียงของเขาสั่นสะท้านด้วยความโกรธและเสียใจ “พูดแบบนั้นออกมาได้ยังไงกัน! โลกิคือพวกพ้องเรานะ! พวกเราเดินทางร่วมกันมาตั้งห้าปีเต็มเลยนะ!!” เขากำหมัดแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด ความคับแค้นใจทำให้เขาไม่สามารถยืนอยู่เฉยได้อีกต่อไป
มูหลิงหันกลับมามองชิม่อนเพียงครู่เดียว ใบหน้าของเธอยังคงเรียบเฉย ไม่มีวี่แววของความหวั่นไหวในแววตา “ฉันตัดสินใจแล้ว” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ราวกับปิดกั้นทุกความรู้สึกในใจ
“โลกิ...นายยังมีโอกาสนะ บอกมาสิ นายไม่ออกจากกลุ่มแล้ว ใช่ไหม!” ชิม่อนกล่าวเสียงสั่นขณะมองโลกิด้วยความหวัง แม้ลึกๆ จะรู้ว่าเขาอาจไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ
“ฉันไม่เปลี่ยนคำพูดหรอก รู้ไว้ซะ” โลกิกล่าวเสียงหนักแน่น แววตามุ่งมั่นและแน่วแน่ของเขาทำให้ทุกคำที่พูดออกมานั้นชัดเจนและไม่มีข้อกังขา
ชิม่อนทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง เขาส่ายหน้าเบาๆ “ทำไมกัน...ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้...” เขาพึมพำด้วยเสียงที่แทบจะขาดหาย
“หยุดร้องโอดโอยเป็นเด็กได้แล้ว เจ้าหัวเขียว” เสียงของซีรีนดังขึ้น เธอกอดอกและมองชิม่อนด้วยสายตาเย็นชา แต่ในแววตานั้นกลับซ่อนความเจ็บปวดไว้ลึกๆ
“อย่างเธอน่ะ ไม่มีวันเข้าใจหรอกว่ามันรู้สึกยังไง...” ชิม่อนตะโกนกลับ ทั้งน้ำตาเอ่อคลอ
ซีรีนไม่พูดอะไรอีก เธอพุ่งเข้าไปชกหน้าเขาจนชิม่อนล้มลงกับพื้น
“ฉันไม่เข้าใจงั้นเหรอ!? ฉันเองก็...ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันนะ!” ซีรีนตะโกนกลับ น้ำตาไหลอาบแก้มขณะเธอกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด
ชิม่อนมองเธอด้วยสายตาสำนึกผิด เขาเงียบลงและเริ่มเข้าใจหัวอกของเธอมากขึ้น
มูหลิงหันหลังให้ทุกคน ก่อนจะพูดทิ้งท้ายโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง “ลาก่อน โลกิ...หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกในสักวันหนึ่ง”
เธอเริ่มเดินออกไปจากจุดนั้น แต่ทุกย่างก้าวของเธอเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง มูหลิงเงยหน้าขึ้นฟ้าและยิ้มเล็กน้อยเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก แต่ดวงตาของเธอเริ่มรื้นไปด้วยน้ำตาที่เธอพยายามปกปิด
“พวกนายไปกันได้แล้ว” เธอพูดขณะเดินนำหน้า “เรายังต้องตามหาคุเอโร่ให้เจอ...ในข่าวหนังสือพิมพ์เขียนเอาไว้ว่าเจ้านั่นอยู่บนเกาะวาเร็นการ์ด และมันทำลายเกาะนั้นจนย่อยยับ ถ้าเจอล่ะก็...ต้องโดนเทศน์ยกใหญ่แน่!”
เสียงของเธอดูเหมือนจะขี้เล่น แต่ทุกคนที่ได้ยินกลับรู้ดีว่าเธอพยายามพูดกลบเกลื่อนความรู้สึกในใจ ไม่ให้ใครเห็นว่ากัปตันที่พวกเขารักและเคารพกำลังเจ็บปวดแค่ไหนจากการสูญเสียพรรคพวกคนสำคัญอย่างโลกิไป...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments